ธรรม รักษา คลังหลวง

http://www.klangluan...=365&Itemid=343





ช่วงนี้ มีข่าวเกี่ยวกับ ทองคำ คลังหลวง เงินทุนสำรอง บ่อยๆ ที่ทำให้หวลระลึกถึง หลวงตา มหาบัว

ขออนุญาต เปิดกระทู้ รำลึกถึง ผ้าป่ากู้ชาติ ..... สิ่งมหัศจรรย์แห่งประเทศไทย .

ที่วันนี้ ทุกท่านในประเทศไทย ยังเป็นหนี้บุณคุณท่านอยู่


http://www.klangluan...=365&Itemid=343


".... วิกฤตการณ์เศรษฐกิจไทยครั้งนี้ มีสาเหตุสำคัญมาจากการก่อหนี้ของภาคเอกชน ประกอบกับการดำเนินนโยบายการเงินของรัฐดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความไม่สมดุลของระบบการเงินการคลัง การเปิดเสรีทางการเงินมีส่วนทำให้การก่อหนี้บานปลายโดยเฉพาะหนี้สินต่างประเทศ บริษัทต่างๆ ในประเทศไทยขยายการลงทุนจนเกินความต้องการ ขณะที่ความอ่อนแอของระบบสถาบันการเงิน ความตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และนโยบายอัตราค่าเงินบาทคงที่ ทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ กระทั่งขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ความผิดพลาดในเชิงนโยบายทางการเงินและการใช้นโยบายการคลังที่ผ่อนปรน เป็นเหตุจูงใจให้บรรดากองทุนเพื่อการลงทุนขนาดใหญ่หรือกองทุนเก็งกำไรที่เรียกว่า เฮจฟันด์ (Hedge Fund) เห็นโอกาสเข้าโจมตีค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๙ จนกระทั่งเข้าสู่ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มสูญเสียทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ..."



เงินบาทไม่เป็นเศษกระดาษ..เพราะโอ่งคลังหลวง


"....ในด้านทุนสำรองระหว่างประเทศ จากการโจมตีค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่องของกองทุนเก็งกำไรตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๙ จนกระทั่งเข้าสู่ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ลอยตัวค่าเงินหรือทำให้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนยืดหยุ่นขึ้นทำให้ต้องสูญเสียทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ และรุนแรงมากที่สุดในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้แก้ไขปัญหาการโจมตีค่าเงินบาทโดยการทุ่มเททุนสำรองระหว่างประเทศเป็นมูลค่ามหาศาลเข้ามาพยุงหรือปกป้องค่าเงินบาทอย่างขาดความรอบคอบ ส่งผลให้สูญเสียทุนสำรองระหว่างประเทศ จากเดิมที่เคยมีถึงประมาณ ๓๙,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ ในสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๓๙ เหลือ ๒๖,๖๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ (เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๐) และลดลงเหลือ ๒,๘๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ (เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๐) ประเทศไทยจึงต้องประสบกับภาวะล้มละลายทางการเงินจนต้องยอม “ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ จนกระทั่งในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ นับจากต้นปีได้เพียง ๗ เดือนเศษ ทุนสำรองระหว่างประเทศสุทธิก็ได้ลดลงเหลือเพียง ๑๕๘ ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น...."


.........................................


ในเวลาเพียง7เดือน ไทยเราเคยสูญเสียเงินทุนสำรองไปถึง 99.99% !


ตอนนั้น ถ้าไม่มีหลวงตายอมแบกขันธ์ออกมาช่วยชาติ ... ไทยเรายังไม่ฟื้นแน่ๆครับ.

ไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่ หลวงตาท่านเห็นอนาคต .

หลวงตา ท่านนำทองคำเข้าไปไว้ในคลังหลวง ประโยชน์สูงสุดคือ ทำให้การนำเงินทุนสำรองออกไปใช้ มีการถ่วงดุลย์ตรวจสอบ ทั้งจาก ธปท. และ ประชาชน เพราะ คนไทยทุกคนรู้สึก รัก และ หวงแหน คลังหลวง/เงินทุนสำรอง ย่อมไม่ยินยอมให้มีการนำเงินทุนสำรอง ออกไปใช้อย่างสุ่มเสี่ยง หรือ ไม่จำเป็นเท่าที่ควร




"คิดถึงพ่อ พ่อจะอยู่กับเจ้า

คิดถึงหลวงตา หลวงตาจะอยู่กับเรา"

พระ อ.สงบ มนัสสันโต

มีความเห็นที่น่าสนใจ

เกี่ยวกับ การจะนำเงินทุนสำรองไปลงทุนในกิจการน้ำมันไทย-เขมร ที่อ่าวไทย มานำเสนอ



ขอนำมาลง เฉพาะสาระ เว้นการกล่าวชื่อบุคคล หรือ พรรคการเมือง น่ะครับ



"ประเทศไทยมีเงินสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 1.87 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่ามีความมั่นคงสูง และ ใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมดดังนั้น ควรที่จะมีการนำไปลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งการเข้าไปซื้อแหล่งพลังงานในต่างประเทศและทำการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ให้เพียงพอที่จะเป็นปริมาณสำรองพลังงานในประเทศ ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ควรจะมีการพิจารณา"


"ทุนสำรองที่มีไว้เพื่อบริหารค่าเงินนั้น ก็ควรเก็บไว้ *แต่สังเกตหลายประเทศ เริ่มเอาทุนสำรองไปลงทุนในทรัพย์สินจริง* เช่น สิทธิเหมืองแร่ บ่อน้ำมัน หรือ อะไรที่เป็นของกินของใช้ พอประเทศที่กำลังพัฒนารวยขึ้น ราคาก็มีมากขึ้น"


.................


ตรงจุดนี้ ขออนุญาต ไม่เห็นด้วย ดังนี้ น่ะครับ


1. ที่ว่าเงินทุนสำรองของไทย1.87แสนล้านดอลลาร์ใช้ไม่มีทางหมด. เพราะ ในปี40ที่ใช้เงินทุนสำรองไป99.99% คือใช้ไป2.6หมื่นล้านดอลลาร์ภายใน7เดือน (ในสมัยนั้ยทองคำบาทล่ะ5000 แต่ปัจจุบันทองคำบาทล่ะ25000 เงินขนาดนั้นมีค่าไม่น้อยกว่าแสนล้านดอลลาร์ถ้าเป็นในยุคปัจจุบัน)


2.กิจการน้ำมันมีความเสี่ยง โดยเฉพาะ การทำกิจการน้ำมันในพื้นที่ซึ่งอาจจะมีปัญหาเรื่องอธิปไตยเหนือดินแดน


3.แม้นไทยมีเงินทุนสำรองอันดับ12ของโลกก็จริง แต่ ความโปร่งใสในด้านไม่คอรัปชั่นของไทยได้อันดับที่78ของโลก!



ผมยังจำภาพ ที่ หลวงตาแขนหัก ใส่ที่พยุงแขน มารับบริจาคผ้าป่ากู้ชาติ ที่จังหวัดของผม

ตอนนั้น ผมโชคดี ได้เป็นแพทย์ที่ติดตามไปในรถพยาบาลตามขบวน ไปร่วมเห็นภาพที่น่าตื้นตันใจ.

พ่อขาว แม่ขาว ผู้คนทั่วไป ทั้งยากดีมีจน ต่างพากัน นำทองของตนแม้นเล็กน้อย ยกขึ้นเหนือเศียรและอธิษฐานถวายร่วมกับหลวงตา มุ่งหมายจะให้ประเทศไทยพ้นจากสภาพหายนะทางเศรษฐกิจ !!!



มาวันนี้ มีข่าวเกี่ยวกับ คลังหลวง/เงินทุนสำรอง ....จึงนำเรื่องราวที่ติดตา-ตรึงใจ มาเล่าสู่กันฟัง

http://61.47.61.3/cf...age/256151.html


แบงก์ชาติยืนยันรักษาทองคำและเงินบริจาคจากหลวงตาบัวอย่างดีที่สุด

วันจันทร์ ที่ 22 ส.ค. 2554

กรุงเทพฯ 22 ส.ค.- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เวลา 14.00น. ศิษยานุศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) แห่งวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดมธานี จำนวน 5 รูปเดินทางไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอความชัดเจนในการดูแลทุนสำรองระหว่างประเทศ หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า รัฐบาลมีแนวคิดที่จะนำทุนสำรองไปตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งของประเทศ โดยจะไปลงทุนในแหล่งพลังงาน และซื้อพลังงานสำรอง เนื่องจากทุนสำรองมีทองคำบริจาคของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จำนวน 13 ตันกับ 61 กิโลกรัมรวมอยู่ด้วย จึงต้องการความชัดเจนการดูแลทองคำและเงินบริจาค โดยมีนางสุชาดา กิระกุล รองผู้ว่าการด้านบริหาร เป็นตัวแทนจากผู้บริหาร ธปท.รับฟังความกังวล และชี้แจงถึงแนวทางของ ธปท.

พระอาจารย์นพดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร กล่าวว่า ติดตามข่าวสารมาต่อเนื่อง และมีความเป็นห่วง จึงมาขอคำชี้แจง และให้กำลังใจ ธปท.ในการดูแลทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ ซึ่งหลังจากหารือกับผู้บริหาร ธปท.แล้ว มีความเข้าใจหลักการของ ธปท.ในการบริหารทุนสำรองเงินตราที่ยังคงมุ่งรักษาความมั่นคงของทุนสำรองเงินตรา และเศรษฐกิจของประเทศไว้ และเห็นตรงกับความคิดเห็นของ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ประธาน ธปท.และนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ที่มีความเห็นว่าไม่ควรจะนำทุนสำรองทางการไปลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ควรรักษาไว้เพื่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ และประเทศเอาไว้ แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องดูแลเรื่องพลังงานของประเทศ อาจจะมีแนวทางอื่นในการหาเงินมาใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม หากในช่วงต่อไปรัฐบาลมีความชัดเจนว่า จะดำเนินการนำทุนสำรองไปใช้ตามที่เป็นข่าว ทางลูกศิษย์หลวงตาจะเคลื่อนไหวด้วยการให้ความรู้กับประชาชนว่านำทุนสำรองระหว่างประเทศออกไปใช้มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าใจแนวคิดของรัฐบาล

นางสุชาดา กล่าวว่า ธปท.คณะลูกศิษย์ของหลวงตามมหาบัว เดินทางมายัง ธปท.เนื่องจากต้องการมาให้กำลังใจ และมีความเป็นห่วง ธปท.หลังจากที่มีกระแสข่าวผ่านสื่อมวลชนต่อเนื่องว่า รัฐบาลมีแนวคิดที่จะนำทุนสำรองระหว่างประเทศที่ปัจจุบันมีสูงกว่า 1.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐลงทุนในบ่อน้ำมัน และบ่อก๊าซ ซึ่งธปท.ให้ข้อมูลทางคณะศิษย์ฯ ว่า ธปท.และรัฐบาลยังไม่ได้หารือในเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เนื่องจากต้องรอการแถลงนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลก่อน อย่างไรก็ตาม ธปท.ยืนยันว่า จะไม่แตะต้องเงินและทองคำ ซึ่งอยู่ในส่วนของบัญชีสำรองพิเศษของทุนสำรองเงินตรา และพร้อมจะดูแลและดำเนินอย่างดีตามเจตนารมณ์ของหลวงตามหาบัวต่อไป.-


สำนักข่าวไทย

ขอธรรมรักษา....

อย่าให้หมู่มารมาผลานชาติได้อีก...

ประเด็น ทองคำ และ เงินสกุลดอลลาร์ ที่หลวงตานำเข้าไว้ในคลังหลวงเป็นทุนสำรอง



เคยรับทราบความเห็น ผู้ที่จะนำเงินทุนสำรองไปลงทุน เขาเจตนาจะเอาส่วนอื่น ที่ไม่เกี่ยวกับทองคำและเงินสกุลดอลลาร์ที่หลวงตานำเข้าไว้ในคลังหลวง ไปลงทุนบ่อน้ำมัน/แก๊สธรรมชาติไทย-เขมร

ตรงนี้ขอเรียนว่า ถึงแม้นทองคำ และ เงินสกุลดอลลาร์ ที่หลวงตานำเข้าไว้ในคลังหลวงจะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง(ไม่ใช่ทั้งหมด)ของเงินทุนสำรองก็จริง .... แต่ อยากให้มองไปถึงเจตนาของหลวงตาและทุกคนที่ร่วมบริจาคว่า เจตนาที่แท้จริงคืออะไร?



หลวงตา ท่านเน้นย้ำพร่ำสอนถึง ความสำคัญของคลังหลวง โดยชี้ไปที่ความั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติ....ให้เห็น ให้ได้ยิน กันบ่อยๆ ....

นั่นคือ ท่านสอนให้รอบครอบและระมัดระวังกับ การใช้เงินทุนสำรอง(คนสมัยก่อนจะใช้คำง่ายๆ ว่า คลังหลวง) อย่างถึงที่สุด


ดังนั้น ถึงแม้นทองคำ และ เงินสกุลดอลลาร์ ที่หลวงตานำเข้าไว้ในคลังหลวงจะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง(ไม่ใช่ทั้งหมด)ของเงินทุนสำรองก็จริง แต่การรอบครอบและระมัดระวังกับการใช้เงินทุนสำรอง นั่นคือ หัวใจ ของเรื่อง ผ้่าป่ากู้ชาติื ครับ


"การรอบครอบและระมัดระวังกับการใช้เงินทุนสำรอง นั่นคือ หัวใจที่แท้จริง ของเรื่อง ผ้่าป่ากู้ชาติื!"


ขอวิงวอน ไม่ว่าจะฝ่ายการเมืองขั้วไหน ก็ตาม ...จะได้คะแนนเสียงจากการเลือกตั้งมากขนาดไหน ก็ตาม... ถ้า จะใช้เงินทุนสำรองไปลงทุนในกิจการที่มีความสุ่มเสี่ยง ย่อม สมควรต้องรับฟังการทักท้วงจากคนไทยทั้งประเทศ ครับ.

ในอดีต ไทยเราจะใช้เงินคลังหลวง/เงินทุนสำรอง อย่างระมัดระวังมาก

เงินคลังหลวง/ทุนสำรอง จะไม่ถูกนำมาใช้ ถ้าไม่จำเป็นถึงขั้นวิกฤตการณ์ร้ายแรง เช่น โรคระบาดร้ายแรง ภัยพิบัติร้ายแรง สงคราม ฯลฯ


แต่ ในปัจจุบัน จะมีการพูดถึง ประเทศต่างๆ มีการนำเงินทุนสำรอง ไปลงทุนกิจการต่างๆ .... ที่เห็นกันก็ เช่น จีน(ที่มีเงินทุนสำรองมหาศาล) นำเงินทุนสำรองไปลงทุนกิจการน้ำมัน ในต่างประเทศ. และ บางท่าน พยายามจะใช้ จีน เป็นโมเดล ให้ไทยเราทำตาม.

ตรงนี้ ผมขออนุญาต"เห็นต่าง"

เหตุผล เพราะ จีน นั้น

1.มีเงินทุนสำรองมหาศาลจริงๆ

2.จีน มีวินัยการเงินการคลังที่สูงมาก. ถ้า นักการเมือง หรือ นักการธนาคาร/เศรษฐศาสตร์ มีส่วนไปทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจส่วนรวม โทษมี2อย่าง คือ ถ้าเจตนาคอรัปชั่นจะประหาร ถ้าไม่เจตนาคอรัปชั่นจะถูกส่งไปทำงานหนักที่ซินเกียง. ต่างกับไทยเรา ที่ ผู้ที่ทำความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจส่วนรวม มักจะไม่ต้องรับโทษใดๆเลย.(จีนไม่เคยเกิดปรากฏการณ์เงินทุนสำรองหาย99.99%ใน7เดือน แบบที่ไทยเคยเป็นแน่นอน)

ดังนั้น จีนจึงสามารถทำเช่นนั้นได้ ...



แต่ ไทยเรา มีปัจจัยพื้นฐานต่างจากจีนมาก การจะนำเงินทุนสำรองไปลงทุนบ่อน้ำมัน/แก๊สธรรมขาติ ไทย-เขมร จึงสมควรรอบครอบอย่างถึงที่สุด ครับ.

มีอยู่อีกจุดหนึ่ง ที่มีความเห็นต่างกัน ว่า

การลงทุนน้ำมัน/แก๊สธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อน ไทย/เขมร นั้น .... เสี่ยง หรือ ไม่เสี่ยง ?

(ซึ่ง มันจะนำไปสู่ประเด็นที่ว่า สมควรนำเงินทุนสำรองไปลงทุนไหม?)


# ฝ่ายที่เห็นว่า เสี่ยง (ผมอยู่ฝ่ายนี้) ก็จะไม่เห็นด้วย.

ผู้บริหาร ธปท.ชุดนี้ ก็ได้แสดงทัศนะเอาไว้ว่า มีความเสี่ยง. คือ ทาง ธปท.จะพิจารณา การที่จะใช้เงินทุนสำรองไปเพื่อการลงทุน สิ่งสำคัญสุดที่จะต้องใช้เป็นเกณฑ์พิจารณา คือ ความเสี่ยง .... ไม่ใช่ ผลตอบแทน


# ฝ่ายที่เห็นว่า ไม่เสี่ยง ก็จะมีความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์บางกลุ่มมาสนับสนุน เช่นกัน



ความจริงแล้ว ในประเด็น เสี่ยง หรือ ไม่เสี่ยง นี้ ...อาจจะไม่จำเป็นต้องเถียงกัน.

เพราะอะไร?

เพราะ การลงทุน ใดๆ ที่ ความเสี่ยงต่ำ/ผลตอบแทนสูง ย่อมเป็นที่หมายปองของนักลงทุนอยู่แล้ว ตามธรรมชาติ ด้วยตัวของมันเอง


ดังนั้น การลงทุนนั้นๆ ถ้า ความเสี่ยงต่ำ/ผลตอบแทนสูงจริง จึง ไม่จำเป็นต้องมาใช้เงินทุนสำรองมาลงทุน... เพียงแต่ประกาศ ระดมทุนด้วยวิธีอื่นๆ เช่น พันธบัตร หรือ ฯลฯ.

นักลงทุนเขาทราบ เขาจะแห่กันมาเข้าคิวจองซื้อพันธบัตร ตั้งแต่เช้ามืด(อย่างที่เคยเห็นกัน)เสียด้วยซ้ำ!

อ่านดูแล้วครับ เข้าใจบ้างแต่ไม่ลึกซึ้ง พอเป็นความรู้ครับ