วันเวลาปัจจุบัน 21 มิ.ย. 2025, 05:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 02:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 20:58
โพสต์: 36

แนวปฏิบัติ: ยุบหนอ-พองหนอ
งานอดิเรก: ฟังเพลง
ชื่อเล่น: เด่น
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: วิทยาศาสตร์ กับ พระไตรปิฎก ว่าด้วยการเกิด แผ่นดินไหว

จาก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต หน้าที่ ๒๘๔

"ปรากฏแผ่นดินไหวใหญ่ ๘ ประการเป็นไฉน ดูกรอานนท์ แผ่นดินใหญ่ตั้งอยู่บน
น้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ สมัยนั้นลมพายุพัดจัด ลมพายุพัดให้
น้ำไหว น้ำไหวแล้วทำให้แผ่นดินไหว ดูกรอานนท์ นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยประการ
ที่ ๑ แห่งความปรากฏแผ่นดินไหวใหญ่ ฯ............."

เรื่องแผ่นดินไหว 8 ประการนั้น เด๋ว ค่อยว่ากัน เพราะเป็นความเชื่อล้วนๆ

ผมอยากทราบตรงที่ว่า ความสอดคล้องกันระหว่าง พระไตรปิฎก กับ วิทยาศาสตร์ ในเรื่องนี้

จากพระไตรปิฎกข้อนี้ ทำให้เข้าใจว่า

1.แผ่นดิน-อยู่เหนือ-น้ำ-อยู่เหนือ-ลม-อยู่เหนือ-อากาศ
2.แผ่นดินไหวเกิดจาก ลมแรง>พัดให้น้ำไหว>แผ่นดินไหว

ซึ่งขัดกับวิทยาศาสตร์ที่เราๆและท่านๆ เคยได้เรียนมา

จึ่งอยากทราบว่า ท่านมีทัศนะอย่างไรบ้าง

1.พระไตรปิฎก ถูกเสมอ อย่างไร จงอธิบาย
2.วิทยาศาสตร์ ถูก พระไตรปิฎก ผิด อย่างไร จงอธิบาย
3.หลังจากตอบในข้อ 1 และ 2 คำกล่าวที่ว่า "ศาสนาพุทธนั้น มีความเป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด" นั้นเป็นจริงหรือไม่ อย่างไร จงอธิบาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 04:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


มีผู้พยายามวิเคราะเปรียบเทียบพุทธศาสนา กับ วิทยาศาสตร์อยู่เสมอ
ก็สุดแล้วแต่จะเปรียบเทียบไป

ยกตัวอย่างกระบวนการได้มาซึ่งความรู้ทางวิทยาศาสตร์รูปแบบหนึ่ง โดยคร่าวๆ
เริ่มตั้งแต่ตั้งคำถาม
ตั้งสมมุติฐาน
ทำการวิจัย ทดลอง ทดสอบสมมุติฐาน
วิเคราะ อภิปรายและสรุปผล


ซึ่งมีโอกาสผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้จากหลายปัจจัย
ความรู้ที่ถูกในปัจจุบันก็อาจจะผิดได้ในอนาคต เช่นเดียวกับ กับความรู้หลายอย่างที่ถูกในอดีดก็ผิดในปัจจุบัน

อ้างคำพูด:
คำถามที่ว่า
1.พระไตรปิฎก ถูกเสมอ อย่างไร จงอธิบาย
2.วิทยาศาสตร์ ถูก พระไตรปิฎก ผิด อย่างไร จงอธิบาย
3.หลังจากตอบในข้อ 1 และ 2 คำกล่าวที่ว่า "ศาสนาพุทธนั้น มีความเป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด" นั้นเป็นจริงหรือไม่ อย่างไร จงอธิบาย


ผมเชื่อในการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ
วิทยาศาสตร์นั้นก็มีผิดบ้าง ถูกบ้างตามเหตุ ตามปัจจัย


แก้ไขล่าสุดโดย ปฤษฎี เมื่อ 02 ม.ค. 2012, 05:57, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 05:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


เหตุ ปัจจัย ให้แผ่นดินไหวปรากฎมี ๘ ประการ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกรอานนท์ มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ
สมัยที่ลมใหญ่พัด เมื่อลมใหญ่พัดอยู่ย่อมยังน้ำให้ไหว น้ำไหวแล้วย่อมยัง แผ่นดินให้ไหว
อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่หนึ่ง เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ ปรากฏ ฯ


อีกประการหนึ่ง สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ ถึงความเป็นผู้ชำนาญใน ทางจิต หรือ
ว่าเทวดาผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก
เขาเจริญปฐวีสัญญาเพียงเล็กน้อย เจริญอาโปสัญญาอย่างแรงกล้า
เขาย่อมยังแผ่นดินนี้ให้สะเทือนสะท้านหวั่นไหวได้
อันนี้เป็นปัจจัยข้อที่สอง เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ


อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระโพธิสัตว์จุติจากชั้นดุสิต มีสติสัมปชัญญะ ลงสู่พระครรภ์พระมารดา
เมื่อนั้น แผ่นดินนี้ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว
อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่สาม เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ


อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ ประสูติจากพระครรภ์
พระมารดา เมื่อนั้น แผ่นดินนี้ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว
อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่สี่ เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ


อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
เมื่อนั้นแผ่นดินนี้ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว
อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ห้า เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ


อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระตถาคตให้อนุตรธรรมจักรเป็นไป เมื่อนั้น แผ่นดินนี้
ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว
อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่หก เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ


อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระตถาคตมีพระสติสัมปชัญญะ ทรงปลงอายุ สังขาร
เมื่อนั้นแผ่นดินนี้ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว
อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่เจ็ด เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ


อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ เมื่อนั้น
แผ่นดินนี้ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว
อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่แปด เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


นึกถึงเรือ สิครับ

เรือตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ

เมื่อลมใหญ่พัดให้น้ำไหว เรือย่อมไหว..... เพราะเรือตั้งอยู่บนน้ำ เรือย่อมโคลงเคลงได้

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 09:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
เหตุ ปัจจัย ให้แผ่นดินไหวปรากฎมี ๘ ประการ
ดูกรอานนท์ มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ
สมัยที่ลมใหญ่พัด เมื่อลมใหญ่พัดอยู่ย่อมยังน้ำให้ไหว น้ำไหวแล้วย่อมยัง แผ่นดินให้ไหว
อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่หนึ่ง เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ ปรากฏ ฯ


เหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว คือเกิดตามธรรมชาติ ถ้าจะให้อธิบายโดยใช้ศัพท์ปัจจุบัน ก็คงเป็นว่า...

แผ่นดินใหญ่นี้ ตั้งอยู่บนของเหลว ซึ่งก็คือหินเหลว (แมกม่า) ที่จะเป็นปัญหามากกว่าคือ ข้อความต่อจากนี้ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ

ข้อความนี้ เป็นตัวบ่งบอกว่า โลกกลวง ชั้นหินเหลวจะเคลื่อนไหวอยู่เหนือชั้นที่สสารเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว (คือหมุนติ้ว) และถัดจากชั้นของสสารที่หมุนติ้วนี้ ก็เป็นจุดสมดุลย์ของสสารและแรง คือ พลังงานพื้นหลังของเอกภพที่ลอยนิ่งอยู่

ถ้าโลกกลวงจริง มันย่อมแสดงว่า โลกนี้ผ่านการทำลายล้างมาหลายยุคแล้ว นับจากการก่อตัวเป็นดาวกลมตัน ถูกทำลายด้วยไฟจากการขยายตัวของดวงอาทิตย์ ถูกทำลายด้วยลมจาก supernova สสารที่เบาบาง ควรถูกระเหิดออกจนหมดสิ้น จนถูกทำลายด้วยน้ำอีกครั้งจากการจัดตัวของแรงโน้มถ่วง จนกลายเป็นระบบสุริยะในปัจจุบัน
สิ่งที่ดาวโลกเป็น จะเป็นปรากฎการณ์ตามธรรมชาติหรือไม่ นั่นไม่ใช่ประเด็น แต่ภายในเนื้อดาว ใกล้จุดศูนย์กลาง อาจมีสภาพเป็น พลาสมา

เราไม่ได้ค้นในพระไตรปิฎก แต่สงสัยว่า โลกที่ถูกทำลายลงในแต่ละครั้ง เรียงลำดับเหมือนที่เราคิดหรือเปล่า คือ จากไฟ-ลม-น้ำ และยุคนี้คือยุคที่ 4 ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะถูกทำลายด้วยสิ่งใดก่อนเข้ายุคที่ 5 อันเป็นยุคก่อนสิ้นกัปป์ หรือระบบสุริยะถูกทำลาย...
แต่เราเดาว่า ยุคที่ 4 อาจถูกทำลายด้วยน้ำอีกครั้ง จากการอัดตัวของกาแล็กซี่ จากนั้นจึงเข้าสู่ยุคที่ 5 ยุคพระศรีอริยะเมตไตรย ซึ่งจะถูกทำลายด้วยไฟ จากดวงอาทิตย์ที่ขยายตัว และรวมเข้ากับดาวฤกษ์อื่น เป็นอันสิ้นสุด...

เรื่องสภาพโลก วิทยาศาสตร์ปัจจุบัน ยังไม่รู้ ว่าสภาพภายในเป็นอย่างไร ที่เราเรียนกันมานั้น คือการ คาด ว่าจะเป็นเช่นนั้น เช่น โลกมีสนามแม่เหล็ก ก็คาดว่าแกนกลางจะเป็นเหล็ก ไม่ได้มีหลักฐานอะไรจริงๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


555ผมมีตะกรุด ที่หลวงปู่สรวงท่านเอามือเปล่าๆท่านคว้าในเปลวไฟ ออกมาเป็นตะกรุดได้ทีละดอกๆๆบางท่านก็ได้เป็นพระปิดตา นักวิทยาศาสตร์จะอธิบายได้ยังไงล่ะ อันนี้ไม่ต้องตอบเพราะมีผู้รู้ตอบผมมาได้แล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
555ผมมีตะกรุด ที่หลวงปู่สรวงท่านเอามือเปล่าๆท่านคว้าในเปลวไฟ ออกมาเป็นตะกรุดได้ทีละดอกๆๆบางท่านก็ได้เป็นพระปิดตา นักวิทยาศาสตร์จะอธิบายได้ยังไงล่ะ อันนี้ไม่ต้องตอบเพราะมีผู้รู้ตอบผมมาได้แล้ว

ถ้าให้ผมเดาหลอมธาตุด้วยเตโชกสิณ

นอกเรื่องมาก ถ้าพูดถึงเตโชกสิณแล้ว พอเพ่งไปช่วงหนึ่งไฟมันจะหดจะลุกและกระพริบ ทำให้ไปไม่เป็นเลย เสียสมาธิกับตรงนั้นมาก ให้เปลี่ยนไปจับตรงไหนต่อครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 13:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มาดูนักวิทยาศาสตร์...ก่อนนะ :b12:
แผ่นดินไหว
...........................................

แผ่นดินไหว เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของพื้นดิน อันเนื่องมาจากการปลดปล่อยพลังงานเพื่อลดความเครียดที่สะสมไว้ภายในโลกออกมาเพื่อปรับสมดุลของเปลือกโลกให้คงที่ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถทำนายเวลา สถานที่ และความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นจึงควรศึกษา เรียนรู้ เพื่อให้เข้าใจถึงกระบวนการเกิดของแผ่นดินไหวที่แท้จริง เพื่อเป็นแนวทางในการลดความเสียหายที่เกิดขึ้น

สาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหว

การเกิดแผ่นดินไหวมีสาเหตุมาจาก 2 สาเหตุใหญ่ สาเหตุแรกเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ได้แก่ การทดลองระเบิดปรมาณู การกักเก็บน้ำในเขื่อน และแรงระเบิดจากการทำเหมืองแร่ ส่วนสาเหตุที่สองเป็นสาเหตุหลักของการเกิดแผ่นดินไหว โดยเป็นการเกิดตามธรรมชาติอันเนื่องมาจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก ทั้งนี้ทฤษฎีกลไกการเกิดแผ่นดินไหวที่ยอมรับกันในปัจจุบันมี 2 ทฤษฎีคือ

ทฤษฎีว่าด้วยการขยายตัวของเปลือกโลก โดยแผ่นดินไหวเกิดจากการที่เปลือกโลกเกิดการคดโค้ง โก่งตัวอย่างฉับพลัน และเมื่อวัตถุขาดออกจากกันจึงปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปคลื่นแผ่นดินไหว

ทฤษฎีว่าด้วยการคืนตัวของวัตถุ โดยแผ่นดินไหวมาจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อน กล่าวคือ เมื่อรอยเลื่อนเกิดการเคลื่อนตัวถึงจุดหนึ่งวัตถุจะขาดออกจากกันและเสียรูปอย่างมาก พร้อมทั้งปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาในรูปของคลื่นแผ่นดินไหว และหลังจากนั้นวัตถุจะคืนตัวกลับสู่รูปเดิม

รูปภาพ

รูปภาพ
รูปภาพ
..........................
http://www.dmr.go.th/main.php?filename=case_eq


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 14:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ส่วนประกอบของโลก....เท่าที่นักวิทยาศาสตร์รู้...
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82% ... 5%E0%B8%81
.............
โครงสร้างเปลือกโลกเปลือกโลก (crust) เป็นชั้นนอกสุดของโลกที่มีความหนาประมาณ 6-35 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นชั้นที่บางที่สุดเมื่อเปรียบกับชั้นอื่นๆ เสมือนเปลือกไข่ไก่หรือเปลือกหัวหอม เปลือกโลกประกอบไปด้วยแผ่นดินและแผ่นน้ำ ซึ่งเปลือกโลกส่วนที่บางที่สุดคือส่วนที่อยู่ใต้มหาสมุทร ส่วนเปลือกโลกที่หนาที่สุดคือเปลือกโลกส่วนที่รองรับทวีปที่มีเทือกเขาที่สูงที่สุดอยู่ด้วย นอกจากนี้เปลือกโลกยังสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชั้นคือ

ชั้นที่หนึ่ง: ชั้นหินไซอัล (sial) เป็นเปลือกโลกชั้นบนสุด ประกอบด้วยแร่ซิลิกาและอะลูมินาซึ่งเป็นหินแกรนิตชนิดหนึ่ง สำหรับบริเวณผิวของชั้นนี้จะเป็นหินตะกอน ชั้นหินไซอัลนี้มีเฉพาะเปลือกโลกส่วนที่เป็นทวีปเท่านั้น ส่วนเปลือกโลกที่อยู่ใต้ทะเลและมหาสมุทรจะไม่มีหินชั้นนี้
ชั้นที่สอง: ชั้นหินไซมา (sima) เป็นชั้นที่อยู่ใต้หินชั้นไซอัลลงไป ส่วนใหญ่เป็นหินบะซอลต์ประกอบด้วยแร่ซิลิกา เหล็กออกไซด์และแมกนีเซียม ชั้นหินไซมานี้ห่อหุ้มทั่วทั้งพื้นโลกอยู่ในทะเลและมหาสมุทร ซึ่งต่างจากหินชั้นไซอัลที่ปกคลุมเฉพาะส่วนที่เป็นทวีป และยังมีความหนาแน่นมากกว่าชั้นหินไซอัล

แมนเทิล
แมนเทิล (mantle หรือ Earth's mantle) คือชั้นที่อยู่ถัดจากเปลือกโลกลงไป มีความหนาประมาณ 3,000 กิโลเมตร บางส่วนของหินอยู่ในสถานะหลอมเหลวเรียกว่าหินหนืด (Magma) ทำให้ชั้นแมนเทิลนี้มีความร้อนสูงมาก เนื่องจากหินหนืดมีอุณหภูมิประมาณ 800 - 4300°C ซึ่งประกอบด้วยหินอัคนีเป็นส่วนใหญ่ เช่นหินอัลตราเบสิก หินเพริโดไลต์

แก่นโลก
ความหนาแน่นของดาวโลกโดยเฉลี่ยคือ 5,515 กก./ลบ.ม. ทำให้มันเป็นดาวเคราะห์ที่หนาแน่นที่สุดในระบบสุริยะ แต่ถ้าวัดเฉพาะความหนาแน่นเฉลี่ยของพื้นผิวโลกแล้ววัดได้เพียงแค่ 3,000 กก./ลบ.ม. เท่านั้น ซึ่งทำให้เกิดข้อสรุปว่า ต้องมีวัตถุอื่นๆ ที่หนาแน่นกว่าอยู่ในแก่นโลกแน่นอน ระหว่างการเกิดขึ้นของโลก ประมาณ 4.5 พันล้านปีมาแล้ว การหลอมละลายอาจทำให้เกิดสสารที่มีความหนาแน่นมากกว่าไหลเข้าไปในแกนกลางของโลก ในขณะที่สสารที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าคลุมเปลือกโลกอยู่ ซึ่งทำให้แก่นโลก (core) มีองค์ประกอบเป็นธาตุเหล็กถึง 80%, รวมถึงนิกเกิลและธาตุที่มีน้ำหนักที่เบากว่าอื่นๆ แต่ในขณะที่สสารที่มีความหนาแน่นสูงอื่นๆ เช่นตะกั่วและยูเรเนียม มีอยู่น้อยเกินกว่าที่จะผสานรวมเข้ากับธาตุที่เบากว่าได้ และทำให้สสารเหล่านั้นคงที่อยู่บนเปลือกโลก แก่นโลกแบ่งได้ออกเป็น 2 ชั้นได้แก่

แก่นโลกชั้นนอก (outer core) มีความหนาจากผิวโลกประมาณ 2,900 - 5,000 กิโลเมตร ประกอบด้วยธาตุเหล็กและนิกเกิลในสภาพที่หลอมละลาย และมีความร้อนสูง มีอุณหภูมิประมาณ 6200 - 6400 มีความหนาแน่นสัมพัทธ์ 12.0 และส่วนนี้มีสถานะเป็นของเหลว
แก่นโลกชั้นใน (inner core) เป็นส่วนที่อยู่ใจกลางโลกพอดี มีรัศมีประมาณ 1,000 กิโลเมตร มีอุณหภูมิประมาณ 4,300 - 6,200 และมีความกดดันมหาศาล ทำให้ส่วนนี้จึงมีสถานะเป็นของแข็ง ประกอบด้วยธาตุเหล็กและนิกเกิลที่อยู่ในสภาพที่เป็นของแข็ง มีความหนาแน่นสัมพัทธ์ 17.0

รูปภาพ.............


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 14:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


วิธีการสำรวจใต้โลกของนักวิทยาศาสตร์
............

นักฟิสิกส์มหิดลทำงานร่วมกับทีมวิจัยญี่ปุ่น อาศัยคลื่นไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กเป็นเครื่องมือเก็บข้อมูลใต้พื้นพิภพ พร้อมออกแบบโปรแกรมแปลงข้อมูลเป็นภาพสามมิติ ช่วยนักธรณีวิทยาและวิศวกรรู้จุดเสี่ยงแผ่นดินไหว

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :
ดร.วีรชัย สิริพันธ์วราภรณ์ ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การสำรวจโครงสร้างใต้พื้นโลก ในปัจจุบันมีข้อจำกัดอยู่ที่เทคโนโลยีขุดเจาะ ที่ไม่สามารถลงลึกไปยังพื้นโลกในระดับที่นักวิจัยต้องการ อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการขุดเจาะสูง นักวิจัยทั่วโลกจึงคิดค้นวิธีทางธรณีฟิสิกส์ เพื่อการสำรวจ พร้อมทั้งพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยแสดงผล

โปรแกรมสำรวจพื้นโลก ผลงานที่พัฒนาขึ้นนี้ อาศัยข้อมูลดิบที่ได้จากวิธีทางธรณีฟิสิกส์ โดยนักธรณีวิทยาปล่อยคลื่นกระแสไฟฟ้าและคลื่นสนามแม่เหล็กลงลึกไปในชั้นดิน เพื่อวัดความต้านทานในแต่ละจุด จากนั้นนำมาแปลผลเป็นโครงสร้างแผ่นเปลือกโลกที่อยู่ใต้พื้นพิภพ งานวิจัยนี้ทำร่วมกับทีมวิจัย จากสถาบันวิจัยแผ่นดินไหว มหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ทีมวิจัยจากสหรัฐอเมริกาและเยอรมนีดูแลการสำรวจพื้นโลกในทวีปต่างๆ

ต่างประเทศใช้เทคนิคทางธรณีฟิสิกส์สำรวจหาแหล่งแร่ใต้ดิน แหล่งน้ำบาดาล แหล่งน้ำมัน เพื่อประกอบการวางแผนก่อสร้างโรงงาน โรงไฟฟ้าและฐานขุดเจาะน้ำมัน ส่วนนักธรณีวิทยาสนใจข้อมูลที่อยู่ลึกไปราว 100 กิโลเมตร เพราะแสดงถึงรอยเลื่อนแผ่นดินไหว การมุดตัวของเปลือกโลกรวมถึงแมกม่าใต้ภูเขาไฟ ล้วนมีความสำคัญทางธรณีวิทยา
............


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 14:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


วิทยาศาสตร์....ตั้งสมมุติฐาน...หาหลักฐานเพื่อยืนยันสมมุตินั้น...มีการอ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ประกอบ....สรุป....ตั้งเป็นทฤษฎี....

แต่..หากมีหลักฐานใหม่....ข้อสรุปและทฤษฎีก็เปลี่ยนได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 14:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทีนี้....ได้เห็นจุดอ่อน...ของวิทยาศาสตร์แล้วละเน๊าะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 15:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


จริงๆ เราคิดอะไรไซไฟกว่านั้นอีก แต่เกรงจะรับกันไม่ได้ คิคิ :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 16:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 17:04
โพสต์: 133


 ข้อมูลส่วนตัว


denchai เขียน:
:b20: วิทยาศาสตร์ กับ พระไตรปิฎก ว่าด้วยการเกิด แผ่นดินไหว

ผมอยากทราบตรงที่ว่า ความสอดคล้องกันระหว่าง พระไตรปิฎก กับ วิทยาศาสตร์ ในเรื่องนี้

จากพระไตรปิฎกข้อนี้ ทำให้เข้าใจว่า

1.แผ่นดิน-อยู่เหนือ-น้ำ-อยู่เหนือ-ลม-อยู่เหนือ-อากาศ
2.แผ่นดินไหวเกิดจาก ลมแรง>พัดให้น้ำไหว>แผ่นดินไหว


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

อธิบายด้วยภาพแล้วกันนะครับว่า
1.แผ่นดิน-อยู่เหนือ-น้ำ-อยู่เหนือ-ลม-อยู่เหนือ-อากาศ
2.แผ่นดินไหวเกิดจาก ลมแรง>พัดให้น้ำไหว>แผ่นดินไหว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2012, 17:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 20:58
โพสต์: 36

แนวปฏิบัติ: ยุบหนอ-พองหนอ
งานอดิเรก: ฟังเพลง
ชื่อเล่น: เด่น
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่นครับ ที่จริงไม่มีอะไร พอดีมีเพื่อนต่างศาสนาเขาถามมา อธิบายไปแล้เขาไม่เขัาใจ จึงขอความเห็นกัลยาณเพิ่มครับhttp://www.facebook.com/groups/139094142863827/b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: รสมน และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร