วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 18:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 00:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


หลักวิเคราะห์จิต ของการดูจิต
แบบง่ายๆๆ 2 ชั้น
ชั้นที่ 1
เราลองมาวิเคราะห์ดูที่ใจเราว่าขณะนี้ที่เราทำเป็นโลภะ เป็น โทสะ หรือ โมหะ
เพราะว่าปัจจุบันที่เราทำเป็นสิ่งใด อยากได้ อยากมี อยากเป็น เป็นอะไร เป็น โลภะ (ความโลภ) ที่เรามองไม่เห็น เราอยากได้ คะแนนดีๆๆ นักร้องที่ชอบ ของสวยๆงามๆ ถ้าไม่ได้มาเป็นอะไร ความไม่พอใจ เป็นโทสะ (ความโกรธ) นี่ละเราไม่รู้สิ่งเหล่านี้ว่ามันสร้างโทษภัยให้ตัวเองเราก็มารู้จักมัน เบื้องหลังของ พอใจ(ความโลภ) ไม่พอใจ(ความโกรธ) คืออะไร คือ ตัญหา(ความอยาก) พระพุทธพจน์บทหนึ่งที่กล่าวว่า แม่น้ำที่เสมอด้วย ตัญหาไม่มี ตรงนี้อาจไม่เข้าใจกันจะของเปรียบเทียบให้ฟังแม่น้ำที่พัดภูเขายังไม่สามารถทำให้ภูเขาพังทลายได้ แต่แม่น้ำตัญหาในใจมนุษย์นี่ร้ายที่สุดพังภูเขาด้วยแรงด้วยแรงตัวเองไม่ได้ก็ไปหาระเบิดหาทุกสิ่งทุกอย่างมาทำลายจึงกล่าวได้ว่าแม่น้ำอื่นเสมอด้วยแม่น้ำตัญหาในใจมนุษย์ไม่ได้ นี่ละตัญหาเป็นเบื้องกลางของ ความโลภ ความโกรธ เบื้องหลังสุดของ ความโลภ ความโกรธ
ความหลง คือ อวิชชาความไม่รู้ เราไม่ต้องการเป็น คนโลภ เป็นคนโกรธคนหลง คนไม่ดี เราก็เปลี่ยนชีวิตประจำวันของเรา เปลี่ยนเป็นคนดี ดีที่แท้จริงคือ ดีไม่โลภ ดีไม่โกรธ ดีไม่หลง ทำยังไงเราก็วิเคราะห์หาตาม เหตุตาม ผล เป็นไปด้วยความโลภเราก็ละ ไปทำตามความพอดี ตามเหตุ ตามปัจจัย นี่ละเราสร้างมหากุศลได้เพราะแบบนี้ สร้างมหากุศลคือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ เป็นมหากุศลทำให้จิตใจเราดีควรแก่การงาน เวลาทำงานงานก็ออกมาดี เวลานั่งสมาธิ จิตก็เป็นสมาธิได้รวดเร็ว ตายไปก็ไปแต่ในทางดี ไปสวรรค์ ไปนิพพาน

ชั้นที่สอง ของผู้ปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ทำไปทิ้งไป ดูนอกจาก โลภะ กับ อโลภะ คือ โลภแล้วมาไม่โลภเป็นอะไร เห็นแค่นี้ละเป็นสามัญลักษณะ เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ทำไปทิ้งไป เกิดขึ้นก็ดับไป เพราะอรหันต์ทั้งหลายท่านบรรลุอะไร บรรลุไตรลักษณ์นี่ละ ทำได้เท่านี้เราก็หลุดก็พ้นจากกิเลส อาสวะ เป็น วิมุตติ หลุดพ้น พ้นโลกนั้นเอง

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 04:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: อนุโมทนาสาธุค่ะ

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 07:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ................ :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร