วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 01:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2009, 17:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 07:23
โพสต์: 17

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การเรียนทางธรรมระหว่างของมหาจุฬา หรือของมหามงกุฏที่เป็นปริญญาตรี จนถึงปริญญาเอก เหมือนหรือแตกต่างกับการเรียนเปรียญธรรมหรือเปล่าครับ

และชาวบ้านอย่างเรา หากจะเรียนจะเรียนได้เปล่าครับ และจะเลือกเรียนอะไรดีระหว่างของมหาจุฬา หรือของเปรียญธรรม ที่จะทำให้รู้ครอบคลุม พระไตรปิฏก อภิธรรม บาลี หรืออรรถกถา ฯลฯ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2009, 18:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


sbth เขียน:
การเรียนทางธรรมระหว่างของมหาจุฬา หรือของมหามงกุฏที่เป็นปริญญาตรี จนถึงปริญญาเอก เหมือนหรือแตกต่างกับการเรียนเปรียญธรรมหรือเปล่าครับ

เหมือนกันตรงที่เป็นการเรียนทางโลกครับ(พระไตรปิฏก 84,000 ธรรมขันธ์ เป็นเรืองของโลกทั้งหมด)
ต่างกันที่ชื่อของสถาบัน
อ้างคำพูด:
และชาวบ้านอย่างเรา หากจะเรียนจะเรียนได้เปล่าครับ และจะเลือกเรียนอะไรดีระหว่างของมหาจุฬา หรือของเปรียญธรรม ที่จะทำให้รู้ครอบคลุม พระไตรปิฏก อภิธรรม บาลี หรืออรรถกถา ฯลฯ

ตามศรัทธาเลยครับ เพราะเรียนทางธรรมนั้นเรียนเพื่อ ละ เพื่อปล่อย เพื่อวาง มิได้เรียนเพื่อเปรีญ หรือปริญญาบัตร อันเป็นเพียงสมมติ
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2009, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sbth เขียน:
การเรียนทางธรรมระหว่างของมหาจุฬา หรือของมหามงกุฏที่เป็นปริญญาตรี จนถึงปริญญาเอก เหมือนหรือแตกต่างกับการเรียนเปรียญธรรมหรือเปล่าครับ

และชาวบ้านอย่างเรา หากจะเรียนจะเรียนได้เปล่าครับ และจะเลือกเรียนอะไรดีระหว่างของมหาจุฬา หรือของเปรียญธรรม ที่จะทำให้รู้ครอบคลุม พระไตรปิฏก อภิธรรม บาลี หรืออรรถกถา ฯลฯ


เบื้องต้น แนะนำให้ จขกท.ไปสอบถามรายละเอียดจากสถาบันทั้งสองด้วยตนเองจะได้รายละเอียดกว่าถาม
ตรงนี้นะครับ

คุณอยู่กทม.ไปมหาจุฬาฯ,มหามงกุฏฯ ไม่ยาก

การศึกษาธรรม พึงศึกษาและทำความเข้าใจให้ครอบคลุมคำสอนที่เป็นโลกียะและโลกุตระ ทั้งสองด้าน
คำสอนที่เป็นโลกีย์ คือคำสอนชาวบ้าน คือการทำหน้าที่ระหว่างกัน เป็นต้นว่า หน้าที่ระหว่างพ่อแม่กับบุตรธิดา
หน้าที่ระหว่างศิษย์กับครูอาจารย์ ระหว่างสามีกับภรรยา ฯลฯ

สรุปก็คือคำสอนของพระพุทธศาสนามีครบทุกด้าน ดังนั้นพึงศึกษาให้เข้าใจให้ครอบคลุม จะได้ไม่ติดหรือสุดโต่งด้านใดด้านหนึ่ง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 10 ธ.ค. 2009, 20:33, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2009, 21:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อสนับสนุนคำพูดก่อนหน้า พิจารณาคำสอนนี้ดู


“ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกเหล่านี้ มีปรากฏอยู่ในโลก

๓ จำพวกไหน ? คือ คนตาบอด คนตาเดียว คนสองตา

“บุคคลตาบอดเป็นไฉน ?

บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่มีดวงตาชนิดที่จะช่วยให้ได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือ ทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้ว

ให้เพิ่มพูน กับทั้งไม่มีดวงตาชนิดที่จะช่วยให้รู้จักธรรมที่เป็นกุศลเป็นอกุศล ...ธรรมมีโทษไม่มีโทษ...

ธรรมทรามธรรมประณีต...ธรรมที่เปรียบได้กับของดำหรือของขาว นี้เรียกว่า บุคคลตาบอด


“บุคคลตาเดียวเป็นไฉน ?

บุคคลบางคนในโลกนี้ มีดวงตาชนิดที่ช่วยให้ได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือ ทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้

เพิ่มพูน แต่ไม่มีดวงตาชนิดที่ช่วยให้รู้จักธรรมที่เป็นกุศลเป็นอกุศล ...ธรรมมีโทษไม่มีโทษ...

ธรรมทรามธรรมประณีต...ธรรมที่เปรียบได้กับของดำหรือของขาว นี้เรียกว่า บุคคลตาเดียว


“บุคคลสองตาเป็นไฉน ?

บุคคลบางคนในโลกนี้ มีดวงตาชนิดที่ช่วยให้ได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือ ทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้

เพิ่มพูน อีกทั้งมีดวงตาชนิดที่ช่วยให้รู้จักธรรมที่เป็นกุศลเป็นอกุศล ...ธรรมมีโทษไม่มีโทษ...

ธรรมทรามธรรมประณีต...ธรรมที่เปรียบได้กับของดำหรือของขาว นี้เรียกว่า บุคคลสองตา



“คนตาบอด ตาเสีย มีแต่กาลีเคราะห์ร้ายทั้งสองทาง คือ โภคทรัพย์อย่างที่ว่าก็ไม่มี คุณความดีก็ไม่กระทำ

อีกคนหนึ่ง ที่เรียกว่า ตาเดียว เที่ยวแสวงหาแต่ทรัพย์ ถูกธรรมก็เอา ผิดธรรมก็เอา ไม่ว่าจะเป็นการ

ลักขโมย คดโกง หรือโกหกหลอกลวงก็ได้ เขาเป็นคนเสวยกามที่ฉลาดสะสมทรัพย์ แต่จากนี้ ไปนรก

คนตาเดียว ย่อมเดือดร้อน

ส่วนคนที่เรียกว่าสองตา เป็นคนประเสริฐ ย่อมปันทรัพย์ ซึ่งได้มาด้วยความขยันจากกองโภคะที่ได้มา

โดยชอบธรรม ออกเผื่อแผ่ มีความคิดสูงประเสริฐ มีจิตใจแน่วแน่ ย่อมเข้าถึงสถานดีงาม

ที่ไปแล้วไม่เศร้าโศก พึงหลีกเว้นคนตาบอดและคนตาเดียวเสียให้ไกล ควรคบหาแต่คนสองตาผู้ประเสริฐ”

(องฺ.ติก.20/468/162)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2009, 21:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พิจารณามุมกว้างอีก


“พาหุสัจจะ ๑ สิปปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว หรือ ฝึกอบรมเป็นอย่างดีแล้ว ๑ วาจาที่กล่าวได้ดี ๑

นี้เป็นอุดมมงคล...กิจกรรมที่ไร้โทษ นี่ก็เป็นอุดมมงคล”

(ขุ.ขุ.25/5/3 ฯลฯ)

-พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้สดับมากหรือเล่าเรียนกว้างขวางลึกซึ้ง

-สิปปะ วิชาชีพหรือความชัดเจนงาน

-กิจกรรมที่ไร้โทษ การงานหรือกิจกรรมที่ไร้โทษ คือ กิจกรรมที่ดีงาม ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย

โดยเฉพาะการบำเพ็ญประโยชน์ต่าง ๆ

:b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39:

“คนไม่มีศิลปวิทยา เลี้ยงชีวิตอยู่ได้ยาก”

(ขุ.ชา.27/1651/330)

“จงให้บุตรเรียนรู้วิทยา”

(ขุ.ชา.27/2141/434)

“อะไรควรศึกษา ก็พึงศึกษาเถิด”

(ขุ.ชา.27/108/35)


“ขึ้นชื่อว่าศิลปวิทยา ไม่ว่าอย่างไหนๆ ให้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น”

(ขุ.ชา.27/107/35)

“อันความรู้ ควรเรียนทุกอย่างไป ไม่ว่าต่ำว่าสูง หรือปานกลาง ควรรู้ความหมายเข้าใจทั้งหมด

แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่าง วันหนึ่งจะถึงเวลาที่ความรู้นั้นนำมาซึ่งประโยชน์”

(ขุ.ชา.27/817/184)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2009, 09:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอถามอีกหน่อยนะครับ
ถ้าต้องการจะเรียนเปรียญธรรมนี่
นักเรียน นักศึกษา บุคคลทั่วไปสามารถเรียนได้จากที่ใดบ้างครับ
ขอบคุณครับ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2009, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 07:23
โพสต์: 17

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ กรัชกาย มากๆ ครับ ที่ให้คำแนะนำ :b12: :b8:

ผมอยากเก่งธรรมะครับ แต่ไม่รู้ทำอย่างไรจะรู้มากๆ เหมือนกับหลายๆ คนเขา พระบางรูปเทสน์เก่งมากเลย อยากเก่งบ้าง โดยเฉพาะในเว็ปแห่งนี้มีหลายคนเลย มีความรู้มาก เขาทำอย่างไรกันถึงได้รู้มากจังครับ ก็ไปหาข้อมูลเห็นว่าคงจะต้องเรียนมั้ง?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2009, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sbth เขียน:
ขอบคุณ กรัชกาย มากๆ ครับ ที่ให้คำแนะนำ :b12: :b8:

ผมอยากเก่งธรรมะครับ แต่ไม่รู้ทำอย่างไรจะรู้มากๆ เหมือนกับหลายๆ คนเขา พระบางรูปเทสน์เก่งมากเลย อยากเก่งบ้าง โดยเฉพาะในเว็ปแห่งนี้มีหลายคนเลย มีความรู้มาก เขาทำอย่างไรกันถึงได้รู้มากจังครับ ก็ไปหาข้อมูลเห็นว่าคงจะต้องเรียนมั้ง?


การจะเข้าระบบการศึกษาดังกล่าวข้างต้นต้องมีต้องใช้เวลาครับ อย่างน้อยๆ ก็ 4 ปี

เป็นคฤหัสถ์ฐานะการเงินอย่างเราๆท่านๆ เป็นที่รู้ๆกันอยู่ มีภาระหลายอย่าง ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงปาก

เลี้ยงท้องเลี้ยงครอบครัวจิปาถะปัญหาจุกจิก เบื้องต้นหาหนังสือธรรมะที่เป็นธรรมะสักเล่มอ่านไปด้วย

แล้วก็ทำงานตามหน้าประจำวันไปด้วยก็พอได้ ค่อยเป็นค่อยไป

หากคุณอยู่ กทม.แนะนำให้ไปวัดญาณเวศกวัน ขอหนังสือพุทธธรรมสักเล่มอ่าน ทำความเข้าใจกว้างๆไปก่อน

แล้วต่อไปก็ศึกษาธรรมะจากกายจากใจตนเองนี่แหละ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 11 ธ.ค. 2009, 18:40, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2009, 19:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้องใจคำพูดประโยคนี้

อ้างคำพูด:
พระบางรูปเทสน์เก่งมากเลย อยากเก่งบ้าง


คุณจะเรียนไปเทศน์ให้ใครฟังครับ หรือคุณเป็นพระภิกษุ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2009, 09:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 07:23
โพสต์: 17

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ข้องใจคำพูดประโยคนี้

อ้างคำพูด:
พระบางรูปเทสน์เก่งมากเลย อยากเก่งบ้าง


คุณจะเรียนไปเทศน์ให้ใครฟังครับ หรือคุณเป็นพระภิกษุ :b1:


:b12: ขอบคุณ กรัชกาย อีกครั้งครับ ที่ให้คำแนะนำผม ผมไม่ใช่พระหรอกครับ เป็นผู้สนใจธรรมคนหนึ่ง แต่ก็อยากให้คำแนะนำใครๆ เขาได้อย่างเก่งๆ บ้าง ใครเขาถามอะไรตอบได้ ใครเขาถามอะไรตอบได้น่ะครับ :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2009, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sbth เขียน:
ขอบคุณ กรัชกาย อีกครั้งครับ ที่ให้คำแนะนำผม ผมไม่ใช่พระหรอกครับ เป็นผู้สนใจธรรมคนหนึ่ง แต่ก็อยากให้คำแนะนำใครๆ เขาได้อย่างเก่งๆ บ้าง ใครเขาถามอะไรตอบได้ ใครเขาถามอะไรตอบได้น่ะครับ



อีกนิดนะครับ คุณ Sbth

พระพุทธองค์ แม้จะแนะนำผู้อื่น พระองค์ก็ดูอุปนิสัยจริตความพร้อมของบุคคลนั้นๆด้วย พระองค์ไม่ยัดเยียด

ให้ผู้ที่ไม่พร้อม หรือไม่มีอุปนิสัย

แม้เราเองคิดว่ารู้ แล้วคิดจะแนะนำใครๆ เขา ก็พึงยึดแนวพระพุทธเจ้านะครับ ดูตาม้าตาเรือก่อน

แม้คิหิวินัย (หรือศีลสำหรับประชาชน) ผู้ที่พร้อมก็ว่าง่าย แต่ผู้ไม่พร้อมยังว่ายาก

พิจารณาดูครับ

บุตรธิดา บำรุงมารดาบิดาผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องหน้า โดย

๑. ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ
๒. ช่วยทำกิจธุรการงานของท่าน
๓. ดำรงวงศ์สกุล
๔. ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท
๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน

ลึกลงไปถึงขั้นสมาธิ ผู้ไม่พร้อมก็ยิ่งยาก

กรัชกายว่า เรารู้เพื่อพาต้นให้พ้นจากทุกข์โทมนัสแหละจำเป็นก่อนอื่นใด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 12 ธ.ค. 2009, 10:58, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร