ท่านมีความคิดเห็นว่ายังไง

ก็ ผู้รู้ก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป น่ะท่าน
คนดีได้/คนดีไม่ได้/คนไม่ดีได้/คนไม่ดีไม่ได้ก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
คนที่ถูกผู้รู้สอนก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
คนที่ผู้รู้ไม่ได้สอนก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
คนพ้นทุกข์ คนไม่พ้นทุกข์ก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
แล้วอะไร ๆ ที่สอนก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับปายยยยยย

ตัวท่านที่เห็นผู้รู้ก็ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เช่นกัน
ตัวคนที่เข้ามาแสดงความเห็นก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

หมิ่นเหม่

ผู้รู้ คือ

จขทกตอบก่อนครับ

ผู้รู้สอนใครๆ ให้พ้นหรือไม่พ้น ใครจะไปรู้ว่า พ้นหรือไม่พ้น การพ้นทุกข์หรือไม่พ้นทุกข์ขึ้นอยู่กับการประกาศแสดงตนมากกว่า ข้อวัตรปฏิบัติเหรอ จรณะ ข้อประพฤติของสมณะอันเป็นจริยภายนอกย่อมแสดงถึงคุณธรรมได้ถึงจิตใจ

ผู้ปฏิบัติย่อมรู้เอง ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต

ผู้รู้สอนให้คนเป็นคนดีได้ และสอนให้คนพ้นทุกข์ได้เช่นกัน

ตั้งแต่เริ่มเตาะแตะทางธรรม ข้าพเจ้าก็กล่าวคำนี้
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต"
และรู้อยู่แก่ใจด้วย ลำพองตนด้วย ว่าข้าพเจ้าเห็น "ตถาคต"

จนทุกวันนี้ ข้าพเจ้าก็ยังกล่าวคำนี้
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต"
และรู้อยู่แก่ใจด้วย ว่าข้าพเจ้าเห็น "ตถาคต"
ทั้ง ๆ ที่วันนี้ข้าพเจ้าก็ได้เห็นว่า
ความเห็นความเชื่อในอดีตนั้นมันก็มีที่ผิดเพี้ยนไป

และการเข้ามาเสวนาธรรม ข้าพเจ้าก็พบกับผู้ที่กล่าวคำนี้มากมาย
และผู้กล่าวก็ล้วนแสดงความมั่นใจว่าตนเห็น "ตถาคต" กันทั้งนั้น

สงสัยข้าพเจ้าคงต้องวางความเห็นนี้ลงซะที
เพราะข้าพเจ้าไม่เคยเห็น "ตถาคต" ของใคร ๆ
และตถาคตที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมานั้น ก็คงไม่ใช่ "ตถาคต" จริง ๆ

คนปฏิบัติที่ถูก ย่อมรู้เอง ..
ผู้ใดไม่เห็นตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม

ผู้รู้ สามารถสอนคนให้เป็นคนดีได้ นั่นก็คือการช่วยคนให้พ้นทุกข์จากห้วงนรกตั้งหลายขุมแล้วนะ

บุคคลที่สามารถสอนคนให้พ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง บุคคลผู้นั้นก็เรียกผู้รู้ได้ทั้งนั้น

เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทรงเรียกพระองค์เองว่า พุทธ ซึ่งก็คือผู้รู้

แล้วเหตุไฉนผู้รู้ของท่านเจ้าของกระทู้ จึงไม่ได้สอนให้คนพ้นทุกข์ได้หละครับ

ผู้รู้ รู้ในศีลว่ามีอะไรบ้าง
ผู้รู้แจ้ง คือ ผู้รู้แจ้งโลกและชีวิต (พระพุทธเจ้า) รู้การเกิดของทุกข์ วิธีการดับทุกข์
รู้ผลของทุกข์ คนดียังไม่สามารถดับความโลภ ความโกรธ ความหลงให้เบาบาง หรือออกจากจิตใจจนหมดสิ้น หรือยังมีทุกข์อยู่

คนดี คือ.....

และคนที่พ้นทุกข์คือ...........

ตถาคตในที่นี่คือ พระพุทธเจ้า
เราไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าจากญาณ หรือนิมิต เพราะพระองค์ปรินิพพาน หรือดับไปแล้ว
ถ้าเราปฏิบัิติตามคำสอนของพระพุทธองค์เราก็จะแยกธาตุ ที่เป็นดิน น้ำ ลม ไฟ ของพระพุทธเจ้าได้
หรือแยกธาตุของพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้าได้
****** นี่คือคำตอบที่คนสงสัยกันมานาน *******

ท่านจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไรกัน ทำแล้วหมดทุกข์เหร๋อ

อ้ออออ นี่เองคือจุดขาย ที่ท่านใช้นี่เอง
มิน่า เพราะมันทะแม่ง ๆ อยู่ตั้งแต่ที่
ท่านต้องใช้ปัญญาถึงขนาดพิจารณาขันธ์ 5 อินทรีย์ 6 เพื่อเลิกสุรา
และกล่าวว่าเป็นการสอนคนไม่รู้หนังสือ หรือไม่ถนัดในเรื่องการอ่าน
นั่นชี้ไปถึง หมู่ชนที่อยู่ในสังกัด
มีตัวขับเคลื่อนบางอย่าง มีตัวชักจูงบางอย่าง
มีสิ่งดึงดูดบางอย่างที่ไม่ใช่ ความสำนึกในกรรม



เหมือนการเลี้ยงไก่ในฟาร์ม ที่ผู้เลี้ยงจะเปิดไฟตอนกลางคืน
เพื่อให้ไก่หลงแสงไฟคิดว่าเป็นตอนกลางวัน และมันก็จะเห็นอาหาร และมันก็จะกิน



คือ พอดีข้าพเจ้าไม่เคยห้อยพระน่ะ
ดังนั้นเรื่องสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นเป็นเวทนาที่ไม่นอนเนื่อง หง่ะ

- คนดี คือผู้ทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ทำบุญ ให้ทานผู้อื่น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น กตัญญูรู้คุณ เป็นต้น คนดียังมีทุกข์อยู่ เพราะทุกข์เกิดจากความโลภ โกรธ หลง ที่มีอยู่ในตัวคน
ยังมีราคะอยู่มาก ราคะ คือต้องการเป็นนั้นเป็นนี่ เป็นคนรวย เป็นคนมีชื่อเสียง มีเงิน มียศ มีบริวาร

- คนที่พ้นทุกข์ คือ คนมีปัญญาดับสาเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง คือทุกข์เกิด แำก่ เจ็บ ตาย และดับทุกข์จาก ความโลภ(พอใจ) โกรธ (ไม่พอใจ) รู้ไม่ทันความพอใจ ไม่พอใจ (หลง) ไม่ให้มีในจิตใจจนหมดสิ้น


ทุกข์เกิดจากความไม่รู้่ ความหลงพอใจ ไม่พอใจกับตนเอง หรือสิ่งที่มากระทบตนเอง
- ความหลงตนเอง คิดว่านี่คือตนเอง เรามีตัวตน ไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากตาย อยากสวย อยากเสียงดี อยากหุ่นดี ผิวพรรณดี
- หลงสิ่งที่มากระทบตนเอง ทางอินทรีย์ 6 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) หลงสิ่งที่เราเห็น ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัส คิดปรุงแต่ง ยกตัวอย่าง เห็นรถรุ่นใหม่อยากได้ พอใจ (โลภ) ไม่ได้มาเป็นของตนเองก็ทุกข์ ไปยืมเงิน ผ่อน ดาวน์ หาเงินผ่อนไม่ทันโดนยึดรถ สุดท้ายก็ทุกข์ใจ มีคนมาด่า เกิดความรู้สึกโกรธไปทำลายเขา ไปฆ่าเขาสุดท้ายเข้าคุก ใจก็เป็นทุกข์

"ความไม่รู้"
เพราะไม่รู้ จึงปรารถนาที่จะรู้
เพราะทุกข์ จึงปราถนาที่จะพ้นไปจากทุกข์...

ผัสสะในสิ่งเดียวกัน แต่เกิดเวทนาที่แตกต่างกัน

ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าพร้อมๆกัน ในเวลาเดียวกัน
บ้างแจ้ง บ้างไม่แจ้ง
บ้างไปถูกทาง บ้างเดินหลงออกนอกเส้นทางไป

บรรดาศาสดาทั้งหลายที่ปรากฏแล้วในอดีต หรือปัจจุบัน หรือในอนาคต ก็ตาม
ไม่อาจชี้นิ้วกำหนดให้สาวกเป็นไปตามความพอใจของศาสดาได้...

บรรดาศาสดาทั้งหลาย เป็นได้แค่เพียงผู้ชี้บอกแนวทางเท่านั้น


เมื่อเข้าใจว่าแม้นแต่ศาสดาเอง ก็เป็นได้เพียงแค่ผู้ชี้บอกแนวทางเท่านั้น
ดังนั้นเหล่าสาวกที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติตามคำของศาสดาทั้งหลาย
เข้าใจว่าตนเป็นผู้เคารพในธรรมคำสั่งสอนของศาสดา
จึงมิควรที่หวังหรือกระทำ ในสิ่งที่ศาสดาไม่เคยพร่ำสอน...