วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 12:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็น คนดีที่โลกลืม พูดถึง อัตตาๆๆ อยู่บ่อยๆ พูดไว้ที่นี่อีก

viewtopic.php?f=2&t=30206&p=185288#p185288


จึงขอถามความหมาย “อัตตา” คนดี ฯ หน่อย ตอบตามความเข้าใจของตัวเองล้วนๆนะขอรับนะ :b1:

ไม่เอาจากคำพูดคำบอกเล่าจากผู้นั้นผู้นี้ เขาว่ายังงั้นยังงี้นะ ไม่เอา เอาตามที่ตนเองรู้เข้าใจนะ

ถามว่า “อัตตา” ได้แก่อะไร ยกตัวอย่างประกอบด้วย :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 22 มี.ค. 2010, 12:22, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 11:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




f54802676.gif
f54802676.gif [ 16.55 KiB | เปิดดู 5629 ครั้ง ]
ข้าคือยมทูตมารับตัวเธอ ไปไป ไปลงนรกเสียเถอะที่รัก ฉันจะลงโทษเทอ เวลาของเธอหมดแล้ว

http://radio.sanook.com/music/player/song-lyric/11547/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 16:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b13: :b13: :b13:

อัตตาของท่านคนดีฯ ก็นิพพานไงครับ :b32: :b32:

เขาบอกมาตั้งแต่เสวยชาติเป็น พลศักดิ์ฯ :b2: :b2: :b2:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 17:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1720

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b5: :b14: หง่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกายที่เคารพรัก


นิยาม "อัตตา" ที่พระพุทธเจ้าได้ให้ไว้ในอนัตตลักขณะสูตรคือ

" ดูกรภิกษุทั้งหลาย....

ถ้ารูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) นี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) นี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในรูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ว่า รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย "

สรุป

ถ้ามีรูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ใด ที่ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสิ่งนั้นว่า ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถิด อย่าเป็นอย่างนี้เลย สิ่งนั้นก็เป็น "อัตตา"

และพระพุทธองค์ยังตรัสถามพระปัญจวัคคีย์ เพื่อสอบความเข้าใจด้วยว่า :

ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

ป. ข้อนั้น ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.


ตอนนี้เราจะถามท่านกรัชกาย ว่า:

" ก็สิ่งใดเที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา? "

ท่านกรัชกาย ต้องตอบว่า : ข้อนั้น ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า [/color]

***เมื่อไรที่ท่านกรัชกายตอบดังนี้ ท่านก็พ้นจากอำนาจแห่งมาร และเข้าใจ "อัตตา"ที่พระพุทธเจ้าให้นิยามไว้ในอนัตตลักขณะสูตรแล้ว***

ในปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร พระอวโลกิเตศวรทรงชี้ให้เห็นว่า ธรรมกาย นี่แหละคืออายตนะนิพพาน อันไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

" ธรรมกาย ก็คือปรัชญาปารมิตาซึ่งเป็นสภาวธรรมแห่งพระตถาคตตรัสรู้ ก็คือ อายตนะนิพพานนั้นเอง ย่อมปราศจากการมาในอดีต ฤาการไปในอนาคต แลในปรัตยุบันกาลเล่าก็ปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นึกแล้ว แทงหวยทำไมไม่แม่นยังงี้น้า :b32:

บอกแล้วไงขอรับว่า เอาความเห็นของตัวเอง

เอาใหม่ขอรับ อัตตา ได้แก่ อะไร ยกตัวอย่างให้เห็นภาพด้วย

ตอบตามความรู้เข้าใจของ คนดี ฯ เองขอรับ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 22 มี.ค. 2010, 20:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




6wmpl.gif
6wmpl.gif [ 23.53 KiB | เปิดดู 5477 ครั้ง ]
ช่างร้ายเหลือ

http://www.pleng.com/song.php?song_id=018607

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 20:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตเริ่มต้นของเราเป็นพุทธะ จิตเริ่มต้นตัวนั้นคือ อสังขตธาตุ ไม่มีจุดเกิด ไม่มีจุดตาย จิตเริ่มต้นตัวนั้นเป็นอมตะ ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร

จิตเริ่มต้นตัวนั้นแหละ ไม่มีราคะ โทสะ โมหะ มันจึงเป็นอมตะ

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความกำจัดราคะ โทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อแห่ง นิพพานธาตุ ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า อมตภาพ"

จิตเริ่มต้นที่ไม่มีราคะ โทสะ โมหะ และเป็นอมตะตัวนั้นแหละ = อัตตา = นิพพานจิต = นิพพานธาตุ

- คุณกรัชกายและทุกคนในโลก ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ ล้วนถูกไวรัสอวิชชา หรือไวรัสกิเลสตัณหา ครอบงำจิตใจ ทำให้ไม่รู้ว่าตนเองคือพุทธะ หรือพระเจ้า

- สติปัฏฐาน 4 คือ โปรแกรมฆ่าไวรัสอวิชชาที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ ก่อนหน้านั้น ศาสนาพราหมณ์ค้นพบสมถะกรรมฐาน หรือสมาธิ ซึ่งเป็นโปรแกรมฆ่าไวรัสอวิชชาอีกแบบหนึ่ง แต่โปรแกรมสมถะกรรมฐาน ใช้เวลานานมากกว่าโปรแกรมฆ่าไวรัสอวิชชาสติปัฏฐาน 4

นอกจากนี้ พระพุทธองค์ทรงสอนให้ใช้ทั้งสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน(สติปัฏฐาน 4)ร่วมกัน จึงจะเข้าใจความจริงของโลกและพระนิพพาน เพราะถ้าใช้แค่สติปัฏฐาน 4 แม้ว่าจะฆ่าไวรัสอวิชชาได้หมด และเข้าถึงพระนิพพาน แต่ก็จะไม่เข้าใจเรื่องโลกและภพภูมิต่างๆ


แก้ไขล่าสุดโดย คนดีที่โลกลืม เมื่อ 22 มี.ค. 2010, 20:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามสั้นๆ ควรตอบสั้นๆขอรับ

อัตตา ได้แก่อะไรขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ถามสั้นๆ ควรตอบสั้นๆขอรับ

อัตตา ได้แก่อะไรขอรับ


"อัตตา" = แก่นแท้ ที่คุณเคยเป็น สิ่งนั้นไม่มีกิเลสอวิชชา มันจึงเป็นอมตะ เป็นนิรันดร ไม่มีความทุกข์ สิ่งนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า "อายตนะนิพพาน" หรือ "ธรรมกาย"

"อนัตตา" = เปลือกนอก ที่คุณกำลังเป็นอยู่ และจะเป็นต่อไปเรื่อยๆถ้ายังมีกิเลสอวิชชาอยู่ สิ่งนี้คือควมเป็นมนุษย์ของคุณ

"อนัตตา" = เปลือกใน ที่คุณจะเป็นในอนาคต(กายทิพย์,อทิสมานกาย)เมื่อตายแล้ว แต่ยังไม่สามารถละทิ้งกิเลสอวิชชา สิ่งนี้คือควมเป็นเทพ เป็นเปรต เป็นพรหม ฯลฯ ของคุณ


แก้ไขล่าสุดโดย คนดีที่โลกลืม เมื่อ 22 มี.ค. 2010, 21:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 21:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนดีที่โลกลืม เขียน:
"อัตตา" = แก่นแท้ ที่คุณเคยเป็น สิ่งนั้นไม่มีกิเลสอวิชชา มันจึงเป็นอมตะ เป็นนิรันดร ไม่มีความทุกข์ สิ่งนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า "อายตนะนิพพาน" หรือ "ธรรมกาย"

"อนัตตา" = เปลือกนอก ที่คุณกำลังเป็นอยู่ และจะเป็นต่อไปเรื่อยๆถ้ายังมีกิเลสอวิชชาอยู่ สิ่งนี้คือควมเป็นมนุษย์ของคุณ

"อนัตตา" = เปลือกใน ที่คุณจะเป็นในอนาคต(กายทิพย์,อทิสมานกาย)เมื่อตายแล้ว แต่ยังไม่สามารถละทิ้งกิเลสอวิชชา สิ่งนี้คือควมเป็นเทพ เป็นเปรต เป็นพรหม ฯลฯ ของคุณ



"อัตตา" แก่นแท้ ที่คุณเคยเป็น สิ่งนั้นไม่มีกิเลสอวิชชา มันจึงเป็นอมตะ เป็นนิรันดร

ไม่มีความทุกข์ สิ่งนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า "อายตนะนิพพาน" หรือ "ธรรมกาย"



อ๋อ ...ยังงั้นหรือขอรับ :b1:

ยังงั้นถามอีกนิดหนึ่งแล้วที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า อัตตา หิ อัตตโน นาโถ แปลว่า ตน แล เป็นที่พึงแห่งตน

อัตตา นี่ล่ะจะว่ายังไง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 11:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีขอรับ ท่านคนดี ฯ :b8: :b12:

หายไปไหนแล้ว ไม่สบายหรือเปล่าขอรับ :b10:

รอคำตอบอยู่นะขอรับ :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คนดีที่โลกลืม เขียน:
"อัตตา" = แก่นแท้ ที่คุณเคยเป็น สิ่งนั้นไม่มีกิเลสอวิชชา มันจึงเป็นอมตะ เป็นนิรันดร ไม่มีความทุกข์ สิ่งนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า "อายตนะนิพพาน" หรือ "ธรรมกาย"

"อนัตตา" = เปลือกนอก ที่คุณกำลังเป็นอยู่ และจะเป็นต่อไปเรื่อยๆถ้ายังมีกิเลสอวิชชาอยู่ สิ่งนี้คือควมเป็นมนุษย์ของคุณ

"อนัตตา" = เปลือกใน ที่คุณจะเป็นในอนาคต(กายทิพย์,อทิสมานกาย)เมื่อตายแล้ว แต่ยังไม่สามารถละทิ้งกิเลสอวิชชา สิ่งนี้คือควมเป็นเทพ เป็นเปรต เป็นพรหม ฯลฯ ของคุณ



"อัตตา" แก่นแท้ ที่คุณเคยเป็น สิ่งนั้นไม่มีกิเลสอวิชชา มันจึงเป็นอมตะ เป็นนิรันดร

ไม่มีความทุกข์ สิ่งนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า "อายตนะนิพพาน" หรือ "ธรรมกาย"



อ๋อ ...ยังงั้นหรือขอรับ :b1:

ยังงั้นถามอีกนิดหนึ่งแล้วที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า อัตตา หิ อัตตโน นาโถ แปลว่า ตน แล เป็นที่พึงแห่งตน

อัตตา นี่ล่ะจะว่ายังไง :b1:


พระพุทธองค์ก็ตรัสชัดอยู่แล้ว เรามีแก่นเป็นอัตตา ซ่อนอยู่ในขันธ์ที่เป็นอนัตตาของเรา แก่นของเราคือพระเจ้าหรือพุทธะ ทุกข์ใดๆของเราจะหมดไปเมื่อเราเข้าถึงแก่นหรืออัตตาของตนเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 15:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b16: :b16: :b16:
เพลิดเพลินดีจังครับ :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 16:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
:b10: :b14: :b5:

ศพรักในโลงใจ

คำร้อง - ทำนอง : ครูพยงค์ มุกดา

ขับร้อง : นิตรา พึ่งสุจิตร

จังหวะ : โบเลโร่

( พูด ) ความรักเมื่อสิ้นแล้ว เขาก็ไม่หันหลังมาเหลียวแลเราแล้ว ในห้วงหัวใจก็มีสภาพคล้ายโกดังผี

แว่วยินแต่เสียง.........

ร้องหลิ่งพาเสมือนใครมาย้อนกระซิบสั่ง

ให้ความรักเราถึงคราวเก็บฝัง

ท่ามกลางหัวใจคลุ้มคลั่ง

รักหักไม่ล้างกลางใจลำเค็ญ

ธูปเทียนเวียนหอม..........

น้อมจิตใจยิ่งคิดนึกไปหัวใจยิ่งเต้น

ตรอมตรมเผาใจรักใครจะเห็น

ชั่วดีทุกมีเฉกเช่น

เหมือนอย่างเดือนเพ็ญจากฟ้าราตรี

รักจากพรากไป...........

เหลือเพียงโลงดวงใจโศกนี้

เอาเนื้อเอาตัว ทั่วตนนั่นเป็นสักขี

เอาแหล่งแห่งฝันวจี

คล้ายเสียงดนตรีคอยย้อมดวงใจ

แว่วใครมากล่าวขาน..........

เหมือนวิญญาณมาคิดรังควานร้องเรียกร่ำไห้

ไม่เคยเห็นร่าง เสียงครางเหือดหาย

ยิ่งพาหัวใจเราให้

ซบอยู่เพียงในสุสานอุรา


.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 130 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร