วันเวลาปัจจุบัน 23 พ.ค. 2025, 09:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 08:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ในโลกแห่งความเป็นจริง ที่แท้โลกนี้คือ หมู่สัตว์ ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากจุดกำเนิดที่แตกต่างกัน ดังนั้น สิ่งมีชีวิตในโลกจึงมีหลากหลายชนิดเผ่าพันธุ์ มีทั้งสัตว์ 2 เท้า 4 เท้า หลายเท้า และสัตว์เลื้อยคลาน

มนุษย์เป็นสัตว์ประเภทหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ แต่สัตว์พากันถือโลกนี้ว่า โลกมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่มีมันสมองฉลาดมากกว่าสัตว์ประเภทอื่น ๆ มนุษย์จึงเข้ายึด และครอบครองโลกนี้เป็นโลกของเผ่าพันธุ์ของมนุษย์

ด้วยมันสมองที่ใหญ่ มนุษย์จึงสามารถพัฒนาศักยภาพของเผ่าพันธุ์ตนเองขึ้น จากการดำรงชีวิตแบบสัญชาตญาณ มาเป็นชุมชน สังคม ประเทศ ทวีป และประชาคมโลก หรือสหประชาชาติที่มีการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเจริญก้าวหน้าอย่างสูงสุดของมนุษย์

เมื่อกล่าวถึงการศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม ศาสนาถือว่าเป็นเรื่องของจิตใจที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับมนุษย์ เพราะศาสนาเกิดจากความเชื่อและประสบการณ์ความรู้ของมนุษย์ ที่ต้องการความมั่นใจ และความปลอดภัยจากความกลัวในสิ่งที่นอกเหนือจากความสามารถของมนุษย์ จึงเกิดมีความเชื่อเรื่องวิญญาณภายนอก และเทพต่าง ๆ ที่มีอำนาจไปจนกระทั่งมีเทพสูงสุดเพียงหนึ่งเดียว ที่เรียกว่าพระเป็นเจ้าสูงสุด ที่มนุษย์จะต้องเซ่นสรวงสังเวยเอาใจให้ท่านโปรดปรานประทานพร ปกป้อง คุ้มครอง รักษาตนเองและเผ่าพันธุ์มนุษย์

พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาหนึ่ง ถือกำเนิดขึ้น เมื่อ 2,597 ปีที่ผ่านมา มีพระพุทธเจ้าเป็นผู้ประกาศพระศาสนา พระองค์มีพระชนม์อยู่ก่อนพุทธศักราช 35 ปี การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธศาสนาเป็นการเริ่มต้นของการประกาศศักยภาพของเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นครั้งแรกในโลก ให้ชาวโลกได้รู้ว่า มนุษย์ และมนุษย์เท่านั้นที่สามารถเป็นพระพุทธเจ้าได้ และเป็นได้ด้วยกำลังความสามารถแห่งมันสมองที่ประกอบด้วยสติปัญญา และเรี่ยวแรงแห่งความพยายามด้วยตนเอง ไม่มีใครมากำหนดชี้ชะตาดลบันดาล หรือใช้อิทธิพลให้กลายเป็นพระพุทธเจ้า ได้

ดังประวัติศาสตร์ปรากฏชัดว่า พระองค์ทรงลงมือทดลองค้นคว้าด้วยประสบการณ์ตรงด้วยพระองค์เองทุกวิธี และทุกวิถีทางที่จะบรรลุถึงความดับทุกข์ ที่มีอยู่ประจำในร่างกาย และจิตใจของมวลมนุษยชาติมาช้านานไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ด้วยศักยภาพทางสมองที่ฉลาดสูงสุดจิตใจที่แน่วแน่มั่นคง และความพยายามที่สูงส่ง พระองค์จึงเป็นมนุษย์คนแรกในโลกที่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ ด้วยการตรัสรู้ความจริงของสิ่งมีชีวิต ครอบคลุมถึงสรรพสิ่งที่ไม่มีชีวิต นั่นคือ อริยสัจ 4 ความจริงที่ว่าด้วย ทุกข์ สาเหตุของทุกข์ ความดับทุกข์ และข้อปฏิบัติที่จะระงับดับทุกข์

การตรัสรู้ คือ การรู้แจ้งชัดด้วยปัญญาญาณ ในความจริง 4 ประการว่า..
นี้คือ ทุกข์ ( ทุกข อริยสัจ)
นี้คือ เหตุของทุกข์ (สมุทย อริยสัจ)
นี้คือ ความดับทุกข์ (ทุกขนิโรธ อริยสัจ)
นี้คือ ข้อปฏิบัติที่จะดับทุกข์ (ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยสัจ)

ความรู้ทั้ง 4 นี้เรียกว่า "สัจญาณ" จากนั้น ก็รู้ชัดว่า ทุกข์ ควรกำหนดรู้ เหตุของทุกข์ควรกำจัดให้หมดสิ้น ความดับทุกข์ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดควรทำให้เกิดขึ้น ข้อปฏิบัติที่จะดับทุกข์ควรลงมือทำให้ถูกต้อง ความรู้ทั้ง 4 นี้ เรียกว่า "กิจญาณ" จากนั้น ก็รู้ชัดว่าทุกข์นั้นได้กำหนดรู้ชัดแล้ว เหตุของทุกข์ได้กำจัดให้หมดสิ้นแล้ว ความดับทุกข์ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดนั้น ได้เกิดผลสำเร็จแล้ว ข้อปฏิบัติที่จะดับทุกข์นั้นได้ลงมือปฏิบัติอย่างถูกต้องแล้ว ความรู้ทั้ง 4 นี้ เรียกว่า "กตญาณ"

จากนั้น พระพุทธองค์ทรงย้อนหลังไปพิจารณาว่า เพราะเหตุใดมนุษย์จึงผิดพลาด ไม่สามารถบรรลุ รู้แจ้งชัดถึงความจริงแท้ (อริยสัจ) นี้ได้ ในที่สุด พระองค์จึงได้ข้อสรุปที่แน่นอนว่า สาเหตุที่ทำให้มนุษย์ไม่สามารถรู้แจ้งชัดถึงความสัจจริงได้นั้น ที่แท้ก็คือ….

1. มนุษย์หลงหมกมุ่นจมคลุ่กอยู่กับความสนุกเพลิดเพลินยินดีในกามคุณ 5 คือ ในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส ที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ พอใจ ไม่รู้ว่ามันปิดบังครอบงำทำให้จิตรัก ยึดถือหมายมั่น จนกลายเป็นพันธนาการทางจิตขึ้น กล่าวคือ กามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา รวมเรียกว่า
" กามสุขัลลิกานุโยค "

2. มนุษย์หลงผิดในข้อปฏิบัติที่จะดับทุกข์ซึ่งผิดทาง เฉไฉไปทรมานร่างกายให้ลำบากด้วยวิธีการต่าง ๆ หลากหลาย จนตายเปล่าและก็เหนื่อยเปล่ามาแล้วนับไม่ถ้วน ได้แก่ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพะตะปรามาส รวมเรียกว่า " อัตตกิลมถานุโยค "

พระมหานพดล ปุญญสุวัฑฒโก


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 09:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เกิดมาค้นหาอะไร อะไร
สุดท้ายก็ ไม่มีอะไร อะไร
อนุโมทนาครับ

:b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร