วันเวลาปัจจุบัน 05 มิ.ย. 2025, 17:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2011, 10:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2011, 15:01
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


เร็วๆนี้ไปอ่านนิยายมาเรึ่องหนึ่ง
มีตัวละครตัวหนึ่งกล่าวใว้ว่า "คนเราไม่ยอมปิดกั้นตัวเอง ชีวิตจึงมีแต่ความทุกข์ ถ้ารู้จักปิดกั้น
ชีวิตก็จะไม่ทุกข์"


การปิดกั้นตนเอง มี 6 ชนิด
1. ทำให้ตาบอด จะได้ไม่ต้องเห็นภาพบาดตา
2.ทำให้หูหนวก ใครด่าก็ไม่ได้ยิน
3.ทำให้จมูกพิการ รับกลิ่นเหม็นไม่ได้
4.ตัดลิ้นทิ้งซะ ไม่รับรสอีก
5.ทำให้ตนเป็นอัมพาต ใครเตะต่อยก็ไม่เจ็บ
6. การปิดกั้นขั้นสุดยอด คือความตาย เพราะไม่รับรู้สิ่งใดๆ ชั่วนิรันดร์

"ถ้าอยากหมดทุกข์ ก็จงปิดกั้นตัวเองซะ"

ท่านคิดยังไงกับตรรกะเหล่านี้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2011, 11:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ผัสสะ ทำให้เกิดสุขกาย
ผัสสะ ทำให้เกิดทุกข์กาย
ผัสสะ ทำให้เกิดโสมนัส
ผัสสะ ทำให้เกิด โทมนัส
ผัสสะ ทำให้เกิด อุเบกขา

ผัสสะ ทางตา หู จมูก ลิ้น .......................เกิดพร้อมกับอุเบกขาเวทนา

ผัสสะ ทางกาย ...................................เกิดพร้อมกับสุขกาย หรือทุกข์กาย แล้วแต่ว่าจะเป็นอันไหน

หลังจาก ผัสสะทั้ง5 ทางข้างบนแล้ว ผัสสะทางใจ จะเกิดสืบต่อโดยอัตโนมัติ

ผัสสะทางใจนี่เอง อาจทำให้เกิด โสมนัส โทมนัส หรือ อุเบกขา .................................แล้วแต่สันดานของคนๆ นั้น

สันดาน คือ การที่ได้เคยชิน ได้เคยสะสมมา ที่จะออกเป็นในรูปแบบไหน

บางคนสั่งสม โทสะ มาจนเคยชิน จนเป็นจริตนิสัย .............................................ก็มักจะได้รับโทมนัส หลังจากผัสสะ

ผัสสะ ทั้ง 5 ทาง เกิดขึ้นเพราะกรรม เป็นปัจจัย เป็นต้นเหตุ

ผัสสะ ทางใจเกิดขึ้นตามน้ำ ด้วยเหตุปัจจัย ด้วยอัตโนมัติ ด้วยความที่ว่า มันต้องเป็นอย่างนั้น

แต่หลังจากผัสสะทางใจแล้ว จะโสมนัส หรือจะโทมนัส หรือจะอุเบกขา ....................................อันนี้แล้วแต่กิเลสของตนๆ

ถ้าใคร ไม่มีกิเลสเลย ............
หลังผัสสะทางใจ ก็จะไม่มีโทมนัส

คนที่ไม่มีโทมนัสเลย ...................................................................คิดดูก็แล้วกันจะมีความสุขหรือไม่

คนที่ไม่มีโทมนัสเลย ..................................................................คือพระอรหันต์

ปุถุชน รับผัสสะ ทั้ง6 ทาง อยู่ตลอดเวลา
พระอรหันต์ รับผัสสะ ทั้ง6 ทางอยู่ตลอดเวลา

ปุถุชน รับผัสสะ ทั้ง6 ทางอยู่ตลอดเวลา แล้วเกิดเวทนาครบถ้วน ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
พระอรหันต์ รับผัสสะ ทั้ง6 ทางอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีโทมนัสเวทนาเลย มีแต่เวทนาอื่นๆ เช่น ทุกข์กาย สุขกาย เป็นต้น

การจะดับทุกข์ได้โดยสิ้นเชิง ก็ต้องปรินิพานเท่านั้น

เมื่อผัสสะดับ ทุกอย่าง ก็ดับหมด .............................ดับสนิทไม่เหลือเชื้อ คือ ปรินิพพาน

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2011, 13:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


คิดว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุครับ เพราะปิดประตูสู่โลกก็จริงแต่อวิชชายังไม่โดนทำลาย
ผิดครับผม เพราะเป็นแนวทางทรมานตนอีกทางหนึ่ง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2011, 15:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 190


 ข้อมูลส่วนตัว


การปิดกั้น ตามคำกล่าวของละครตัวหนึ่งที่ท่านเสนอมานี้ ถ้าจะมองให้เป็นธรรมก็ย่อมเป็นธรรม แต่ถ้าจะมองตรงๆ คือตรงตามคำแปลนั้น ก็คงเป็นอย่างนั้น การปิดกั้นที่มองเป็นธรรมก็คือ การสำรวมระวังอายตนะทั้งหก เห็นเหมือนไม่ได้เห็น ได้ยินเหมือนไม่ได้ยิน ตลอดจนถึงไม่สัมผัสยินดียินร้ายต่อธรรมารมณ์ เป็นต้น การฝึกเริ่มแรกก็ต้องทำอย่างนี้ทีเดียว
ฉะนั้น ท่านจะมองอย่างธรรม หรือมองตรงๆตามคำแปล


แก้ไขล่าสุดโดย world2/2554 เมื่อ 27 พ.ย. 2012, 13:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2011, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


thanatos เขียน:
เร็วๆนี้ไปอ่านนิยายมาเรึ่องหนึ่ง
มีตัวละครตัวหนึ่งกล่าวใว้ว่า "คนเราไม่ยอมปิดกั้นตัวเอง ชีวิตจึงมีแต่ความทุกข์ ถ้ารู้จักปิดกั้น
ชีวิตก็จะไม่ทุกข์"


การปิดกั้นตนเอง มี 6 ชนิด
1. ทำให้ตาบอด จะได้ไม่ต้องเห็นภาพบาดตา
2.ทำให้หูหนวก ใครด่าก็ไม่ได้ยิน
3.ทำให้จมูกพิการ รับกลิ่นเหม็นไม่ได้
4.ตัดลิ้นทิ้งซะ ไม่รับรสอีก
5.ทำให้ตนเป็นอัมพาต ใครเตะต่อยก็ไม่เจ็บ
6. การปิดกั้นขั้นสุดยอด คือความตาย เพราะไม่รับรู้สิ่งใดๆ ชั่วนิรันดร์

"ถ้าอยากหมดทุกข์ ก็จงปิดกั้นตัวเองซะ"

ท่านคิดยังไงกับตรรกะเหล่านี้ครับ


ถ้าจะเอาแบบไม่คิดลึก เอาตามตัวหนังสือที่เขียนมา บอกได้คำเดียวเลยว่า " บ้า "
แต่ถ้าจะคิดสักนิด เขาคงอุปมาอุปมัย ในสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะเขาผู้เขียนเรื่องเหล่านั้นไม่ได้รู้เรื่องหลักสรีระร่างกาย และระบบการทำงานของร่างกายของมนุษย์ เรียกว่า เขียนได้ แต่ทำยากขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 18:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2010, 15:28
โพสต์: 2997

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คิดผิดแน่นอน เรียกว่า มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด

onion

.....................................................
.. สติเป็นโล่ห์ ปัญญาเป็นอาวุธ ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 10:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ทำให้พ้นทุกข์ครับ
อย่าลืมนะครับว่าเรายังมีใจอยู่นะครับ ยังคิดได้ การปิดกั้นทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ได้แต่ใจยังไม่ปิดกั้นยังคิดลึกได้อยู่ยังกลัวความตาย ยังกลัวความแก่ ยังกลัวความทุกข์ นี่คือทุกข์ธรรมชาติครับ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดกั้นใจได้ แม้แต่ความตายยังไม่ใช่การหลุดพ้นจากทุกข์
เป็นการหลบทุกข์เท่านั้น การพ้นทุกข์คือใช้ชีวิตให้เป็นปกติประจำวัน แต่เราฝึกให้เห็นความจริงของธรรมชาติ ไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เกิดจากเหตุและปัจจัยมาประชุมกันชั่วคราวสุดท้ายแตกสลายหายไป ไม่มีตัวตนของเรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่การปิดกั้นแต่เป็นการดับเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวงทั้งทุกข์ธรรมชาติ และทุกข์ที่เราสะสม คือเราไปหลงกับ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การได้รส การได้สัมผัส ธรรมารมณ์ นีคือทุกข์สะสมครับ ทำให้เบาบางได้ หรือหมดไปได้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร