วันเวลาปัจจุบัน 16 มิ.ย. 2025, 00:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2010, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่รู้ว่าผมแปลกรึเปล่าที่เห็นคำสอนของท่านสอดคล้องกับครูบาอาจารย์ท่านๆอื่นๆ รูปแบบในการสอนหรือคำในการสอนอาจต่างกันไปตามวาสนาของครูบาอาจารย์แต่ละท่าน เหมือนมีรสอยู่รสๆหนึ่งซึ่งไม่มีรสใดในโลกเหมือน ผู้ที่ได้ชิมมาแล้วคนหนึ่งบอกว่ารสคล้ายมะม่วง อีกคนบอกว่าคล้ายหว้า อีกคนบอกว่าคล้ายขนุน ผมว่าท่านต่างๆเหล่านั้นบอกไม่ผิด ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ลิ้มรสนั้นถึงจะบอกตามว่ามะม่วง,หว้า,ขนุน ผมก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าท่านที่พูดตามถูก

พระท่านหนึ่งสอนผมไว้ว่าครูบาอาจารย์ต่างๆไม่ทะเลาะกันหรอกเพราะคำสอนก็ลงที่ธรรมเดียวกัน มีแต่ลูกศิษฐ์นี่สิที่-ดกันเอาเป็นเอาตาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2010, 17:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2008, 18:29
โพสต์: 200

แนวปฏิบัติ: ธรรมะเพื่อพระนิพพาน
งานอดิเรก: สนธนาธรรม
อายุ: 0
ที่อยู่: ราชบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อตายแล้วจิตไม่ได้สูญตามร่างกาย จิตต้องไปหาที่อยู่ใหม่
ตามผลบุญผลบาป นิพพานก็ไม่ได้สูญไปใหน ยังมีจิตที่สะอาดปราศจากกิเลส
อันได้แก่ พระพุทธเจ้าหลายแสนพระองค์,พระปัจเจกพุทธเจ้าหลายล้านพระองค์
และพระอรหันต์อีกหลายล้านๆพระองค์ ท่านคอยดลจิตดลใจลูกหลานให้ทำความดี
เพื่อความหลุดพ้นวัฏทุกข์ กลับเข้าอภิวาทแทบพระบาทองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เบื้องบนสวรรค์นิพพาน สวรรค์นิรันดร

นิพพานัง ปรมัง สุญญัง = นิพพานสูญจากกิเลส ตัณหา อวิชชา อุปาทาน อกุศลกรรม
จากขันธ์5 สูญสิ้นจากความทุกข์ จากภพชาติ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป สิ้นจากความหลง
ว่าเป็นคนนั้นดี เป็นเทพดี เป็นพรหมดี
นิพพานัง ปรมัง สุขัง = นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง มีความเป็นทิพย์ทุกประการ

.....................................................
มโนมยิทธิ=เราคิดถึงพระฯ , แสงทิพย์นิพพาน=พระฯคิดถึงเรา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2010, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ธ.ค. 2010, 14:56
โพสต์: 122

โฮมเพจ: chanachai20102553@gmail.com
แนวปฏิบัติ: ค้นหาธรรมของพุทธเจ้า
งานอดิเรก: มองธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่ม
ชื่อเล่น: แค่นามสมมุติ
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ดูก่อนท่านทั้งหลาย................................

ท่านเห็นต้นไม้รึไม่ พึงพิจารณาดังนี้
มีราก มีต้น มีกิ่ง มีตา มีใบไม้ มีดอกไม้ มีการแห้งเหี่ยว มีความต้องการน้ำ แสงแดด ปุ๋ย ท่านทั้งหลายเอ๋ย...................แม้ต่างเผ่าพันธุ์กัน แต่ก็คือ ต้นไม้ ธรรมของพระพุทธเจ้าก็เช่นเดียวกัน

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม.............................

.....................................................
เราจักขออำนาจบุญกุศลที่ตัวเราได้กระทำไว้ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต
จงแผ่อำนาจแห่งบุญกุศลทั้งหลายไปสู่ทั่วทั้งสากลโลก ทั้ง16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน วิญญาณที่มีรูป และ ไม่มีรูป ทั่วทั้งทุกอณูใน 3 โลกจงได้รับแห่งบุญกุศลที่เราได้จักกระทำไว้ด้วยเทอญ สาธุ.................................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2010, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


พุทธทาส: เราไม่ได้พูดว่า ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์ หรือแม้แต่หลังจากตายแล้ว เราว่ามีทั้งสองอย่าง นรกสวรรค์ต่อตายแล้ว ก็ว่าไปตามเดิม ไม่ไปแตะต้องเขา นรกสวรรค์ที่นี่และเดี๋ยวนี้ นี่ยืนยันมากให้ตรงตามพุทธประสงค์ นรกสวรรค์อยู่ที่อายตนะทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นอันว่ามันมีนรกชนิดนี้ก็มี นรกสวรรค์ต่อตายแล้วไม่ได้ไปแตะต้องเขา ไม่ได้ไปวิพากษ์วิจารณ์เขา ขอให้เก็บไว้ แต่ควบคุมได้ โดยที่จัดนรกสวรรค์เดี๋ยวนี้ให้ถูกต้อง มันควบคุมถึงไปได้ถึงสวรรค์ต่อตายแล้ว เป็นอันว่ามีนรกสวรรค์ทั้งสองชนิด ทั้งสองประเภท ไม่ได้ยกเลิกชนิดไหนเลย

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2010, 22:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 22:40
โพสต์: 142

แนวปฏิบัติ: ไม่มีอะไรต้องปฏิบัติ
งานอดิเรก: ทำงานให้สุญญตา
สิ่งที่ชื่นชอบ: พุทธทาสภิกขุ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดับไม่เหลือ

อย่าเข้าใจ ไปว่า ต้องเรียนมาก
ต้องปฏิบัติ ลำบาก จึ่งพ้นได้
ถ้ารู้จริง สิ่งเดียว ก็ง่ายดาย
รู้ดับให้ ไม่มีเหลือ เชื่อก็ลอง

เมื่อเจ็บไข้ ความตาย จะมาถึง
อย่าพรั่นพรึง หวาดไหว ให้หม่นหมอง
ระวังให้ ดีดี “นาทีทอง”
คอยจดจ้อง ให้ตรงจุด หลุดได้ทัน

ถึงนาที สุดท้าย อย่าให้พลาด
ตั้งสติ ไม่ประมาท เพื่อดับขันธ์
ด้วยจิตว่าง ปล่อยวาง ทุกสิ่งอัน
สารพัน ไม่ยึดครอง เป็นของเรา

ตกกระได พลอยกระโจน ให้ดีดี
จะถึงที่ มุ่งหมาย ได้ง่ายเข้า
สมัครใจ ดับไม่เหลือ เมื่อไม่เอา
ก็ดับ “เรา” ดับตน ดลนิพพานฯ


พุทธทาสภิกขุ....



นำมาฝากคุณ din ค่ะ :b39:
คนที่ทานมะม่วงจากผลเดียวกัน ย่อมรู้รสของมะม่วง รู้จักมะ่ม่วงผลนั้น
คำพูดไม่สามารถบอกถึงรสชาดของมะม่วงที่ทุกคนลิ้มรส
แต่รสชาดที่สัมผัสลิ้นของแต่ละคน ไม่แตกต่างกัน รสเดียวกัน

รสของธรรมะก็เช่นเดียวกัน ถ้าสัมผัสจริงๆ ไม่ถกเถียงกันหรอก
ปล่อยให้เขาชนะ ให้เขาฉลาดไปเถอะ เราปิดหู ปิดตา ปิดปาก สบายกว่า ( :
ให้ธรรมะของท่านอาจารย์ เข้ามาอยู่ในเนื้อในตัว ในจิตใจ ดีกว่าไปทุ่มเถียงกัน

.....................................................
สนทนาธรรมกันด้วยเอ็นดูเมตตาเกื้อกูลกัน มี "สัมมาวาจา"
ชวนกันสนทนาเรื่องทุกข์กับดับทุกข์ ถ้าไปเรื่องอื่น มันมีแต่เรื่องทุกข์มากขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2010, 06:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตะเกียงแก้ว เขียน:
นำมาฝากคุณ din ค่ะ :b39:
คนที่ทานมะม่วงจากผลเดียวกัน ย่อมรู้รสของมะม่วง รู้จักมะ่ม่วงผลนั้น
คำพูดไม่สามารถบอกถึงรสชาดของมะม่วงที่ทุกคนลิ้มรส
แต่รสชาดที่สัมผัสลิ้นของแต่ละคน ไม่แตกต่างกัน รสเดียวกัน

รสของธรรมะก็เช่นเดียวกัน ถ้าสัมผัสจริงๆ ไม่ถกเถียงกันหรอก
ปล่อยให้เขาชนะ ให้เขาฉลาดไปเถอะ เราปิดหู ปิดตา ปิดปาก สบายกว่า ( :
ให้ธรรมะของท่านอาจารย์ เข้ามาอยู่ในเนื้อในตัว ในจิตใจ ดีกว่าไปทุ่มเถียงกัน

คุณตะเกียงแก้วครับ ก่อนที่คุณจะสอนใครคุณเคยสำรวจตัวเองก่อนหรือเปล่าว่า
ตัวคุณเองทำได้หรือไม่ ผมเคยเห็นคุณไปด่าอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับการดูจิตท่านหนึ่งไว้
ลักษณะการด่าของคุณประมาณว่า อยากให้พระท่านนั้นจมธรณีไปเลย
ผมอยากจะแนะนำครับว่า ก่อนที่จะแสดงความเห็นอะไร เราควรพิจารณาสิ่งที่เรา
เคยแสดงไว้ในอดีตบ้างว่าเคยทำอะไรไว้ มิเช่นนั้นตัวคุณเองนั้นแหล่ะสมควรที่จะโดนด่ามากกว่าใคร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=34664


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2010, 11:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ความศรัทธา เป็นดาบ2 คม

หากศรัทธาต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เราย่อมปฎิบัตืต่อเขาดี คิดในเรื่องที่ดี มีความสุขใจที่ได้ศรัทธาต่อบุคคลนั้น

แต่หากว่ามีคนอื่นไม่ศรัทธาเหมือนเรา เขาย่อมอาจจะไม่ปฎิบัติดีต่อคนที่เราศรัทธา อาจจะกล่าวว่าในเรื่องไม่ดีต่อคนที่เราศรัทธา เราจะมีความรู้สึกไม่ดี นี้คือดาบ2คมที่เกี่ยวกับความศรัทธา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2010, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 22:40
โพสต์: 142

แนวปฏิบัติ: ไม่มีอะไรต้องปฏิบัติ
งานอดิเรก: ทำงานให้สุญญตา
สิ่งที่ชื่นชอบ: พุทธทาสภิกขุ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: อะไรที่จบไปแล้ว....ก็ให้จบกันเถอะ
เราก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวใดๆด้วย "แค่แสดงจุดยืน"
แสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เคยทำไว้ หมดหน้าที่แล้ว
ส่วนคนที่ยังไม่จบ ก็เรื่องของคนนั้น ผลกรรมก็ของคนนั้น

ส่วนใครจะด่า ใครจะว่า ก็เรื่องของคนด่า เราไม่ได้ทำ
คนทำเขาก็ร้อนของเขาเองล่ะ

ขออโหสิกรรม บุญใดๆที่ได้ทำไว้ ก็ขอแผ่ส่วนบุญให้ได้รับ

.....................................................
สนทนาธรรมกันด้วยเอ็นดูเมตตาเกื้อกูลกัน มี "สัมมาวาจา"
ชวนกันสนทนาเรื่องทุกข์กับดับทุกข์ ถ้าไปเรื่องอื่น มันมีแต่เรื่องทุกข์มากขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2010, 22:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: การเป็นผู้สอนธรรมมะที่ถูกต้อง ผู้สอนต้องรู้เสียก่อน ต้องรู้จากการปฏิบัติ และได้ผลแห่งการรู้คือปฏิเวธเสียก่อน ถึงสามารถเป็นผู้สอนได้ ความรู้จากการอ่าน การฟังมันเป็นความรู้แบบการจำได้หมายรู้ทางธรรมเขาเรียกสัญญา การรู้จากการปฏิบัติ จนได้ผล คือเราสามารถทำลายอวิชชา(ความไม่รู้ ความเห็นผิดไปได้บางส่วนแล้ว) อย่างนี้เรียกเกิดปัญญา(ทางธรรม) สัจจธรรมที่แท้คือปัญญา( วิชชา)เกิด-อวิชชาจะดับดันที เพราะปัญญากับอวิชชามันอาศํยอยู่ที่เดียวกันคือมันเกิดที่จิตนี้ คนมีปัญญาทางธรรมไม่จำเป็นต้องท่องบ่นพระไตรปิฎกเลยก็ได้ อันนีเรื่องจริงพิสูจน์กันมาแล้วลูกศิษย์หลวงพ่อชาสมัยแรกเคยได้ยินว่าห้ามหอบตำราเข้าวัดด้วยซ้ำให้ปฏิบัติตามหลวงพ่อสอนเท่านั้น
.....เพราะเราไม่ปฏิบัติกันจริงจัง มันจึงไม่เกิดวิชชา เราจึงทุ่มเถียงกันเพราะสัญญาที่รู้ที่ฟังมามันไม่เหมือนกัน ถ้าเราปฏิบัติชอบแล้ววิชชาเกิด ความรู้ความเห็นมันต้องตรงกัน พระพุทธเจ้าตรัสติเตียนคนไม่รู้ด้วยการปฎิบัติ รู้แค่อ่านมา ฟังมา แล้วมาทำตัวเป็นครูบาอาจารย์ ท่านเปรียบคนพวกนี้ว่าเป็นคนมีนา แต่ไม่ขวนขวายทำนาของตนเอง แต่กลับไปทำนาบนที่นาของคนอื่น อย่างหนึ่ง อีกอย่างท่านเปรียบการกระทำของคนพวกนี้ว่าเหมือนกอดผู้หญิงข้างหลัง อันนี้ต้องไปแปลเอาเอง
.......อีกอย่างศาสนาพุทธมันมีอะไรเป็นไตรลักษณะเสมอ เช่น ทาน ศีล ภาวนาหรือศีล สมาธิ ปัญญา
กิเลส อย่างหยาบ กิเลสขั้นกลาง กิเลสอย่างละเอียด ทุกอย่างที่กล่าวมา มันต้องอาศัย ปริยัตร ปฏิบัติ ปฏิเวธ เมื่อเกิดปฏิเวธ มันจะเห็นไตรลักษณ์ที่แท้จริง ก็คือเห็น อนิจจัง ทุขขัง อนัตตา(ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน) ซึ่งการเห็นพระไตรลักษณ์นี้ คือเกิดปัญญาที่แท้จริง อันนี้คือแก่นศาสนาเห็นไตรลักษณ์ มันจะพ้นทุกข์แล้ว เห็นไหมปัญญาทางธรรม ไม้จำเป็นต้องเกิดกับคนมีการศึกษาสูง
ไม่จำเป็นต้องเกิดกับคนรู้และจำพระไตรปิฏกได้มากที่สุด การศึกษาธรรมมะต้องเริ่มจากบันไดขั้นที่หนึ่งก่อนเสมอ เมื่อก้าวหน้าขึ้น ก็ละสิ่งที่ผ่านมา สูงขึ้นไปก็ละขั้นต้นๆเสีย เมื่อไรติดอยู่กับเรื่องเดิม ความก้าวหน้าก็จะหยุดลง เช่นได้ฌาณ ติดฌานเสียแล้ว ก็หยุดอยู่แค่นั้น สักกายยะทิฐิก็จะละไม่ได้ ได้มอบหมายให้เป็นผู้สอน ยินดีในคำสรรเสริญเยิญยอ ก็หยุดอยู่แค่ผู้สอนเหมือนกัน อีกอย่างที่อยากจะบอก คือการพยายามที่จะทำให้ใครๆชอบ หรือสรรเสริญเยิญยอเรานั้น ความจริงมันคือกิเลส ขั้นกลางดีๆนี่เอง ถ้าเขาจะชอบเราให้เขาชอบเราที่เรากล่าวถูกต้อง เรากล่าวถูกธรรม ไม่ใช่พยายามกล่าวเพื่อให้เขาพอใจ
เรื่องนี้พระพุทธองค์กล่าวไว้ และจัดสงฆ์ประเภทกล่าวเพื่อลาภ เพื่อสรรเสริญเยิญยอนี้ว่า พวกรับใช้ตระกูล ท่านพุทธทาส คืออาจารย์ที่เราเลื่อมใสที่สุด ท่านเคยกล่าวว่า ถ้าเข้าใจแก่นศาสนาแล้ว พระพุทธรูปทุบทิ้งให้หมดก็ได้ คนมิวิชชาแล้วก็ไม่ตกใจเพราะความเข้าใจมันตรงกันหมด คนทียังมืดบอดเดือดร้อนถึงจะจับท่านเข้าคุก ยิ่งไปกว่านั้นมีบางท่านเอาไปตีความผิดๆสอนลูกศิษย์ผิดว่าต่อไปไม่ต้อง กราบพระพุทธรูปแล้ว มีใครสักท่านในกระดานนี้พยายามจะบอกเราเป็นนัยๆว่า เราทำท่ารู้มาก อัตตาจึงสูง พูดไม่รักษาน้ำใจใคร สอนให้เราเมตตามากๆ นี่แหละเราอัตตาต่ำแล้วจึงกล้าพูดขัดใจหลายๆคน และยอมถูกด่า ที่ขัดใจ เอาธรรมมะแท้มาแจงให้ฟังก็นี่แหละเมตตาแท้ ไม่หวังสรรเสริญเยิญยอ..เจโตวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2010, 06:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตะเกียงแก้ว เขียน:
:b39: อะไรที่จบไปแล้ว....ก็ให้จบกันเถอะ
เราก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวใดๆด้วย "แค่แสดงจุดยืน"
แสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เคยทำไว้ หมดหน้าที่แล้ว
ส่วนคนที่ยังไม่จบ ก็เรื่องของคนนั้น ผลกรรมก็ของคนนั้น

คุณครับต้องขอโทษนะ ที่จะบอกว่าคุณนี่พูดเห็นแก่ได้ คุณมาบอกให้คนอื่นจบ
ผมถามหน่อยเถอะคุณเคยบอกให้ชาวบ้านเขารู้มั้ยว่า คุณจบแล้วการกระทำของคุณมันแค่
การหยุดที่เกิดจากสิ่งกรีดขวาง มันไม่ได้เกิดจากใจครับ ทำไมผมถึงกล่าวแบบนั้นรู้มั้ย
ก็เพราะการที่คุณ ตั้งกระทู้ขึ้นมาใส่ใคร้คนอื่นโดยหวังว่า สมาชิกทุกคนในนี้จะคล้อยตามไปด้วย
แต่มาเจอคนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ คุณก็เลยจำเป็นต้องหยุดหรืออาจเป็นเพราะ คุณไม่มีปัญญา
หาเหตุมาแก้ในสิ่งที่คนอื่นย้อนคุณก็เป็นได้

แล้วการที่คุณบอกว่า "คุณแค่แสดงจุดยืน" มันเป็นจุดยืนอะไรของคุณ
สิ่งที่คุณแสดงออกผมว่า เขาไม่เรียกจุดยืน เขาเรียกการโถมกระหน่ำเข้าใส่ครับ
จะบอกให้คุณสำเหนียกเอาไว้ครับว่า การแสดงจุดยืน คือการแสดงให้คนอื่นรู้ว่า
ตัวเองมีศรัทธาหรืออุดมการณ์ไปในทางไหน ไม่ใช้มาด่าหรือโจมตีคนอื่น
แบบนี้เรียกว่าไม่มีจุดยืน แล้วยิ่งถ้าเป็นคนที่เคยเชื่อเคยศรัทธาในสิ่งที่ตัวเอง
กำลังด่าอยู่ด้วยล่ะก็ เขาเรียกคนพวกนี้ว่า "คนพาล"
ตะเกียงแก้ว เขียน:
ส่วนใครจะด่า ใครจะว่า ก็เรื่องของคนด่า เราไม่ได้ทำ
คนทำเขาก็ร้อนของเขาเองล่ะ

คุณไม่ได้ทำหรือครับแล้วไอ้กระทู้ของคุณนั้นล่ะ ไปหยิบยกเอาความเห็นของคนที่เสียประโยชน์
จากพระมาใส่ไว้ พยายามลากลิ้งไปในเว็บที่เขาวิจารณ์พระ แถมตัวเองใส่สีตีไข่ลงไปด้วย
ถามจริงที่คุณบอกไม่ได้ด่าใคร กลับไปดูกระทู้คุณดูว่ามีกี่หน้า
ที่สำคัญบอกว่าหยุดแล้ว หลังจากที่ตัวเองด่าเสียจนหมดไส้หมดพุงแล้ว
ก็ล็อกกระทู้ตัวเองซะ เพื่อกันไม่ให้คนอื่นมาแสดงความเห็นแก้ต่างให้พระ
แบบนี้หรือที่บอกว่าหยุดแล้ว แทนที่จะลบกระทู้ดันปิดกันคนอื่นไม่ให้แก้ตัว
มันก็เหมือนกับใครในหมู่พวกคุณที่โจมตีพระฝ่ายเดียว เพราะรู้ว่าท่านไม่ทะเลาะกับโยม

การที่ผมเอาเรื่องเก่าของคุณมาแสดงในกระทู้นี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องเก่า
มันเป็นเรื่องใหม่และเกี่ยวข้องกัน พราะสิ่งที่คุณแสดงความเห็นในนี้กับ
การกระทำของคุณมันแย้งกันเหมือนสีดำกับขาวครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2010, 06:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจโตวิมุติ เขียน:
มีใครสักท่านในกระดานนี้พยายามจะบอกเราเป็นนัยๆว่า เราทำท่ารู้มาก อัตตาจึงสูง พูดไม่รักษาน้ำใจใคร สอนให้เราเมตตามากๆ นี่แหละเราอัตตาต่ำแล้วจึงกล้าพูดขัดใจหลายๆคน และยอมถูกด่า ที่ขัดใจ เอาธรรมมะแท้มาแจงให้ฟังก็นี่แหละเมตตาแท้ ไม่หวังสรรเสริญเยิญยอ..เจโตวิมุติ

ท่านเจโตครับ ดีครับผมว่าการพูดการจาในแนวนี้ดีแล้วครับ
ผมเห็นการพูดของท่านเป็น สัมมาวาจาครับ ปากกับใจตรงกันไม่โกหกตัวเอง
ความดีเลว ถูกผิดเขาดูกันที่เนื้อหาในคำพูดนั้นๆครับ เขาไม่ได้ดูน้ำเสียง
หรือสำเนียง คนที่ไม่ชอบ มันก็พวกโคนันทวิศาลครับ ชอบคำพูดเพาะๆอ่อนหวาน

ให้กำลังใจและอนุโมทนาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2010, 16:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 22:40
โพสต์: 142

แนวปฏิบัติ: ไม่มีอะไรต้องปฏิบัติ
งานอดิเรก: ทำงานให้สุญญตา
สิ่งที่ชื่นชอบ: พุทธทาสภิกขุ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ คุณโฮฮับ

ถ้าคุณยังไม่จบ ก็ไปตั้งกระทู้ใหม่ ในข้อข้องใจทุกเรื่อง ที่คุณอยากจะถาม
เรามองเห็นประโยชน์ที่จะเกิดกับพุทธศาสนิกชน จึงได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=34664

การที่ไม่เปิดให้สนทนากันต่อ เพราะไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์ใดๆกับผู้อ่าน
รวมถึงตัวคุณเองด้วย เป็นการเติมเชื้อไฟให้ลุกมากขึ้น

กระทู้นี้ ได้มีการแก้ไขบิดเบือนข้อความ ทำให้เข้าใจผิด (จากใครบางคน)
คนทำก็ย่อมรู้แก่ใจดีว่าทำอะไรลงไป จนเราต้องเข้าไปแก้ไข
เราไม่อยากจะพูดมาก ให้มากเรื่องหรอก เพียงแต่รู้ไว้ว่า
วงการไหน แม้แต่เวปธรรมะ พูดเรื่องธรรมะ ก็มีเรื่องโกหกหลอกลวง
เพราะมีเรื่องของผลประโยชน์ ชื่อเสียง ลาภสักการะ ล่อคนโลภได้ง่ายๆ


ถ้าคุณอยากจะแก้ต่างให้พระ คุณก็ไปตั้งกระทู้ใหม่ ก็ไม่มีใครว่า
ส่วนสิทธิ์ในการที่จะปิดกระทู้ เหตุผลในการปิด ก็ได้ชี้แจงไปแล้ว
คุณก็ควรจะต้องเคารพในสิทธิ์ของคนตั้งกระทู้

กระทู้นี้ คุณก็ควรจะเกรงใจเจ้าของกระทู้เขาด้วย ถ้าจะด่าเรา ท้าให้ไปตั้งกระทู้เลยไป
แล้วเราก็จะไปตอบคำถาม ที่เป็นข้อมูลจริงๆ ให้ฟัง ในทุกเรื่อง (ที่เกี่ยวกับพระและลูกศิษย์พระ)

แต่มีกติกา
๑) อย่าโกหก อย่าสอดไส้ อย่าเล่นพวก อย่าเข้าไปแก้ไขข้อความที่เราโพสต์ไป ให้พูดตรงไปตรงมา รักษาศีลข้อ ๔ มุสาให้มั่นคง

๒) ให้คำนึงถึงประโยชน์ในทางธรรมของตัวคุณเองเป็นหลัก คนที่เข้ามาอ่าน เกิดประโยชน์อะไร ภาวนาก้าวหน้าขึ้น ฉลาดในทางธรรมมากขึ้น ก้าวหน้าในธรรมมากขึ้น นี่เป็นเรื่องดีมากๆ สำหรับทุกคน อนุโมทนาในสิ่งที่คุณทำมาก สำหรับข้อนี้

๓) อย่าใช้อารมณ์ ให้ใช้สติปัญญาในการทำ ดูจิตตัวเองไปด้วย ถ้าจิตมืดจิตต่ำ จิตตก จิตอกุศล จะต้องด่าตะเกียงแก้วให้หายแค้นซักหน่อย ให้รีบหยุด เพราะถ้าไม่หยุด อาการทางจิตที่ถูกกิเลสครอบงำ จะยิ่งมากขึ้น คุณเองนั่นแหละ ที่จะได้รับผลกรรมนั้นเอง

๔) ให้เป็นสุภาพบุรุษ ใช้คำสุภาพ ใช้ความจริงใจ เปิดใจคุยกัน เยี่ยงกัลยาณมิตร
ให้สมกับเป็นสมาชิกลานธรรมจักร "ณ ที่แห่งนี้มีธรรมะและกัลยาณมิตร" ที่ทุกคนควรทำให้เกิดขึ้น

ถ้าคุณรักษากติกา ๔ ข้อนี้ได้ รวมถึงพวกของคุณด้วย เรายินดีจะไปสนทนาที่กระทู้ที่คุณตั้งขึ้น
แต่....ถ้าคุณไม่สามารถรักษากติกาได้ ให้สมกับเป็นลูกผู้ชาย ก็ขอที่จะไม่สนทนาใดๆด้วย


แม้แต่พระพุทธเจ้ายังมีคนด่า ท่านพุทธทาสยังมีคนด่า พระพุทธรูปนั่งนิ่งๆยังมีคนด่า
ตะเกียงแก้วเป็นใคร จะไม่โดนด่า ถูกด่าน่ะดีเราจะได้ทดสอบจิตใจตัวเราเองด้วย ไปถึงไหนแล้ว
เราจะได้ใช้เป็นวัตถุดิบในการภาวนาซะเลย ขอบคุณมากสละเวลามาทดสอบเรา :b4: :b1:

.....................................................
สนทนาธรรมกันด้วยเอ็นดูเมตตาเกื้อกูลกัน มี "สัมมาวาจา"
ชวนกันสนทนาเรื่องทุกข์กับดับทุกข์ ถ้าไปเรื่องอื่น มันมีแต่เรื่องทุกข์มากขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 06:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตะเกียงแก้ว เขียน:
สวัสดีค่ะ คุณโฮฮับ
ถ้าคุณยังไม่จบ ก็ไปตั้งกระทู้ใหม่ ในข้อข้องใจทุกเรื่อง ที่คุณอยากจะถาม
เรามองเห็นประโยชน์ที่จะเกิดกับพุทธศาสนิกชน จึงได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
การที่ไม่เปิดให้สนทนากันต่อ เพราะไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์ใดๆกับผู้อ่าน
รวมถึงตัวคุณเองด้วย เป็นการเติมเชื้อไฟให้ลุกมากขึ้น

คุณตะเกียงแก้วครับ ผมว่าที่ผมแสดงความเห็นที่เกี่ยวกับคุณไป มันไม่เกี่ยวกับกระทู้เก่าของคุณเลย
ถ้าจะเกี่ยวบ้างก็เห็นจะเป็นเรื่องการแสดงออกของคุณนั้นแหล่ะครับ
ในกระทู้นี้คุณแสดงอย่างหนึ่ง แต่อีกกระทู้แสดงอีกอย่าง ผมก็ต้องออกความเห็นชี้แนะให้จขกท
ใช้วิจารณญาณในความเห็นของคุณ
สรุปรวมความแล้ว ผมจะให้ดูนิสัยของคุณครับ ไม่เกี่ยวกับเนื้อ
หากระทู้เก่า แต่มันเกี่ยวกับกระทู้นี้โดยตรง เพราะผมอ้างอิงความเห็นคุณในกระทู้นี้

ไอ้เรื่องที่บอกให้ผมไปตั้งกระทู้ใหม่ ถ้าผมทำเท่ากับผมไม่ยอมหยุดน่ะซิ
แล้วผมไม่มีอะไรจะถามคุณหรอก เพราะคำตอบที่คุณจะตอบผมรู้หมดแล้ว
อย่ามาอ้างเพื่อประโยชน์ของพระพุทธศาสนาเลย มันก็เป็นในกลุ่มพวกคุณเองไม่ใช่หรือ
ที่ช่วยกันเผยแพร่คำสอนของพระ แต่แปลกพอมาตอนนี้ออกมาโจมตี
กรุณาอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องส่วนรวม เพราะสมาชิกบางท่านเขาศึกษา
พระธรรมเขาเอาแต่เนื้อหาใมนพระธรรม ไม่ได้ยึดตัวบุคคล ไอ้วิธีการที่ตัวเองเป็นอย่างไร
ต้องให้คนอื่นเป็นเหมือนตัว มันเหมือนเด็กอนุบาลที่ขาดการเหลี่ยวแลจากผู้ใหญ่ครับ

ตอนนี้มันมีคนในกลุ่มของคุณใช้อีกวิธีครับ ผมบอกให้วิธีนี้ก็ดีครับ คนอื่นจะได้ไม่ต้องไปยุ่งด้วย
ก็ใช้วิธีปีนรั้วไปตะโกนด่าพระ วิธีนี้อยากทำก็ทำไปเลยครับ ผมว่าคุณก็ควรทำแบบนั้นน่ะ
ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคุยกับคุณ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 06:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตะเกียงแก้ว เขียน:
ถ้าคุณอยากจะแก้ต่างให้พระ คุณก็ไปตั้งกระทู้ใหม่ ก็ไม่มีใครว่า
ส่วนสิทธิ์ในการที่จะปิดกระทู้ เหตุผลในการปิด ก็ได้ชี้แจงไปแล้ว
คุณก็ควรจะต้องเคารพในสิทธิ์ของคนตั้งกระทู้

กระทู้นี้ คุณก็ควรจะเกรงใจเจ้าของกระทู้เขาด้วย ถ้าจะด่าเรา ท้าให้ไปตั้งกระทู้เลยไป
แล้วเราก็จะไปตอบคำถาม ที่เป็นข้อมูลจริงๆ ให้ฟัง ในทุกเรื่อง (ที่เกี่ยวกับพระและลูกศิษย์พระ)

คุณพูดเหมือนจะสอนมรรยาทผมก็ดีครับ ผมก็อยากจะแนะนำคุณเป็นการตอบแทนครับ
คุณครับอย่าสักแต่อ้างโน้นอ้างนี้เรื่อยเปื่อย ผมจะบอกให้ครับ มรรยาทของจขกทไม่ใช่แต่จะอ้างสิทธิแต่ของตัวเองนะ
มันต้องคำนึงถึงสิทธิผู้ที่เข้ามาแสดงความเห็นด้วย
และยิ่งเป็นกระทู้ที่เป็นไปในแนวโจมตีพระธรรม พระหรือบุคคล คุณจะต้องให้สมาชิกมีโอกาสแสดงความเห็นแก้ต่างครับ
การกระทำของคุณมันผิดมรรยาททางสังคมครับ

เรื่องที่คุณอ้างว่าล็อกกระทู้เพื่อต้องการหยุด มันเป็นการหยุดที่เคลือยแฝลงด้วยอกุศลครับ
ผมไม่อยากจารไนมันไปกระทบคนอื่นเขา เอางี้ถ้ามันเป็นการหยุดใน
ทางกุศลคุณต้องลบกระทู้นี้ไปแล้วครับ
แต่ไม่ใช่คุณต้องการให้คำด่าของคุณประจานพระต่อไป ที่ล็อกเพียงเพื่อกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาด่าตัวเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 11:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใจเย็นๆกันครับ ค่อยๆคุยปรับความเข้าใจกัน
:b41:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร