วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 21:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2011, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 07:19
โพสต์: 89


 ข้อมูลส่วนตัว



สมาธิที่มีผลเป็นความไม่มีอหังการะ.มมังการะ-มานานุสัย

พระอานนท์ ได้ทูลถามว่า "มีอยู่หรือหนอ พระเจ้าข้า !
การที่ภิกษุได้สมาธิ ชนิดที่มีผลคือ
ไม่มีอหังการะ..มมังการะ-มานานุสัย ในกายอันมีวิญญาณนี้ ด้วย,
ไม่มีอหังการะ..มมังการะ-มานานุสัย ในนิมิตทั้งปวงในภายนอก ด้วย,
และเธอนั้นเข้าถึงแล้วแลอยู่ ซึ่งเจโตวิมุตติ..ปัญญาวิมุตติ
อันไม่มีอหังการะ..มมังการะ-มานานุสัย ด้วย, พระเจ้าข้า ?"

อานนท์ ! สมาธิที่ภิกษุได้แล้วมีผลเป็นอย่างนั้น มีอยู่!!.

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สมาธิที่ภิกษุได้แล้วมีผลเป็นอย่างนั้น มีอยู่ เป็นอย่างไรเล่า? พระเจ้าข้า!"

อานนท์ ! ความเพ่งเฉพาะของภิกษุในกรณีนี้ มีอยู่อย่างนี้ว่า
"นั่นสงบ-ระงับ นั่นประณีต : นั่นคือธรรมชาติเป็นที่สงบระงับแห่งสังขารทั้งปวง
เป็นที่สลัดคืน ซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย
เป็นความดับ เป็นนิพพาน (เย็น)" ดังนี้.

อานนท์ ! อย่างนี้แล การที่ภิกษุได้สมาธิชนิดที่มีผล คือ
ไม่มีอหังการะ มมังการะ-มานานุสัย ในกายอันมีวิญญาณนี้ ด้วย,
ไม่มีอหังการะ มมังการะ-มามานุสัย ในนิมิตทั้งปวงในภายนอกด้วย,
และเธอนั้นเข้าถึงแล้วแลอยู่ ซึ่งเจโตวิมุตติ..ปัญญาวิมุตติ
อันไม่มีอหังการะ..มมังการะ..มานานุสัย ด้วย.

อานนท์ ! ข้อนี้เรากล่าวอาศัยคำ กล่าว ในการตอบปัญหาแก่ปุณณก-มาณพ ในปารายนสมาคม ว่า :-

"ท่านผู้ใด พิจารณาเห็นแล้ว ซึ่งสภาพยิ่งและหย่อนในโลก(ว่าเป็นของว่างเสมอกัน)
ไม่มีความหวั่นไหวไปในอารมณ์ไหน ๆ ในโลกเลย,
เป็นผู้รำงับสงบแล้ว ไม่มีกิเลสฟุ้งกลุ้มเหมือนควัน
ไม่มีความทุกข์ความคับแค้นแล้ว เป็นผู้ไม่หวังอะไรแล้ว,
เราตถาคตกล่าว..ผู้นั้น ว่าเป็นผู้ข้ามเสียได้ซึ่งความเกิดและความแก่" ดังนี้แล.

:b42: :b42: :b42:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 05:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 07:19
โพสต์: 89


 ข้อมูลส่วนตัว




ในคัมภีร์วิภังค์ เรียกปปัญจะ 3 นี้เป็น ฉันทะ (คือตัณหา) มานะ ทิฏฐิ
:b41: :b41: :b41:

[91] ปปัญจะ, ปปัญจธรรม 3

กิเลสเครื่องเนิ่นช้า,
กิเลสที่เป็นตัวการทำให้คิดปรุงแต่งยืดเยื้อพิสดาร
ทำให้เขว ห่างออกไปจากความเป็นจริงที่ง่ายๆ เปิดเผย
ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ และขัดขวางไม่ให้เข้าถึงความจริง
หรือทำให้ไม่อาจแก้ปัญหาอย่างถูกทางตรงไปตรงมา

1. ตัณหา
ความทะยานอยาก,
ความปรารถนาที่จะบำรุงบำเรอปรนเปรอตน,
ความอยากได้อยากเอา

2. ทิฏฐิ
ความคิดเห็น ความเชื่อถือ ลัทธิ ทฤษฎี อุดมการณ์ต่างๆ ที่ยึดถือไว้โดยงมงาย
หรือโดยอาการเชิดชูว่าอย่างนี้เท่านั้นจริง อย่างอื่นเท็จทั้งนั้น เป็นต้น
ทำให้ปิดตัวแคบ ไม่ยอมรับฟังใคร
ตัดโอกาสที่จะเจริญปัญญา หรือคิดเตลิดไปข้างเดียว
ตลอดจนเป็นเหตุแห่งการเบียดเบียนบีบคั้นผู้อื่นที่ไม่ถืออย่างตน,
ความยึดติดในทฤษฎี ฯลฯ ถือความคิดเห็นเป็นความจริง

3. มานะ
ความถือตัว,
ความสำคัญตนว่าเป็นนั่นเป็นนี่
ถือสูงถือต่ำ ยิ่งใหญ่เท่าเทียม หรือด้อยกว่าผู้อื่น,
ความอยากเด่นอยากยกชูตนให้ยิ่งใหญ่
:b42: :b42: :b42:




แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร