วันเวลาปัจจุบัน 03 มิ.ย. 2025, 02:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2010, 20:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2010, 20:26
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ผมทำงานมีเงินเดือนประจำครับ ต้องไปทำงานทุกวันทำการ
พอหยุดยาวหรืออยู่บ้านเฉยๆ จะรู้สึกซึมๆเซื่องๆ
หากไปหากิจกรรมทำก็ทุกข์บ้าง สุขบ้าง มันย้อมจิต ก่อกวนจิตอยู่ตลอดเวลา
รู้สึกได้ว่า สุขก็ทุกข์ ทุกข์ก็ทุกข์ เลยมีแต่ทุกข์กับทุกข์กับทุกข์กับทุกข์
ใจมันรับไม่ได้ ตอนนี้อยู่เฉยๆมันซึมลูกเดียว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2010, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 12:55
โพสต์: 26

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณก็ไปทำบุญ ตักบาตร ไปวัด บุญจะทำให้เกิดปิติ ไม่เซื่องซึมหดหู่
ถ้าไม่มีบุญหล่อเลี้ยงใจ ก็ซึมอย่างนี้ ซังกะตายอยู่
ควรนั่งสมาธิ ภาวนาทุกวัน ก็คงหายซึมหรอกค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2010, 21:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

รูปภาพ

วันหยุดยาวอย่างนี้ อยู่บ้านเฉยๆรู้สึกเซ็งๆ เซื่องซึมก็หาอะไรตื่นเต้นๆทำเช่น ปืนหน้าผา โดดบันจี้จัมพ์ ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2010, 21:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


thongwhat เขียน:
:b8:
รู้สึกได้ว่า สุขก็ทุกข์ ทุกข์ก็ทุกข์ เลยมีแต่ทุกข์กับทุกข์กับทุกข์กับทุกข์
ใจมันรับไม่ได้ ตอนนี้อยู่เฉยๆมันซึมลูกเดียว


สาธุ.. :b8:
แล้วรู้สึกอยากออกจากทุกข์ไหมลครับ???

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2010, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 03:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


thongwhat เขียน:
ใจมันรับไม่ได้


ก็เมื่อไหร่ ใจมันรับได้ ยอมรับความจริงเมื่อใด ก็คงจะดีขึ้นนะครับ

ผมเชื่อว่าการภาวนา คือการเฝ้าดูปรากฏการณ์ต่างๆ ตามความเป็นจริง
เราไม่ได้มีหน้าที่เลือกว่าจะเอาอะไร หรือไม่เอาอะไร
อยากจะซึม หรืออยากจะไม่ซึม ก็ไม่ใช่ทั้งนั้น
มีหน้าที่รู้ไปตามความจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 06:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยามเขียน
อ้างคำพูด:
ผมเชื่อว่าการภาวนา คือการเฝ้าดูปรากฏการณ์ต่างๆ ตามความเป็นจริง
เราไม่ได้มีหน้าที่เลือกว่าจะเอาอะไร หรือไม่เอาอะไร
อยากจะซึม หรืออยากจะไม่ซึม ก็ไม่ใช่ทั้งนั้น
มีหน้าที่รู้ไปตามความจริง

เช่นกันครับการที่เรายังซึมเศร้าไม่ได้หมายความว่าเราทำไมนั่งสมาธิไม่ได้ผล
ก็เพราะอารมณ์ต่างๆไม่สามารถบังคับได้คนเราอยากมีความสุขสงบทั้งวันเพราะรู้สึกดีกว่า
แต่นักปฏิบัติต้องพิจารณาธรรมที่เกิดขึ้นนั่นเป็นวิปัสสนา
ก็วิปัสสนาคือการกำหนดรู้ อารมณ์ซึมเศร้าเราก็ควรกำหนดรู้ตามไม่นานปัญญาก็เกิด

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ย. 2009, 07:32
โพสต์: 95

แนวปฏิบัติ: หลักวิถีธรรมชาติ - อานาปานสติ,บริกรรมภาวนา
ชื่อเล่น: นุ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
รูปภาพ

รูปภาพ

วันหยุดยาวอย่างนี้ อยู่บ้านเฉยๆรู้สึกเซ็งๆ เซื่องซึมก็หาอะไรตื่นเต้นๆทำเช่น ปืนหน้าผา โดดบันจี้จัมพ์ ฯลฯ

:b1:

.....................................................
จงทำศีลให้เป็น อธิศีล
ทำจิตให้เเป็น อธิจิต
ทำปัญญาให้เป็น อธิปัญญา


พื้นฐานคุณธรรมความเป็นมนุษย์คือ ศีล๕ กุศลกรรมบถ๑๐ หิริโอตัปปะ และความกตัญญู กตเวทิตา

จุดสูงสุดของการรู้ธรรม เห็นธรรม ก็คือ
...สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ...สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 12:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


thongwhat เขียน:
รู้สึกได้ว่า สุขก็ทุกข์ ทุกข์ก็ทุกข์ เลยมีแต่ทุกข์กับทุกข์กับทุกข์กับทุกข์

นั่นหล่ะครับ...ความจริง..ความสุข มันไม่มีดอก มันมีแต่ความทุกข์
บางคนที่เห็นว่าเป็นสุข...มันก็คือทุกข์นั่นแหละ...แต่มันทุกข์แบบละเอียด..เรามองไม่เห็น
การ ครองเรือน ที่เราเห็นว่ามัน สุข..มีลูกน่ารัก..สามี-ภรรยา อยู่ ด้วยปัจจัย ๔ พร้อม..ลาภ ยศ สมบัติ เขาก็คิดว่า นั่น คือความสุข ๆ ๆ ที่สุด...แต่แล้ว..มันก็ไม่ใช่..เพราะมันไม่เที่ยง..มันต้องมีวันจาก-พลัดพราก..หรือ มันมี บ่วง เป็นห่วงอยู่...ห่วงลูก...ห่วงเมีย...ห่วงสมบัติ...ห่วง ยศ สรรเสิญ
....พระพุทธเจ้า...ท่านจึงสอนแต่เรื่องทุกข์...ถ้าได้เกิดมาแล้ว..มันก็คือทุกข์...ท่านจึงสอนแต่เรื่องดับทุกข์...เหตุแห่งทุกข์...วิธีดับทุกข์..
....หาวิธี ดับทุกข์นี้ให้ได้ครับ...เราจะไม่ซึม...จะต้องเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 14:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


thongwhat เขียน:
:b8: ผมทำงานมีเงินเดือนประจำครับ ต้องไปทำงานทุกวันทำการ
พอหยุดยาวหรืออยู่บ้านเฉยๆ จะรู้สึกซึมๆเซื่องๆ
หากไปหากิจกรรมทำก็ทุกข์บ้าง สุขบ้าง มันย้อมจิต ก่อกวนจิตอยู่ตลอดเวลา
รู้สึกได้ว่า สุขก็ทุกข์ ทุกข์ก็ทุกข์ เลยมีแต่ทุกข์กับทุกข์กับทุกข์กับทุกข์
ใจมันรับไม่ได้ ตอนนี้อยู่เฉยๆมันซึมลูกเดียว


สวัสดี ท่านเจ้าของกระทู้...

จอดเรือ ไม่ทอดสมอ ไม่ผูกเรือ
เรือย่อมลอยละล่องไปตามกระแสน้ำ

เมื่อไม่หาหลักผูกใจ ไม่ทอดสมอจิต ใจย่อมถูกกระแสแห่งความเขลาพาไป

จะทำอย่างไรดี?

นำเอาทุกข์ที่รู้สึกอยู่ มาเป็นสังเวควัตถุ เป็นตัวตั้งความเพียร ศึกษาพระธรรมเพื่อเป็นหลักแห่งใจ
ก่อเกิดเป็นสมอแห่งใจ ผูกใจให้มั่น

ปฏิบัติธรรม เพื่อละอกุศลธรรม เจริญอธิจิตเพื่อละนิวรณ์อันเป็นเหตุแห่งความเซื่องซึม ยังจิตให้ร่าเริงเพื่อให้เกิดปัญญาในธรรม ความแช่มชื่นแห่งจิตจะเป็นกำลังให้จิตเกิดปัญญาในการละวาง และมีความสุขตามธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร