วันเวลาปัจจุบัน 04 มิ.ย. 2025, 06:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 13:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ย. 2011, 19:31
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 ปีแล้วที่บุตรชายได้เสียชีวิตไปอย่างกระทันหันด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ดิฉันได้พยายามทำใจและปฎิบัติทุกอย่างเพื่อให้หายทุกข์แต่ไม่สามารถทำได้เลย ถ้าจิตว่างดิฉันจะทุกข์มากไม่อยากพูดกับใคร ดิฉันจะเครียดมากๆ ช่วยโปรดแนะนำหน่อยนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 14:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ผมแต่งงานแล้วแฟนผมก็แท้งทั้ง 2 ครั้ง ก็ไม่รู้ความสูญเสียนั้นแม้จะไม่เหมือนกันแต่เรายังมีชีวิตอยู่ก็ต้องอยู่ต่อไปครับ หากทางโลกไม่สามารถเยียวยาได้ ลองเข้ามาทางธรรมดูครับ ผมหมายถึง ลองปฏิบัติธรรมดู เพราะความเป็นจริงนั้นต่างหากอยู่คู่กับเราตลอดไป

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7823

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ทุกข์เพราะลูกตาย (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=20095

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีท่านเจ้าของกระทู้ :b8: ดิฉันขอแสดงความเสียใจด้วยที่ท่านประสบเจอเหตุการณ์ที่สะเทือนใจ
ในฐานะที่ดิฉันก็เคยประสบพบเจอเหตุการณ์ที่คล้ายกับ จขกท ดิฉัน เข้าใจถึงสภาวะท่านท่านเป็นอยู่ แต่ดิฉันจะไม่มาปลอบใจหรอก ดิฉันจะให้ท่านรับรู้สภาวะที่มันเกิดขึ้น คือ ทุกข์ ในอริยะสัจสี่ สิ่งที่ท่านเป็นก็คือ สภาวะที่ บีบคั้นจิตใจเราที่ทำให้เราติดอยู่ไม่หลุดออกมาจากสภาวะนั้น สภาะนี้จะเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป
ทำไมดิฉันถึงบอกว่า สภาวะนี้มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปก็เพราะ สิ่งที่เกิดมันเป็นความทรงจำที่ทำให้เราคอยระลึกถึง เหมือนซีดี ที่ฉายภาพนั้นวนไปวนมา สภาวะนี้ถ้าเรายังไม่เข้าใจสัจธรรมความจริงว่า สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง เราก็จะเศร้าหมองเป็นทุกข์กับสภาวะนั้น คนเราเกิดมา จะช้าจะเร็วก็ต้องจากกัน ขึ้นอยู่ว่าจะจากแบบไหน จะจากเป็นหรือจากตาย สุดท้ายมันก็จากกันอยู่ดี ต้องเข้าใจสัจธรรมความจริงตรงนี้ให้ได้ ซึ่งยากอยู่เจ้าค่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้เจริญ อิทธิบาท4 สิ่งที่ดิฉันจะแนะนำสั้นๆง่ายๆสำหรับปุถุชน ทั่วไปก็คือ ออกไปหาอะไรทำ อย่างเช่น ไปทำบุญ ไปไหว้พระ ไปเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า อย่าอยู่คนเดียวในสภาวะจิตใจที่กำลังเศร้าหมอง เพราะมันไม่สามารถหลุดออกมาได้ ทุกข์ไม่สามารถดับได้แต่เราสามารถมองเห็นทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้วไม่จมอยู่กับทุกข์ได้ พอท่านเข้าใจว่า สรรพสิ่งในโลกนั้นล้วนไม่เที่ยงแล้ว ท่านจะหลุดออกมาจากทุกข์ใน อริยสัจสี่ได้ พอท่านเกิดเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญกับทุกข์อีกท่านก็จะไม่ติดอยู่กับทุกข์เจ้าค่ะแต่ท่านเพียงแค่จะเฝ้ามองทุกข์นั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา


แก้ไขล่าสุดโดย nongkong เมื่อ 14 พ.ค. 2012, 18:57, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 18:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


nipattha เขียน:
เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 ปีแล้วที่บุตรชายได้เสียชีวิตไปอย่างกระทันหันด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ดิฉันได้พยายามทำใจและปฎิบัติทุกอย่างเพื่อให้หายทุกข์แต่ไม่สามารถทำได้เลย ถ้าจิตว่างดิฉันจะทุกข์มากไม่อยากพูดกับใคร ดิฉันจะเครียดมากๆ ช่วยโปรดแนะนำหน่อยนะคะ


คุณคิดว่ามันเป็นด้วยความบกพร่องของคุณรึเปล่า ที่ต้องเสียลูกไป

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


nipattha เขียน:
เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 ปีแล้วที่บุตรชายได้เสียชีวิตไปอย่างกระทันหันด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ดิฉันได้พยายามทำใจและปฎิบัติทุกอย่างเพื่อให้หายทุกข์แต่ไม่สามารถทำได้เลย ถ้าจิตว่างดิฉันจะทุกข์มากไม่อยากพูดกับใคร ดิฉันจะเครียดมากๆ ช่วยโปรดแนะนำหน่อยนะคะ


มันเป็นเรื่องยากที่คุณจะทำใจได้ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้เป็นแม่ขอรับ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้ง ไม่น่าจะตายคือตายทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร ขัาพเจ้าทราบดีว่า แม่ย่อมต้องเป็นทุกข์ เมื่อบุตรที่กำลังน่ารักน่าชังต้องพลัดพรากจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่....
คุณลองใช้สมองสติป้ญญาคิดพิจารณาดูซิว่า คุณเป็นทุกข์ เพราะลูกของคุณตาย หรือว่า คุณเป้นทุกข์ เพราะความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวคุณเอง

ความทุกข์ที่คุณมีอยู่ เกิดจาก ความรู้สึก อารมณ์ และความคิด อันเกิดจากการตายของลูกชายคุณ การตายของลูกชายคุณทำให้คุณคิด ทำให้เกิดความรุ้สึก ทำให้เกิดอารมณ์แห่งความเศร้าหมอง คุณลองถามตัวคุณเองซิว่า คุณได้อะไรจากการคิดว่าลูกคุณได้ตายจากไปแล้ว คุณลองถามตัวคุณเองซิว่า คุณได้อะไร จาก ความรู้สึก และอารมณ์แห่งความโศกเศร้าที่ลูกชายคุณต้องเสียชีวิต คุณได้อะไรขอรับ ถ้าคุณรู้คำตอบ ความทุกข์ในตัวคุณก็จะลดลงไปได้บ้าง แน่นอนดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เป็นแม่เมื่อประสบชะตากรรมเยี่ยงคุณจะทำใจได้ แต่ ความตายเป็นเรื่องธรรมดานะขอรับ ตายไปแล้วก็พ้นจากทุกข์ทั้งมวล คนที่อยู่ซิขอรับ ต้องรับกรรมทนทุกข์ต่อไปจนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม
คุณจะขจัดความทุกข์ในร่างกายของคุณได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ตัวคุณ เพราะคุณรู้แล้วนี่ขอรับว่า "ทุกข์ เกิดจาก ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก" จากการได้รับการสัมผัสทางอายตนะทั้งหลาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
nipattha เขียน:
เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 ปีแล้วที่บุตรชายได้เสียชีวิตไปอย่างกระทันหันด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ดิฉันได้พยายามทำใจและปฎิบัติทุกอย่างเพื่อให้หายทุกข์แต่ไม่สามารถทำได้เลย ถ้าจิตว่างดิฉันจะทุกข์มากไม่อยากพูดกับใคร ดิฉันจะเครียดมากๆ ช่วยโปรดแนะนำหน่อยนะคะ


มันเป็นเรื่องยากที่คุณจะทำใจได้ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้เป็นแม่ขอรับ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้ง ไม่น่าจะตายคือตายทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร ขัาพเจ้าทราบดีว่า แม่ย่อมต้องเป็นทุกข์ เมื่อบุตรที่กำลังน่ารักน่าชังต้องพลัดพรากจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่....
คุณลองใช้สมองสติป้ญญาคิดพิจารณาดูซิว่า คุณเป็นทุกข์ เพราะลูกของคุณตาย หรือว่า คุณเป้นทุกข์ เพราะความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวคุณเอง

ความทุกข์ที่คุณมีอยู่ เกิดจาก ความรู้สึก อารมณ์ และความคิด อันเกิดจากการตายของลูกชายคุณ การตายของลูกชายคุณทำให้คุณคิด ทำให้เกิดความรุ้สึก ทำให้เกิดอารมณ์แห่งความเศร้าหมอง คุณลองถามตัวคุณเองซิว่า คุณได้อะไรจากการคิดว่าลูกคุณได้ตายจากไปแล้ว คุณลองถามตัวคุณเองซิว่า คุณได้อะไร จาก ความรู้สึก และอารมณ์แห่งความโศกเศร้าที่ลูกชายคุณต้องเสียชีวิต คุณได้อะไรขอรับ ถ้าคุณรู้คำตอบ ความทุกข์ในตัวคุณก็จะลดลงไปได้บ้าง แน่นอนดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เป็นแม่เมื่อประสบชะตากรรมเยี่ยงคุณจะทำใจได้ แต่ ความตายเป็นเรื่องธรรมดานะขอรับ ตายไปแล้วก็พ้นจากทุกข์ทั้งมวล คนที่อยู่ซิขอรับ ต้องรับกรรมทนทุกข์ต่อไปจนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม
คุณจะขจัดความทุกข์ในร่างกายของคุณได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ตัวคุณ เพราะคุณรู้แล้วนี่ขอรับว่า "ทุกข์ เกิดจาก ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก" จากการได้รับการสัมผัสทางอายตนะทั้งหลาย


อะไรคือเวลาอันควร ใครเป็นผู้กำหนดว่าอะไรควรอะไรไม่ควร คนเรานะเมื่อตายไปหมดลมหายใจนั่นก็คือเวลาที่ควรแล้วล่ะ ทำมาแค่นั้น ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติมนะ แต่ดูถึงความเป็นจริงเมื่อคนเราจะไปอะไรก็ห้ามไม่ได้ ใครบ้างไม่เคยสูญเสีย

เวลาอันควรอันไม่ควร กรรมเป็นผู้กำหนด เมื่อถึงเวลาเรามักจะได้ยินคนพูดว่า ตายก่อนวัยอันควร ที่จริงเราไปยึดมากไป เพราะรักมากจึงยึดมาก ไม่อยากให้เขาจากเราไป แต่ถ้าเราลองมองดูความเป็นจริง เมื่อเราตายไปก็แสดงว่าถึงเวลาแล้วล่ะ เพราะนั่นคือเวลาที่ควร

แม้ไม่ถึงที่ตายก็ไม่วายชีวาวาส ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ
หากถึงคราวต้องตายวายชีวัน ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกยังเสือกตาย

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nipattha เขียน:
เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 ปีแล้วที่บุตรชายได้เสียชีวิตไปอย่างกระทันหันด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ดิฉันได้พยายามทำใจและปฎิบัติทุกอย่างเพื่อให้หายทุกข์แต่ไม่สามารถทำได้เลย ถ้าจิตว่างดิฉันจะทุกข์มากไม่อยากพูดกับใคร ดิฉันจะเครียดมากๆ ช่วยโปรดแนะนำหน่อยนะคะ


ขอให้วางได้เร็วๆนะครับ ให้คิดว่าทุกอย่างมันผ่านแล้วก็ให้มันผ่านไป เขาตายไปแล้ว เราทำอะไรไม่ได้ เอาเขากลับมาไม่ได้แล้ว จะมานั่งพิร่ำรำพัญให้จิตใจเศร้าหมอง ทำร้ายสุขภาพ ทำร้ายตัวเองให้มันได้อะไรขึ้นมา ถ้าลูกคุณที่ตายไปรู้ว่าคุณยังเศร้าโศกเสียใจอยู่แบบนี้ก็จะเป็นบาปติดตัวลูกของคุณ ต้องตัดใจปล่อยเขาไปเถอะครับ ให้เขาได้ไปเกิด และใช้ชีวิตของคุณให้ปกติ คิดถึงก็คิดถึงได้ แต่คิดถึงแค่พอสังเขปก็พอครับ

ใช้ชีวิตของคุณให้ปกติ ยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริง อย่าไปคิดมาก เพื่อที่ลูกของคุณจะได้ไปอย่างหมดห่วง

:b8: :b8:

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 20:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="student"]ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ผมแต่งงานแล้วแฟนผมก็แท้งทั้ง 2 ครั้ง ก็ไม่รู้ความสูญเสียนั้นแม้จะไม่เหมือนกันแต่เรายังมีชีวิตอยู่ก็ต้องอยู่ต่อไปครับ หากทางโลกไม่สามารถเยียวยาได้ ลองเข้ามาทางธรรมดูครับ ผมหมายถึง ลองปฏิบัติธรรมดู เพราะความเป็นจริงนั้นต่างหากอยู่คู่กับเราตลอดไป[/quote]

แสดงไว้ดีแล้ว :b8:
เพิ่มเติมนิดนึงนะครับ
ขอให้ท่านเริ่มจากภาวนา เลยครับ แบบทุกลมหายใจ วนไปวนมาหลายๆรอบ นะครับ นั่งสมาธิ แล้วภาวนาว่า
ลูกตาย พ่อแม่ตาย ทุกคนที่เรารักที่เรารู้จักตาย (นึกหน้าทุกคนเลย)เราเองก็ต้องตาย ตายเป็นเรื่องธรรมดา หรือคำอื่นๆที่ท่านคิดเองก็ได้ ให้ลงที่ตาย ตาย เป็นธรรมดา ทำไปทุกเวลา ทุกนาที่ที่รู้สึกทุกข์ จนสามารถภาวนาได้ ถึงแม้รู้สึกสุข ก็ตาม มันจะลงจิตลงใจ แล้วจะดีขึ้น (เรื่องกลัวตายก็จะน้อยลง ตกใจน้อยลง) มันอาจไม่ได้ทันที แต่ มันได้ผลแน่นอน เพราะ พระพุทธเอง ทรงสั่งสอน ไว้
(ผมเองจะใช้ภาวนาตอนนั่งสมาธิ ผสมกับ กรรมฐานอื่น )
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 20:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


เสียงธรรม เขียน:
sriariya เขียน:
nipattha เขียน:
เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 ปีแล้วที่บุตรชายได้เสียชีวิตไปอย่างกระทันหันด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ดิฉันได้พยายามทำใจและปฎิบัติทุกอย่างเพื่อให้หายทุกข์แต่ไม่สามารถทำได้เลย ถ้าจิตว่างดิฉันจะทุกข์มากไม่อยากพูดกับใคร ดิฉันจะเครียดมากๆ ช่วยโปรดแนะนำหน่อยนะคะ


มันเป็นเรื่องยากที่คุณจะทำใจได้ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้เป็นแม่ขอรับ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้ง ไม่น่าจะตายคือตายทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร ขัาพเจ้าทราบดีว่า แม่ย่อมต้องเป็นทุกข์ เมื่อบุตรที่กำลังน่ารักน่าชังต้องพลัดพรากจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่....
คุณลองใช้สมองสติป้ญญาคิดพิจารณาดูซิว่า คุณเป็นทุกข์ เพราะลูกของคุณตาย หรือว่า คุณเป้นทุกข์ เพราะความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวคุณเอง

ความทุกข์ที่คุณมีอยู่ เกิดจาก ความรู้สึก อารมณ์ และความคิด อันเกิดจากการตายของลูกชายคุณ การตายของลูกชายคุณทำให้คุณคิด ทำให้เกิดความรุ้สึก ทำให้เกิดอารมณ์แห่งความเศร้าหมอง คุณลองถามตัวคุณเองซิว่า คุณได้อะไรจากการคิดว่าลูกคุณได้ตายจากไปแล้ว คุณลองถามตัวคุณเองซิว่า คุณได้อะไร จาก ความรู้สึก และอารมณ์แห่งความโศกเศร้าที่ลูกชายคุณต้องเสียชีวิต คุณได้อะไรขอรับ ถ้าคุณรู้คำตอบ ความทุกข์ในตัวคุณก็จะลดลงไปได้บ้าง แน่นอนดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เป็นแม่เมื่อประสบชะตากรรมเยี่ยงคุณจะทำใจได้ แต่ ความตายเป็นเรื่องธรรมดานะขอรับ ตายไปแล้วก็พ้นจากทุกข์ทั้งมวล คนที่อยู่ซิขอรับ ต้องรับกรรมทนทุกข์ต่อไปจนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม
คุณจะขจัดความทุกข์ในร่างกายของคุณได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ตัวคุณ เพราะคุณรู้แล้วนี่ขอรับว่า "ทุกข์ เกิดจาก ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก" จากการได้รับการสัมผัสทางอายตนะทั้งหลาย


อะไรคือเวลาอันควร ใครเป็นผู้กำหนดว่าอะไรควรอะไรไม่ควร คนเรานะเมื่อตายไปหมดลมหายใจนั่นก็คือเวลาที่ควรแล้วล่ะ ทำมาแค่นั้น ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติมนะ แต่ดูถึงความเป็นจริงเมื่อคนเราจะไปอะไรก็ห้ามไม่ได้ ใครบ้างไม่เคยสูญเสีย

เวลาอันควรอันไม่ควร กรรมเป็นผู้กำหนด เมื่อถึงเวลาเรามักจะได้ยินคนพูดว่า ตายก่อนวัยอันควร ที่จริงเราไปยึดมากไป เพราะรักมากจึงยึดมาก ไม่อยากให้เขาจากเราไป แต่ถ้าเราลองมองดูความเป็นจริง เมื่อเราตายไปก็แสดงว่าถึงเวลาแล้วล่ะ เพราะนั่นคือเวลาที่ควร

แม้ไม่ถึงที่ตายก็ไม่วายชีวาวาส ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ
หากถึงคราวต้องตายวายชีวัน ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกยังเสือกตาย


ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...ข้าพเจ้าไม่ต้องตอบดอกนะว่า ใครเป็นผู้กำหนดว่าอะไรคือเวลาอันควร อย่างคุณไม่รู้ว่าตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว ก็น่าจะถึงเวลาอันควรตายได้แล้วนะ เพราะไม่ได้รุ้เรื่องอะไรเลยว่า อะไรเป็นตัวกำหนดว่า ตายก่อนถึงเวลาอันควรเป็นอย่างไร ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 20:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
เสียงธรรม เขียน:
sriariya เขียน:
nipattha เขียน:
เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 ปีแล้วที่บุตรชายได้เสียชีวิตไปอย่างกระทันหันด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ดิฉันได้พยายามทำใจและปฎิบัติทุกอย่างเพื่อให้หายทุกข์แต่ไม่สามารถทำได้เลย ถ้าจิตว่างดิฉันจะทุกข์มากไม่อยากพูดกับใคร ดิฉันจะเครียดมากๆ ช่วยโปรดแนะนำหน่อยนะคะ


มันเป็นเรื่องยากที่คุณจะทำใจได้ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้เป็นแม่ขอรับ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้ง ไม่น่าจะตายคือตายทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร ขัาพเจ้าทราบดีว่า แม่ย่อมต้องเป็นทุกข์ เมื่อบุตรที่กำลังน่ารักน่าชังต้องพลัดพรากจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่....
คุณลองใช้สมองสติป้ญญาคิดพิจารณาดูซิว่า คุณเป็นทุกข์ เพราะลูกของคุณตาย หรือว่า คุณเป้นทุกข์ เพราะความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวคุณเอง

ความทุกข์ที่คุณมีอยู่ เกิดจาก ความรู้สึก อารมณ์ และความคิด อันเกิดจากการตายของลูกชายคุณ การตายของลูกชายคุณทำให้คุณคิด ทำให้เกิดความรุ้สึก ทำให้เกิดอารมณ์แห่งความเศร้าหมอง คุณลองถามตัวคุณเองซิว่า คุณได้อะไรจากการคิดว่าลูกคุณได้ตายจากไปแล้ว คุณลองถามตัวคุณเองซิว่า คุณได้อะไร จาก ความรู้สึก และอารมณ์แห่งความโศกเศร้าที่ลูกชายคุณต้องเสียชีวิต คุณได้อะไรขอรับ ถ้าคุณรู้คำตอบ ความทุกข์ในตัวคุณก็จะลดลงไปได้บ้าง แน่นอนดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เป็นแม่เมื่อประสบชะตากรรมเยี่ยงคุณจะทำใจได้ แต่ ความตายเป็นเรื่องธรรมดานะขอรับ ตายไปแล้วก็พ้นจากทุกข์ทั้งมวล คนที่อยู่ซิขอรับ ต้องรับกรรมทนทุกข์ต่อไปจนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม
คุณจะขจัดความทุกข์ในร่างกายของคุณได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ตัวคุณ เพราะคุณรู้แล้วนี่ขอรับว่า "ทุกข์ เกิดจาก ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก" จากการได้รับการสัมผัสทางอายตนะทั้งหลาย


อะไรคือเวลาอันควร ใครเป็นผู้กำหนดว่าอะไรควรอะไรไม่ควร คนเรานะเมื่อตายไปหมดลมหายใจนั่นก็คือเวลาที่ควรแล้วล่ะ ทำมาแค่นั้น ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติมนะ แต่ดูถึงความเป็นจริงเมื่อคนเราจะไปอะไรก็ห้ามไม่ได้ ใครบ้างไม่เคยสูญเสีย

เวลาอันควรอันไม่ควร กรรมเป็นผู้กำหนด เมื่อถึงเวลาเรามักจะได้ยินคนพูดว่า ตายก่อนวัยอันควร ที่จริงเราไปยึดมากไป เพราะรักมากจึงยึดมาก ไม่อยากให้เขาจากเราไป แต่ถ้าเราลองมองดูความเป็นจริง เมื่อเราตายไปก็แสดงว่าถึงเวลาแล้วล่ะ เพราะนั่นคือเวลาที่ควร

แม้ไม่ถึงที่ตายก็ไม่วายชีวาวาส ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ
หากถึงคราวต้องตายวายชีวัน ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกยังเสือกตาย


ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...ข้าพเจ้าไม่ต้องตอบดอกนะว่า ใครเป็นผู้กำหนดว่าอะไรคือเวลาอันควร อย่างคุณไม่รู้ว่าตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว ก็น่าจะถึงเวลาอันควรตายได้แล้วนะ เพราะไม่ได้รุ้เรื่องอะไรเลยว่า อะไรเป็นตัวกำหนดว่า ตายก่อนถึงเวลาอันควรเป็นอย่างไร ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


คนเขาพูดด้วยดีๆกลับยียวนซะงั้น คนแบบนี้ต้องเจอวิบาก เจอแต่คนประเภทเดียวกันแบบนั้นอยู่ร่ำไป เพราะก่อกรรมโดยการยียวนคนอื่นไว้

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


เสียงธรรม เขียน:
sriariya เขียน:
nipattha เขียน:
เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 ปีแล้วที่บุตรชายได้เสียชีวิตไปอย่างกระทันหันด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ดิฉันได้พยายามทำใจและปฎิบัติทุกอย่างเพื่อให้หายทุกข์แต่ไม่สามารถทำได้เลย ถ้าจิตว่างดิฉันจะทุกข์มากไม่อยากพูดกับใคร ดิฉันจะเครียดมากๆ ช่วยโปรดแนะนำหน่อยนะคะ


มันเป็นเรื่องยากที่คุณจะทำใจได้ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้เป็นแม่ขอรับ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้ง ไม่น่าจะตายคือตายทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร ขัาพเจ้าทราบดีว่า แม่ย่อมต้องเป็นทุกข์ เมื่อบุตรที่กำลังน่ารักน่าชังต้องพลัดพรากจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่....
คุณลองใช้สมองสติป้ญญาคิดพิจารณาดูซิว่า คุณเป็นทุกข์ เพราะลูกของคุณตาย หรือว่า คุณเป้นทุกข์ เพราะความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวคุณเอง

ความทุกข์ที่คุณมีอยู่ เกิดจาก ความรู้สึก อารมณ์ และความคิด อันเกิดจากการตายของลูกชายคุณ การตายของลูกชายคุณทำให้คุณคิด ทำให้เกิดความรุ้สึก ทำให้เกิดอารมณ์แห่งความเศร้าหมอง คุณลองถามตัวคุณเองซิว่า คุณได้อะไรจากการคิดว่าลูกคุณได้ตายจากไปแล้ว คุณลองถามตัวคุณเองซิว่า คุณได้อะไร จาก ความรู้สึก และอารมณ์แห่งความโศกเศร้าที่ลูกชายคุณต้องเสียชีวิต คุณได้อะไรขอรับ ถ้าคุณรู้คำตอบ ความทุกข์ในตัวคุณก็จะลดลงไปได้บ้าง แน่นอนดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เป็นแม่เมื่อประสบชะตากรรมเยี่ยงคุณจะทำใจได้ แต่ ความตายเป็นเรื่องธรรมดานะขอรับ ตายไปแล้วก็พ้นจากทุกข์ทั้งมวล คนที่อยู่ซิขอรับ ต้องรับกรรมทนทุกข์ต่อไปจนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม
คุณจะขจัดความทุกข์ในร่างกายของคุณได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ตัวคุณ เพราะคุณรู้แล้วนี่ขอรับว่า "ทุกข์ เกิดจาก ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก" จากการได้รับการสัมผัสทางอายตนะทั้งหลาย


อะไรคือเวลาอันควร ใครเป็นผู้กำหนดว่าอะไรควรอะไรไม่ควร คนเรานะเมื่อตายไปหมดลมหายใจนั่นก็คือเวลาที่ควรแล้วล่ะ ทำมาแค่นั้น ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติมนะ แต่ดูถึงความเป็นจริงเมื่อคนเราจะไปอะไรก็ห้ามไม่ได้ ใครบ้างไม่เคยสูญเสีย

เวลาอันควรอันไม่ควร กรรมเป็นผู้กำหนด เมื่อถึงเวลาเรามักจะได้ยินคนพูดว่า ตายก่อนวัยอันควร ที่จริงเราไปยึดมากไป เพราะรักมากจึงยึดมาก ไม่อยากให้เขาจากเราไป แต่ถ้าเราลองมองดูความเป็นจริง เมื่อเราตายไปก็แสดงว่าถึงเวลาแล้วล่ะ เพราะนั่นคือเวลาที่ควร

แม้ไม่ถึงที่ตายก็ไม่วายชีวาวาส ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ
หากถึงคราวต้องตายวายชีวัน ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกยังเสือกตาย


คุณขอรับ คุณอายุเท่าไหร่แล้วขอรับ ถ้าคุณอายุ ๘๐ ถึง ๙๐ เขาก็เรียกว่า แม้ตายก็เป็นเวลาอันควร ถ้าตายอายุเพียงไม่กี่ขวบ หรือ ๒๐-๓๐ ปี หรือกว่านั้นนิดหน่อยเขาเรียกว่า ไม่ถึงเวลาอันควรขอรับ ถ้าจะอธิบายให้เกิดความรู้ไม่ให้คุณเกิดความเขลา ก็เรียกว่า "ค่านิยมของสังคมขอรับ"
ที่คุณกล่าว กรรมเป็นผู้กำหนด อยากจะถามว่า กรรมอะไรขอรับที่เป็นผู้กำหนด ลองอธิบายมาซิขอรับว่า กรรมอะไรเป็นผู้กำหนด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
เสียงธรรม เขียน:
sriariya เขียน:
nipattha เขียน:
เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 ปีแล้วที่บุตรชายได้เสียชีวิตไปอย่างกระทันหันด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ดิฉันได้พยายามทำใจและปฎิบัติทุกอย่างเพื่อให้หายทุกข์แต่ไม่สามารถทำได้เลย ถ้าจิตว่างดิฉันจะทุกข์มากไม่อยากพูดกับใคร ดิฉันจะเครียดมากๆ ช่วยโปรดแนะนำหน่อยนะคะ


มันเป็นเรื่องยากที่คุณจะทำใจได้ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้เป็นแม่ขอรับ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้ง ไม่น่าจะตายคือตายทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร ขัาพเจ้าทราบดีว่า แม่ย่อมต้องเป็นทุกข์ เมื่อบุตรที่กำลังน่ารักน่าชังต้องพลัดพรากจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่....
คุณลองใช้สมองสติป้ญญาคิดพิจารณาดูซิว่า คุณเป็นทุกข์ เพราะลูกของคุณตาย หรือว่า คุณเป้นทุกข์ เพราะความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวคุณเอง

ความทุกข์ที่คุณมีอยู่ เกิดจาก ความรู้สึก อารมณ์ และความคิด อันเกิดจากการตายของลูกชายคุณ การตายของลูกชายคุณทำให้คุณคิด ทำให้เกิดความรุ้สึก ทำให้เกิดอารมณ์แห่งความเศร้าหมอง คุณลองถามตัวคุณเองซิว่า คุณได้อะไรจากการคิดว่าลูกคุณได้ตายจากไปแล้ว คุณลองถามตัวคุณเองซิว่า คุณได้อะไร จาก ความรู้สึก และอารมณ์แห่งความโศกเศร้าที่ลูกชายคุณต้องเสียชีวิต คุณได้อะไรขอรับ ถ้าคุณรู้คำตอบ ความทุกข์ในตัวคุณก็จะลดลงไปได้บ้าง แน่นอนดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เป็นแม่เมื่อประสบชะตากรรมเยี่ยงคุณจะทำใจได้ แต่ ความตายเป็นเรื่องธรรมดานะขอรับ ตายไปแล้วก็พ้นจากทุกข์ทั้งมวล คนที่อยู่ซิขอรับ ต้องรับกรรมทนทุกข์ต่อไปจนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม
คุณจะขจัดความทุกข์ในร่างกายของคุณได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ตัวคุณ เพราะคุณรู้แล้วนี่ขอรับว่า "ทุกข์ เกิดจาก ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก" จากการได้รับการสัมผัสทางอายตนะทั้งหลาย


อะไรคือเวลาอันควร ใครเป็นผู้กำหนดว่าอะไรควรอะไรไม่ควร คนเรานะเมื่อตายไปหมดลมหายใจนั่นก็คือเวลาที่ควรแล้วล่ะ ทำมาแค่นั้น ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติมนะ แต่ดูถึงความเป็นจริงเมื่อคนเราจะไปอะไรก็ห้ามไม่ได้ ใครบ้างไม่เคยสูญเสีย

เวลาอันควรอันไม่ควร กรรมเป็นผู้กำหนด เมื่อถึงเวลาเรามักจะได้ยินคนพูดว่า ตายก่อนวัยอันควร ที่จริงเราไปยึดมากไป เพราะรักมากจึงยึดมาก ไม่อยากให้เขาจากเราไป แต่ถ้าเราลองมองดูความเป็นจริง เมื่อเราตายไปก็แสดงว่าถึงเวลาแล้วล่ะ เพราะนั่นคือเวลาที่ควร

แม้ไม่ถึงที่ตายก็ไม่วายชีวาวาส ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ
หากถึงคราวต้องตายวายชีวัน ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกยังเสือกตาย


คุณขอรับ คุณอายุเท่าไหร่แล้วขอรับ ถ้าคุณอายุ ๘๐ ถึง ๙๐ เขาก็เรียกว่า แม้ตายก็เป็นเวลาอันควร ถ้าตายอายุเพียงไม่กี่ขวบ หรือ ๒๐-๓๐ ปี หรือกว่านั้นนิดหน่อยเขาเรียกว่า ไม่ถึงเวลาอันควรขอรับ ถ้าจะอธิบายให้เกิดความรู้ไม่ให้คุณเกิดความเขลา ก็เรียกว่า "ค่านิยมของสังคมขอรับ"
ที่คุณกล่าว กรรมเป็นผู้กำหนด อยากจะถามว่า กรรมอะไรขอรับที่เป็นผู้กำหนด ลองอธิบายมาซิขอรับว่า กรรมอะไรเป็นผู้กำหนด


มันก็ถูกของคุณนะ ถ้าคุณพูดมาแบบนี้ แต่คุณจะไม่มองในมุมของผู้อื่นบ้างเหรอ

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 21:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


nipattha เขียน:
เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 ปีแล้วที่บุตรชายได้เสียชีวิตไปอย่างกระทันหันด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ดิฉันได้พยายามทำใจและปฎิบัติทุกอย่างเพื่อให้หายทุกข์แต่ไม่สามารถทำได้เลย ถ้าจิตว่างดิฉันจะทุกข์มากไม่อยากพูดกับใคร ดิฉันจะเครียดมากๆ ช่วยโปรดแนะนำหน่อยนะคะ


จะดับทุกข์ได้...ต้องรู้เหตุของความทุกข์...

อะไรเป็นเหตุ...ทั้งที่เวลาก็ผ่านไปถึง 2 ปีแล้ว?

จะได้เข้าจุดได้ง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 21:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


nipattha เขียน:
เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 ปีแล้วที่บุตรชายได้เสียชีวิตไปอย่างกระทันหันด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ดิฉันได้พยายามทำใจและปฎิบัติทุกอย่างเพื่อให้หายทุกข์แต่ไม่สามารถทำได้เลย ถ้าจิตว่างดิฉันจะทุกข์มากไม่อยากพูดกับใคร ดิฉันจะเครียดมากๆ ช่วยโปรดแนะนำหน่อยนะคะ

สวัสดีครับพี่ nipattha :b8:
ก่อนอื่นผมต้องขออภัยล่วงหน้า ถ้าหากว่าคำพูดของผมทำให้พี่รู้สึกไม่ดี...ที่พี่บอกว่าพี่ได้พยายามทำใจและปฎิบัติทุกอย่างเพื่อให้หายทุกข์แต่ไม่สามารถทำได้เลยนั้น ผมขอตอบว่าเป็นเพราะพี่ยังทำไม่มากพอหรืออาจจะใช้วิธีการ(อุบายธรรม)ที่ไม่ถูกต้อง คำแนะนำของผมคือให้พี่พิจารณา"ฐานะ 5 ประการ"อยู่เนืองๆ และทุกๆครั้งที่พี่คิดถึงลูกชายขึ้นมาครับ ฐานะ 5 ประการก็มี
1 เรามีความแก่เป็นธรรมดา จักล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้
2 เรามีความเจ็บไข้ เป็นธรรมดา จักล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้
3 เรามีความตาย เป็นธรรมดา จักล่วงพ้นความตายไปไม่ได้
4 เราจักต้องพลัดพรากจากของรัก ของชอบทั้งสิ้น จักหวังว่าความพลัดพรากนี้อย่าเพิ่งเกิดหรือล่วงพ้นความพลัดพรากย่อมเป็นไปไม่ได้
5 เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้นๆ

ส่วนที่พี่บอกว่า"ถ้าจิตว่างดิฉันจะทุกข์มากไม่อยากพูดกับใคร ดิฉันจะเครียดมากๆ"นั้น ผมว่ามันไม่ถูกนะครับ เพราะถ้าจิตนี้ว่างมันมีแต่ความสงบจากความว่างนะครับ แต่ที่พี่เป็นทุกข์พราะจิตพี่มันไม่ว่างต่างหากครับ จิตของพี่ต้องกำลังคิดถึงเรื่องที่ทำให้พี่ทุกข์ พี่จึงเป็นทุกข์ขึ้นมา...ถ้าพี่อยากให้ทุกข์นี้หายไปผมแนะนำให้พี่พยายามฝึกสติเพื่อกำหนดรู้ทุกข์และอาการของทุกข์ให้ได้ ให้รู้ว่าทุกข์ที่เกิดขึ้นทุกข์เรื่องอะไร หลังจากนั้นจึงไปหาอุบายธรรมวิธีแก้ทุกข์ตัวนั้นครับ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับไม่มีทางที่ทำแค่ครั้งสองครั้งแล้วจิตเราจะรู้ทันและปล่อยวางได้ เราต้องพิจารณามันอยู่เรื่อยๆแต่ละคนนั้นช้าเร็วไม่เท่ากัน ดังนั้นอย่าไปตั้งความคาดหวังว่าทุกข์นี้จะหายไปวันนี้ พรุ่งนี้ ปีนี้ ปีนั้น...แค่ทำเรื่อยๆเท่านั้นพอครับ ขอให้พี่เข้าถึงทุกข์ตัวนั้นได้โดยไวนะครับ
ขอบคุณครับ :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร