วันเวลาปัจจุบัน 19 มิ.ย. 2025, 09:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2011, 20:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเป็นพระ อยู่แบบสบายแบบ ภพเทวดา อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่พักอาศัยพร้อม

แล้วก็ปฏิบัติกิจ วิปัสสนา สติปัฐฐาน 4 แล้วไม่ออกธุดงค์ แบบนี้จะบรรลุธรรมได้ไหม

แล้วจำเป็นไหมต้องออกธุดงค์ ไปทดสอบอยู่แบบคนเดียวในป่า เหมือนพระป่าหลายรูป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2011, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ธ.ค. 2010, 14:56
โพสต์: 122

โฮมเพจ: chanachai20102553@gmail.com
แนวปฏิบัติ: ค้นหาธรรมของพุทธเจ้า
งานอดิเรก: มองธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่ม
ชื่อเล่น: แค่นามสมมุติ
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว




พระพุทธเจ้า.jpg
พระพุทธเจ้า.jpg [ 15.32 KiB | เปิดดู 8010 ครั้ง ]
ดูก่อนท่านทั้งหลาย.............................
ต้นไม้ที่ถูกบ่มเพาะด้วยอาหาร น้ำ อากาศ ยารักษา และสิ่งแวดล้อมต้นไม้ยังพึงออกดอก ออกผลได้รึไม่........
เมื่อได้ปุถุชนพึงพร้อมด้วยธรรมทั้งหลายแล้วพึงไม่มีกิเลส
ปุถุชนก็พึงเป็นดั่งต้นไม้ที่ออกดอก และ ผล
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมเทอญฯ............................

.....................................................
เราจักขออำนาจบุญกุศลที่ตัวเราได้กระทำไว้ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต
จงแผ่อำนาจแห่งบุญกุศลทั้งหลายไปสู่ทั่วทั้งสากลโลก ทั้ง16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน วิญญาณที่มีรูป และ ไม่มีรูป ทั่วทั้งทุกอณูใน 3 โลกจงได้รับแห่งบุญกุศลที่เราได้จักกระทำไว้ด้วยเทอญ สาธุ.................................
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2011, 22:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หากเรามีจุดประสงค์เพื่อลด ละ เลิกกิเลส...

กิจอะไรที่ทำแล้ว...เพื่อให้ถึงความประสงค์..ก็ควรทำอย่างยิ่ง

เมื่อต้องการบรรลุธรรม..อะไรบรรลุ...กายหรือใจ?...ใจ

เมื่อใจเป็นผู้บรรลุ...ใจก็ควรเป็นผู้ทำงาน...สติปัฎฐาน 4 คืองานของใจ..

ใจจะทำงานได้ดี..เมื่อมีสัปปาย

ที่จะสัปปายได้ก็ขึ้นอยู่กับใจของเรา...ซึ่งอาจจะเป็นที่ไหน ๆ ก็ได้

หากการธุดงค์ไปในป่าเขาลำเนาไพร...ในที่เงียบสงัด..เกิดสัปปายแก่เราได้...ก็ควรทำ

แต่ก่อนจะไปก็ควรปรึกษาครูบาอาจารย์ท่านก่อนว่าเรา...มีอินทรีย์เหมาะที่จะทำอย่างนี้แล้วหรือยัง
:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 05:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


deecup เขียน:
ถ้าเป็นพระ อยู่แบบสบายแบบ ภพเทวดา อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่พักอาศัยพร้อม

แล้วก็ปฏิบัติกิจ วิปัสสนา สติปัฐฐาน 4 แล้วไม่ออกธุดงค์ แบบนี้จะบรรลุธรรมได้ไหม

แล้วจำเป็นไหมต้องออกธุดงค์ ไปทดสอบอยู่แบบคนเดียวในป่า เหมือนพระป่าหลายรูป


ถามว่า เป็นพระจำเป็นต้องธุดงค์ไหม ?

ข้อนี้พระพุทธเจ้ามิได้บังคับ ให้เป็นไปด้วยความสมัครใจ


ปฎิบัติกิจ วิปัสสนา สติปัฐฐาน4 แล้วไม่ออกธุดง แบบนี้จะบรรลุธรรมได้ไหม

ดูพุทธพจน์ที่ตรัสถึงสติปัฏฐาน

"ภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นทางเอก (คือทางเดียว) เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อข้ามพ้นความโศกและปริเทวะ เพื่อควมอัสดงแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบุรรลุโลกุตรมรรค เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน นี่คือ สติปัฏฐาน 4"

หากปฏิบัติสติปัฏฐานถูกต้องแล้วจะอยู่บ้านอยู่วัดอยู่ป่าธุดงค์ไม่ธุดงค์ก็บรรลุธรรมตามพุทธพจน์นั้นได้ แต่หากปฏิบัติไม่ถูกต้อง จะอยู่ถ้ำอยู่เขาลำเนาไพร ก็ไม่บรรลุธรรมเช่นนั้นได้

ขยายความอีกนิดหนึ่ง

การเจริญสติปัฏฐานนี้ เป็นวิธีปฏิบัติธรรมที่นิยมกันมาก และยกย่องนับถือกันอย่างสูง ถือว่ามีพร้อมทั้งสมถะและวิปัสสนาในตัว
ผู้ปฏิบัติอาจเจริญสมถะจนได้ฌานก่อนแล้ว จึงเจริญวิปัสสนาตามแนวสติปัฏฐานไปจนถึงที่สุดก็ได้ หรือ จะอาศัยสมาธิเพียงขั้นต้นๆ เท่าที่จำเป็นมาประกอบ เจริญวิปัสสนาเป็นตัวนำตามแนวสติปัฏฐานนี้ไปจนถึงที่สุดก็ได้

วิปัสสนาเป็นหลักปฏิบัติสำคัญในพระพุทธศาสนาที่ได้ยินได้ฟังกันมาก พร้อมกับที่มีความเข้าใจไขว้เขวอยู่มากเช่นเดียวกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 09:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาเรียนหนังสือทำไมต้องไปเรียนที่ร.รด้วย เรียนอยู่ที่บ้านไม่ได้หรอ s006 Kiss s006

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 12:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีพุทธวจนะที่ตรัสถึงภิกษุอยุ่ป่าไว้จะคัดมาให้ดู

"ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้อยู่ป่า มี 5 ประเภท ดังนี้ 5 ประเภทคืออะไรบ้าง ได้แก่ ผู้ที่อยู่ป่าเพราะเป็นผู้โง่เขลา เพราะงมงาย 1 ผู้มีความปราถนาลามก ถูกความปราถนาครอบงำ จึงอยู่ป่า 1 ผู้อยู่ป่าเพราะความเสียจริต เพราะจิตฟุ้งซ่าน 1 ผู้อยู่ป่าเพราะเห็นว่าการอยู่ป่านี้พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระพุทธสาวกทั้งหลายสรรเสริญ 1 ผู้อยู่ป่า เพราะอาศัยความเป็นผู้มักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความใฝ่สงัด ความพอใจเท่าที่มี 1 ... บรรดาผู้อยู่ป่า 5 ประเภทเหล่านี้ ผุ้ที่อยู่ป่าเพราะอาศัยความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความใฝ่สงัด ความพอใจเท่าที่มี นี้เป็นอย่างเลิศ ประเสริฐ สูงสุด ดีเยี่ยม ในบรรดาผู้อยู่ป่าทั้ง 5 ประเภทเหล่านี้"

องฺ.ปญฺจก.22/181-190/245-7 (ตรัสถึงภิกษุผู้ถือครองผ้าบังสุกุล ผู้ถืออยู่รุกขมูล และผู้ถือธุดงค์อืนๆอีกหลายข้อในทำนองเดียวกัน)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 12:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าอยู่แดนป่าแห่งใดแห่งหนึ่ง เมื่อเธอเข้าอยู่อาศัยแดนป่านั้น สติที่ยังไม่กำกับอยู่ ก็ไม่กำกับอยู่ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่น ก็ไม่ตั้งมั่น อาสวะทั้งหลายที่ยังไม่หมดสิ้น ก็ไม่ถึงความหมดสิ้นไป ภาวะจิตปลอดโปร่งจากเครื่องผูกมัดอย่างสูงสุดที่ยังไม่ได้บรรลุ เธอก็หาบรรลุไม่ อีกทั้งสิ่งเกื้อหนุนชีวิต ที่บรรพชิตพึงเก็บรวบรวมได้ คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเครื่องหยูกยาทั้งหลาย ก็มีมาโดยยาก ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นดังนี้...จะเป็นกลางคืนก็ตาม กลางวันก็ตาม พึงหลีกไปเสียจากแดนป่านั้น ไม่พึงอยู่

“...เมื่ออยู่อาศัยแดนป่านั้น สติที่ยังไม่กำกับอยู่ ก็ไม่กำกับอยู่ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่น ก็ไม่ตั้งมั่น อาสวะที่ยังไม่หมดสิ้น ก็ไม่ถึงความหมดสิ้น ภาวะจิตปลอดโปร่งจากเครื่องผูกมัดอย่างสูงสุดที่ยังไม่ได้บรรลุ เธอก็หาบรรลุไม่ แต่สิ่งเกื้อหนุนชีวิต...มีมาโดยไม่ยาก ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นดังนี้...ตรองตระหนักแล้ว พึงหลีกไปเสียจากแดนปานั้น ไม่พึงอยู่

“...เมื่ออยู่อาศัยแดนป่านั้น สติที่ยังไม่กำกับอยู่ ก็กำกับอยู่ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่น ก็ตั้งมั่น อาสวะทั้งหลายที่ยังไม่หมดสิ้น ก็ถึงความหมดสิ้นไป ภาวะจิตปลอดโปร่งจากเครื่องผูกมัดอย่างสูงสุด ที่ยังไม่บรรลุ เธอก็ค่อยบรรลุ แต่สิ่งเกื้อหนุนชีวิต...มีมาโดยยาก ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นดังนี้ว่า...เราออกจากเรือนบวชเป็นอนาคาริก มิใช่เพราะเห็นแก่จีวร มิใช่เพราะเห็นแก่บิณฑบาต มิใช่เพราะเห็นแก่เสนาสนะ มิใช่เพราะเห็นแก่เครื่องหยูกยา ก็แต่ว่า เมื่อเราอยู่อาศัยแดนป่านี้ สติที่ยังไม่กำกับอยู่ ก็กำกับอยู่ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่น ก็ตั้งมั่น...ภิกษุนั้น ตรองตระหนักแล้ว พึงอยู่ในป่านั้น ไม่พึงหลีกไป

“...เมื่ออยู่อาศัยแดนป่านั้น สติที่ยังไม่กำกับอยู่ ก็กำกับอยู่ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่น ก็ตั้งมั่น อาสวะทั้งหลายที่ยังไม่หมดสิ้น ก็ถึงความหมดสิ้นไป ภาวะจิตปลอดโปร่งจากเครื่องผูกมัดอย่างสูงสุด ที่ยังไม่บรรลุ เธอก็ค่อยบรรลุ อีกทั้งสิ่งเกื้อหนุนชีวิต...ก็มีมาโดยไม่ยาก ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นดังนี้…พึงอยู่ในป่านั้น แม้จนตลอดชีวิต ไม่พึงหลีกไป”*


* วนปัตถสูตร 12/234-242/212-219 (กล่าวถึง คาม นิคม นคร ชนบท และบุคคลด้วย ความทำนองเดียวกัน โดยเฉพาะตอนว่าด้วยบุคคล ความคล้ายกัน องฺ.นวก.23/210/379 ด้วย คำแปลในที่นี้ลัดข้ามไปบ้าง เพื่อไม่ให้เยิ่นเย้อ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 13:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใช้เป็นข้อเทียบเคียงการปฏิบัติธรรมได้


พระพุทธเจ้า : อานนท์ ศีลวัตร การบำเพ็ญพรต พรหมจรรย์ การบำเรอสิ่งบูชา มีผลทั้งนั้นหรอ
พระอานนท์: พระองค์ผู้เจริญ ในข้อนี้ จะตอบลงไปข้างเดียวไม่ได้
พระพุทธเจ้า : ถ้าอย่างนั้น จงจำแนก

พระอานนท์: เมื่อเสพศีลวัตร การบำเพ็ญพรต พรหมจรรย์ การบำเรอสิ่งบูชา อย่างใด อกุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมเจริญยิ่งขึ้น
กุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมเสื่อมหาย ศีลวัตร การบำเพ็ญพรต พรหมจรรย์ การบวงสรวงบำเรออย่างนี้ ไม่มีผล
เมื่อเสพศีลวัตร การบำเพ็ญพรต พรหมจรรย์ การบำเรอสิ่งบูชา อย่างใด อกุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมเสื่อมหาย กุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมเจริญขึ้น ศีลวัตร การบำเพ็ญพรต พรหมจรรย์ การบำเรอสิ่งบูชาอย่างนี้ มีผล

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
สัจจะธรรมของชีวิต เขียน:
เวลาเรียนหนังสือทำไมต้องไปเรียนที่ร.รด้วย เรียนอยู่ที่บ้านไม่ได้หรอ s006 Kiss s006

:b32:
...ทำไมขี้สงสัยจัง...คำถามไม่ค่อยจะเกี่ยวกับกระทู้นี้เลยนะจ๊ะ...จะลองสันนิษฐานดูว่าทำไม...
...น่าจะเกี่ยวกับ1)ที่บ้านไม่มีคุณครูและถ้าจะจ้างครูมาสอนที่บ้านคงเปลืองเงินมากแน่นอนเลย...
...2)คุณแม่เราคงไม่มีเวลามาดูแลเด็กหลายๆคนพร้อมกัน...แค่ลูกตัวเองก็ปวดขมองแล้วจ้า...
...3)ที่บ้านคงจะมีส้วมไม่เพียงพอกับนักเรียนและคงต้องเสียเงินจ้างคนมาทำสะอาดคงไม่ไหวมั๊ง...
...4)สถานที่ที่บ้านไม่ได้สร้างไว้ทำกิจกรรมต่างๆ อาจกว้างไม่พอ เวลามีเด็กร้องไห้คงหนวกหูแย่...
...5)ถ้ามีครูหลายคน นักเรียนหลายคน แม่ค้าขายของอีก ที่บ้านก็คงไม่เหมาะจะเป็นโรงเรียนมั๊งคะ...
:b9: :b32:
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 16:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ถามย้อนเจ้าของกระทู้ไง มันก็ทำนองเดียวกับที่ถาม เป็นพระจำเป็นต้องธุดงค์ ไหม Onion_R Onion_R

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 17:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัจจะธรรมของชีวิต เขียน:
ก็ถามย้อนเจ้าของกระทู้ไง มันก็ทำนองเดียวกับที่ถาม เป็นพระจำเป็นต้องธุดงค์ ไหม Onion_R Onion_R

wink
...ถ้าอยู่วัด...วัดก็คือบ้านของพระ...ถ้าญาติโยมมารบกวนจนวัดหาความสงบไมได้...ก็น่าไป...
...พระออกธุดงค์เพื่อทำความเพียรฆ่ากิเลส...ไปหาที่กันดารปราศจากผู้คนรบกวน...ก็น่าไป...
...แต่ถ้าไปเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆ...ไม่ได้รีบเร่งทำความเพียรเพื่อฆ่ากิเลส...ก็ไม่น่าจะไป...
:b9: :b32:
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2011, 12:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ส่วนใหญ่ เกจิอาจารย์ หลายท่านก้เลือกออกไปธุดงค์เพื่อหาประสบการณ์ และหาที่เหมาะสมกับการปฏิบัติจริงๆ จากธรรมชาติ การอย่กับธรรมชาติทำให้
จิตใจเราเข้มแข็งขึ้น และเกิดความก้าวหน้าในการปฏิบัติ ถ้าสภาพธรรมชาติ
เหมาะกับธาตุขันธ์ตัวท่านเอง

แต่ก้มีเกจิอาจารย์บางท่านไม่ไปฝึกด้วยการธุดงค์ อย่างเช่น ท่านเจ้าคุณนรฯ ท่านจะไม่ไปไหน
ไกล จะอย่ประจำทำกิจของท่านอย่แต่ในวัด ไม่ไปธุดงค์ที่ไหนไกลๆ ท่านก้มีภูมิธรรมสูง
และมีคุณวิเศษเช่นกัน :b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2011, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2010, 23:02
โพสต์: 93

ชื่อเล่น: tongka
อายุ: 36
ที่อยู่: tongka34@gmail,com

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามว่า เป็นพระจำเป็นต้องธุดงค์ไหม ?
ข้อนี้พระพุทธเจ้ามิได้บังคับ ให้เป็นไปด้วยความสมัครใจ[/quote]

ครั้งหนึ่งเคยถูกอาจารย์ถามว่า ภิกษุุณีมีการออกจาริกไหม เราตอบไม่ได้ เลยไปอ่านพระไตรปิำกดู ปรากฎว่า มีเรื่องการจาริกของภิกษุณี และบัญญัติไว้ในสิกขาบทของภิกษุณีว่า ออกพรรษาแล้วต้องออกจาริกไปอย่างน้อยสามโยชน์ ถ้าภิกษุณีใดไม่ออกจาริกต้องอาบัติทุกกฎ แต่ไม่ปรากฎสิกขาบทบัญญัติทางฝ่ายพระภิกษุ เพราะคงไม่มีความขึ้เกียจเสนียดชนิดนี้ขึนในฝ่ายพระภิกษุ และสิกขาบทนี้ก็เป็นบัญญัติที่ให้มีผลทั้งฝ่ายพระภิกษุและภิกษุณีเสียด้วย นี้ถ้าพูดถึงการจาริก

แต่ถ้าพูดถึงเรื่องธุดงค์ ทำความเข้าใจก่อนว่า การจาริกไม่ใช่ธุดงค์ การธุดงค์ไม่ใช่การจาริก คนละอย่างกัน แต่ธุดงค์วัตรนั้นเองสามารถประพฤติได้ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดในเวลาออกจาริก เราจึงมักเข้าใจว่าการจาริกนั่นเองคือการธุดงค์

การประพฤติธุดงค์วัตรทำได้ไม่เกี่ยวกับบ้านวัด ป่า เมือง เลือตามความเหมาะสมที่จะสามารถปฏิบัติได้ ซึ่งต้องอาศัยเหตุปัจจัยรอบข้างด้วย โดยเฉพาะภายในใจผู้นั้นเอง แต่การจาริก อยู่ที่เดียวไม่เรียกว่าการจาริกแน่นอน

ที่นี้ถ้าเข้าใจเรื่องธุดงค์แล้ว ท่านจะรู้เองว่าธุดงค์จริงๆ คือสิ่งที่มีคุณค่าต่อศาสนาขนาดไหน
เรากล้าประกาศว่าถ้าไม่มีธุดงค์ก็คือไม่มีการบรรลุธรรม ธุดงค์คือองค์คุณเครื่องขัดเกลา มีคุณค่าเป็นสัลเลขธรรม เพียงแต่มาตั้งต้นที่ปัจจัยสี่กับความเพียรเท่านั้นเอง
ส่วนการจาริก เราก็อย่าลืมนะว่าพระพุทธเจ้าเสด็จออกจาริกจนกระทั่งปรินิพพาน
นี้เป็นคำทิ้งไว้ให้ท่านค้นคว้า ปฏิบัติเพื่อพิสูจน์ดู


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร