ถ้าจะนำบทความในเว็บไซต์นี้ไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นไรไหมคะ ?


ตอนนี้เปิดร้านน้ำปั่นอยู่ค่ะ พอดีเข้ามาอ่านบทความในนี้แล้วรู้สึกดี เลยจะขออนุญาต นำบทความธรรมะต่างๆ ไปปริ้นรวมๆ กัน แล้วทำเป็นหนังสือทำมือเล่มเล็กๆ แจกฟรีให้กับลูกค้าที่ร้านได้อ่านกัน จะเป็นไรไหมคะ (กลัวพวกเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ต่างๆ นานา)



รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยเน้อ
ขอบคุณเจ้า :)

ถ้าทำเพื่อเป็นการเผยแผ่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ

เราไม่ได้ขาย

เนื้อหาบทความธรรมะ ที่ปรากฏอยู่ภายในเว็บธรรมจักรนั้น
คุณ chabavadee สามารถนำไปใช้ได้ หากเป็นไปเพื่อธรรมทาน
ทางเว็บไม่ได้มีลิขสิทธิ์ หรือหวงกันไว้แต่อย่างใดเลยค่ะ

แต่อย่างไรก็ตาม เนื้อหาบทความธรรมะต่างๆ ดังกล่าวนั้น
อาจจะมีลิขสิทธิ์ได้ กรณีเป็นเจ้าของผู้สร้างสรรงานบทความนั้นๆ
ซึ่งในกรณีนี้จะไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับทางเว็บธรรมจักรค่ะ

ขออนุโมทนาสาธุการด้วยค่ะ
สำหรับกุศลเจตนาในการร่วมเผยแผ่ธรรม

ทีมงานเว็บธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/

ขอบคุณมากๆ เลยค่ะสำหรับคำตอบ :)

ว่าจะลองทำดู
อยากให้อ่านกันเข้าไปเยอะๆ เผื่อประเทศไทยจะได้เย็นกว่านี้หน่อย ฮ่าๆ :D

ความจริงแล้ว ข้าพเจ้าไม่อยากจะกล่าวถึงในเรื่องของลิขสิทธ์ แต่เนื่องจากสมัยนี้ ยุคนี้ มีพวกมิจฉาชีพมากมายกว่าสมัยโบราณ ทั้งยังมีพวก อลัชชี หน้าด้าน นำไปเขียน นำไปพิมพ์ นำไปแอบอ้างเป็นเจ้าของบทความ
ถึงแม้ว่า ในทางการพาณิชย์ บทความ หรือข้อเขียน ทางศาสนา จะไม่ค่อยมีราคามากมายนัก แต่บางที ก็อาจมีราคาสามารถสร้างรายได้ให้กับพวกเหล่านั้นได้

บทความที่นำมาลงในเวบฯ สำหรับบทความที่ข้าพเจ้าเขียน และมีชื่อ นามสกุลจริง ของข้าพเจ้ากำกับอยู่ สงวนลิขสิทธิ์ ทุกบทความ เนื่องเพราะ บทความต่างๆที่ได้นำมาลงในเวบฯ ข้าพเจ้าได้ยื่นจดลิขสิทธิ์ไว้ ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อหลายปีที่ผ่านมา

ข้าพเจ้าเอง ก็ไม่ได้ห่วง หรือหวงความรู้อะไรดอกขอรับ ถ้าท่านทั้งหลายจะนำไปปฏิบัติ แต่หากจะนำไปเผยแพร่ด้วยการพิมพ์ หรือทำเป็นหนังสือด้วยหลักการใดใด ข้าพเจ้าไม่อนุญาตขอรับ นี้เป็นเหตุผลส่วนตัว จนกว่าจะถึงเวลาอันควรขอรับ

การเขียนอะไรขึ้นมา มันก็ถูกคุ้มครองอยู่แล้วครับ
ไม่ต้องไปจดเป็นหนังสือ

แต่ผมขอถามคุณผู้ใช้ชื่อว่า ศรีอริยะ ว่า
ท่านจดลิขสิทธิ์สำเร้จหรือไม่ครับ
ถามเป้นความรู้

ทำได้เลย ถ้าเข้าข้อยกเว้นใน ม. 32 , 35

โดยเฉพาะ 35 (9)

โดยเฉพาะเจ้าของบทความเองก็ยังไม่รู้ว่า
จะหาประโยชน์ในรูปของทรัพย์สิน จากบทความนั้น

หรือกรณีเป็นบทความที่อ้างอ้งมาจากแหล่งความรู้ หรือตำราอื่น

แม้ว่า เจ้าของบทความจะออกมาประกาศห้าม


หากเราไม่ได้ทำเพื่อค้าหากำไร

http://www3.easywebtime.com/demo010/right9.html


มาตรา ๓๒ การกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หากไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงาน อันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร มิให้ถือว่า เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ภายใต้บังคับบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง การกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามวรรคหนึ่ง มิให้ถือว่าเป็น การละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
(๑) วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร
(๒) ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นในครอบครัวหรือญาติสนิท
(๓) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
(๔) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
(๕) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้าพนักงาน ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว
(๖) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ โดยผู้สอนเพื่อประโยชน์ ในการสอนของตน อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร
(๗) ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอน หรือทำบทสรุปโดยผู้สอน หรือสถาบันศึกษา เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันศึกษา ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นการกระทำเพื่อหากำไร
(๘) นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ


มาตรา ๓๕ การกระทำแก่โปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หากไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อหากำไรและได้ปฏิบัติตามมาตรา ๓๒ วรรคหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) วิจัยหรือศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์
(๒) ใช้เพื่อประโยชน์ของเจ้าของสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(๓) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(๔) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(๕) ทำสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในจำนวนที่สมควร โดยบุคคลผู้ซึ่งได้ซื้อหรือได้รับโปรแกรมนั้นมาจาก บุคคลอื่นโดยถูกต้อง เพื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในการบำรุงรักษา หรือป้องกันการสูญหาย
(๖) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้าพนักงาน ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว
(๗) นำโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ
(๘) ดัดแปลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในกรณีที่จำเป็นแก่การใช้
(๙) จัดทำสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บรักษาไว้สำหรับการอ้างอิงหรือค้นคว้าเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน