วันเวลาปัจจุบัน 06 ส.ค. 2025, 00:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 17:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 17:17
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่บ้านเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัวช่วงหน้าฝนนี้เห็บขึ้นเยอะมากจนลามเข้ามาในบ้านด้วยเลยต้องรีบกำจัดเห็บคือตอนแรกก้อหาเห็บให้สุนัขแล้วใส่ในขวดที่มีน้ำยากันมันแพร่พันธุ์อีกค่ะจริงๆไม่อยากทำเลยค่ะเพราะก้อเหมือนเป็นการผิดศีลข้อหนึ่งแต่สุนัขก้อทนไม่ไหวเหมือนกันค่ะคันตลอดเวลาร้องเป็นช่วงๆก้อมีค่ะ
อยากเรียนถามผู้รู้ว่านี่เป็นการทำผิดศีลใช่มั้ยคะแต่ถ้าเราอยากจะช่วยสุนัขของเราด้วยควรทำอย่างไรดีคะไม่ค่อยสบายใจเพราะไม่อยากผิดศีลแต่ก้อไม่รู้จะทำอย่างไรดีค่ะ
ขอบคุณพระคุณทุกท่านล่วงหน้านะคะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


Pisalinee เขียน:
ที่บ้านเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัวช่วงหน้าฝนนี้เห็บขึ้นเยอะมากจนลามเข้ามาในบ้านด้วยเลยต้องรีบกำจัดเห็บคือตอนแรกก้อหาเห็บให้สุนัขแล้วใส่ในขวดที่มีน้ำยากันมันแพร่พันธุ์อีกค่ะจริงๆไม่อยากทำเลยค่ะเพราะก้อเหมือนเป็นการผิดศีลข้อหนึ่งแต่สุนัขก้อทนไม่ไหวเหมือนกันค่ะคันตลอดเวลาร้องเป็นช่วงๆก้อมีค่ะ
อยากเรียนถามผู้รู้ว่านี่เป็นการทำผิดศีลใช่มั้ยคะแต่ถ้าเราอยากจะช่วยสุนัขของเราด้วยควรทำอย่างไรดีคะไม่ค่อยสบายใจเพราะไม่อยากผิดศีลแต่ก้อไม่รู้จะทำอย่างไรดีค่ะ
ขอบคุณพระคุณทุกท่านล่วงหน้านะคะ :b8:


คำถามแรกๆของกระผมในลานฯนี้ ก็เป็นเรื่องเห็บกับสุนัขเหมือนกับท่านเลย เหมือนกันๆเด๊ะๆ :b32: :b32:

ในตอนนั้น...จำได้ว่า กัลยานิมิตรนามว่า "พลศักดิ์ วังวิวัฒน์" ให้คำตอบที่ทำให้กระผมเองสบายใจขึ้นมาก (แต่ตอนนี้ ท่านพลศักดิ์ตายไปจากลานฯ แล้ว แล้วก็เวียนเกิด เวียนตาย ในลานฯนี้อีกหลายภพ หลายชาติเลย :b32: ) ตอนนั้นเขาแนะนำประมาณว่า การกระทำเช่นนั้นไม่นับเป็นบาป เพราะเราตั้งเจตนาไว้ที่การช่วยเหลือสุนัข พร้อมกับยกพุทธพจน์ที่ว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม"

ซึ่งมันก็ไม่ได้ถูกต้องซะทั้งหมดหรอกครับ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ตอนที่เราจับเห็บหย่อนลงไปในขวดน้ำยานั้น เรารู้อยู่ว่ามันมีชีวิต และเราก็รู้ด้วยว่าการทำกับมันแบบนั้นมันจะตาย แล้วมันก็ต้องตายด้วยการกระทำนั้นๆ จึงนับว่า กรรมสมบูรณ์แบบเลยครับ

เรื่องนี้กระผมแนะนำให้ท่านพาสุนัขไปหาสัตว์แพทย์ ให้เขาดูแลเรื่องสุขภาพของสุนัขที่ท่านเลี้ยง(ปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของหมอ :b13: )
ส่วนสถานที่ที่ท่านเลี้ยงสุนัข กระผมแนะนำให้ลองหาพวกน้ำหมักชีวภาพ(หรือจะเอาของป้าเช็งก็ได้ :b32: ) ราดทำความสะอาดในบริเวณนั้น(หรือบริเวณบ้านทั้งหมดก็ได้) แล้วพวกเห็บ มด ปีเตอร์ฯ ก็จะไม่มาอาศัยอยู่ในบริเวณที่เราราดน้ำหมักชีวภาพไว้

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 12:21
โพสต์: 637

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นการผิดศีล แล้วครับ

ศีล จะบริสุทธิ์หรือไม่ ดูที่เจตนาเป็นหลักก่อน ถ้าไม่มีเจตนาเลย ถือว่า ศีลบริสุทธิ์ ถ้ามีเจตนาจะทำผิด ก็ถือว่าศีลไม่บริสุทธิ์ ศีลไม่บริสุทธิ์ จะมีสองอย่างคือ ศีลขาดเลย กับ ศีลเศร้าหมอง จะเป็นอย่างไหน จะต้องมาดูที่องค์ประกอบของศีลนั้น ทางพระเรียกว่า องค์ของศีล คือ เงื่อนไข นั่นเอง ถ้า มีองค์ของศีลครบ ถือว่าศีลขาด คือทำผิดทุกเงื่อนไขในนั้น ถือว่าศีลขาด แต่ถ้าไม่ครบองค์ ก็ถือว่า ศีลเศร้าหมอง เช่น จะฆ่า แต่ไม่สำเร็จ แค่บาดเจ็บ อย่างนี้จะว่าศีลขาดก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้ฆ่าตัดชีวิต คือยังไม่ตาย แต่ ศีลเศร้าหมอง เพราะตั้งใจจะฆ่า มีเจตนาฆ่าแล้วแต่ไม่สำเร็จ ศีลแต่ละข้อมีเงื่อนไข หรือองค์ของศีล แต่ละแบบ ไม่เหมือนกัน

ศีลข้อ ๑ การงดเว้นจาก การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มีองค์ ๕ คือ
๑. สัตว์มีชีวิต
๒. เรารู้ว่าสัตว์มีชีวิต
๓. เรามีจิตคิดจะฆ่า
๔. เรามีความพยายามเพื่อจะฆ่า
๕. สัตว์ตายด้วยความพยายามอันนั้น

จะเห็นได้ว่า เราเหยียบมดตายโดยบังเอิญไม่ผิดศีล ศีลยังบริสุทธิ์ เพราะ ไม่เจตนา เราไม่รู้ว่ามีมด เราไม่มีจิตจะฆ่า ไม่ตั้งใจพยายาม แต่ถ้าเราตบยุง เราเห็นยุงบินมา รู้เลยว่ามันมีชีวิตแน่ เราตั้งใจตบ ตบจนสำเร็จ ยุงตายไปแล้วเรียบร้อย ถือว่าศีลขาดสะบั้น เพราะครบทั้งห้าองค์เลย ถ้าเราตั้งใจจะตีให้ตาย แต่ไม่ตาย แค่บาดเจ็บ ยุงบินเซ ๆ ไป หนีไปได้ จะถือว่าเป็น ศีลหมอง เพราะเราตั้งใจจนมีองค์สี่ครบแล้ว ขาดองค์ห้าข้อสุดท้ายเท่านั้น

ของ คุณ มีครบ เห็บตายคามือเลย จึงขาดไปแล้วครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 18:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 12:21
โพสต์: 637

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โทษของการล่วงศีลข้อนี้ก็หนักเบาต่างกัน ด้วยร่างกายของสัตว์ ด้วยคุณของสัตว์ ด้วยเจตนา และด้วยความพยายาม หมายความว่า ถ้าฆ่าสัตว์ที่มีร่างกายใหญ่ก็จะมีโทษมากกว่าฆ่าสัตว์ที่มีร่างกายเล็ก ฆ่าช้างมีโทษมากกว่าฆ่ามด ในทางปฏิบัติ จะเครียดกว่าฆ่ามดมาก ใจเศร้าหมองสุดสุด และฆ่ายาก ไม่เชื่อลองดู แต่อย่าไปลองเลย ถ้าฆ่าสัตว์มีคุณมาก เช่น วัวควายที่ไถนาให้คุณแก่เรา ท่านก็ว่า โทษหนักมากกว่าฆ่าสัตว์มีคุณน้อย ถ้าเป็นคน ถือว่าโทษยิ่งมาก ยิ่งเป็นผู้ทรงศีล โทษยิ่งมากกว่า นอกจากนั้นถ้าเจตนาแรงกล้า คือความจงใจมีมากโทษก็แรง เช่น ย้ำว่าต้องเอาให้ตายให้ได้ ถ้ามีความพยายามมากโทษก็มาก เช่น ไม่สำเร็จก็พยายามแล้วพยายามเล่า จนให้ตายให้ได้ ก็ยิ่งมีโทษมาก เป็นต้น

โทษของการผิดศีลข้อนี้ พระพุทธองค์ทรงสอนว่า โทษอย่างหนักก็ทำให้ไปเกิดในอบายภูมิ เช่น เป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน อย่างเบาจะทำให้อายุสั้นเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ หรือป่วยไข้ หรือร่างกายพิการ หรือเจ็บไข้ รักษาหายได้ยาก และนี้คือความลับของฟ้าดิน ว่าทำไมเกิดมาบางคนก็พิการ บางคนก็ป่วยแตกต่างกันไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 18:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 12:21
โพสต์: 637

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเกิดเป็นคน บางครั้งก็จะมีผิด ถ้าแก้ไม่ได้เลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องรับกรรมนะครับ

การเลี้ยงสัตว์ เป็นหนึ่งในนั้น จำต้องยอมรับบ้าง
วิธีที่ดีที่สุดคือ นำไปให้สัตวแพทย์ทำ โดยบอกว่า ช่วยรักษาเห็บให้หน่อย
แล้วเราอย่าทำเอง
คงจะดีที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วมั้งครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 19:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โมทนาสาธุ...ท่าน จขกท. ที่มีจิตใจจะรักษาศีล :b8:
และก็..โมทนาสาธุ..ผู้ที่ได้ตอบไปแล้วครับ :b8:
เป็นกุสโลบายที่ดีนะครับ..ให้หมอเขารักษาแทน :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


natdanai เขียน:
ในตอนนั้น...จำได้ว่า กัลยานิมิตรนามว่า "พลศักดิ์ วังวิวัฒน์" ให้คำตอบที่ทำให้กระผมเองสบายใจขึ้นมาก (แต่ตอนนี้ ท่านพลศักดิ์ตายไปจากลานฯ แล้ว แล้วก็เวียนเกิด เวียนตาย ในลานฯนี้อีกหลายภพ หลายชาติเลย :b32: ) ตอนนั้นเขาแนะนำประมาณว่า การกระทำเช่นนั้นไม่นับเป็นบาป เพราะเราตั้งเจตนาไว้ที่การช่วยเหลือสุนัข พร้อมกับยกพุทธพจน์ที่ว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม"


คิดถึงท่านพล...เหย๋อออ.... อิ อิ :b13:

อืมมม์ ตอนที่จับหมัดแมว/สุนัข มันสนุกนะ... :b14: :b9:
จริง ๆ นี่ หนุก จิง จิง

เอกอนเคยนะ แบบว่าแมวมันป่วยน่ะ และหมัดเยอะมาก
มันก็ทรมาน
ซึ่งจริง ๆ ตอนนั้น แม้แต่ยุงเอกอนยังเฉย ๆ เลย
คือ ก็ปล่อยให้มันมาเกาะ และก็ปล่อยให้มันกินให้อิ่ม
คือ เมื่อมันอิ่มแล้วมันก็ไม่กวน

ซึ่งจับหมัดมาบี้ นี่ ไม่แตะเลย
แต่ เห็นมันทรมาน ก็เลยตัดสินใจช่วยมัน ก็กะว่าจะทำไม่มากหรอก
ก็จับตัวแรกได้ ก็...แป๊ะ...
ตัวที่สอง ก็...แป๊ะ อิ อิ
ตัวที่สาม ตัวที่สี่ ตัวที่ห้า อิ อิ ชักเพลิน

ซึ่งพอเห็นความ "เพลิน" เอกอนเลิกเลย...

ความเพลิน เป็นอะไร ที่ต้องเท่าทัน ละต้องรีบละให้ไว...นะ

อิ อิ ไม่ได้เกี่ยวกับศีลข้อที่หนึ่งเลย อิ อิ

แบบ อยากแชร์เรื่องความเพลิน น่ะ :b3:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 21:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 17:17
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณทุกท่านมากๆนะคะ :b20: เป็นสมาชิกใหม่คงมีข้อซักถามทุกท่านอีกเยอะเลยค่ะ ดีใจมากๆค่ะที่ทุกท่านสละเวลาตอบคำถามให้ สบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ขอบพระคุณมากๆนะคะ :b18:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2010, 11:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็เป็นกรรมติดตัวไปนะครับ กรรมหนักกรรมเบาก็ไม่สามารถตอบได้

แม้พระพุทธเจ้าก่อนหน้าเกิดเป็นคนทำหน้าที่เลี้ยงวัว แล้วดึงคอวัวไม่ให้ดื่มน้ำสกปรกตามคลองผลของกรรมทำให้พระพุทธเจ้ากระหายน้ำมากแม้ชาติสุดท้ายก่อนปรินิพพานได้ให้พระอานนท์นำน้ำจากสายน้ำที่วัวควายเยียบย่ำเดินผ่านมาแล้วนำมาดื่ม ไม่แน่ใจว่าบทไหนจากพระสูตรต้องขอโทษลองหาศึกษาดูเอง

ด้วยเรายังขาดปัญญารู้เห็นชัดว่าเป็นกรรมแบบไหนศีลจึงเป็นข้อห้ามไม่ให้ฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์โลกทั้งหลาย

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2010, 12:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิธีที่ไม่ฆ่า ก็พอมีอยู่
ถ้าเรามีเจตนาที่จะไม่ฆ่า...มันก็จะไม่ฆ่า แน่ๆ
ถ้ารักษาศีล...ไม่ว่ารักจะรักสุนัข...หรือเกลียดเห็บ
มันจะต้องไม่ลงเอยด้วยการฆ่า....
ไล่มันไป ...หรือเอาไปทิ้งไกลๆ พอไหวไหม ครับ..
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2010, 05:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จักรแก้วรัตนะ เขียน:
โทษของการล่วงศีลข้อนี้ก็หนักเบาต่างกัน ด้วยร่างกายของสัตว์ ด้วยคุณของสัตว์ ด้วยเจตนา และด้วยความพยายาม หมายความว่า ถ้าฆ่าสัตว์ที่มีร่างกายใหญ่ก็จะมีโทษมากกว่าฆ่าสัตว์ที่มีร่างกายเล็ก ฆ่าช้างมีโทษมากกว่าฆ่ามด ในทางปฏิบัติ จะเครียดกว่าฆ่ามดมาก ใจเศร้าหมองสุดสุด และฆ่ายาก ไม่เชื่อลองดู แต่อย่าไปลองเลย ถ้าฆ่าสัตว์มีคุณมาก เช่น วัวควายที่ไถนาให้คุณแก่เรา ท่านก็ว่า โทษหนักมากกว่าฆ่าสัตว์มีคุณน้อย ถ้าเป็นคน ถือว่าโทษยิ่งมาก ยิ่งเป็นผู้ทรงศีล โทษยิ่งมากกว่า นอกจากนั้นถ้าเจตนาแรงกล้า คือความจงใจมีมากโทษก็แรง เช่น ย้ำว่าต้องเอาให้ตายให้ได้ ถ้ามีความพยายามมากโทษก็มาก เช่น ไม่สำเร็จก็พยายามแล้วพยายามเล่า จนให้ตายให้ได้ ก็ยิ่งมีโทษมาก เป็นต้น

โทษของการผิดศีลข้อนี้ พระพุทธองค์ทรงสอนว่า โทษอย่างหนักก็ทำให้ไปเกิดในอบายภูมิ เช่น เป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน อย่างเบาจะทำให้อายุสั้นเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ หรือป่วยไข้ หรือร่างกายพิการ หรือเจ็บไข้ รักษาหายได้ยาก และนี้คือความลับของฟ้าดิน ว่าทำไมเกิดมาบางคนก็พิการ บางคนก็ป่วยแตกต่างกันไป

มันเกี่ยวกันด้วยหรือครับ ฆ่าสัตว์ใหญ่โทษหนัก ฆ่าสัตว์เล็กโทษเบา
ไม่ว่าสัตว์เล็กหรือใหญ่ มีชีวิตและรักชีวิตเหมือนกัน
แล้วเรื่องสัตว์ที่มีคุณ ความหมายคำว่ามีคุณมันอยู่ตรงไหนครับ
สัตว์ทุกชนิดบนโลกล้วนแล้วแต่มีคุณประโยชน์ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

แล้วการที่ตัวคุณไปชี้ชัดเลยว่า วัวควายมีคุณประโยชน์ ใช่ครับถ้าเราคิดในแง่
ของสภาพแวดล้อมส่วนรวม แต่ถ้ามาคิดในแง่ของการไถนาให้ตัวคุณ ผมว่ามันยังไงๆ
อยู่นะครับ อยู่ดีๆถ้าคุณไม่ไปบังคับมัน มันจะมาไถนาให้หรือครับ
ถ้าลองเอาประโยชน์เฉพาะตนมากล่าวในเรื่องรวมผมว่ามันไม่เหมาะครับ
ดูมันออกจะเห็นแก่ตัวเกินไปครับ
จะพูดให้ถูกต้องว่า ประโยชน์เกิดจากการบังคับ ไม่ใช่การสมัครใจ
การจะเรียกบุญคุณจะต้องเกิดจากการให้ ไม่ใช่การบังคับ


เรื่องการฆ่าสัตว์ใหญ่บาปมากสัตว์เล็กบาปน้อยนี้ก็เหมือนกันครับ
กฎเกณฑ์นี้เกิดจากการกำหนดด้วยใจที่ลำเอียงครับ
ผมมีตัวอย่างให้คุณเลือก เพื่อจะได้เห็นภาพ
สมมุติว่าคุณต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยที่คุณต้องเลือกฆ่าสิ่งมีชีวิต
สามสิ่งนี้ด้วยปืน คุณจะเลือกฆ่าสิ่งไหนครับ เลือกได้อย่างเดียวและต้องเลือกนะครับ
ระหว่าง 1.ควายของคนอื่น 2.ลูกหมาที่คุณเลี้ยงมาแต่เกิด 3.ตัวคุณเอง
แค่นี้แหล่ะครับ ถ้าคุณเลือกด้วยจิตที่ซื่อไม่สร้างภาพ คุณก็จะเข้าใจถึงเรื่อง
ข้างบนนี้ครับ
จักรแก้วรัตนะ เขียน:
เมื่อเกิดเป็นคน บางครั้งก็จะมีผิด ถ้าแก้ไม่ได้เลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องรับกรรมนะครับ
การเลี้ยงสัตว์ เป็นหนึ่งในนั้น จำต้องยอมรับบ้าง
วิธีที่ดีที่สุดคือ นำไปให้สัตวแพทย์ทำ โดยบอกว่า ช่วยรักษาเห็บให้หน่อย
แล้วเราอย่าทำเอง
คงจะดีที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วมั้งครับ

ต้องขอโทษครับ ที่จะบอกว่าความเห็นนี้ดูน่าขำครับ
ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำไมไม่ลงมือทำเสียเองละครับ
ทำไมต้องสร้างกรรมใหม่ขึ้นมาอีก ตัวเราก็บาปอยู่แล้วทำไม
ต้องสนับสนุนให้คนอื่นบาปไปกับเราด้วยครับ แถมยังเสียเงินเสียทองอีก


แก้ไขล่าสุดโดย โฮฮับ เมื่อ 21 ส.ค. 2010, 05:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2010, 07:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 12:21
โพสต์: 637

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยินดีตอบคุณ โฮฮับครับ

เรื่องบาปบุญคุณโทษ เป็นของพิเศษครับ บางทีคิดเองไม่ได้ บางอย่างก็ไม่มีเหตุผล อย่างที่คุณว่ามา บางอย่างก็ดูน่าขำ คิดไปถกกันไป น้ำลายแตกฟอง

เกิดเป็นคน มีหน้าที่ บางทีก็น่าสงสาร เช่น เกิดในตระกูลชาวประมง จะมีศีลได้อย่างไร เรียกว่า เกิดใน ตระกูลวิบัติ เพราะทำให้ต้องผิด ต้องบาป วิบัติยังมีอีกหลายอย่าง ยกไว้ก่อนนะครับ

ให้สัตว์แพทย์ทำ เพราะเขามีหน้าที เขาชำนาญ เขาจำต้องทำด้วยหน้าที่อยู่แล้ว นั่นเอง ไม่ได้ชักชวนให้เขาทำ เราเสียค่ารักษา เขามีหน้าที่รักษา เพียงเท่านั้น

อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า

เรื่องบาปบุญคุณโทษ เป็นของพิเศษครับ บางทีคิดเองไม่ได้ บางอย่างก็ไม่มีเหตุผล

แต่ทั้งนี้ ที่ตอบ เพราะอาศัยความเชื่อในพระรัตนตรัย คือ เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรรถกถา อันได้รจนาไว้ในพระไตรปิฏก ให้ผู้ไม่รู้อย่างเราได้ศึกษานั้นเองครับ

บางอย่างเรารู้ได้เอง พิสูจน์ได้เอง เช่นกิเลส ในใจ บางอย่างต้องอาศัยความเชื่อในผู้รู้เหมือนกัน

ปราชญ์ที่รจนาอย่างปราณีต และง่าย ก็มีอยู่ ดังที่แนะนำให้ค้นเพิ่มเติมได้ดังนี้ครับ

ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ ( สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ ) ประณีต ก้องสมุทร

เพียงรู้จักว่าศีล ๕ ข้อมีอะไรบ้างเท่านั้น ยังไม่พอ ผู้รักษายังต้องรู้เลยไปถึงว่า ท่านวางกฎ
เกณฑ์ไว้อย่างไรในการวินิจฉัยว่าทำอย่างไรแค่ไหนจึงล่วงศีล คือศีลขาด โดยใช้กฎเกณฑ์ในการวินิจฉัยที่
ท่านเรียกว่า องค์ของศีล เป็นเครื่องตัดสิน ถ้าครบองค์ของศีลข้อนั้นๆ ศีลข้อนั้นก็ขาด ถ้าไม่ครบองค์ที่
วางไว้ ขาดไปหนึ่งหรือสองข้อ ถือว่าศีลไม่ขาด แต่ศีลก็เศร้าหมอง องค์ของศีลที่ท่านวางไว้จึงเป็นเครื่อง
เตือนใจให้สำรวมระวังไม่ประมาท

ศีลข้อ ๑ มีองค์ ๕ คือ
๑. *ปาโณ สัตว์มีชีวิต
๒. ปาณสญฺญิตา รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
๓. วธกจิตฺตํ จิตคิดจะฆ่า
๔. อุปกฺกโม เพียรเพื่อจะฆ่า
๕. เตน มรณํ สัตว์ตายด้วยความเพียรนั้น
------------------------------------------------------
* อรรถกถาบางแห่งใช้ว่า ปรปาโณ คือสัตว์อื่นที่มีชีวิต มิได้หมายถึงตัวเอง เพราะฉะนั้น
การฆ่าตัวเองจึงไม่ล่วงกรรมบถ เพราะไม่ครบองค์ของศีลข้อนี้

ถ้าครบองค์ ๕ ศีลข้อ ๑ ก็ขาด ถ้าไม่ครบ ๕ ข้อ ศีลไม่ขาด แต่ก็เศร้าหมอง
โทษของศีลข้อ ๑ นี้ อย่างหนักทำให้ไปเกิดในอบาย เป็นสัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์
เดรัจฉาน อย่างเบาทำให้อายุสั้นเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์

ถึงกระนั้นโทษของการล่วงศีลข้อนี้ก็หนักเบาต่างกันด้วยร่างกายของสัตว์ ๑ ด้วยคุณของสัตว์ ๑
ด้วยเจตนา ๑ และด้วยความพยายาม ๑

กล่าวคือ ถ้าฆ่าสัตว์ใหญ่ โทษก็มาก ถ้าฆ่าสัตว์เล็ก โทษก็น้อย
ถ้าฆ่าสัตว์มีคุณมาก โทษก็หนักมาก ถ้าฆ่าสัตว์มีคุณน้อย โทษก็น้อยลดหลั่นกันลงไป
ถ้าเจตนา คือความจงใจแรง โทษก็แรง ถ้าเจตนาคือ ความจงใจอ่อน โทษก็น้อย
ความพยายามมากโทษก็มาก ความพยายามน้อยโทษก็น้อย

แต่อย่าได้คิดว่าเมื่อท่านฆ่าสัตว์เล็ก ทั้งมีคุณน้อย มีความจงใจอ่อน และมีความพยายามน้อย
โทษก็น้อย คงจะไม่น่ากลัว อย่าลืมว่า บาปอกุศลนั้นถึงแม้จะเล็กน้อยก็ไม่ควรทำ เพราะเมื่อสำเร็จเป็น
กรรมแล้ว ย่อมพาไปอบายได้เช่นเดียวกับโทษหนักเหมือนกัน เพียงแต่ว่าอาจไปอยู่ในอบายชั่วระยะเวลา
อันสั้น ไม่ยาวนานเหมือนโทษหนัก เพราะฉะนั้นจึงควรสังวรระวังไม่ประมาทแม้โทษเพียงเล็กน้อย


ความจริงอ้างอิงก็มีตรงนี้อีกคือ

อรรถกถาบาลี ขุททกปาฐวัณณนา เล่ม ๑๗ หน้า ๒๒
อรรถกถาบาลี ขุททกปาฐวัณณา เล่ม ๑๗ หน้า ๑๗

สองเล่มนี้ มีผู้ที่ได้ยกข้อความชุดนี้มาเช่น กัน และท่านได้อ้างไว้ แต่สองเล่มนี้ผมไม่มีที่บ้าน ไม่สามารถสแกนมาได้ แต่น่าจะจริงครับ เพราะสอดคล้องงกัน

ใน อรรถกถาวัมมิกสูตร มัช.มูล. เล่าถึงพวกโจรที่ฆ่าอุบาสกที่เป็นพระอนาคามีว่าทำให้ตา
บอดทันที เพราะผู้ถูกฆ่าเป็นสัตว์ใหญ่ มีคุณธรรมสูง เจตนาของโจรก็แรง ผลจึงเกิดขึ้นในปัจจุบันทันที
ยังไม่ต้องกล่าวถึงโทษที่จะเกิดในอนาคตว่าจะร้ายแรงแค่ไหน


ขอให้เจริญในธรรมมากๆนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2010, 18:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จักรแก้วรัตนะ เขียน:
ยินดีตอบคุณ โฮฮับครับ
ศีลข้อ ๑ มีองค์ ๕ คือ
๑. *ปาโณ สัตว์มีชีวิต
๒. ปาณสญฺญิตา รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
๓. วธกจิตฺตํ จิตคิดจะฆ่า
๔. อุปกฺกโม เพียรเพื่อจะฆ่า
๕. เตน มรณํ สัตว์ตายด้วยความเพียรนั้น
------------------------------------------------------
* อรรถกถาบางแห่งใช้ว่า ปรปาโณ คือสัตว์อื่นที่มีชีวิต มิได้หมายถึงตัวเอง เพราะฉะนั้น
การฆ่าตัวเองจึงไม่ล่วงกรรมบถ เพราะไม่ครบองค์ของศีลข้อนี้

คุณจักรแก้วครับ ที่ผมยกตัวอย่างให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น
ผมเพียงจะชี้ให้เห็นส่วนลึกๆของจิตใจคน ว่าส่วนใหญ่ตั้งกฎเกณฑ์อะไรขึ้นมา
ก็หนีไม่พ้นความลำเอียงหรือการเห็นแก่ตัวครับ มันไม่ได้เกี่ยวกับพุทธพจน์
หรืออรรถกถาครับ แล้วความเห็นที่ผมแสดงไป มันก็เป็นความเห็นส่วนตัว
ไม่ได้คิดจะโต้แย้งอรรถกถาอะไรครับ เอาเป็นว่าเป็นความเห็นทางธรรมของผู้ที่ไม่สันทัด
แล้วกันครับ

ส่วนปัญหาของเจ้าของกระทู้ เรื่องเห็บหมัดนี้
ผมว่าทำไมจขกท ไม่โกนขนหมาให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปละครับ
เห็บหมัดมันจะได้อาศัยอยู่ไม่ได้ หรือว่ากลัวหมาจะไม่น่ารักครับ
เรื่องความรักความเห็นแก่ตัวนี้เรื่องใหญ่จริงๆนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2010, 22:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 12:21
โพสต์: 637

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ต้องกังวลใดๆทั้งสิ้นนะครับ คุณโฮฮับ

ผมก็เพียงแต่ รู้มาเคยอ่านมา ก็มาเล่าสู่กันฟังเท่านั้นเอง

เจริญในธรรมมากๆครับ


คนที่คิด และพิจารณา เป็นผู้มีปัญญา ไม่เพียงแต่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้เสมอ
ยังได้รับสิ่งที่ดีกว่า ได้แน่นอนครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร