วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 01:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2010, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2009, 22:05
โพสต์: 80

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จากข้อความที่กระผมอ่านมาที่ว่า “คนเราจะเกิดมาได้นั้นต้องอาศัยวิญญาณมาปฎิสนธิในท้องแม่ คือ มาเกิดในไข่ที่ผสมแล้วจึงจะเกิดเป็นคน “ อ่านแล้วเกิดความสงสัยจึงขอกราบเรียนถาม(อาจเป็นคำถามโง่ๆก็ได้ครับ..ขอโทษครับ)ว่า
(1) ไข่ที่ผสมกันแล้วหากวิญญาณไม่มาปฎิสนธิจะเกิดเป็นคนไม่ได้หรือครับ
(2) แต่ที่กระผมเห็นในทีวีเห็นเขาเอากล้องขยายส่องในน้ำเชื้อหรืออสุจิของผู้ชายเห็นมีตัวเล็กๆวิ่งไปๆมาๆเป็นแสนเป็นล้านตัวนั้น การที่มันวิ่งไปมาแสดงว่ามันมีชีวิตแล้วไม่ใช่หรือครับแล้วมันจึงวิ่งเข้าไปผสมกับไข่ของฝ่ายหญิง ถ้าเป็นอย่างคำถามข้อ (1) ก็แสดงว่าตัวที่วิ่งไปมานั้นมันคงไม่เกี่ยวกับวิญญาณ หรือว่าอย่างไรครับ กระผมไม่รู้ กระผมอ่านจากหนังสือจึงเกิดสงสัยจึงถามมาตามนี้ครับ ช่วยให้ความกระจ่างให้ด้วยครับ ขอบพระคุณครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2010, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


amam เขียน:
จากข้อความที่กระผมอ่านมาที่ว่า “คนเราจะเกิดมาได้นั้นต้องอาศัยวิญญาณมาปฎิสนธิในท้องแม่ คือ มาเกิดในไข่ที่ผสมแล้วจึงจะเกิดเป็นคน “ อ่านแล้วเกิดความสงสัยจึงขอกราบเรียนถาม(อาจเป็นคำถามโง่ๆก็ได้ครับ..ขอโทษครับ)ว่า
(1) ไข่ที่ผสมกันแล้วหากวิญญาณไม่มาปฎิสนธิจะเกิดเป็นคนไม่ได้หรือครับ
(2) แต่ที่กระผมเห็นในทีวีเห็นเขาเอากล้องขยายส่องในน้ำเชื้อหรืออสุจิของผู้ชายเห็นมีตัวเล็กๆวิ่งไปๆมาๆเป็นแสนเป็นล้านตัวนั้น การที่มันวิ่งไปมาแสดงว่ามันมีชีวิตแล้วไม่ใช่หรือครับแล้วมันจึงวิ่งเข้าไปผสมกับไข่ของฝ่ายหญิง ถ้าเป็นอย่างคำถามข้อ (1) ก็แสดงว่าตัวที่วิ่งไปมานั้นมันคงไม่เกี่ยวกับวิญญาณ หรือว่าอย่างไรครับ กระผมไม่รู้ กระผมอ่านจากหนังสือจึงเกิดสงสัยจึงถามมาตามนี้ครับ ช่วยให้ความกระจ่างให้ด้วยครับ ขอบพระคุณครับ

แล้วส่วนตัวท่านเองเชื่อสิ่งที่อ่านมา หรือเชื่อสิ่งที่เขาฉายให้เห็นในทีวีล่ะครับ :b10: :b10:
ท่านสงสัยเรื่องการเกิด ท่านลองพิจารณาปฏิจสมุปบาทดู บางทีท่านอาจจะเข้าใจ :b13: :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2010, 17:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


บางคนก็ว่า มีวิญญาณในตัวอสุจิ ............ ส่วนน้อย
แต่บางอาจารย์ ก็บอกว่า ไม่มี ..........ส่วนใหญ๋

อีกส่วนเชื่อว่า ไม่มีวิญญาณล่องลอยไปเกิดแต่อย่างใด เชื่อแต่มิติที่เห็นด้วยตาเท่านั้น

การไม่ตัวตน สัตว์ บุคคล เป็นเช่นนั้นไป

กลายเป็นว่า คนเราตายไปแล้ว ก็จบกันไป นอกจากซากศพแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีก
ทั้งรูปทั้งนามดับไปพร้อมกับ ความตาย

เชื่อว่า นามรูป เกิดจากเหตุปัจจัย เหตุปัจจัยดับ นามรูปก็ดับตาม
คิดเอง เออเอง เชื่อเองไปว่า เหตุปัจจัยอันนั้น ก็คือ ร่างกายมนุษย์ และลมหายใจเข้าออก

สิ้นลมหายใจแล้ว หมดเหตุหมดปัจจัย

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2010, 23:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
[๔๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะความประชุมพร้อมแห่งปัจจัย ๓ ประการ ความเกิด
แห่งทารกก็มี
ในสัตว์โลกนี้ มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน แต่มารดายังไม่มีระดู และทารกที่จะมาเกิดยังไม่ปรากฏ ความเกิดแห่งทารก ก็ยังไม่มีก่อน

ในสัตว์โลกนี้ มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน มารดามีระดู แต่ทารกที่จะมาเกิดยังไม่ปรากฏ ความเกิดแห่งทารก ก็ยังไม่มีก่อน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เมื่อใดมารดาบิดาอยู่ร่วมกันด้วย มารดามีระดูด้วย ทารกที่จะมาเกิดก็ปรากฏด้วย


เพราะความประชุมพร้อมแห่งปัจจัย ๓ ประการอย่างนี้ ความเกิดแห่งทารกจึงมี


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=12&A=8041&Z=8506&pagebreak=0

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2010, 23:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amam เขียน:
(1) ไข่ที่ผสมกันแล้วหากวิญญาณไม่มาปฎิสนธิจะเกิดเป็นคนไม่ได้หรือครับ

เกิดไม่ได้ครับ แท้งไปก็มีครับ หลุดจากรังไข่ไปก็มีครับ


amam เขียน:
(2) แต่ที่กระผมเห็นในทีวีเห็นเขาเอากล้องขยายส่องในน้ำเชื้อหรืออสุจิของผู้ชายเห็นมีตัวเล็กๆวิ่งไปๆมาๆเป็นแสนเป็นล้านตัวนั้น การที่มันวิ่งไปมาแสดงว่ามันมีชีวิตแล้วไม่ใช่หรือครับแล้วมันจึงวิ่งเข้าไปผสมกับไข่ของฝ่ายหญิง ถ้าเป็นอย่างคำถามข้อ (1) ก็แสดงว่าตัวที่วิ่งไปมานั้นมันคงไม่เกี่ยวกับวิญญาณ หรือว่าอย่างไรครับ กระผมไม่รู้ กระผมอ่านจากหนังสือจึงเกิดสงสัยจึงถามมาตามนี้ครับ ช่วยให้ความกระจ่างให้ด้วยครับ ขอบพระคุณครับ


เชื้ออสุจิ ไม่มีวิญญาณครับ เป็นเพียง กรัชกายครับ อาศัยน้ำ เป็นองค์ประกอบเพื่อรอปฏิสนธิวิญญาณส่วนหนึ่งเองครับ เราเรียกเชื้อนี้อีกอย่างว่า กรัชกายครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2010, 01:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 23:17
โพสต์: 257

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประเภทธรรมะ
ชื่อเล่น: หยุย
อายุ: 0
ที่อยู่: ห้วยขวาง

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยครับกับคุณ เช่นนั้น แต่ผมจะขอตอบต่อจากท่านอื่นตามความรู้ของผมที่มีอยู่ว่า เมื่อน้ำอสุจิ
ว่ายเข้าไปในรังไข่ซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาลนั้น ก็จะมีเพียงแค่ 1 ตัวเท่านั้นที่ได้วิ่งเข้าไปผสมกับกับไข่
จนเกิดเป็นก้อนเลือดและเริ่มสร้างเซลล์ร่างกายขึ้นมาตามธรรมชาติ ซึ่งตอนนี้แหละที่จะมีวิญญาณที่พร้อมจะมาปฎิสนธิ(เกิด)อยู่ในครรภ์ของผู้หญิงครับ ส่วนจะเกิดมาโดยปกติหรือผิดปกตินั้น กรรมเท่านั้น
ที่นำเกิดให้เป็นไปตามกรรมที่วิญญาณนั้นได้กระทำไว้ (ชนกกรรม) ครับผม
:b9:

.....................................................
สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม
ทุกอย่างไม่ควรยึดถือ
อกุศลน้อยนิด อย่าคิดทำ
กุศลน้อยนิด ให้คิดทำ
ทำกุศลวันละนิด ดีกว่าคิดที่จะทำ

พระพุทธองค์ยังถูกนินทา
ประชาชนธรรมดามีหรือจะหนีพ้น

ไม่อยากทุกข์แต่ก็เป็นทุกข์ ถ้าไม่เรียนรู้ทุกข์ จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร


แก้ไขล่าสุดโดย หัสพล พวงแก้ว เมื่อ 19 ต.ค. 2010, 01:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2010, 15:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 11:59
โพสต์: 105

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะเชื่ออย่างใด ก็ตาม
แต่ความทุกข์อันมีสาเหตุมาจาก ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตาย ก็คงมีอยู่

ทำอย่างไร จึงจะพ้นไปจากความทุกข์ อันมีสาเหตุมาจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย
มรรคมีองค์๘ คือข้อปฏิบัติเพื่อความพ้นไปจาก ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย

รู้ว่าอสุจิ จะมีวิญญาณหรือไม่มีวิญญาณ.
หาทำให้ทุกข์อันมีสาเหตุมาจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ดับลงไปได้แต่อย่างไร.

ตัณหา ไม่มีอยู่ณ.ที่แห่งใด
ณ.ที่แห่งนั้นย่อมปราศจากวิญญาณ...

ณ.ที่แห่งใด ไม่มีวิญญาณ
ณ.ที่แห่งนั้น การก้าวลงแห่งนามรูปย่อมเป็นไปไม่ได้...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2010, 18:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
ตัณหา ไม่มีอยู่ณ.ที่แห่งใด
ณ.ที่แห่งนั้นย่อมปราศจากวิญญาณ..
.

คุณอนัตตญาณครับ
พระอรหันต์ละตัณหา ได้ แต่ทำไมยังมีวิญญาณล่ะครับ
พระอรหันต์ละตัณหาได้แบบสมุทเฉจ
แต่ยังมีวิญญาณ6 เกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย6 แห่ง เรียกว่าวัตถุ6

อ้างคำพูด:
สัมผัส หรือ ผัสสะ มีหกอย่าง คือ

จักขุสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางตา คือ ตา+รูป+จักขุวิญญาณ
โสตสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางหู คือ หู+เสียง+โสตวิญญาณ
ฆานสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางจมูก คือ จมูก+กลิ่น+ฆานวิญญาณ
ชิวหาสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางลิ้น คือ ลิ้น+รส+ชิวหาวิญญาณ
กายสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางกาย คือ กาย+โผฏฐัพพะ(เช่น ร้อน เย็น อ่อน แข็ง)+กายวิญญาณ
มโนสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางใจ คือ ใจ+ธรรมารมณ์(สิ่งที่ใจนึกคิด)+มโนวิญญาณ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2010, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
อ้างคำพูด:
ตัณหา ไม่มีอยู่ณ.ที่แห่งใด
ณ.ที่แห่งนั้นย่อมปราศจากวิญญาณ..
.

คุณอนัตตญาณครับ
พระอรหันต์ละตัณหา ได้ แต่ทำไมยังมีวิญญาณล่ะครับ
พระอรหันต์ละตัณหาได้แบบสมุทเฉจ
แต่ยังมีวิญญาณ6 เกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย6 แห่ง เรียกว่าวัตถุ6

อ้างคำพูด:
สัมผัส หรือ ผัสสะ มีหกอย่าง คือ

จักขุสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางตา คือ ตา+รูป+จักขุวิญญาณ
โสตสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางหู คือ หู+เสียง+โสตวิญญาณ
ฆานสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางจมูก คือ จมูก+กลิ่น+ฆานวิญญาณ
ชิวหาสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางลิ้น คือ ลิ้น+รส+ชิวหาวิญญาณ
กายสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางกาย คือ กาย+โผฏฐัพพะ(เช่น ร้อน เย็น อ่อน แข็ง)+กายวิญญาณ
มโนสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางใจ คือ ใจ+ธรรมารมณ์(สิ่งที่ใจนึกคิด)+มโนวิญญาณ


ขอร่วมด้วยช่วยถามนะคะ...
เพราะเอกอนก็มีความเข้าใจบางอย่าง...ที่อยากให้ช่วยสอบทาน...

ละ...ไม่ได้หมายว่า...ไม่มี

หากไม่มีตัณหา...การน้อมไปในย่อมไม่มี...
เมื่อการน้อมไปในไม่มี...การเกิดย่อมไม่มี...

การละ...กับการไม่มี...คนละนัยกัน...

เอกอน...เห็นว่างั๊นค่ะ...

คือ...ในแง่มุมที่เอกอนเข้าใจ...
ตัณหา...ไม่ใช่หมายความอย่างที่ภาษาว่าไว้...
แต่...ภาษานั้นบอกลักษณะสภาวะการแสดงออกของตัณหา...แต่ไม่ใช่ตัณหา...

ตัณหาที่เอกอนสังเกตพิจารณานั้น...อยู่ในรูปของสภาวะที่มีลักษณะเหนี่ยวนำจิตให้น้อมไปใน

ซึ่งหากไม่มีสภาวะดังกล่าวปรากฎ...จิตย่อมไม่น้อมไปใน...

เอกอนเข้าใจเช่นนี้...ท่านอนัตต- ช่วยชี้แนะด้วย...

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2010, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีค่ะ คุณamam

ไข่ที่ได้รับการผสมกับอสุจิแล้ว ถ้าไม่มี "วิญญาณแรก" เข้าอยู่อาศัย จะไม่มีการ "ปฏิสนธิ" ไข่จะฝ่อไปในที่สุด การเกิดของ "มนุษย์" ประกอบด้วย รูปและนาม รูปประชุมด้วยธาตุทั้งสี่ นามประกอบด้วย จิต หรือ วิญญาณ
ความเป็น "มนุษย์" จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่บริบูรณ์ด้วยศีล 5

ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม :b8:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2010, 00:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณอนัตตญาณ เขียน:
ตัณหา ไม่มีอยู่ณ.ที่แห่งใด
ณ.ที่แห่งนั้นย่อมปราศจากวิญญาณ..
.

govit2552 เขียน:
คุณอนัตตญาณครับ
พระอรหันต์ละตัณหา ได้ แต่ทำไมยังมีวิญญาณล่ะครับ
พระอรหันต์ละตัณหาได้แบบสมุทเฉจ
แต่ยังมีวิญญาณ6 เกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย6 แห่ง เรียกว่าวัตถุ6


เอรากอน เขียน:
ตัณหาที่เอกอนสังเกตพิจารณานั้น...อยู่ในรูปของสภาวะที่มีลักษณะเหนี่ยวนำจิตให้น้อมไปใน

ซึ่งหากไม่มีสภาวะดังกล่าวปรากฎ...จิตย่อมไม่น้อมไปใน...

เอกอนเข้าใจเช่นนี้...ท่านอนัตต- ช่วยชี้แนะด้วย...

:b8: :b8: :b8:

:b12: :b12:

ชี้แนะ..คงต้องรอคุณอนัตตาญาณ..ละนะ..

ตรงนี้..แลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะ.. :b16:

วิญญาณ..ของคุณอนัตตาญาณ..เป็นวิญญาณในสายปฏิจสมุปบาท..สายดับครับ
เพราะตัณหาดับ..เวทนาจึงดับ..ผัสสะจึงดับ..สฬายาตนะจึงดับ..นามรูปจึงดับ..วิญญาณจึงดับ..สังขารจึงดับ..อวิชชาจึงดับ

วิญญาณ..ที่ท่านgovit2552..เป็นวิญญาณในนามรูป..หรือ..ขันธ์ 5..เมื่อนามรูปยังไม่แตกสลาย..วิญญาณขันธ์..ก็เป็นอยู่ของมันปกติ

ส่วนวิญญาณ..ของเอก่อน.. :b12: :b12: ..ไม่รู้ครับ
หากสภาวะนั้น..เกิดหลังจากที่รู้สึกว่า..สิ่งนั้น..ดี..ไม่ดี..สภาวะนั้นชื่อว่าตัณหา
หากสภาวะนั้น..เกิดก่อน..ที่จะรู้สึกว่าสิ่งนั้น..ดี..หรือไม่ดี..สภาวะนั้น(น่าจะ)ชื่อว่าอวิชชา

ที่จิตน้อมไปใน..เป็นอาการของจิตมีอุปาทานมั้งครับ

หากเห็นขนาดนี้..ก็เจ่งไปเลยครับ..เห็นอาการน้อมไปในของจิต..ก็ตีหัวขโมยได้เลย..ตีมันตรงช่องนี้แหละ..มันโผล่มาตรงนี้เมื่อไร..ก็ตีมันเมื่อนั้น.. :b34: :b34: ตีมันบ่อย ๆ ..เดียวมันก็เลิกมาขึ้นบ้านเอก่อนไปเองแหละ :b23: :b23:

อุปาทานขาด..วัฏฏจักรก็ขาด :b4: :b4: :b4: :b17: :b17: :b17: :b37: :b37:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 20 ต.ค. 2010, 00:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2010, 00:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
(1) ไข่ที่ผสมกันแล้วหากวิญญาณไม่มาปฎิสนธิจะเกิดเป็นคนไม่ได้หรือครับ
(2) แต่ที่กระผมเห็นในทีวีเห็นเขาเอากล้องขยายส่องในน้ำเชื้อหรืออสุจิของผู้ชายเห็นมีตัวเล็กๆวิ่งไปๆมาๆเป็นแสนเป็นล้านตัวนั้น การที่มันวิ่งไปมาแสดงว่ามันมีชีวิตแล้วไม่ใช่หรือครับแล้วมันจึงวิ่งเข้าไปผสมกับไข่ของฝ่ายหญิง ถ้าเป็นอย่างคำถามข้อ (1) ก็แสดงว่าตัวที่วิ่งไปมานั้นมันคงไม่เกี่ยวกับวิญญาณ หรือว่าอย่างไรครับ กระผมไม่รู้ กระผมอ่านจากหนังสือจึงเกิดสงสัยจึงถามมาตามนี้ครับ ช่วยให้ความกระจ่างให้ด้วยครับ ขอบพระคุณครับ


เคยอ่านเจออยู่บ่อยๆในหนังสือ แต่พอมาอ่านคำถามเพื่อนทางเว็ป วกกลับไปเปิดหนังสือก็ไม่รู้อยู่หน้าไหนแต่พอเข้าใจว่า

เชื้ออสุจิที่ว่ายไปมาเป็นล้านๆตัวศาสนาพุทธเราระบุว่า เป็นพลังงาน ไม่มีชีวิตจิตใจ แต่ถ้าวินาทีแรกที่ปฏิสนธิกับไข่ของมารดา จิตจะปฎิสนธิทันที ได้ชื่อว่ามีชีวิตใหม่เกิดขึ้น ตั้งแต่วินาทีนั้น หากไปทำแท้งได้ชื่อว่าฆ่ามนุษย์

ส่วนจิตถ้าหากไม่มาปฏิสนธิก็ไม่ชื่อว่าครบขบวนการปฏิสนธิไข่ของมารดาไม่น่าจะเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นร่างกายได้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร