วันเวลาปัจจุบัน 05 มิ.ย. 2025, 21:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 17:04
โพสต์: 133


 ข้อมูลส่วนตัว


ไกวัลยธรรม
ในฐานะที่เป็นสิ่งคงกระพันชาตรี


"ไกวัลยธรรม" แปลว่า สิ่งที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหมด
ทั้งโดยเวลาและสถานที่ ความที่มันเป็นอย่างนั้น เรียก "ไกวัลยตา"
คือความเป็น ไกวัลย์ สิ่งที่มีความเป็นอย่างนั้น เรียก "ไกวัลยธรรม". (๓๙๖)

ไกวัลยธรรมแม้จะเป็นอย่างเดียวกันหมด แต่ยังมองกันได้หลายแง่หลายมุม เช่น
เป็นสิ่งที่มีอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งที่ทรงตัวอยู่ได้โดยตัวของมันเอง
ตั้งอยู่ในฐานะเป็นกฏอันเทียบได้กับพระเจ้า เป็นสักว่าธาตุ เป็นสักว่าธรรมชาติ เป็นอสังขตะ
ความที่มันเป็นความมีเหนือความมีและตั้งอยู่ได้ตลอดกาล
อย่างนี้ควรจะเรียกว่า "ชีวิตแท้" หรือ "ชีวิตนิรันดร".
(๓๙๗)

คำว่า "ชีวะ" แปลว่า "เป็นอยู่" ถ้าเป็นอยู่จริงมันก็ไม่ต้องตาย
ถ้ายังมีสลับกันอยู่ระหว่างเกิดกับตาย อย่างนี้ไม่เรียกว่า ชีวิตแท้
ฉะนั้น สิ่งที่เรียกว่า "ชีวิตแท้" ก็ได้แก่สิ่งที่เรียกว่า "ไกวัลยธรรม". (๓๙๘)


แก้ไขล่าสุดโดย ละครน้ำเน่า เมื่อ 27 พ.ย. 2011, 11:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 10:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 17:04
โพสต์: 133


 ข้อมูลส่วนตัว


ความหมายของคำ "คงกระพันชาตรี"

คำว่า "คงกระพันชาตรี" แปลว่า "ทรงตัวอยู่ได้อย่างไมมีการเปลี่ยนแปลง"
แบ่งเป็น ๒ ชนิด คือ อย่างจริงกับอย่างไม่จริง
อย่างที่ไม่จริง ได้แก่ เครื่องรางของขลังต่างๆ เป็นต้น
อย่างที่แท้จริง หมายถึง สิ่งที่เป็นอสังขตะ คือสิ่งที่ไม่รู้จักตาย เป็น "อมตะ"
อยู่โดยธรรมชาติ เป็นลักษณะของไกวัลยธรรม.
(๓๙๙)

ในภาษาคน "คงกระพันชาตรี" หมายถึง เครื่องรางของขลังต่างๆ ที่ใช้เป็นเครื่องป้องกันชีวิต
หรือป้องกันตัวให้คงอยู่ หมายถึง คงกระพันชาตรีอย่างที่เป็นสังขตะ คือมีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
แล้วเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัยที่ปรุงแต่ง เพราะขึ้นอยู่กับจิตของคนที่อาศัยความเชื่อเป็นหลัก
ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็น. (๔๐๐)

สิ่งที่เรียกว่า "เครื่องราง" หมายถึง วัตถุอันหนึ่งซึ่งเขาเชื่อว่า จะคุ้มครองตนได้
แล้วต้องเป็นของขลังศักดิ์สิทธิ์ มีเดช มีอำนาจ จึงจะถือว่าเป็นเครื่องราง จำแนกเป็น ๒ ชนิด
คือ เครื่องรางที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา กับเครื่องรางที่เกี่ยวกับไสยศาสตร์ล้วนๆ. (๔๐๑)

เครื่องรางที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา ได้แก่ พระเครื่อง เป็นต้น ส่วนเครื่องรางที่เป็นไสยศาสตร์
หมายถึง การยึดถือในความศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งต่างๆ ตามความเชื่อของตน เช่น ต้นไม้ ภูเขา เป็นต้น. (๔๐๒)

คำว่า "ไสยศาสตร์" แปลว่า "ดีกว่า" หมายความว่า "ดีกว่าไม่มีเสียเลย" แม้จะพึ่งไม่ได้จริง
แต่ถ้ามีเครื่องอุ่นใจอยู่บ้าง ก็ยังดีกว่าที่จะไม่มีเสียเลย จัดเป็นที่พึ่งของคนธรรมดาทั่วไป. (๔๐๓)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 10:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 17:04
โพสต์: 133


 ข้อมูลส่วนตัว


ความขลังของเครื่องรางเป็นเรื่องทางจิตวิทยา

เครื่องรางของขลังทั้งที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา หรือไสยศาสตร์ จัดเป็นสีลัพพตปรามาส
เพราะสำเร็จมาจากความเชื่อที่ไม่ประกอบไปด้วยปัญญา ถ้าเชื่อมากก็ขลังมาก ถ้าเชื่อน้อยก็ขลังน้อย
จึงกลายเป็นเรื่องจิตวิทยาไป ถ้าหลายคนเชื่อตรงกัน อาศัยกระแสจิตที่รุนแรงด้วยความเชื่อร่วมกัน
จะบังคับสิ่งต่างๆ ให้เป็นไปตามความเชื่อนั้น อย่างนี้แสดงว่า ความคงกระพันชาตรีนั้น
ขึ้นอยู่กับความเชื่อ อย่างนี้ไม่เกี่ยวกับไกวัลยธรรม. (๔๐๔)

ถ้าเป็นพุทธะกันจริงๆ ต้องเกี่ยวกับความเชื่อที่อาศัยความรู้ อันสำเร็จมาจากสติปัญญา
เพราะ "พุทธะ" แปลว่า "รู้-ตื่น-เบิกบาน" เนื่องจากมีความรู้จึงตื่นจากหลับคือ กิเลส
ฉะนั้นวัตถุคงกระพันชาตรีต้องแยกเป็น ๒ เรื่อง คือ ความเชื่ออย่างงมงาย
กับความเชื่อที่มีสติปัญญาเต็มที่. (๔๐๕)

ยกตัวอย่างเช่น "พระเครื่อง" ถ้าแขวนคอไว้ด้วยความเชื่อ ก็ได้ผลที่ออกมาจากความเชื่อ
ทำให้อยากเป็นนักเลงโต เป็นอันธพาล แต่ถ้าแขวนคอด้วยสติปัญญา ก็มีผลมาจากสติปัญญา
เป็นพุทธานุสสติ ทำให้ได้สติปัญญา มีความสุขุมรอบคอบ ไม่ประมาท เข้าถึงอมตธรรม
พ้นจากความตายซึ่งจัดเป็นความคงกระพันชาตรีที่สูงสุด. (๔๐๖)

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2011, 08:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 17:04
โพสต์: 133


 ข้อมูลส่วนตัว


การเข้าถึงไกวัลยธรรม เป็นความคงกระพันชาตรีที่แท้จริง

ความอยู่ยงคงกระพันชาตรีที่แท้จริง ได้แก่ความรอดปลอดภัย พ้นจากความตายอย่างถาวร เป็นการเข้าถึงอมตธรรมม หรืออสังขตธรรม ซึ่งหมายถึงไกวัลยธรรม. (๔๐๗)

เหตุที่ไม่มีประเพณีให้ภิกษุแขวนพระเครื่อง ก็เพราะว่า ภิกษุตามความหมายที่แท้จริง ก็คือ ไกวัลยธรรม ดังที่มีคำกล่าวว่า "ภิกษุคือผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร" ได้แก่เห็นธรรมชาติชนิดที่เป็นไกวัลยธรรม เพราะภัยในวัฏฏสงสาร ย่อมเป็นอย่างเดียวกันหมด ไม่มีขอบเขตอย่างไกวัลยธรรม. (๔๐๘)

ความคงกระพันชาตรีสำหรับภิกษุ ไม่ได้อยู่ที่การแขวนเครื่องรางของขลัง แต่อยู่ที่การแขวนธรรมะแห่งไกวัลยธรรมไว้ที่ใจ จะทำให้เป็นผู้ที่ใครฆ่าไม่ตาย อย่างพระอรหันต์ เรียกว่า "เป็นผู้ไม่ตาย" เพราะ ไม่มีความรู้สึกว่า ตายหรือไม่ตาย เป็นแต่เพียงธรรมชาติที่เกิดขึ้นแล้วดับไป (๔๐๙)


(มีต่อ)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร