วันเวลาปัจจุบัน 21 มิ.ย. 2025, 17:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2008, 22:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


เคยได้ยิน ท่านผู้รู้ท่านหนึ่ง
ท่านเล่าถึง เรื่อง

"ส้วมไม่ยอมล้าง แต่ กลับจะถามหาพระนิพพาน"

มีชาวเมืองท่านหนึ่ง ไปบวชปฏิบัติธรรม อยู่กับครูบาอาจารย์ในต่างจังหวัด
ที่วัด มีกำหนดเวรให้ พระเฌรทุกรูปทุกองค์ ต้องเวียนกันมาล้างส้วมวัด

มาวันหนึ่ง ถึงเวรของพระจากกรุงท่านนี้...
ท่านอิดๆออดๆ ไม่ค่อยจะยอมล้างส้วม ด้วยเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติธรรม
ไม่ใช่ธรรมอันสูงสุดที่ท่านค้นหา
ท่านชอบเอาแต่ถาม ธรรมที่สูงสุด คือ พระนิพพาน

มีวันหนึ่ง ท่านไปกราบเรียนถามท่านอาจารยย์ใหญ่ ว่า พระนิพพานตกลงแล้วเป็นอย่างไรแน่

คำตอบ ที่ท่านอาจารย์ตอบกลับมา ก็เป็นดังข้างต้น
คือ "ส้วมไม่ยอมล้าง แต่ กลับจะถามหาพระนิพพาน"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2008, 22:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


จุดหมายปลายทางก็เป็นสิ่งที่น่ารู้จริงๆ

แต่ ในเมื่อ ถ้า เราท่าน ยังไปไม่ถึงจุดหมายด้วยตนเอง
การที่เราศึกษาจากพระคัมภีร์ จากท่านผู้รู้อื่นๆ หรือ คาดคะเนเอาเอง ...มันก็ ยังไม่ใช่ ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ อยู่ดี



ผมชอบคำกล่าวที่ว่า

การใส่ใจในเส้นทางที่กำลังเดินอยู่ อาจสำคัญกว่าการที่จะมัวไปกังวลถึงจุดหมายปลายทาง

ถ้าทุกข์เดิม มีอยู่100
ปฏิบัติไป ทุกข์ลดลงเหลือ90
ปฏิบัติต่อไป ทุกข์ลดลงเหลือ80...70...60....ๆลๆ ตามลำดับ
ต่อให้ ไม่รู้แน่ชัดว่า ทุกข์0 เป็นเช่นใด แต่ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับ เรา-ท่าน ว่า ถ้าเดินไปในทางนี้ต่อไปเรื่อยๆ ... ความอัศดงแห่งทุกข์ ก็จะปรากฏให้เห็นเป็นแน่แท้

แทนที่จะมัวถามคนอื่นว่า ทุกข์0 เป็นอย่างไรกันแน่...
สู้ดีมาลงมือเดินทางเส้นนี้ดีกว่า เส้นทางแห่งอริยมรรคที่มีองค์แปดยังคงสมบูรณ์ชัดเจนทุกประการ

ด้วย มีรอยพระบาทของพระพุทธองค์ประทับให้เห็นรอย เป็นแนวอยู่

เร่งเดินตามกันเถิด ก่อนที่รอยพระบาทนั้นจะเลือนหายไปตามกาลเวลา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2008, 22:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่อง นิพพาน ที่แท้เป็นอย่างไร...พระอรหันต์สิ้นชีพไปแล้ว เป็นอย่างไร...พระอรหันต์สิ้นชีพไปแล้ว ไปที่ไหน
เป็นกระทู้ยอดฮิตในการเสวนา ลองค้นดูในกระทู้เก่าๆดู

แต่ ลงเอย ก็มักจะไม่มีคำตอบที่ทำให้ผู้ร่วมสนทนาสิ้นสงสัยได้



เรื่องเหล่านี้ มันเป็นเรื่องที่น่าสงสัยจริงๆ

ถ้าความน่าสงสัยนั้นๆ นำไปสู่การค้นคว้า และ ลงมือปฏิบัติ ก็อาจจะมีประโยชน์ในบางแง่มุม

แต่ ถ้าความน่าสงสัยนั้นๆ ไม่นำไปสู่การค้นคว้า และ ลงมือปฏิบัติ ก็เป็นเพียงความสงสัยลมๆแล้งๆ

หรือ ถ้าความน่าสงสัยนั้นๆ นำไปสู่ความลังเสงสัย(วิจิกิจฉา)ในพระพุทธเจ้า ในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จนไม่เป็นอันลงมือประพฤติปฏิบัติธรรม เพราะมัวแต่สงสัย....ความน่าสงสัยนั้นๆ อาจนำไปสู่นิวรณ์ และ ขัดขวางการพ้นทุกข์ ก็ได้



พระอรหันต์ "ดับขันธ์แล้ว"เป็น เช่นใดหนา

พึงระวัง วิจิกิจฉา พาถลำ

หันซ้าย หันขวา หน้าคะมำ

ล้มคว่ำ หกคะเมน ตีลังกา



ตรงประเด็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2008, 22:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อไรเราทิ้งโลก อันเป็นสิ่งที่เกิดจากราคะ โทสะ โมหะ เมื่อนั้นเราจะพบนิพพาน เพราะในนิพพานนั้น
เป็นที่ๆไม่มีราคะ โทสะ โมหะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2008, 08:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ที่จะกล่าว ว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ที่แท้จริงเป็นเช่นใด ก็ต้องประจักษ์แจ้งแทงตลอดใน นิพพานธาตุนั้นๆแล้ว

ถ้าไม่ใช่ ก็จะเป็นลักษณะ ตาบอดคลำช้าง

คนหนึ่งคลำไปเจอขา ก็บอกว่า ช้างเหมือนต้นกล้วย
คนหนึ่งคลำไปเจอหู ก็บอกว่าช้างเหมือนพัดใบตาล
คนหนึ่งคลำไปเจอหาง ก็บอกว่าช้างเหมือนเชือก
คนหนึ่งคลำไปเจอกองขี้ช้าง ก็บอกว่าช้างก็เหมือนขี้ของตนเองเพียงแต่กองใหญ่สักหน่อย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2008, 20:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเอาหลวงปู่ดูลย์มานำเสนอบ้งนะครับ

อ้างคำพูด:

“เรื่องของพระวินัยนั้น ให้ศึกษาอ่านตำรับตำราให้เข้าใจ ให้ถูกต้องทุกข้อมูล เพื่อปฏิบัติไม่ให้ผิด ส่วนธรรมะนั้นถ้าอ่านมากก็จะมีวิตกวิจารณ์มาก จึงไม่ต้องอ่านก็ได้ ขอให้ตั้งใจปฏิบัติเอาเพียงอย่างเดียวก็พอ”

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=3100



เมื่อพูดถึง มรรคผล นิพพาน สวรรค์ นรก ฯลฯ

พระอริยาจารย์ต่างๆ มักจะแนะนำหลักการและวิธี ให้ไปทำเอาเอง แล้วจะเข้าใจเอง


สำหรับอีกพวกหนึ่ง มักจะพยามอธิบายสิ่งเหล่านั้นว่าเป็นอย่างนั้น เห็นอย่างนี้ เจออย่างนั้น
ิัเป็นเหตุให้วิวาทะกันโดยใช่เหตุ
เหมือนนิทานปลากับเต่า

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2008, 15:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2008, 21:14
โพสต์: 546


 ข้อมูลส่วนตัว


นิพพานก็อยุ่ที่ใจ ใจนี้เป็นอย่างไรได้ ก็ทำงานได้ แต่เป็นนิพพาน คือ ไม่มีกิเลสไม่ร้อน
นิพพาน เป็น ใจที่ดับร้อน ก็จะต้องให้มันเป็นอย่างไร ในเมื่อมันดับร้อนดับหลง

.....................................................
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2010, 23:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ก.ย. 2010, 23:16
โพสต์: 77

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


๑ . วิมุตติ ความหลุดพ้น
อุทเทส
๑.วิราคา วิมุจฺจติ . เพราะสิ้นกำหนัด ย่อมหลุดพ้น,
อนัตตลักขณสูตร,
๒. กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ.
จิตหลุดพ้นแล้ว แม้จากอาสวะเนื่องด้วยกาม จิตหลุดพ้นแล้ว แม้จากอาสวะเนื่องด้วยภพ จิตหลุดพ้นแล้ว แม้จากอาสวะเนื่องด้วยอวิชชา.
มหาวิภงฺค วินย,

๓. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติ, เมื่อหลุดพ้นแล้ว ญาณว่าหลุดพ้นแล้ว ย่อมมี.

อตฺถิ ภิกขเว อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขตํ. ภิกษุทั้งหลาย อายตนะอันไม่เกิดแล้ว

อันปัจจัยไม่ทำแล้ว ไม่แต่งแล้ว มีอยู่(หมายถึงจิตหรือรู้ที่บริสุทธิ์ล้วนๆนั่นเองคืออายตนะนิพาน )
ปาฏลิคามิวคฺค อุทาน.
พระนิพพานอยู่ที่ใจ พระนิพพานอยู่ที่ใจ เห็นไหมเล่า ? ไม่มีว่างไม่มีเปล่า อยู่ทั้งนั้น
จะมีอะไรเป็นเรา ที่ไหนกัน ? ทุกสิ่งนั้นดับไป เหลือใจเอย
ชีวิตนี้ น้อยๆและสั้นๆ อย่าพากันปล่อยใจ เลยท่านเอ๋ย
มีสติรู้อยู่ที่ใจ ให้คุ้นเคย ต้องได้เชยชม พระนิพพานอยู่ที่ใจ
เป็นการอยู่กับผู้รู้ ละกิเลส จะมีเพศชั้นวรรณะ กันที่ไหน ?
ทุกขณะที่รู้ อยู่กับใจ จงหมั่นใช้ปัญญา รู้ของจริง
รู้ของจริงทิ้งของเท็จ ได้เด็ดเดี่ยว ไม่เกาะเกี่ยวแม้ความว่าง สว่างยิ่ง
รู้อะไรก็ไม่สู้ รู้ใจจริง ยิ่งรู้ยิ่งหลุดพ้น ไม่ต้องเบิกบาน
ความร้อนร้นหม่นไหม้ ไกลใจหมด พระนิพพานปรากฏ ก็ไม่ยึดเป็นแก่นสาร
มีสติรู้ให้ได้ ทุกอาการ จะพบพระนิพพานจริงๆ ที่ใจเอย !
พระนิพพาน
พระนิพพาน พ้นจากความมีและไม่มีให้คนเห็น
พระนิพพาน พ้นจากความเป็นและไม่เป็นเช่นสังขาร
พระนิพพาน พ้นจากความหมายและไม่หมายให้วิจารณ์
พระนิพพาน ไม่เกิด-ไม่ดับ คือจิตหรือรู้ล้วนๆที่บริสุทธิ์เอย !


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2010, 20:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 13:15
โพสต์: 34

แนวปฏิบัติ: สมาถะ วิปัสสนาญาน ลมหายใจมิมีสิ้นสุด มิมีประมาณ
งานอดิเรก: ธรรมะเกิดที่ใจ ไปให้ถึงธรรม จึ่งมีธรรมประจำใจ บ้านเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ธรรมะ ทุกแนว "รอยเท้าสัตว์ย่อมรวมลงในเท้าช้าง"ฉันใด ก็ฉันนั้น
ชื่อเล่น: out
อายุ: 47
ที่อยู่: จังหวัดแพร่

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
อ้างคำพูด:
๑ . วิมุตติ ความหลุดพ้น
อุทเทส
๑.วิราคา วิมุจฺจติ . เพราะสิ้นกำหนัด ย่อมหลุดพ้น,
อนัตตลักขณสูตร,
๒. กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ.
จิตหลุดพ้นแล้ว แม้จากอาสวะเนื่องด้วยกาม จิตหลุดพ้นแล้ว แม้จากอาสวะเนื่องด้วยภพ จิตหลุดพ้นแล้ว แม้จากอาสวะเนื่องด้วยอวิชชา.
มหาวิภงฺค วินย,

๓. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติ, เมื่อหลุดพ้นแล้ว ญาณว่าหลุดพ้นแล้ว ย่อมมี.

อตฺถิ ภิกขเว อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขตํ. ภิกษุทั้งหลาย อายตนะอันไม่เกิดแล้ว

อันปัจจัยไม่ทำแล้ว ไม่แต่งแล้ว มีอยู่(หมายถึงจิตหรือรู้ที่บริสุทธิ์ล้วนๆนั่นเองคืออายตนะนิพาน )
ปาฏลิคามิวคฺค อุทาน.
พระนิพพานอยู่ที่ใจ พระนิพพานอยู่ที่ใจ เห็นไหมเล่า ? ไม่มีว่างไม่มีเปล่า อยู่ทั้งนั้น
จะมีอะไรเป็นเรา ที่ไหนกัน ? ทุกสิ่งนั้นดับไป เหลือใจเอย
ชีวิตนี้ น้อยๆและสั้นๆ อย่าพากันปล่อยใจ เลยท่านเอ๋ย
มีสติรู้อยู่ที่ใจ ให้คุ้นเคย ต้องได้เชยชม พระนิพพานอยู่ที่ใจ
เป็นการอยู่กับผู้รู้ ละกิเลส จะมีเพศชั้นวรรณะ กันที่ไหน ?
ทุกขณะที่รู้ อยู่กับใจ จงหมั่นใช้ปัญญา รู้ของจริง
รู้ของจริงทิ้งของเท็จ ได้เด็ดเดี่ยว ไม่เกาะเกี่ยวแม้ความว่าง สว่างยิ่ง
รู้อะไรก็ไม่สู้ รู้ใจจริง ยิ่งรู้ยิ่งหลุดพ้น ไม่ต้องเบิกบาน
ความร้อนร้นหม่นไหม้ ไกลใจหมด พระนิพพานปรากฏ ก็ไม่ยึดเป็นแก่นสาร
มีสติรู้ให้ได้ ทุกอาการ จะพบพระนิพพานจริงๆ ที่ใจเอย !
พระนิพพาน
พระนิพพาน พ้นจากความมีและไม่มีให้คนเห็น
พระนิพพาน พ้นจากความเป็นและไม่เป็นเช่นสังขาร
พระนิพพาน พ้นจากความหมายและไม่หมายให้วิจารณ์
พระนิพพาน ไม่เกิด-ไม่ดับ คือจิตหรือรู้ล้วนๆที่บริสุทธิ์เอย !


อนุโมทนาสาธุค่ะท่าน
ล้วนอยู่ที่ใจของตัวของตนเอง พึงสังวรแบบไหน ศีลเป็นอย่างไร เพียรละเยี่ยงไร ล้วนใจกำหนดรู้ สงบอยู่แต่ใจมิไปเป็นถ้อยคำ ..สาธุ สาธุ :b44:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร