วันเวลาปัจจุบัน 17 มิ.ย. 2025, 10:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2012, 22:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะพระพุทธองค์ทรง

ทรงแนะนำอย่างยิ่ง
ให้ศึกษาเรื่องปฏิจจสมุปบาท๑
(เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสาธยายปฏิจจสมุปบาท อยู่ลำพังพระองค์เดียว, ภิกษุรูปหนึ่ง
ได้แอบเข้ามาฟัง, ทรงเหลือบไปพบเข้า แล้วได้ตรัสว่า :-
ดูก่อนภิกษุ! เธอได้ยินธรรมปริยายนี้แล้วหรือ?
“ได้ยินแล้ว พระเจ้าข้า!”
ดูก่อนภิกษุ! เธอจงรับเอา (อุคฺคณฺหาหิ) ธรรมปริยายนี้ไป.
ดูก่อนภิกษุ! เธอจงเล่าเรียน (ปริยาปุณาหิ) ธรรมปริยายนี้.
ดูก่อนภิกษุ! เธอจงทรงไว้ (ธาเรหิ) ซึ่งธรรมปริยายนี้.
ดูก่อนภิกษุ! ธรรมปริยายนี้ ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นเบื้องต้นแห่ง
พรหมจรรย์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2012, 23:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คล้ายอิทัปปัจจยตาทีท่านพุทธทาสเคยกล่าว

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2012, 23:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ปฏิจจ...ก็คือ อิทัป.... ชื่อเต็ม คือ อิทัป...ปฏิจจ.. ต่อกันครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 00:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ธรรมดาอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้ คืออริยสัจทั้ง ๔"
ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทำให้เราเศร้าหมองไม่ได้ ติเตียน
ไม่ได้ คัดง้างไม่ได้. ข้อนี้ เป็นธรรมที่เรากล่าวแล้วอย่างนี้ เราอาศัยซึ่งอะไรเล่า จึง
กล่าวแล้วอย่างนี้? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เพราะอาศัยซึ่งธาตุทั้งหลาย ๖ ประการ
การก้าวลงสู่ครรภ์ ย่อมมี; เมื่อการก้าวลงสู่ครรภ์ มีอยู่, นามรูป ย่อมมี; เพราะ
มีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ; เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ;
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เราย่อมบัญญัติว่า
"นี้ เป็นความทุกข์" ดังนี้; ว่า "นี้ เป็นทุกขสมุทัย" ดังนี้; ว่า “นี้ เป็น
ทุกขนิโรธ” ดังนี้; ว่า นี้ เป็นทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา" ดังนี้; แก่สัตว์
ผู้สามารถเสวยเวทนาอยู่.

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 00:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ลอกเขามา :b12:

วิธีที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้

ปริวัฏฏ์สาม มีอาการสิบสอง ในอริยสัจจ์ทั้งสี่
เราสามารถจัดภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ และภาคผลปฏิบัติให้อยู่ในอริยสัจ ๔ ซึ่งมีญาณการหยั่งรู้ ๓ ประการ ปริวัฏการเวียนครบ ๓ รอบ ได้ดังนี้
๑ สัจญาณ หยั่งรู้สัจจะ คือหยั่งรู้ความจริงว่า ทุกข์เป็นอย่างนี้ สมุทัยเป็นอย่างนี้ นิโรธเป็นอย่างนี้ มรรคเป็นอย่างนี้ ซึ่งเห็นตรงสภาพความจริง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นอย่างไร ก็เห็นตรงสภาพความจริงของทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ว่าเป็นอย่างนั้น มิใช่ ทุกข์เป็นทุกข์ แต่เห็นเป็นสุข สมุทัยเป็นเหตุเกิดทุกข์ แต่เห็นเป็นเหตุเกิดสุข ( เห็นตัณหาว่าทำให้เกิดความสุข ) นิโรธดับทุกข์ แต่เห็นว่าดับทุกข์ไม่ได้ (เห็นนิโรธอนัตตาว่าเป็นอัตตา ) มรรคทางดับทุกข์ แต่เห็นว่ามิใช่ทางดับทุกข์ ซึ่งเห็นไม่ตรงสภาพความจริง คลาดเคลื่อนออกไป
สัจญาณนี้ เกิดขึ้นในปริวัฏแรกรอบหนึ่ง ยังไม่มีภาคปฏิบัติใดๆ เพียงหยั่งรู้อริยสัจ ๔ เห็นตรงสภาพความจริง จึงจัดอยู่ในภาคทฤษฎี

๒ กิจญาณ หยั่งรู้กิจ คือหยั่งรู้ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ว่าควรทำอย่างไร เห็นว่าควรปฏิบัติต่อทุกข์ด้วยการกำหนด สมุทัยด้วยการละ นิโรธด้วยการทำให้แจ้ง มรรคด้วยการเจริญ กล่าวคือ ทุกข์ พึงกำหนดรู้ ( ปริญฺเญยฺยํ ) สมุทัย พึงละ (ปหาตพฺพํ ) นิโรธ พึงทำให้แจ้ง (สจฺฉิกาตพฺพํ ) มรรค พึงเจริญ ( ภาวิตพฺพํ ) ซึ่งวางการปฏิบัติตรงสภาพของความจริงของทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ในแต่ละประการนั้น
กิจญาณนี้ เกิดขึ้นในการปริวัฏรองรอบสอง ยังไม่เกิดผลปฏิบัติใดๆ เพียงรู้ว่าควรปฏิบัติตรงต่ออริยสัจ ๔ ตามสภาพความเป็นจริง จึงจัดอยู่ในภาคปฏิบัติ

๓ กตญาณ หยั่งรู้การทำสำเร็จ คือหยั่งรุ้ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ว่าได้ทำสำเร็จแล้ว เห็นว่าได้ปฏิบัติต่อทุกข์ด้วยการกำหนดรู้ สมุทัย ด้วยการละ นิโรธด้วยการทำให้แจ้ง มรรคด้วยการเจริญ กล่าวคือ ทุกข์ก็รู้แล้ว ( ปริญฺญาตํ ) สมุทัยก็ละแล้ว (ปหีนํ ) นิโรธก็ทำให้แจ้งแล้ว (สจฺฉิกตํ ) มรรคก็เจริญแล้ว (ภาวิตํ )
กตญาณนี้เกิดขึ้นในปริวัฏหลังรอบสาม มีผลปฏิบัติเกิดขึ้นบริบูรณ์เปี่ยมด้วยญาณทัศน์ที่บริสุทธิ์ ไม่แปรกลับกำเริบอีก จึงจัดอยู่ในภาคผลปฏิบัติ ”

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 05:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาเรื่องศีลห้าให้มันเป่ะก่อนไม่ดีหรือ
มาปฏิจฯอีกแล้ว เดี่ยวคนอื่นเขา เข้ามาแสดงความเห็น
ก็ดิ้นพร่านๆเป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้า :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 07:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เอาเรื่องศีลห้าให้มันเป่ะก่อนไม่ดีหรือ
มาปฏิจฯอีกแล้ว เดี่ยวคนอื่นเขา เข้ามาแสดงความเห็น
ก็ดิ้นพร่านๆเป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้า :b13:



:b8: เดียวผมแผ่เมตตาให้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 09:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เอาเรื่องศีลห้าให้มันเป่ะก่อนไม่ดีหรือ
มาปฏิจฯอีกแล้ว เดี่ยวคนอื่นเขา เข้ามาแสดงความเห็น
ก็ดิ้นพร่านๆเป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้า :b13:



ตะวัน เขียน:

ยังแสบเหมือนเดิมนะท่านโฮฯ
คิดถึงอยู่นะ ช่วงนี้ไม่เห็นไปเยี่ยมกระทู้ผมบ้างเลย
ไม่คิดถึง...คนเหงาๆ...คนนี้บ้างเหรอ????
ปล่อยให้แต่เค้าคิดถึงตัวอยู่คนเดียวได้งัย
ว่างๆก็ไปเยี่ยมกันบ้างเน้อ
มีปะทะกันบ้างนิดๆหน่อยๆก็อย่า...ถือสากันล่ะกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 10:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


<ตะวัน> เขียน:
โฮฮับ เขียน:
เอาเรื่องศีลห้าให้มันเป่ะก่อนไม่ดีหรือ
มาปฏิจฯอีกแล้ว เดี่ยวคนอื่นเขา เข้ามาแสดงความเห็น
ก็ดิ้นพร่านๆเป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้า :b13:



ตะวัน เขียน:

ยังแสบเหมือนเดิมนะท่านโฮฯ
คิดถึงอยู่นะ ช่วงนี้ไม่เห็นไปเยี่ยมกระทู้ผมบ้างเลย
ไม่คิดถึง...คนเหงาๆ...คนนี้บ้างเหรอ????
ปล่อยให้แต่เค้าคิดถึงตัวอยู่คนเดียวได้งัย
ว่างๆก็ไปเยี่ยมกันบ้างเน้อ
มีปะทะกันบ้างนิดๆหน่อยๆก็อย่า...ถือสากันล่ะกัน

เห็นกำลังเป็นเต่าให้ คุณกะลาแยงก้นอยู่ เลยไม่อยากยุ่ง
เดียวจะหาว่ารุ่มแย่งกันแยงก้นเต่า

สงสัยคุณชอบให้คนอื่นแยงก้นก็ไม่เป็นไรไว้จะแวะเข้าไป :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 18:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


พระสารีบุตรได้กล่าวแก่ภิกษุทั้งหลายว่า :-
“ก็แล คำ นี้ เป็นคำ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้แล้วอย่างนี้ว่า ‘ผู้ใด
เห็นปฏิจจสมุปบาท, ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม; ผู้ใดเห็นธรรม, ผู้นั้นชื่อว่าเห็น

ป ฏิจ จ ส มุป บ า ท ’. (โย ป ฏิจฺจ ส มุปฺป าทํ ป สฺส ติ, โส ธ มฺมํ ป สฺส ติ; โย ธ มฺมํ ป สฺส ติ,
โส ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปสฺสติ)……”
อย่าเลย วักกลิ! ประโยชน์อะไร ด้วยการเห็นกายเน่านี้. ดูก่อนวักกลิ!
ผู้ใดเห็นธรรม, ผู้นั้นเห็นเรา; ผู้ใดเห็นเรา, ผู้นั้นเห็นธรรม. ดูก่อนวักกลิ! เพราะ
ว่า เมื่อเห็นธรรมอยู่ ก็คือเห็นเรา; เมื่อเห็นเราอยู่ ก็คือเห็นธรรม

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! แม้ภิกษุจับชายสังฆาฏิ เดินตามรอยเท้าเราไปข้างหลังๆ,
แต่ถ้าเธอนั้นมากไปด้วยอภิชฌา มีกามราคะกล้า มีจิตพยาบาทประทุษร้าย มีสติหลงลืม
ไม่มีสัมปชัญญะ มีจิตไม่เป็นสมาธิ แกว่งไปแกว่งมา ไม่สำรวมอินทรีย์ แล้วไซร้;
ภิกษุนั้นชื่อว่าอยู่ไกลจากเรา แม้เราก็อยู่ไกลจากภิกษุนั้น โดยแท้. เพราะเหตุไร
เล่า? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เพราะว่าภิกษุนั้น ไม่เห็นธรรม : เมื่อไม่เห็นธรรมก็
ชื่อว่าไม่เห็นเรา (ธมฺมํ หิ โส ภิกฺขเว ภิกฺขุ น ปสฺสติ : ธมฺมํ อปสฺสนฺโต มํ น ปสฺสติ)...[แล้ว
ได้ตรัสไว้ โดยนัยตรงกันข้ามจากภิกษุนี้คือตรัสเป็นปฏิปักขนัย โดยนัยว่า แม้จะอยู่ห่างกัน
ร้อยโยชน์ ถ้ามีธรรม เห็นธรรม ก็ชื่อว่า เห็นพระองค์ (ธมฺมํ หิ โส ภิกฺขเว ภิกฺขุ ปสฺสติ:
ธมฺมํ ปสฺสนฺโต มํ ปสฺสติ)]

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 22:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แวะมาดู....ครับ

แต่ไม่มีอะไรจะพูด...นะ... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 23:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แวะมาดู....ครับ

แต่ไม่มีอะไรจะพูด...นะ... :b32: :b32: :b32:



smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2012, 01:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
<ตะวัน> เขียน:
โฮฮับ เขียน:
เอาเรื่องศีลห้าให้มันเป่ะก่อนไม่ดีหรือ
มาปฏิจฯอีกแล้ว เดี่ยวคนอื่นเขา เข้ามาแสดงความเห็น
ก็ดิ้นพร่านๆเป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้า :b13:



ตะวัน เขียน:

ยังแสบเหมือนเดิมนะท่านโฮฯ
คิดถึงอยู่นะ ช่วงนี้ไม่เห็นไปเยี่ยมกระทู้ผมบ้างเลย
ไม่คิดถึง...คนเหงาๆ...คนนี้บ้างเหรอ????
ปล่อยให้แต่เค้าคิดถึงตัวอยู่คนเดียวได้งัย
ว่างๆก็ไปเยี่ยมกันบ้างเน้อ
มีปะทะกันบ้างนิดๆหน่อยๆก็อย่า...ถือสากันล่ะกัน


โฮโมเซ็กส์ชวล เขียน:

เห็นกำลังเป็นเต่าให้ คุณกะลาแยงก้นอยู่ เลยไม่อยากยุ่ง
เดียวจะหาว่ารุ่มแย่งกันแยงก้นเต่า

สงสัยคุณชอบให้คนอื่นแยงก้นก็ไม่เป็นไรไว้จะแวะเข้าไป :b13:



ตะวัน เขียน:

สงสัยว่าท่านโฮฯจะเป็นเกย์
ถึงได้เอาการแยงก้นมาเทียบอย่างนี้น่ะ
ที่ตั้งชื่อว่า ท่านโฮฯ
ก็คงจะสื่อว่า โฮโมเซ็กส์ชวล ใช่มั๊ย????
.........ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.............


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2012, 03:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


<ตะวัน> เขียน:
โฮโมเซ็กส์ชวล เขียน:

เห็นกำลังเป็นเต่าให้ คุณกะลาแยงก้นอยู่ เลยไม่อยากยุ่ง
เดียวจะหาว่ารุ่มแย่งกันแยงก้นเต่า

สงสัยคุณชอบให้คนอื่นแยงก้นก็ไม่เป็นไรไว้จะแวะเข้าไป :b13:

ตะวัน เขียน:

สงสัยว่าท่านโฮฯจะเป็นเกย์
ถึงได้เอาการแยงก้นมาเทียบอย่างนี้น่ะ
ที่ตั้งชื่อว่า ท่านโฮฯ
ก็คงจะสื่อว่า โฮโมเซ็กส์ชวล ใช่มั๊ย????
.........ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.......


มิน่าล่ะ ตะวันพ่อคนขี้เหงา ถึงได้มาหาเพื่อนคุยในเว็บธรรมะ
เห็นอะไรนิดอะไรหน่อยก็ปรุงแต่งไปตามคุณภาพจิตตัวเอง
เห็นโฮฮับเป็นโฮโมเซ็กส์ชวล...อุ๋ย! น่ากลัว :b14:

คุณรู้หรือเปล่าว่า พระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้พวกบัณเฑาะบวช
มันก็น่าอนุมานได้ว่า คนที่ชอบคิดแต่เรื่องวิตถาร ก็ไม่ควรมาสนทนา
หรือหาเพื่อนคุยในเว็บธรรมะครับ

ไอ้เรื่องแยงตูดเต่า มันก็เป็นเรื่องของเต่า ทำไมวิถีจิตของคุณมันถึงได้วิ่งลงต่ำ
เอาเรื่องนี้มาทำให้มันกลับกลายเป็นเรื่องวิตถารไปได้

ผมก็แค่เปรียบเทียบให้ฟังในฐานะของคนที่พอมีภูมิรู้ในสำนวน สุภาษิต
คุณกะลา เขาว่าคุณเป็นเต่าหดหัว คุณยังไม่สำนึก กลับมาท้าผมเย่งๆ
ผมรู้ว่าคุณเป็นเต่าหดหัว ดีแต่ปาก เลยประกาศให้รู้ว่า ผมมีวิธีแก้นิสัยคุณ

มันก็เหมือนเต่าหดหัว เอาไม้แยงก้นมัน
พอมันเจ็บตูดเดี๋ยวก็โผล่หัวมาเอง


มันก็เหมือนกับคุณตอนนี้ไง โดนไม้แยงตูดหน่อยเดียว
โผล่หัวมาร้องครวญคราง ทำให้ชาวบ้านเขารู้นิสัยกันหมดแล้ว :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2012, 10:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
<ตะวัน> เขียน:
โฮโมเซ็กส์ชวล เขียน:

เห็นกำลังเป็นเต่าให้ คุณกะลาแยงก้นอยู่ เลยไม่อยากยุ่ง
เดียวจะหาว่ารุ่มแย่งกันแยงก้นเต่า

สงสัยคุณชอบให้คนอื่นแยงก้นก็ไม่เป็นไรไว้จะแวะเข้าไป :b13:

ตะวัน เขียน:

สงสัยว่าท่านโฮฯจะเป็นเกย์
ถึงได้เอาการแยงก้นมาเทียบอย่างนี้น่ะ
ที่ตั้งชื่อว่า ท่านโฮฯ
ก็คงจะสื่อว่า โฮโมเซ็กส์ชวล ใช่มั๊ย????
.........ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.......


เอ้า...งั้นไม่ว่า...โฮโมฯเขียนแล้ว เอาตามเดิมแล้วกันเนาะ
ท่านโฮฮับ เขียนเน้อ:

มิน่าล่ะ ตะวันพ่อคนขี้เหงา ถึงได้มาหาเพื่อนคุยในเว็บธรรมะ
เห็นอะไรนิดอะไรหน่อยก็ปรุงแต่งไปตามคุณภาพจิตตัวเอง
เห็นโฮฮับเป็นโฮโมเซ็กส์ชวล...อุ๋ย! น่ากลัว :b14:

คุณรู้หรือเปล่าว่า พระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้พวกบัณเฑาะบวช
มันก็น่าอนุมานได้ว่า คนที่ชอบคิดแต่เรื่องวิตถาร ก็ไม่ควรมาสนทนา
หรือหาเพื่อนคุยในเว็บธรรมะครับ

ไอ้เรื่องแยงตูดเต่า มันก็เป็นเรื่องของเต่า ทำไมวิถีจิตของคุณมันถึงได้วิ่งลงต่ำ
เอาเรื่องนี้มาทำให้มันกลับกลายเป็นเรื่องวิตถารไปได้

ผมก็แค่เปรียบเทียบให้ฟังในฐานะของคนที่พอมีภูมิรู้ในสำนวน สุภาษิต
คุณกะลา เขาว่าคุณเป็นเต่าหดหัว คุณยังไม่สำนึก กลับมาท้าผมเย่งๆ
ผมรู้ว่าคุณเป็นเต่าหดหัว ดีแต่ปาก เลยประกาศให้รู้ว่า ผมมีวิธีแก้นิสัยคุณ

มันก็เหมือนเต่าหดหัว เอาไม้แยงก้นมัน
พอมันเจ็บตูดเดี๋ยวก็โผล่หัวมาเอง


มันก็เหมือนกับคุณตอนนี้ไง โดนไม้แยงตูดหน่อยเดียว
โผล่หัวมาร้องครวญคราง ทำให้ชาวบ้านเขารู้นิสัยกันหมดแล้ว :b32:



ตะวัน เขียน:


สะกิดโดนใจ!!!!! เข้าหน่อยเดียวออกอาการเลยนะท่าน
อย่าซีเรียส มากเลย แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวทำเคือง
โอ๋ๆๆๆๆๆๆ ไม่ว่าเป็นเกย์แล้วก็ได้

เห็น...เน้นแต่แยงก้น...ซะมากมาย
เขียนแค่ไม่กีบรรทัดแต่เล่นเน้นซะตั้ง 3 ครั้งติดๆกัน

มันก็เลยผิดสังเกตว่าท่านโฮฯน่าจะ........จุดจุดจุด............
(เอ้าหยุด!!!!ไม่คิดต่อแล้วกันเดี๋ยวจะว่าผมคิดอกุศลกับท่านอีก 55555)

คำอื่นที่มัน...ฟังแล้ว...ไพเราะเสนาะหูกว่านี้มีตั้งเยอะแยะทำไมไม่เอามาเทียบหนอ???
อย่าง...โต้กัน...ปะทะกับ...ลุยกับ...ประมือ...ประลองยุทธ...

ไม่มีปัญญาคิดเอามาใช้หรืองัย ถึงได้เอาคำต่ำๆสกปรกแบบ...แยงก้น...มาเทียบ

ผมก็เลยเอะใจสงสัยไปตามเหตุตามปัจจัยที่แสดงออกมาจากภายในจิตใจท่าน
นิดๆ หน่อยๆ ไปเท่านั้นเอง
ท่านไม่เป็นเกย์...ก็แล้วไปเถอะ....อย่าคิดมาก


และถ้าผมเป็นประเภท...หดหัวในกระดอง...
ผมจะกล้าลุยกับ...ท่านกบฯเหรอ????....
แถมยังกล้าส่งเทียบเชิญ...ท่านโฮฯ...เข้าไปชี้แนะในกระทู้ผมอีกตะหาก

...ทั้งๆที่ใครๆในนี้เขาก็รู้กันหมดแหละว่า...
....ท่านโฮฯนั่นน่ะธรรมดาซะที่ไหนกันเล่า....
คงไม่ค่อยมีใครในนี้อยากจะให้ท่านย่างกรายเข้าไปในกระทู้เขาหรอก
แต่สำหรับผม...เชิญท่านแวะมาชี้แนะได้ตามสบาย
.............ทุกเมื่อ..ทุกโอกาส..ทุกเวลา.................

..............ยินดีต้อนรับเสมอครับท่าน.................


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร