วันเวลาปัจจุบัน 14 มิ.ย. 2025, 01:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 17:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: อยากถามคุณ natdanai และท่านผู้ปฏิบัติธรรมค่ะ
:b48: คืออยากถามค่ะว่า คนเราเวลาที่ใกล้หมดลม เรามักเห็นญาติๆ ก็มักจะพูดนำทาง
ให้คนป่วยนึกถึงคุณพระ ทั้งท่องนะโม เอาพระมาให้ถือ ให้พนมมือ ให้ไปดีนึกถึงสิ่งดีๆ
นั่นเราเข้าใจค่ะว่า ก่อนตายถ้าจิตเรานึกถึงสิ่งที่ดี เราก็จะได้ไปในที่ๆ ดี อยากรู้คำอธิบาย
ที่มากกว่านี้น่ะค่ะ
:b48: แต่ถ้าเราเกิดป่วย อาจจะสมองตายไปแล้ว ไม่รับรู้อะไร แต่ยังต้องมีชีวิตอยู่
โดยเครื่องช่วย แล้วเวลานั้นเราก็ไม่สามารถรับรู้แล้วจิตเราจะเป็นอย่างไรคะ
คงไม่รู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่ญาติๆ หรือใครทำให้ก่อนตายใช่ไม๊คะ
:b48: แล้วเกิดถ้าเรามีอุบัติเหตุตายโดยไม่รู้ตัว จิตเราจะเป็นอย่างไร ต่างกับคนที่รู้ตัวว่า
กำลังจะตายอย่างไร
:b48: มีคนพูดบ่อยๆ ว่า คนตายแล้วจะไม่รู้ตัว ต้องรอ 3 วัน เค้าถึงจะกลับมารู้ตัว
เมื่อก่อนเข้าใจว่าเป็นคำหลอกเด็ก แต่จนป่านนี้เราก็ยังได้เห็นคนพูดกัน
มันเป็นจริงหรือเปล่าคะ อยากให้อธิบายหน่อยค่ะ :b34: :b34: :b34:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


แก้ไขล่าสุดโดย O.wan เมื่อ 11 มิ.ย. 2009, 18:36, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 17:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูชื่อกระทู้แล้วตกใจ :b10:
นึกว่าคุณกรัชกาย กับคุณ natdanai จะใช้มือถือโปรงานเข้า :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 17:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทีแรกกึ่งตกใจ เมื่อเห็นหัวข้อกระทู้ นึกว่าคุณชาติสยามไปขุดกระทู้เก่ามาเล่าใหม่
พอดูชื่อ จขกท. ก๊ากๆๆๆๆ

คุณ O.wan ครับ คุณ natdanai ท่านเปลี่ยนลุคแล้วนะขอรับ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 18:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
ดุชื่อกระทู้แล้วตกใจ :b10:
นึกว่าคุณกรัชกายกับคุณ natdanai จะใช้มือถือโปรงานเข้า :b32:

:b48: คือมันฟังดูแล้วระทึก ขอเปลี่ยนชื่อกระทู้แล้วค่ะ :b13: มีงานเข้าแล้วค่ะ :b13:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 18:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ทีแรกกึ่งตกใจ เมื่อเห็นหัวข้อกระทู้ นึกว่าคุณชาติสยามไปขุดกระทู้เก่ามาเล่าใหม่
พอดูชื่อ จขกท. ก๊ากๆๆๆๆ

คุณ O.wan ครับ คุณ natdanai ท่านเปลี่ยนลุคแล้วนะขอรับ :b32:

:b48: เปลี่ยนชื่อกระทู้แล้วค่ะ :b17: คุณกรัชกรายกลับมา ฮา....ฮา เหมือนเดิมแล้ว :b17:
ช่วยตอบข้อสงสัยด้วยนะคะ เราดูคำถามยังรู้สึกมันอาจจะไร้สาระ แต่เราก็อยากรู้จริงๆนะคะ :b34:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 18:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกายแซวคุณ natdanai เล่นเฉยๆ ครับ ชื่อเดิมก็ดี จะได้ท่านมาช่วยตอบด้วย เพราะเจาะจงตัวแล้ว
ไม่ยังงั้นท่านจะเก็บตัวจำศีลจนงานการไม่ทำ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คืออยากถามค่ะว่า คนเราเวลาที่ใกล้หมดลม เรามักเห็นญาติๆก็มักจะพูดนำทาง
ให้คนป่วยนึกถึงคุณพระ ทั้งท่องนะโม เอาพระมาให้ถือ ให้พนมมือ ให้ไปดีนึกถึงสิ่งดีๆ
นั่นเราเข้าใจค่ะว่า ก่อนตายถ้าจิตเรานึกถึงสิ่งที่ดี เราก็จะได้ไปในที่ๆดี
อยากรู้คำอธิบายที่มากกว่านี้น่ะค่ะ


ตัวอย่างที่คุณยกมานั่น ก็เป็นการช่วยเตือนสติคนเจ็บได้ระดับหนึ่งเหมือนกัน

แต่ถ้าหากผู้ป่วยซึ่งใกล้สิ้นลม ไม่เคยฝึกไม่เคยนึกถึงพระ นึกคิดถึงสิ่งดีๆที่เป็นกุศลเลย ขณะนั้นจิตใจของเขาที่ตกอยุ่ในภาวะใกล้สิ้นลมด้วยคงไม่รับหรอกครับ เพราะธาตุต่างๆ ในร่างกายกำลังจะแตกดับ จิตใจไม่ปกติสุข เกิดทุกช์เวทนาอีกด้วยก็ไปกันใหญ่

แม้ญาติจะบอกทางให้ท่อง อะระหังๆๆๆๆ แต่คนเจ็บมีความชำนาญเรื่องการหาหอยเก็บหอย หูเพี้ยนได้
ญาติบอกให้ท่อง อะระหังๆๆ แต่ฟังเพี้ยนเป็น อะระหอยๆๆ เพราะจิตเสพสิ่งนั้นจนชำนาญ จนคล่อง
จนชิน จนคุ้น

ดังนั้นตอนที่เรายังดีๆอยู่ก็ฝึกนึกถึงบุญกุศลให้ชินให้คล่องให้ชำนาญไว้ก่อนจะดีกว่า

อ้างคำพูด:
แต่ถ้าเราเกิดป่วย อาจจะสมองตายไปแล้ว ไม่รับรู้อะไร แต่ยังต้องมีชีวิตอยู่
โดยเครื่องช่วย แล้วเวลานั้นเราก็ไม่สามารถรับรู้แล้วจิตเราจะเป็นอย่างไรคะ
คงไม่รู้ถึงสิ่งต่างๆทีญาติๆ หรือใครทำให้ก่อนตายใช่ไม๊คะ



ใช่ครับ เพราะจิตใจไม่รับรู้อารมณ์ภายนอกแล้ว คงมีแต่ธรรมารมณ์ ดังเช่นกรณีดังกล่าว ผู้นั้นตริตรึกนึกคิดเรื่องอะไรชำนาญ ก็มีสิ่งนั้นเป็นธรรมารมณ์

อ้างคำพูด:
แล้วเกิดถ้าเรามีอุบัติเหตุตายโดยไม่รู้ตัว จิตเราจะเป็นอย่างไร ต่างกับคนที่รู้ตัวว่า
กำลังจะตายอย่างไร

เจ้าตัวเองรู้ดีครับ


อ้างคำพูด:
มีคนพูดบ่อยๆว่า คนตายแล้วจะไม่รู้ตัว ต้องรอ 3 วัน เค้าถึงจะกลับมารู้ตัว
เมื่อก่อนเข้าใจว่าเป็นคำหลอกเด็ก แต่จนป่านนี้เราก็ยังได้เห็นคนพูดกัน
มันเป็นจริงหรือเปล่าคะ อยากให้อธิบายหน่อยค่ะ



คนตายก็ไม่เคยฟื้นกลับมาบอก ได้ยินแต่คนเป็นบอกเล่ากันต่อๆมา และจะเล่ากันต่อๆไป

มีเรื่องเล่าว่า มีคนถูกฟันคอขาดแต่ไม่รู้ตัว เดินกลับถึงบ้าน ภรรยาถามว่า พี่ๆหัวหายไปไหนล่ะ
เค้าเอามือคลำหัวตัวเอง หัวไม่มี จึงรู้ตัวว่าคอขาดล้มตึงตายต่อหน้าภรรยา :b32:

คุณ o.wan เชื่อเรื่องที่กรัชกายเล่าไหมครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 20:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
:b10: อยากถามคุณ natdanai และท่านผู้ปฏิบัติธรรมค่ะ

:b14: :b14: :b14: ไม่ต้องระบุตัวบุคคลขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ :b20:
O.wan เขียน:
:b48: คืออยากถามค่ะว่า คนเราเวลาที่ใกล้หมดลม เรามักเห็นญาติๆก็มักจะพูดนำทาง
ให้คนป่วยนึกถึงคุณพระ ทั้งท่องนะโม เอาพระมาให้ถือ ให้พนมมือ ให้ไปดีนึกถึงสิ่งดีๆ
นั่นเราเข้าใจค่ะว่า ก่อนตายถ้าจิตเรานึกถึงสิ่งที่ดี เราก็จะได้ไปในที่ๆดี อยากรู้คำอธิบาย
ที่มากกว่านี้น่ะค่ะ

เอาเข้าจริงแล้วถึงเวลานั้นมันไม่ต้องนึกหรอกครับ...มันจะปรากฏขึ้นมาเองครับ...อุปปาทานอะไรไว้ก็เห็นอันนั้นล่ะครับ :b6: ....อย่างท่านกรัชกายว่านั่นล่ะครับยังไม่ตายก็ทำดีให้มันติดเป็นอุปปาทาน เวลาใกล้ตายจริงๆถ้ามันละอุปปาทานยังไม่ได้ก็ยังไปสู่สวรรค์ 6 ชั้น เรียกได้ว่าเป็นการทำประกันที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว... :b13:
O.wan เขียน:
:b48: แต่ถ้าเราเกิดป่วย อาจจะสมองตายไปแล้ว ไม่รับรู้อะไร แต่ยังต้องมีชีวิตอยู่โดยเครื่องช่วย แล้วเวลานั้นเราก็ไม่สามารถรับรู้แล้วจิตเราจะเป็นอย่างไรคะ
คงไม่รู้ถึงสิ่งต่างๆทีญาติๆ หรือใครทำให้ก่อนตายใช่ไม๊คะ

อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจนะครับว่ายังอยู่รึป่าว...แต่ถ้าอยู่โดยไม่มีเครื่องช่วยเช่นเจ้าหญิงนิททราก็จะเป็นอย่างท่านกรัชกายตอบไว้ดีแล้ว

O.wan เขียน:
:b48: แล้วเกิดถ้าเรามีอุบัติเหตุตายโดยไม่รู้ตัว จิตเราจะเป็นอย่างไร ต่างกับคนที่รู้ตัวว่ากำลังจะตายอย่างไร

อุบัติเหตุตายไม่รู้ตัวนั้นมันก็มีทั้งถึงที่ตายกับไม่ถึงที่ตาย...ถ้าถึงที่ตายแล้วก็ไปตามวิบากของกรรม...แต่ถ้ายังไม่ถึที่ตายก็จะต้องร่อนเร่เป็นสัมภเวสี(ตกงาน :b32: ) ส่วนคนที่รู้ตัวว่ากำลังจะตายก็มีหลายแบบอีกนั่นแหละแต่ไปตามวิบากของกรรมเหมือนกัน
O.wan เขียน:
:b48: มีคนพูดบ่อยๆว่า คนตายแล้วจะไม่รู้ตัว ต้องรอ 3 วัน เค้าถึงจะกลับมารู้ตัว
เมื่อก่อนเข้าใจว่าเป็นคำหลอกเด็ก แต่จนป่านนี้เราก็ยังได้เห็นคนพูดกัน
มันเป็นจริงหรือเปล่าคะ อยากให้อธิบายหน่อยค่ะ :b34: :b34: :b34:

วิธีเดียวที่จะพิสูจน์ให้รู้ชัดได้ก็คือ...ลอง(ตาย)ดูครับ.... :b32:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 21:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 02:22
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แหมคำถามหลายประเด็นจังถ้าอธิบายละเอียดนี่เป็นเล่มกัเลย ขอพูดที่ละข้ออย่างรวบรัดนะรับ
ขอตอบอันแรกก่อนว่าทำไมให้นึกสิ่งที่ดี โดยผมเคยตอบไว้แล้วในกระทู้อื่นขอยกมาอีกทีนะครั
การไปนรกหรือสวรรค์นั้นมีองค์ประกอบหลายอย่างการมีศีล 5 เป็นเครื่องคุ้มครอง การสร้างบุญกุศลย่อมเป็นเสบียงที่ดี เหล่านี้ย่อมไม่ตกอบายแน่นอนแต่ยังมีอีกอย่างที่ เรามักลืมกันคือสติที่ระลึกก่อนตาย จิตที่ยึดเหนี่ยวเป็นอารมก่อนตาย ซึ่งผู้ที่ปฏิบัติกรรมฐานจะเข้าใจได้ดีกว่ารู้เท่าทันอารมดีกว่าผู้ไม่เคยกรรมฐานเลย ขอเปรียบง่าย ๆ นะครับ เปรียบเหมือนคอกวัวมีวัวสีขาวกับวัวสีดำ 2 ตัว ขอถามว่า เมื่อเปิดคอกวัวตัวไหนจะออกได้ก่อน คำตอบก็คือ วัวตัวที่อยู่ไกล้ประตู ตัวไหนอยู่ไกล้ก็จะออกก่อน วัวขาวเปรียบกับจิตที่ดีด้านสว่าง วัวดำเปรียบเหมือนจิตด้านมืด ที่ถามเช่นนี้เพราะเมื่อเรามีร่างกายจิตนี้ย่อมยึดเหนี่ยวร่างกาย แต่เมื่อไม่มีร่างกายจิตปถุชนไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวก็จะยึดอารมเป็นหลัก เพราะงั้นอารมสุดท้ายก่อนตายสำคัญมาก แต่ผู้ที่เคยกรรมฐานมามากแล้วย่อมรู้เท่าทันอารมทุกสติหรือหากได้ ณาน แล้วย่อมมีสติทุกเมื่อตามกำลัง ณาน ของตน สำหรับปุถุชนทั่วไปเราเกิดมาในโลกล้วนมี โชคลาภ วาสนา ที่ต่างกัน วาสนาที่เราอยากได้ส่วนมากคือ เงินทอง วาสนา ลาภยศ ความรัก อายุ และอีกมากมาย แต่ที่เราลืมนึกกันอีกอย่างคือ การตายอย่างสงบ นี่ก็ถือเป็นวาสนา อีกอย่างนึงที่เราอยากได้แต่ลืมนึกถึงกัน การจากไปอย่างสงบโดยที่จิตไม่ทุรณทุราย ไม่เป็นทุก ไม่ทรมาน นี่เป็นวาสนาอีกอย่างในชีวิตเหมือนกันนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 02:22
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: แต่ถ้าเราเกิดป่วย อาจจะสมองตายไปแล้ว ไม่รับรู้อะไร แต่ยังต้องมีชีวิตอยู่
โดยเครื่องช่วย แล้วเวลานั้นเราก็ไม่สามารถรับรู้แล้วจิตเราจะเป็นอย่างไรคะ
คงไม่รู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่ญาติๆ หรือใครทำให้ก่อนตายใช่ไม๊คะ

ขอตอบข้อที่สองนี้ว่า อันนี้คนที่ศึกษามาในเรื่องกรรมฐาน สติปัฐฐาน 4 อาจจะเข้าใจง่ายกว่า เพราะจะมีทั้ง รูป และ นาม ที่เคยตอบข้อแรกไปว่าคนที่ไม่เคย กรรมฐานมาก่อนจิตจะไม่รู้เท่าทันอารมได้ ไม่เหมือนคนที่กรรมฐานมาอย่างดีจิตจะมีสติกำกับทุกขณะ เมื่อจิตเข้าสู่องณาน ตั้งแต่ ณาน 1 ภึง 4 ตามลำดับจิตกับกับจะแยกออกจากกันชัดเจน บางคนจะรู้สึกว่า แขนหายไป ขาหายไป จนกระทั่งร่างกายหายไปไม่เหลือ ซึ่งลมหายใจในตอนนี้จะละเอียดมาก คนที่เข้าณาน 4 แม้จะถ่วงน้ำหรืออยู่ในดินก็ไม่ตาย ซึ่งความสุขที่เกิดใน ณานแม้ร่างกายจะไม่สบายก็ไม่รู้สึก แม้ฟ้าผ่าก็ไม่ได้ยิน เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้หากต้องการจะเอา ณานที่ได้นี้ไป พิจารณาต่อก็จะเกิดปัญญามากขึ้นอันนี้เรียกว่า วิปัสนา ซึ่งจะเห็นตัวเราและทุกอย่างตามความ และมีสติควบคู่ไปตลอดไม่มีการหลงลืมถึงแม้ร่างกายจะเป็นสภาพอย่างไร ซึ่งต่างกับจิตคนทั่วไปที่ไม่มีสติกำกับ หลงลืม ไม่ทันจิต และไม่ทราบอาการจิตและสิ่งรอบข้าง ผมจึงได้บอกหลายครั้งว่า กรรมฐานสำคัญมากเพราะ ความรู้ที่ได้จากกรรมฐานเพียงหนึ่งครั้งคุ้มกว่าการอ่านหนังสือเป็นพันเล่ม เพราะหนังสือหลายพันเล่มไม่อาจอธิบาย สิ่งที่เกิดขึ้นจากกรรมฐานได้จนกว่าเราจะสัมผัสรู้เองจึงเข้าใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 22:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 02:22
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: แล้วเกิดถ้าเรามีอุบัติเหตุตายโดยไม่รู้ตัว จิตเราจะเป็นอย่างไร ต่างกับคนที่รู้ตัวว่า
กำลังจะตายอย่างไร


ขอตอบในข้อนี้ว่า โดยแยกประเด็นแรกก่อนนะครับ
คนที่ตายโดยอุบัติเหตุไม่รู้ตัว คือจิตไม่อยากตายไม่เตรียมตัวมาก่อน เพราะ มีวาสนาในโลกนี้แล้วมีอายุขัยแล้วแต่มีแรงกรรมมาตัดทอนอายุขัย เหมือนกับตะเกียงที่มีไส้อีกยาวและน้ำมันก็เหลืออีกเยอะแต่บังเอิญมีลมแรงพัดมา ตะเกียงจึงดับ จิตคนธรรมดาเมื่อมีร่างกายก็ยึดเหนี่ยวไว้เมื่อไม่มีร่างกายจะยึดเหนี่ยวอะไร ก็ต้องยึดเหนี่ยวอารมเป็นธรรมดา อารมสุดท้ายคิดหรือหน่วงเหนี่ยวสิ่งได้ไว้ก็ไปตามจิตก่อน จนกว่าจิตจะปล่อยว่างจากสิ่งหน่วงเหนี่ยวอารมนั้นได้ จึงว่ากันไปตามเหตุปัจจัย ตามบุญกรรมที่ตนสร้าง หรือจนกว่าจะหมดอายุขัยตัวเองจึงไปสู่สิ่งใหม่ เพราะโลกวิญญาณเป็นโลกแห่งความจริง โลกมนุษนี้ล้วนเป็ฯสิ่งสมมุต วันนี้อยากไส่เสื้อสีแดงก็เปลี่ยนได้ อยากทานอะไรทำได้ อยากเป็นอาชีพอะไรก็ทำตามสิ่งนั้น แต่วิญญานเมื่อผุดเกิดเป็นอย่างไรแล้ว เรียกว่า สภาวะ เมื่อผุดเกิดในสภาวะใหนแล้วย่อมเปลี่ยนไม่ได้จนกว่าจะมีปัจจัยอื่นมาใหม่ หรือไปสู่ภพชาติใหม่
อีกกรณีหนึ่งคนที่ฝึกกรรมฐานมามากพอย่อม เข้าสู่องณานตอนไหนก็ได้ตามกำลังณานของตนหรือจะเร็วเพียงเสี้ยววินาทีย่อมทำได้ รวมถึง ให้จิต ถอยกลับไปกลับมาได้จะอยู่ณานไหนก็ได้ นี่คือคนมีกำลังณาณมาก ตัวอย่างเช่น หลวงพ่อ พุทธ เมื่อตอนที่ท่านเกิดอุบัติเหตุ รถคว่ำซึ่งเกิดขึ้นเร็วมากแต่ท่านมีสติเข้า ณาน ได้ในเวลาไม่ถึงเสี้ยนนาที และไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไร ลองไปหาอ่านดูนะครับ จิตที่มีสติกำกับย่อมเลือกทางของจิตได้ ไม่เหมือนจิดคนธรรมดาที่ไม่มีทางเลือกเลย นอกจากไปตามบุญตามกรรม


แก้ไขล่าสุดโดย cmessage เมื่อ 13 มิ.ย. 2009, 03:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 22:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 02:22
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: มีคนพูดบ่อยๆ ว่า คนตายแล้วจะไม่รู้ตัว ต้องรอ 3 วัน เค้าถึงจะกลับมารู้ตัว
เมื่อก่อนเข้าใจว่าเป็นคำหลอกเด็ก แต่จนป่านนี้เราก็ยังได้เห็นคนพูดกัน
มันเป็นจริงหรือเปล่าคะ อยากให้อธิบายหน่อยค่ะ :b34: :b34: :b34:[/quote]


ขอตอบข้อนี้ว่า คนตายไปแรก ๆ ก็ไม่รู้ตัวทั้งนั้นคงล่องลอยไปเหมือนฝัน แต่ไม่ตื่นสักที เมื่อตายไปก็ย่อมไปตามอารมที่ตนยึดเหนี่ยว เช่น บ้าน พี่น้อง แฟน หรือปัจจัยอื่นที่คิดถึง ส่วนมากก็ต้องกลับบ้านแน่นอน แต่ถ้าอยากพิสูจไม่ต้องลองตายก็ได้ครับ ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ก็พิสูจได้ ขอให้เจริญปัญญา กรรมฐานให้ดี สิ่งเหล่านี้จะตอบคำถามเราได้ทุกอย่างเพราะมีความรู้อีกมากมายที่หนังสือทั้งโลกนี้ก็อธิบายไม่ได้จนกว่าเราจะสัมผัสได้เอง ลองดูนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 07:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: ไม่ต้องระบุตัวบุคคลขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ :b11:
:b48: ที่ระบุชื่อเพียงแค่อยากถามต่อมาจาก ข้อที่ถามค้างในกระทู้การบริจาคร่างกายน่ะค่ะ :b13:
เห็นคุณตอบแล้วเลยมีคำถามต่อน่ะค่ะ :b10:ขอบคุณนะคะสำหรับคำตอบ
:b48: จริงๆแล้วที่อยากถาม เพราะเราเห็นคนรอบๆข้าง คนใกล้ตัวส่วนมากยังห่างไกลจากเรื่องธรรมะ
ยิ่งเวลาเราคุยเรื่องพื้นๆ เช่นการถือศีล 5 ยังไม่ค่อยจะสนใจเลย
:b48: เราเลยอยากเอาเรื่องแบบประเภท ตายแล้วไปไหนออกแนววิญญาณไปคุย
ดูทุกคนอยากฟังนะคะ เลยอยากจะรู้ให้ถูกต้องน่ะค่ะ เดี๋ยวเค้าถามแล้วตอบไม่ได้
เผื่อเค้าอาจจะสนใจ กลัว หรือ อยากทำตัวให้ดี อย่างน้อยเราก็อยากเห็นคนพวกนี้หันมาปฏิบัติศีล5
กันจริงๆน่ะค่ะ :b31: :b31: :b31:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 07:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมชาติของมนุษย์จะสนใจเรื่องห่างไกลตัว นี่ก็ส่วนหนึ่งที่ทำให้การปฏิบัติธรรม หรือ การปฏิบัติกรรมฐาน
ไม่ค่อยสำเร็จ หรือ ไม่ก็ทำๆไปแล้วหลุดโลกไปเลย เหตุเพราะมองปัญหาไกลตัว ไม่มองเข้ามาที่ชีวิตจิตใจตน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 08:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


cmessage เขียน:
:b48: แล้วเกิดถ้าเรามีอุบัติเหตุตายโดยไม่รู้ตัว จิตเราจะเป็นอย่างไร ต่างกับคนที่รู้ตัวว่า
กำลังจะตายอย่างไร


ขอตอบในข้อนี้ว่า โดยแยกประเด็นแรกก่อนนะครับ
คนที่ตายโดยอุบัติเหตุไม่รู้ตัว คือจิตไม่อยากตายไม่เตรียมตัวมาก่อน เพราะ มีวาสนาในโลกนี้แล้วมีอายุขัยแล้วแต่มีแรงกรรมมาตัดทอนอายุขัย เหมือนกับตะเกียงที่มีไส้อีกยาวและน้ำมันก็เหลืออีกเยอะแต่บังเอิญมีลมแรงพัดมา ตะเกียงจึงดับ จิตคนธรรมดาเมื่อมีร่างกายก็ยึดเหนี่ยวไว้เมื่อไม่มีร่างกายจะยึดเหนี่ยวอะไร ก็ต้องยึดเหนี่ยวอารมเป็นธรรมดา อารมสุดท้ายคิดหรือหน่วงเหนี่ยวสิ่งได้ไว้ก็ไปตามจิตก่อน จนกว่าจิตจะปล่อยว่างจากสิ่งหน่วงเหนี่ยวอารมนั้นได้ จึงว่ากันไปตามเหตุปัจจัย ตามบุญกรรมที่ตนสร้าง หรือจนกว่าจะหมดอายุขัยตัวเองจึงไปสู่สิ่งใหม่ เพราะโลกวิญญาณเป็นโลกแห่งความจริง โลกมนุษนี้ล้วนเป็ฯสิ่งสมมุต วันนี้อยากไส่เสื้อสีแดงก็เปลี่ยนได้ อยากทานอะไรทำได้ อยากเป็นอาชีพอะไรก็ทำตามสิ่งนั้น แต่วิญญานเมื่อผุดเกิดเป็นอย่างไรแล้ว เรียกว่า สภาวะ เมื่อผุดเกิดในสภาวะใหนแล้วย่อมเปลี่ยนไม่ได้จะกว่าจะมีปัจจัยอื่นมาใหม่
อีกกรณีหนึ่งคนที่ฝึกกรรมฐานมามากพอย่อม เข้าสู่องณานตอนไหนก็ได้ตามกำลังณานของตนหรือจะเร็วเพียงเสี้ยววินาทีย่อมทำได้ รวมถึง ให้จิต ถอยกลับไปกลับมาได้จะอยู่ณานไหนก็ได้ นี่คือคนมีกำลังณาณมาก ตัวอย่างเช่น หลวงพ่อ พุทธ เมื่อตอนที่ท่านเกิดอุบัติเหตุ รถคว่ำซึ่งเกิดขึ้นเร็วมากแต่ท่านมีสติเข้า ณาน ได้ในเวลาไม่ถึงเสี้ยนนาที และไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไร ลองไปหาอ่านดูนะครับ จิตที่มีสติกำกับย่อมเลือกทางของจิตได้ ไม่เหมือนจิดคนธรรมดาที่ไม่มีทางเลือกเลย นอกจากไปตามบุญตามกรรม

โลกวิญญาณเป็นโลกแห่งความจริง ....เป็นความจริงที่มันไม่จริงครับ...เพราะสภาวะ เมื่อผุดเกิดในสภาวะใหนแล้วย่อมเปลี่ยนไม่ได้จะกว่าจะมีปัจจัยอื่นมาใหม่ ....(มันยังเป็นอนิจจังอยู่ครับ) :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร