วันเวลาปัจจุบัน 19 มิ.ย. 2025, 09:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2010, 04:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




13922a8.jpg
13922a8.jpg [ 76.27 KiB | เปิดดู 6853 ครั้ง ]
คนขายสุนัข และ ลูกสุนัข 7 ตัว

มีร้านค้าแห่งหนึ่ง ติดประกาศขายลูกสุนัข 7 ตัว
เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็กๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวัน
แต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ
เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีราคาค่อนข้างแพง

วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน
เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่ง ก็มากระตุกชายเสื้อเขา
เขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่

เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขาย
ผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว
พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว
ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ?
เด็กบอกอย่างสุภาพ

อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่หลังร้านน่ะ
เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี
แล้วผิวปากเรียกสุนักทั้งเจ็ดออกมา

เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมา ทีละตัว
เขานับ...แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้น
ไหนว่ามีเจ็ดตัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ?
เด็กชายถาม

เจ้าของร้านตอบว่า
อ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัว
เพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี
มันก็เลยต้องคลานออกมา วิ่งมาพร้อมกับพี่ๆ ของมันไม่ได้

สิ้นคำเจ้าของร้าน
ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา
ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว
มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้าน

ลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ดๆ
เห็นได้ชัดว่า มันพยายามคลานมาหาเขา
หางของมันกระดิกดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ตลอดเวลา
มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย
ท่าทางจะชอบเขามาก

เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ?

ปกติ อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ
เจ้าของร้านตอบ

เด็กชายนิ่งอึ้งไป ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ
เขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้น

ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้
เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ

เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า
โอ๊ะ! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะ
ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรีๆ ไปเลย

เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป
ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า

ทำไมครับ
ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้?

ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะ
ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อมๆ พี่ๆ น้องๆ ของมัน
และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว
เพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้
ความจริง อาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ
ลองดูตัวอื่นดีไหม?

เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า
คุณอาดูอะไรนี่สิครับ

ว่าแล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น

เจ้าของร้านจึงได้เห็นว่า
ขาของเด็กชายคนนี้ เล็กลีบ เช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัข
แต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้

คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกัน
ผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ
วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้
อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ?

เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป
ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา

เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่า
ผม จะซื้อสุนัขตัวนี้ ในราคาสองพันบาท เท่ากับลูกหมาตัวอื่นๆ
แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ
ถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอา
ขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้
เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาท
คุณอาจะว่าอย่างไรครับ?

เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน
ทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจ
พลางกล่าวขอโทษขอโพย ในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป

เขาบอกว่าไม่ขัดข้อง
ที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้
และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย
พวกมันก ็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก.
.....................
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก

ที่มา : นิทานสีขาว
เล่าโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2010, 05:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Eikewsang เขียน:
เขาบอกว่าไม่ขัดข้อง
ที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้
และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย
พวกมันก ็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก.
.....................
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก

ที่มา : นิทานสีขาว
เล่าโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

เรื่องนี้อ่านแล้ว ดีครับมันเรียกน้ำตาได้เลย
แต่ผมมีปัญหาอยู่หน่อยหนึ่งครับ ถามเพื่อความรู้คงไม่ว่ากัน
อ่านเนื้อหาทั้งเรื่องแล้วมาถึงตอนสรุปที่ว่า...
อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก
เนื้อเรื่องตอนไหนครับ ที่ทำให้เราเห็นคล้อยตามไปกับบทสรุป
ของเจ้าของบทความ จขกทกรุณาชี้แนะด้วยครับ

แล้วที่ว่าเด็กมีจิตใจดี ดีตรงไหนช่วยอธิบายเพิ่มด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2010, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2010, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เรื่องนี้อ่านแล้ว ดีครับมันเรียกน้ำตาได้เลย
แต่ผมมีปัญหาอยู่หน่อยหนึ่งครับ ถามเพื่อความรู้คงไม่ว่ากัน

สวัสดีครับ...คุณโฮฮับ

ถ้าจะว่ากับตรง ๆ ผมและทุกท่านที่มีโอกาสอ่านเรื่องนี้
ก็อาจมีความเห็นไม่ตรงกันไปเสียทั้งหมด ทั้งนี้ ตามเหตุปัจจัยของแต่ละท่าน

ดังนั้น ผู้ที่จะให้ความกระจ่างได้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นเจ้าของบทความ

แต่เมื่อคุณโฮฮับ ระบุถึง จขกท. ก็คงต้องขอแสดงความเห็นส่วนตัว (คงไม่ถึงขั้นชี้แนะล่ะครับ)

โฮฮับ เขียน:
อ่านเนื้อหาทั้งเรื่องแล้วมาถึงตอนสรุปที่ว่า...
อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก
เนื้อเรื่องตอนไหนครับ ที่ทำให้เราเห็นคล้อยตามไปกับบทสรุป

ของเจ้าของบทความ จขกทกรุณาชี้แนะด้วยครับ

ก็น่าจะตรงที่ มุมมอง หรือ ความคิดของคนส่วนที่จะซื้อลูกหมาไปเลี้ยง
เบี้องต้มก็ต้องพิจารณาจาก รูปลักษณ์ภายนอก คือ มีสภาพร่างกายที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าสมบูรณ์ที่สุด
ดังนั้น ตัวที่ขาพิการก็คงเป็นตัวที่ถือว่าไม่สมบูรณ์ คือ รูปลักษณ์ภายนอกไม่ดี

โฮฮับ เขียน:
แล้วที่ว่าเด็กมีจิตใจดี ดีตรงไหนช่วยอธิบายเพิ่มด้วยครับ


คงเป็นตรงที่ เด็กยอมที่จะเอาเจ้าตัวที่พิการไปเลี้ยง

ซึ่งต่างจากคนอื่นๆ ที่คงจะเลือกแต่ตัวที่สมบูรณ์เท่านั้น

แถมเด็กยังเป็นผู้ไม่ชอบฉวยโอกาส ด้วยการรีบตกลงรับขอเสนอของเจ้าของหมา

แต่กลับยอมซื้อในราคาเดิม โดยขอผ่อนชำระ


แก้ไขล่าสุดโดย Eikewsang เมื่อ 28 ก.ค. 2010, 20:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Eikewsang เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อ่านเนื้อหาทั้งเรื่องแล้วมาถึงตอนสรุปที่ว่า...
อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก
เนื้อเรื่องตอนไหนครับ ที่ทำให้เราเห็นคล้อยตามไปกับบทสรุป

ของเจ้าของบทความ จขกทกรุณาชี้แนะด้วยครับ

ก็น่าจะตรงที่ มุมมอง หรือ ความคิดของคนส่วนที่จะซื้อลูกหมาไปเลี้ยง
เบี้องต้มก็ต้องพิจารณาจาก รูปลักษณ์ภายนอก คือ มีสภาพร่างกายที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าสมบูรณ์ที่สุด
ดังนั้น ตัวที่ขาพิการก็คงเป็นตัวที่ถือว่าไม่สมบูรณ์ คือ รูปลักษณ์ภายนอกไม่ดี

ที่ผมให้คุณแสงช่วยขยายความ บทสรุปของบทความนี้เพราะผมอ่านดูแล้วไม่เห็น
หรืออาจไม่เข้าใจไปเองว่า เนื้อหามันไปเกี่ยวกับรูปลักษณะจนต้องยกมาเป็นบทสรุป
เพราะถ้าจะสรุปตามเจ้าของบทความ มันต้องหมายถึงแม้รูปลักษณะด้อยพิการ
แต่ก็ยังมีคุณค่ามีความสามารถ
แต่ก็ไม่มีกล่าวไว้เลยว่าเด็กหรือสุนัขมีความสามารถ
เหนือกว่าความพิการตรงไหน ถ้าจะบอกว่าสุนัขพิการขายได้ราคาก็คงไม่ใช่ เพราะเกิดจากเด็ก
มีความต้องการอันเนื่องจาก ความต้องการเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติ
ถ้ารูปลักษณ์นะใช่ แต่มันเป็นจุดมุ่งหมายอื่น ที่สำคัญต้องดูจากรูปลักษณ์ของเด็กด้วย เพราะสิ่งนี้
ทำให้เด็กเบี่ยงเบนประเด็นการเลือกสินค้าซึ่งจะต้องเลือกสินค้า จากคุณภาพและความสามารถครับ

พูดง่ายๆว่าเด็กเลือกสินค้า เพราะความเวทนาอาจจะเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง เลยส่งผลให้รู้สึก
สงสารเห็นใจ อาจจะไม่ดีครับที่ต้องกล่าวว่าเห็นใจพวกเดียวกัน
ผมเลยขอกล่าวว่า บทสรุปไม่ตรงกับเนื้อหาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 11:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Eikewsang เขียน:
[
โฮฮับ เขียน:
แล้วที่ว่าเด็กมีจิตใจดี ดีตรงไหนช่วยอธิบายเพิ่มด้วยครับ


คงเป็นตรงที่ เด็กยอมที่จะเอาเจ้าตัวที่พิการไปเลี้ยง

ซึ่งต่างจากคนอื่นๆ ที่คงจะเลือกแต่ตัวที่สมบูรณ์เท่านั้น

แถมเด็กยังเป็นผู้ไม่ชอบฉวยโอกาส ด้วยการรีบตกลงรับขอเสนอของเจ้าของหมา

แต่กลับยอมซื้อในราคาเดิม โดยขอผ่อนชำระ

ผมอยากให้คุณแสงเทียบความดีของคนสองคนดูครับ ระหว่าง เด็กกับคนขายสุนัข
ถ้าจะพูดถึงคุณงามความดีแล้วละก็ ผมว่าน่าจะเป็นพ่อค้าสุนัขนะครับ
คุณคงเข้าใจนะว่า คุณสมบัติของพ่อค้าที่ดีต้องมีความซื่อสัตย์ ไม่หลอกลวงลูกค้า
ดูเนื้อหาแล้วพ่อค้าก็บอกถึง รูปลักษณ์ที่พิการของสุนัข ซึ่งหาได้ยากที่จะมาบอกตำหนิหรือ
จุดด้อยของสินค้า
แนะนำให้เด็กอย่าซื้อสุนัขตัวนั้น แต่เด็กจะเอาให้ได้ ก็สู้อุตสาห์ยกให้เปล่าๆ
คุณแสงต้องยอมรับนะครับว่า พ่อค้าไม่รู้ว่า เด็กพิการและไม่มีเจตนาดูถูกความพิการไม่ว่าเด็ก
หรือสุนัข แต่จุดประสงค์คือไม่ต้องการเอาเปรียบเด็ก แถมยังหาคนที่รักและเข้าใจเจ้าสุนัขพิการตัวนั้น
ซึ่งดูแล้ว เป็นการตัดสินใจที่ถูกเป็นบุญกุศลของทุกฝ่าย

ส่วนเรื่องของเด็ก ถ้าเราดูดีๆแบบใจแข็งๆ ดูตามความเป็นจริง เราจะเห็นว่า
ทุกอย่างที่เด็กทำ ก็เพราะตามใจตัวและศักดิ์ศรีของตัวเองไม่เกี่ยวกับความดีเลยครับ
ผมเห็นว่าสิ่งที่เด็กทำเป็นการเวทนาตัวเองครับ
ที่ว่าเด็กไม่ชอบฉวยโอกาสผมว่าผิดถนัดครับ เป็นเพราะเด็กเกิดความหยิ่งในศักดิ์ศรี
เด็กเข้าใจไปเองว่าพ่อค้าดูถูกในความพิการ จึงเกิดการต่อต้าน อยากแสดงให้เห็นว่า
คนหรือสัตว์ที่พิการก็มีคุณค่า ซึ่งการกระทำของเด็กเป็นการกระทำที่เกิดจากความน้อยเนื้อ
ต่ำใจครับ ผมว่ามันไม่ดีครับมันเหมือนเด็กมองโลกในแง่ร้ายครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 13:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีอีกครั้ง คุณโฮฮับ

ก็แล้วแต่มุมมองครับ

เรื่องราวแบบนี้ , ไม่ว่าเรื่องจริง หรือ เรื่องเล่า
มีสิ่ง-เรื่องไร้สาระมากมาย แทรกอยู่ในสิ่งที่มีสาระซึ่งส่วนใหญ่จะมีอยู้น้อยนิด

โดยส่วนตัว . ผมอ่านจบแล้วจับสาระได้แค่ไหนก็แค่นั้น
ไม่ค่อยอยากเอามาถกต่อ เพราะมักว่ากันตามทิฏฐิของตนเอง
สิ่งที่เป็นสาระของอีกคนหนึ่ง อาจไร้สาระสำหรับอีกคนหนึ่งก็ได้

ผมถึงบอกไว้ในกระทู้ที่ตอบว่า เมื่อขอให้ผมแสดงความเห็น
ผมก็แสดง ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น คือ ตามทิฏฐิของผมละครับ

ส่วนมุมมองหรือทิฏฐิแต่ละคน ก็คงต้องเป็นไปตามนั้นอีกเช่นกัน
จับสาระให้ได้ก็พอแล้ว

พระคุ้มครองครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 19:31
โพสต์: 169

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำดี
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มที่ชอบ
ชื่อเล่น: เก็บเกี่ยว
อายุ: 0
ที่อยู่: ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านประเด็นแล้ว ผมว่ามองคนละด้านกันแต่ก็ ดีนะเพราะทุกๆเรื่องย่อมประกอบด้วยหลายๆมุมเสมอ :b16: :b17: :b12:

.....................................................
รักษาที่ดีไว้ ก่อความดีใหม่ๆ ละๆๆชั่วต่อๆไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 04:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เก็บเกี่ยว เขียน:
อ่านประเด็นแล้ว ผมว่ามองคนละด้านกันแต่ก็ ดีนะเพราะทุกๆเรื่องย่อมประกอบด้วยหลายๆมุมเสมอ :b16: :b17: :b12:


เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 สค. ผมไปร่วมงานสาธารณกุศลงานหนึ่ง

ขณะที่ไปรับประทานมื้อเที่ยง ที่บริเวณลานซุ้มอาหารที่ผู้ใจบุญนำมาแจกเป็นทาน

ใกล้กันนั้น มีนักดนตรีกลุ่มหนึ่ง ตั้งเครื่องขยายเสียงจำนวนหลายเครื่อง
จับกลุ่มล้อมรอบเครืื่องขยายเสียงรอเวลาแสดงอยู่

ห่างจากที่ตั้งเครื่องฯ ไปประมาณ 10 เมตร มีเวทีชั่วคราว
ตั้งเครื่องดนตรีไทย และมีนักดนตรี 4-5 คน นั่งขัดสมาธิรอเวลาแสดงอยู่เช่นกัน

บริเวณหน้าเวทีชั่วคราว เป็นโต๊ะพร้อมม้านั่ง ประมาณ 10 ชุด ตั้งอยู่
คนนั้งทานอาหารเต็มทุกโต๊ะ รวมทั้งบนสนามหญ้า พื้นปูน คนนั่งทานอาหารรานตาไปหมด

ผมนั่งทานอาหารอยู่ข้างๆ บริเวณพื้นปู ใกล้ๆกับกลุ่มนักดนตรีดังกล่าว

เวลาประมาณ 12.00 มีเสียงผู้หญิงซึ่งเข้าเป็นคณะผู้มาบำเพ็บกุศล
ใช้เครื่องขยายเสียงสาธยายที่ตั้งซุ้มและชนิดของอาหาร เพื่อบอกกล่าวผู้มารับแจกอาหาร

พร้อมประชาสัมพันธ์กุศลกิจกรรมประจำวัน - เดือน ของสถานที่แห่งนั้น

เสียงชายคนหนึ่งในกุล่มนักดนตรี สั่งให้ชายอีกคนหนึ่งในกลุ่ม ไปบอกต้นเสียงดังกล่าวว่า
จะขอใช้เสียงด้านของตน ขอให้งดการใช้เสียง โดยทิ้งท้ายทำนองตำหนิว่า

"พูดแต่เรื่องไม่มีสาระ"

ผมไม่รู้ว่า เค้าหมายถึงอะไร เพราะตั้งแต่ผมได้ฟังมา ยังไม่ได้ยินนเรื่องไร้สาระเลย
มีแต่การประชาสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ในวันนี้ และวันต่อไป ของผู้ที่มาใช้ในสถานที่แห่งนี้

เสียงประชาสัมพัันธ์เงียบลง เสียงดนตรีดังขึ้น แต่ก็ล่มลง เพราะเสียงยังเพี้ยนอยู่
จึงต้องตั้งเสียงใหม่ นอกจากเสียงเครื่องดนตรี ซึ่งระดัีบเสียงรบกวนความรู้สึกของผมแล้ว
เสียงสนทนาแบบไม่มีประเด็นจากนักดนตรี ก็ถูกกระจายออกมาทางลำโพงด้วย

สักครู่หนึ่ง เสียงดนตรีก็ดังขึ้น เป็นดนตรีไทยประยุกต์ บรรเลงไม่มีขับร้อง

ผมเองก็เป็นนักฟังเพลงคนหนึ่ง หากจะให้วิจารณ์ ก็คงต้องบอกว่า
เสียงนก เสียงกา ที่อยู่บริเวณนั้น คงจะรื่มรมณ์กว่า

คนที่ทานอาหารก็คงทานกันต่อไป ไม่มีใครให้ความสนใจการแสดง
เสียงเพลงจบลง ความเงียบก็เข้ามาแทนที่

ทันใดนั้น เสียงคนปรบมือดังขึ้น จากคน 1 คน ส่วนคนอื่น รวมทั้งผม ก้มหน้ากินๆๆๆ

ผู้ปรบมือ เป็นชายแก่ร่างเล็ก นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าผมนี่เอง
บุคลลิกภาพของท่าน ใครเห็นก็บอกได้เลยว่า "ไม่เต็มบาท"
(ขออนุญาตและต้ิองขออภัยที่ต้องใช้ถ้อยคำเชิงลบหลู่ชายดังกล่าว
แต่เพื่อให้สื่อสารกันเข้าใจครับ)

ประจักษ์พยานนั่งรายรอบอยู่ในบริเวณนั้น บอกกล่าวให้รู้ได้เลยว่า

"ใครกันแน่ ที่ทำแต่เรื่องไร้สาระ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 12:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ค. 2010, 19:01
โพสต์: 22

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: อ่านแล้วใจเป็นสุข เกิดความเมตตาในสัตว์โลก ก็เป็นบุญแล้วค่ะ อนุโมทนา :b8:

.....................................................
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง มีเกิดขึ้นและดับไปเป็นธรรมดา
การดับสังขารเหล่านั้นเสียได้ เป็นสุข


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร