วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 19:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2009, 17:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


มีประเด็นที่จะรบกวนเพื่อนๆ ให้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นอยู่ประเด็นหนึ่งครับ คือ เรื่องขันธ์ห้า ที่ประกอบไปด้วย..

"รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์"

เพื่อนๆ เห็นว่าเพราะเหตุใด พระพุทธเจ้าถึงได้จัดเรียงลำดับองค์ธรรมไว้อย่างนี้ครับ

รบกวนแสดงความคิดเห็นตามอัธยาศัยเลยครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2009, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นการเรียงจากภายนอก สู่ภายในหรือเปล่า...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2009, 21:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
"รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์"

เพื่อนๆ เห็นว่าเพราะเหตุใด พระพุทธเจ้าถึงได้จัดเรียงลำดับองค์ธรรมไว้อย่างนี้ครับ


เบญจขันธ์ หรือ ขันธ์ 5
เบญจขันธ์ หมายถึง กองแห่งรูปธรรมและนามธรรมห้าหมวดที่ประชุมกันเข้าเป็นชีวิต
ขันธ์ 5 ประกอบด้วย รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
1.
รูปขันธ์ กองรูป ส่วนที่เป็นรูป ร่างกาย พฤติกรรม และคุณสมบัติต่าง ๆ ของส่วนที่เป็นร่างกาย ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด
2.
เวทนาขันธ์ กองเวทนา ส่วนที่เป็นการเสวยรสอารมณ์ ความรู้สึก สุข ทุกข์ หรือเฉย ๆ
เมื่อรับรู้เกิดความพอใจ มนุษย์เรียกว่า สุข เมื่อรับรู้เกิดความไม่พอใจ มนุษย์เรียกว่า ทุกข์ เมื่อรับรู้แล้วไม่ทุกข์ไม่สุข เรียกว่า อุเบกขา
3.
สัญญาขันธ์ กองสัญญา ส่วนที่เป็นความกำหนดหมายให้จำอารมณ์นั้น ๆได้ ความกำหนดได้หมายรู้ในอารมณ์ 6 เช่น เสียงดัง รูปสวย กลิ่นหอม รสหวาน ร้อน และดีใจ
4.
สังขารขันธ์ กองสังขาร ส่วนที่เป็นความปรุงแต่ง สภาพที่ปรุงแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลาง ๆ คุณสมบัติต่าง ๆ ของจิต มีเจตนาเป็นตัวนำ ที่ปรุงแต่งคุณภาพของจิต ให้เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต
5.
วิญญาณขันธ์ กองวิญญาณ ส่วนที่เป็นความรู้แจ้งอารมณ์ ความรู้อารมณ์ทางอายตนะทั้ง 6

มีส่วนที่เป็นกาย ส่วนที่เป็นความรู้สึก ส่วนที่เป็นความจำ ส่วนที่เป็นการปรุงแต่ง และส่วนที่ไว้รับอารมณ์

ก็คือว่า ขันธ์ 5 นี้ ทำงานร่วมกัน
แต่สามารถมองเห็นว่ามันแยกออกจากกันได้ ด้วยวิปัสสนาญาน


แก้ไขล่าสุดโดย kanalove เมื่อ 17 ธ.ค. 2009, 21:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2009, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ควร วิเคราะห์เอา เอง


เพราะมันมีแต่ความคิดความเห็น ของคนศึกษา

จะไปรู้พระสัพพัญญูไม่ได้


ปัญหานี้ถือว่า เป็น อฐานะ ในการตอบ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2009, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าท่านสอนให้คนรู้จัก พิจารณา วิเคราะห์ เองก่อน ที่จะเชื่อตามนั้น

ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาพระเจ้า ที่สาวกจะต้องทำตามทุกอย่างโดยไม่มีการคิดแย้งหาเหตุผล


พระพุทธเจ้าท่านสอนให้คนเข้าใจถึงหลัก เหตุ และ ผล โดยใช้วิปัสสนาญานในการตัดสินใจเอาเองว่าควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อ

ทั้งนี้ การที่จะวิปัสสนาญานได้นั้น ไม่ใช่แค่การคิดโดยเอากิเลสไปปรุงเอง

แต่หมายถึง การให้ลองปฎิบัติตามกรรมฐานก่อน หรือให้ลองใคร่ครวญดูก่อน
ว่าได้ผลเป็นยังไงมายังไง ค่อยมาเชื่อ


แก้ไขล่าสุดโดย kanalove เมื่อ 17 ธ.ค. 2009, 21:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 00:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็วิเคราะห์..วิจารณ์ได้..นะครับ

แต่ก็ต้องดูด้วย..ว่ากำลังวิเคราะห์เรื่องอะไรอยู่

หากเป็น พุทธวิสัย คือปัญญาของพระพุทธเจ้า ก็ว่าไม่ควร

เพราะมันไม่ได้ประโยชน์อะไร

ศิรัสพล เขียน:

เพื่อนๆ เห็นว่าเพราะเหตุใด พระพุทธเจ้าถึงได้จัดเรียงลำดับองค์ธรรมไว้อย่างนี้ครับ

:b8:

ดังนั้นผู้ที่จะวิเคราะห์กันนี้นะ..ก็ต้องมาคิดดูก่อนว่า..เป็นพุทธวิสัย..หรือไม่?

ถ้าใช่.....ก็หยุด
ถ้าไม่ใช่..ก็ต่อ

ครับ :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 18 ธ.ค. 2009, 00:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 07:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาเข้ามาร่วมตอบกระทู้ครับ :b8:

ประเด็นที่ถามไปนั้น อาจจะเป็นคำถามที่อาจมองดูง่ายก็ง่าย อาจมองดูยากก็ยากลึกซึ้งเลย

แต่คำถามนี้ผมเห็นว่ายังไม่ถึงคำถามขั้น "พุทธวิสัย คือปัญญาของพระพุทธเจ้า" หรอกครับ

เพราะคำถามระดับพระพุทธเจ้านี่เท่าที่ผมเคยได้อ่านและศึกษามาเกี่ยวกับเรื่อง "พุทธนิรมิต" จะเป็นคำถามที่ยากกว่านี้มากๆ เลยครับ เพราะถ้าเป็นคำถามระดับนั้น คำถามคนธรรมดาเช่นเราจะตั้งขึ้นไม่ได้หรอกครับ ย่อมมีแต่ระดับพระพุทธเจ้าที่จะตั้งขึ้นมาได้น่ะครับ

ลองดูอรรถกถาประโยคนี้ดูนะครับ

ครั้นรู้แล้วยังแบ่งภัพพบุคคลออกเป็นหกประเภทด้วยสามารถจริต คือประเภทราคจริตประมาณเท่านี้ ประเภทโทสจริต โมหจริต วิตักกจริต สัทธาจริต พุทธิจริตประมาณเท่านี้. ครั้นกำหนดจริตอย่างนี้แล้ว ทรงเลือกเฟ้นธรรมกถาว่า การแสดงธรรมชนิดไร จึงจะเป็นที่สบายแก่บริษัทนั้นๆ ได้ทรงใฝ่พระทัยถึงบริษัทนั้นๆ อีกว่าบริษัทนั้นพึงรู้ได้โดยอัธยาศัยของตนหรือหนอ หรือพึงรู้ได้โดยอัธยาศัยของผู้อื่นด้วยอำนาจแห่งเรื่องเกิดขึ้น ด้วยอำนาจคำถาม.
แต่นั้นทรงทราบว่าพึงรู้ได้ด้วยคำถาม ทรงรำพึงถึงบริษัททั้งสิ้นต่อไปอีกว่า ผู้สามารถจะถามปัญหามีอยู่หรือไม่มี ครั้นทรงทราบว่าไม่มีใคร จึงทรงดำริว่า หากเราถามเอง แก้เอง ก็จะไม่เป็นที่สบายแก่บริษัทนี้ ถ้ากระไรเราควรเนรมิตพระพุทธนิมิต จึงทรงเข้าสมาบัติมีฌานเป็นบาท ครั้นทรงออกจากฌานแล้ว ทรงปรับปรุงด้วยมโนมยิทธิ ทรงเนรมิตพระพุทธนิมิต.
พระพุทธนิมิตได้ปรากฏพร้อมด้วยจิตอธิษฐานว่า ขอจงสมบูรณ์ด้วยลักษณะแห่งอวัยวะน้อยใหญ่ทั้งหมด ทรงบาตรและจีวร ถึงพร้อมด้วยการมองดูและการเหลียวดูเป็นต้น. พระพุทธนิมิตนั้นเสด็จมาจากปาจีนโลกธาตุประทับนั่งบนอาสนะเสมอพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพระสูตร ๖ พระสูตรด้วยสามารถจริตในสมาคมนี้ คือ๑๐- ปุราเภทสูตร ๑ กลหวิวาทสูตร ๑ จูฬพยูหสูตร ๑ มหาพยูหสูตร ๑ ตุวฏกสูตร ๑ และสัมมาปริพพาชนิยสูตรนี้แหละ ๑.


ที่มา : http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=331

สรุปว่า ประเด็นนี้ยังไม่ใช่คำถามระดับพุทธวิสัยหรอกครับ ไม่ต้องซีเรียสอะไรมากขนาดนั้นก็ได้ครับ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 09:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าไปเข้าใจว่า"สัญญา" คือ "memory" หรือความทรงจำทั้งหลาย ก็จะเข้าใจระดับหนึ่ง

แต่ถ้าเข้าใจกว้างขึ้นว่า"สัญญาทั้งหมด" มันเป็นประเภทเดียวกัน
เราก้จะเห้นว่าท่านลำดับไว้ตามความจริง

เช่นเสียงอะไรไม่รู้ ดังเปรี้ยง
คำถามเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียงอะไร รู้แต่ว่า มันตกใจเองอัตโนมัติ

ทางวิทยาศาสตร์เขาเรียกว่ามันเป้นระบบประสาทที่สั่งมาจากไขสันหลัง ไม่ได้ผ่านสมอง
ก็เลยมีหน้าที่ตกใจ

แต่ของเรา นี่ก้คือสัญญา คือการปรุงความตกใจขึ้นเมื่อได้ยินเสียง
จิตดวงหนึ่งเกิดขึ้นแล้วจบลงไปครบหนึ่งขณะแล้ว
จิตเกิดที่ไหนดับที่นั่น
แล้วจิตดวงต่อไปก็ค่อยๆทำงานสืบๆกันไป
เช่นว่า มาตรึกนึก สงสัย เรียกหาคำศัทพ์บัญญัติในความทรงจำ เป้นต้น

การจะทำความเข้าใจขันธ์นี้ ต้องว่ากันที่จิตเพียงหนึ่งดวง หนึ่งวาระ

ฟังมา-คิดเอา ว่าอย่างนี้นะคับ ขอเชิญทัศนา จุ๊บๆ


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 18 ธ.ค. 2009, 09:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 10:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว




100_4292_resize.JPG
100_4292_resize.JPG [ 56.24 KiB | เปิดดู 5693 ครั้ง ]
tongue สวัสดีครับคุณศิรัสพล และเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่าน

อ้างคำพูด:
ศิรัสพล เขียน
มีประเด็นที่จะรบกวนเพื่อนๆ ให้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นอยู่ประเด็นหนึ่งครับ คือ เรื่องขันธ์ห้า ที่ประกอบไปด้วย..

"รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์"

เพื่อนๆ เห็นว่าเพราะเหตุใด พระพุทธเจ้าถึงได้จัดเรียงลำดับองค์ธรรมไว้อย่างนี้ครับ

รบกวนแสดงความคิดเห็นตามอัธยาศัยเลยครับ
:b8:

อโศกะ แสดงความเห็น

ที่ว่าพระพุทธเจ้าทรงเรียงขันธ์ 5 ไว้ตามลำดับขององค์ธรรม ว่า รูป -- เวทนา -- สัญญา -- สังขาร -- วิญญาณ นั้น น่าจะเป็นการเรียงลำดับให้จำง่ายและสละสลวยตามหลักของภาษานะครับ และก็ไม่แน่ว่าพระพุทธเจ้าทรงเรียงลำดับไว้อย่างนี้จริงๆหรือเปล่า อาจเป็นคณะผู้สังคายนาธรรม ลงมติให้เรียงไว้อย่างนี้ก็ได้ครับ

เพราะถ้าพิจารณาตามสภาวธรรมจริงๆที่เกิดขึ้นในกายและจิต จะเห็นเป็นอย่างนี้นะครับ

รูป - วิญญาณ - สัญญา - เวทนา - สังขาร

มีรูปขันธ์ตั้งอยู่ อาศัยอายตนะทั้ง 6 ผัสสะ จึงเกิด

วิญญาณ จิตรู้ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธัมมารมณ์ จึงเกิด

วิญญาณรับรู้ ส่งสายต่อให้ มโนวิญญาณรับทราบ สัญญา จำหมายอารมณ์ได้ จึงเกิด
(ถ้าสิ่งนั้นยังไม่มีในสัญญา ปัญญาจะค้นหาคำตอบจนพบ แล้วจึงเก็บไว้ในสัญญา)

สัญญา จำหมายอารมณ์ได้แล้ว เวทนาจึงเกิด ตอบโต้กับอารมณ์นั้น เป็น ยินดี ยินร้าย เฉย ๆ

เวทนาเกิด เป็นเหตุให้ สังขาร จิตปรุงแต่ง เป็นเรื่องราวต่างๆ หรือ มโนกรรม เกิด
(ความจริงที่ลึกกว่านั้น สังขารเกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้น จนตลอด แต่จะชัดเจนเป็นจิตสังขาร หลังจากเวทนา)

อธิบายโดยอาศัยผลจากการสังเกตความจริงที่เกิดขึ้นในกายและจิต ณ ปัจจุบันขณะครับ
ถูก ผิด อย่างไร ก็มาช่วยกัน วิเคราะห์ วิจัย วิจารณ์กันดูนะครับ

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมชอบคำถามหลายๆคำถาม ที่จขกท.ตั้งขึ้นจริงๆ cool

อ้างคำพูด:
[quote=Murano]เป็นการเรียงจากภายนอก สู่ภายในหรือเปล่า...
เป็นการเรียงจากภายนอก สู่ภายในหรือเปล่า...
[/quote]


ผมว่าก้คงจะประมาณนั้นแหละครับ ศึกษาจากสิ่งที่หยาบก่อนค่อยไปหาละเอียด

ผมว่า ทั้ง 5 นี้มีไว้เพื่อศึกษาภาวนา ด้านวิปัสสนาเป็นหลัก เพราะมนุษย์ทุกคนแบกขันธห้าอยู่
ยังยึดเป็นอัตตา เป็นตัวตนเขาเราอยู่ ถ้าจะศึกษาให้เห็นภายในก้ต้องเอาสิ่งที่ยึดมาศึกษาเพื่อให้
เกิดปัญญารู้จริงขึ้นมา(หรือเกิดวิปัสสนาขึ้น)

อีกอย่างรูปนามในขันธ์ห้า เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติสามารถเข้าใจได้ง่ายที่สุด
ทุกครั้งที่เจริญสติดูกายกับจิต ตอนนั้นก้ได้เห็นขันธ์5ทั้งหมดไปพร้อมๆกันแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 13:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2009, 16:06
โพสต์: 52

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรียงตามลำดับของ รูปขันธ์นามขันธ์หรือเปล่าครับ จากในออกนอก เวทนาขันธ์หรือจิตขันธ์เป็นขันธ์ชั้นในสุด จากนั้นเรียงออกมาตามลำดับ เป็นสัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์คือขันธ์ชั้นนอกที่ต้องมีรูปขันธ์เข้าร่วมจึงสามารถรับรู้ผัสสะที่มากระทบได้ ถ้าเรียงตามสายของปฏิจสมุปบาทก็ต้องเริ่มด้วยสังขารขันธ์ใช่มั๊ยครับ ผมเดานะครับ ไม่ได้รู้หรอก เพราะเรื่องนี้ต้องพิจารณาไปถึงองค์ฌาน
ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน โดยนัยของพระสูตร นะครับ ฌานไหน ปีติกับสุขยังปรากฏอยู่ หรือ สุขอย่างเดียว เวทนาขันธ์นั้นยังอยู่(ถ้าติดอยู่แค่สุขตรงนี้จึงเป็นรูปฌานสังโยชไงครับ)
ปีติ คือ สุขอันฟุ้งซ่าน ก็ คือ ยังถูกปรุงแต่งในรูปของ บุญาภิสังขาร ดังนั้น ฌานที่หนึ่งกับสอง สังขารขันธ์ยังอยู่เลยครับ ฌานที่สามก็ สุขกับเอกัคตาใช่มั๊ยครับ สุขก็เวทนาที่อิงสัญญา ฌานที่สี่ จึงเป็นอุเบกขากับเอกัคตา เวทนาขันธ์ที่อยู่ลึกสุดจึงหายไป รูปขันธ์เป็นส่วนของรูปก็ขึ้นต้น ตามด้วยนามขันธ์เรียงจากในออกนอก คือ เวทนา สัญญา สังขาร ส่วนวิญญาณขันธ์ผมไม่รู้จริงๆอ่ะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างนี่ก็เดาเอาทั้งนั้น มีความรู้ทางอภิธรรมที่เรียนมาหน่อยเดียว ฌานผมก็ไม่เคยมี อุปจารสมาธิยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเคยมีรึเปล่า ถ้าฌานต้องอัปนาสมาธิใช่มั๊ยครับ เรื่องนี้บางทีอาจต้องดูไปถึงช่วงอนุปาทิเสสนิพพานของพระอรหันต์ด้วยมั้งว่าท่านดับขันธ์ไหนก่อน ส่วนตรงวิญาณขันธ์ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องอยู่หลังสุด นี่พยายามเดาสุดฤทธิ์แล้วนะเนี่ย คุณลองอ่าน "หลวงปู่ฝากไว้" ดีมั๊ยครับมีช่วงที่ท่านจะมรณภาพ(ศัพท์ที่ใช้กับพระผมไม่ใช้ศัพท์ที่บ่งชี้หรือเดาทางได้ว่าหมายถึงอะไรนะครับ ใช้คำกลางๆสำหรับสมณทั้งหมด เพราะไม่ใช่วิสัย ไม่ใช่ฐานะของฆราวาสที่จะไปช่วยล่วงพระวินัย) แต่ตรงนั้นผมยังสงสัยอยู่เลยครับว่าดับวิญญานขันธ์ไปแล้วเดินฌานต่อได้อย่างไร คือ เรื่องนี้ขอเรียนตามตรงนะครับ ผมเข้ามาเดาเพราะมันเกินความสามารถของผมจริงๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาเข้ามาร่วมแสดงความเห็น และคำตอบมากครับ :b8:

เริ่มมีผู้รู้ หลายท่านแวะเวียนกันเข้ามาแล้ว...

* * * * * * * * * *

เรื่องของการเรียงลำดับขันธ์ห้าตามนี้ ตอนแรกๆ ก็มีความเห็นคล้ายๆ กับบางท่าน เช่น คุณอโศกะ เป็นต้น ว่าอาจจะมีการสลับที่กัน เพราะเนื่องจากลำดับการรับรู้นั้นวิญญาณจะอยู่ก่อน เวทนา แต่เมื่อทำการตรวจสอบตรองดูให้ดีกับพระสูตรต่างๆ แล้ว เห็นว่าน่าจะเป็นการทรงตั้งใจให้จัดเรียงแบบนี้ ผมขอยกตัวอย่างบางพระสูตรให้อ่านนะครับ

* * * * * * * * * *

สัจจกนิครนถ์ทูลถามปัญหา

[๓๙๖] สัจจกนิครนถ์พอนั่งแล้ว ได้ทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าพเจ้าขอถาม
พระโคดมสักหน่อยหนึ่ง ถ้าพระโคดมจะทำโอกาสเพื่อแก้ปัญหาแก่ข้าพเจ้า.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอัคคิเวสสนะ ท่านประสงค์จะถามปัญหาใด ก็ถามเถิด.
ส. พระโคดมแนะนำพวกสาวกอย่างไร และคำสั่งสอนของพระโคดมมีส่วนอย่างไร
ที่เป็นไปมากในพวกสาวก?
พ. ดูกรอัคคิเวสสนะ เราแนะนำสาวกทั้งหลายอย่างนี้ และคำสั่งสอนของเรามี
ส่วนอย่างนี้ ที่เป็นไปมากในสาวกทั้งหลายว่า รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง รูปไม่ใช่ตน เวทนาไม่ใช่ตน สัญญาไม่ใช่ตน
สังขารทั้งหลายไม่ใช่ตน วิญญาณไม่ใช่ตน สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตน ธรรมทั้งหลายทั้งปวง
ไม่ใช่ตน ดังนี้ ดูกรอัคคิเวสสนะ เราแนะนำสาวกทั้งหลายอย่างนี้ และคำสั่งสอนของเรามีส่วน
อย่างนี้ ที่เป็นไปมากในสาวกทั้งหลาย.


ที่มา : http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 323&Z=7551


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


กังวาน เขียน:
ส่วนวิญญาณขันธ์ผมไม่รู้จริงๆอ่ะครับ


เข้าใจว่า วิญญาณขันธ์คือ เจตสิก และรูปปรมัตถ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 19:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2009, 12:55
โพสต์: 36

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเรานั้น คำพูดและการกระทำเป็นเรื่องสำคัญภายนอก แต่ก่อนจะออกมาเป็นคำพูดและการกระทำนั้นมาจากภายใน คือ ความจำและความคิด และความคิดนี้อาศัยการสัมผัส อาศัยความรู้สึก อาศัยความจำ เป็นเครื่องปรุง แล้วจึงแสดงตัวออกมาเป็นคำพูดเป็นการกระทำ ลองพิจารณาเรื่องขันธ์ ๕ ให้ง่ายขึ้นแล้วเราจะสามารถเอาไปใช้ประโยขน์ได้มาก (สติ ไม่ใช่สัญญาความจำ แต่สติดึงเอาสัญญาความจำมาเป็นเครื่องระลึก สมาธิ ไม่ใช่ปัญญา แต่สมาธิเป็นเครื่องช่วยให้เกิดปัญญา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ศิรัสพล เขียน:
มีประเด็นที่จะรบกวนเพื่อนๆ ให้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นอยู่ประเด็นหนึ่งครับ คือ เรื่องขันธ์ห้า ที่ประกอบไปด้วย..

"รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์"

เพื่อนๆ เห็นว่าเพราะเหตุใด พระพุทธเจ้าถึงได้จัดเรียงลำดับองค์ธรรมไว้อย่างนี้ครับ

รบกวนแสดงความคิดเห็นตามอัธยาศัยเลยครับ :b8:


ความจริงแล้วคุณไม่น่านำมาเป็นกระทู้ถาม เพราะมันแสดงออกถึงสภาพจิตใจของคุณว่า ตัวคุณมีความคิดที่ต่ำต้อยน้อยนิด ไม่คิด พิจารณาเอาด้วยตัวเอง ถ้าคุณจะถามเพราะความไม่รู้ของคุณ ก็ยังนับว่าดี กว่าที่คุณจะให้ใครต่อใครแสดงความคิดเห็น
มันแสดงออกถึงสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยเชื่อในหลักธรรม
แต่ข้าพเจ้าก็จะแนะนำให้ ทุกท่านเอาไว้ว่า หลักธรรมที่ปรากฎมีในพระไตรปิฎกนั้น บางอย่าง ก็จัดลำดับไว้ ตามหลักความจริง บางอย่าง ก็จะลำดับไว้ เพราะไม่แน่นอนของหลักธรรม ที่ว่าไม่แน่นอน หมายความว่า ในหลักธรรมนั้นๆ อาจจะมีข้อใดเริ่มต้นก่อนก็ได้ เพราะเป็นสภาพสภาวะจิตใจที่ต่อเนื่องจากการได้สัมผัส ฯลฯ
สิ่งที่คุณผู้ใช้ชื่อว่า ศิรัสพล ตั้งเป็นกระทู้มานั้น เป้นการไม่บังควรอย่างยิ่ง หลายท่านอาจจะคิดว่าข้าพเจ้าเพ้อเจ้อ iN มากเกินไป ไม่ใช่นะขอรับ เพราะการนำเอา หลักธรรมที่ม่ีอยู่ในพระไตรปิฎกมาขอความคิดเห็น มันเป็นการดูหมิ่น ในตัวผู้สอน คือ ไม่ค่อยเชื่อว่า เขาเรียงลำดับมาถูกหรือไม่
คำแนะนะ ให้เจ้าของกระทู้ ไปอ่าน พระอภิธรรมปิฎก ในเรืองของ " จิต ,เจตสิก,รูป, นิพพาน " แล้วคิดพิจารณา ก็จะเกิดความเข้าใจว่า ทำไมพระพุทธเจ้าจึงเรียงลำดับอย่างนั้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร