วันเวลาปัจจุบัน 15 มิ.ย. 2025, 05:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 10:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เรียนท่านทั้งหลายครับ

ขออนุญาตแสดงความเห็นในภาคผู้อ่อนทำอย่างผม

ขอเพื่อนพ้อง น้อง พี่ อย่างเพิ่งนึกสมเพชหน่ายผมไปก่อนน่ะครับ



ภยาคติ มีความหมายว่า ลำเอียงเพราะความกลัว

ผมติดตามอ่านการแก้ปัญหากรรมฐานของท่านกรัชกายมาพอสมควรพอสรุปได้ว่า

ผู้ปฏิบัติกลัวต่อสิ่งใดก็จะประสพกับสิ่งนั้นเพราะมันฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก

เช่นเมื่อมีความกลัวอยู่ในใจว่านั่งไปแล้วจะถูกเจ้าประทับทรง

เมื่อนั่งทำสมาธิไปเรื่อยๆจึงเกิดอาการสั่นเป็นเจ้าเข้าจริงๆ

กลัวเจอผีก็เห็นผี

กลัวถอดจิตเลยตัวหาย

ก็ล้วนแต่เกิดจากการปรุ่งแต่งทั้งสิ้น


ผมเคยเรียนถามท่านกรัชกายที่เวปคณะ๕วัดมหาธาตุ

ว่าการนั่งกรรมฐานที่ห้องนอนต่างจากการนั่งกรรมฐานที่ป่าช้าอย่างไร

ผมเข้าใจแล้วครับ

ความกล้วเกิดจากการปรุ่งแต่ง

ต้องทำความรู้จักกับความกลัวให้ได้เสียก่อน

ด้วยการเดินเข้าหา

หากเข้าใจสภาวะความเป็นจริง

ปัญหาต่างๆที่เกิดจากการนั่งกรรมฐานสมถะวิปปัสนาก็หมดไป


ขอเสนอกับท่านทั้งหลายอย่างนี้ได้หรือไม่ครับว่า

การนั่งกรรมฐานไม่จำเป็นต้องหลับตา

หากเป็นผู้ที่กลัวง่าย

ก็ใช้วิธีลื่มตา

เช่นตาจับนิ่งอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วทำสมาธิก็ได้


ขอต่อท้ายเพื่อหาเรื่องใส่ตัวว่า

สมาธิวิปปัสสนา หรือสมถะวิปัสสนา

เป็นเรื่องเดียวกัน

ใครอย่ามาแยกว่าต้องวิปปัสสนาจึงจะบรรลุธรรมได้ง่ายกว่าสมถะ

เพราะหากขาดสมถะวิปปัสสนาก็ย่อมไม่เกิด

จึงขอตั้งเป็นหัวข้อวิวาทะ

ตามประสาสหายธรรม กัลยาณมิตร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 11:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




girl_med2.jpg
girl_med2.jpg [ 23.9 KiB | เปิดดู 3407 ครั้ง ]
คุณ mes ขยันหาเหานะครับ :b32: เดี๋ยวคุณเฉลิมศักดิ์ก็มาตอบ เรื่องสมถะ+วิปัสสนาหรอกครับ
สำหรับกรัชกายขอขึ้นเขาแอบดูดีกว่า :b38: ขี้เกียจพิมพ์



แต่ที่กล่าวพาดพิงตอบว่า อาการเป็นต้นดังกล่าวนั้นมันเป็นกิเลสซึ่งมีในจิตในใจของแต่ละคนๆ
ซึ่งพวกเราหลงกลมัน :b32:

เราคิดไปปฏิบัติกันไปเพื่อจะเอานั่นเอานี่ซึ่งเป็นผลคือเอาผล แต่ไม่คิดกำจัดกิเลสซึ่งเป็นเหตุเสียก่อน
แล้วผลจะเกิดได้อย่างไร
ต้องกำจัดเหตุคืออวิชชาก่อน แล้วผลก็เกิดเอง เพราะกำจัดอวิชชาตัณหาได้แล้ว

หลักมีอย่างนี้ ทุกข์เป็นผล สมุทัยเป็นเหตุ นิโรธป็นผล มรรคเป็นเหตุ

การปฏิบัติกรรมฐานนั้นเรากำลังสร้างเหตุเพื่อให้เกิดผลอยู่ แล้วในขณะเดียวกันก็ทำลายกิเลสไปในตัว
เพราะองค์มรรคภายในทำหน้าของมันอยู่ ตัวอย่างเช่น สัมมาทิฏฐิองค์ธรรมได้แก่ ปัญญา สัมมาสมาธิก็ได้แก่สมาธิ ต่างก็ทำหน้ากำจัดกิเลสอยู่

แต่ที่มีปัญหาว่า เรา เข้าใจถูกต้องหรือยัง :b16:
แล้วทำถูกหลักหรือยัง

เมื่อเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกหลัก ก็ประสบผลตามที่ต้องการ :b1:

(แก้แล้ว)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 11 มิ.ย. 2009, 19:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:


หลักมีอย่างนี้ ทุกข์เป็นเหตุ สมุทัยเป็นผล นิโรธป็นผล มรรคเป็นเหตุ



:b10: :b10: :b10:
ว่าจะแก้ให้ว่าทุกข์เป็นผลของสมุทัย....แต่เกรงว่าจะเป็นเจตนาของท่านเลยมิได้ทำ(แต่จริงๆแล้วทำได้นะท่านก็รู้ :b32: )

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 19:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




45210713yj6.gif
45210713yj6.gif [ 7.49 KiB | เปิดดู 3327 ครั้ง ]
natdanai เขียน:
กรัชกาย เขียน:


หลักมีอย่างนี้ ทุกข์เป็นเหตุ สมุทัยเป็นผล นิโรธป็นผล มรรคเป็นเหตุ



:b10: :b10: :b10:
ว่าจะแก้ให้ว่าทุกข์เป็นผลของสมุทัย....แต่เกรงว่าจะเป็นเจตนาของท่านเลยมิได้ทำ(แต่จริงๆแล้วทำได้นะท่านก็รู้ :b32: )


ท่านประธาน ต้องอย่างนี้สิขอรับ ถูกต้องๆ ทุกข์เป็นผล สมุทัยเป็นเหตุ พิมพ์พลาด :b3: :b1:



อ้างคำพูด:
แต่เกรงว่าจะเป็นเจตนาของท่านเลยมิได้ทำ(แต่จริงๆแล้วทำได้นะท่านก็รู้)


จะใช้อภิญญายำกรัชกายหรอ แหมๆ คิดจะฆ่าเพื่อนหรอนี่ :b28:

"ช่างร้ายเหลือ"

http://www.mtts23.com/song1/5/3/chang_rai_lea.htm

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 11:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คารวะท่านทั้งหลาย ขออนุญาตแสดงทิฏฐิของตนเองให้ท่านตรวจสอบว่าผิดถูกอย่างไรครับ

องค์ประกอบของการบรรลุธรรมคือ ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญาหรือปริญญา

ในที่นี้จะกล่าวถึงศรัทธา

ศรัทธาเป็นต้นน้ำของการนิสรณะ

ปลายทางน้ำนี้คือนิพาน สิ้นแล้วอาสวะ

ศรัทธามีคลองธรรมคือสมาธิ

นั่นหมายถึงขาดสมาธิก็หมดทางบรรลุอรหันต์

ไม่มีทางถึงวิมุติสุข

ไม่ว่าจะเป็นปัญญาวิมุติ หรือเจโตวิมุติ

อย่ามาบอกว่าการวิปปัสนาหรือโยนิโสมนสิการไม่จำเป็นต้องใช้สมาธิ

ขณะที่ใจพลุกพล่าน อุทธัจจะอยู่ โยนิโสมนสิการไม่ได้แน่นอนครับ

ฉนั้นไม่ว่าจะเกิดตัญหาหรือความกลัวย่อมต้องกำจัด

หรือหลีกเลี่ยงเสีย

ในที่นี้ขอเสนอให้หลีกเลี่ยง

สำหรับผู้ที่กลัวการนั่งกรรมฐานด้วยการหลับตา

เปลี่ยนมาเป็นการเพ่งสมาธิในการใช้ชีวิตประจำวัน


ทำงานให้มีสมาธิ

ผมมีตัวอย่างของการทำงานจนเกิดสมาธิบรรลุธรรม

ขอยกเป็นธรรมสาธกไม่อ้างอิงครับ

ตัวอย่างเป็นพนักงานนับท่อน้ำส่งลูกค้าในโรงงานครับ

ท่อน้ำมีลักษณะกลม และหลายขนาดเมื่อกองรวมกันนั้นนับยากมาก

ในแต่ละวันเขาต้องนับเพื่อขึ้นรถบรรทุกไปส่งให้ลูกค้าหลายรถบรรทุก

จนอยู่มาวันหนึ่ง

เขารู้ลึกจิตนั้นสงบนิ่งมาก

มีแตปิติ คือสุขสงบ นิ่งไม่ส่าย นานเท่าไหร่จำไม่ได้ แต่ในที่สุดก็หายไป

ต่อมาไม่นาน

อยู่มาวันหนึ่ง

เกิดรถแก๊สระเบิดขึ้นที่กลางกรุง

เขาจึงรู้ว่าเหตุการณ์นี้ดูเหมือนเขาจะได้รู้ล่วงหน้าแล้ว

ยิ่งกว่านั้น

เขายังรู้ด้วยตนเองนั้นบรรลุธรรมแล้ว

โดยไม่ตั้งใจ


ที่ยกเอาตัวอย่างนี้มาอ้างโดยที่พยานบุคคลคงไม่ยอมมาแสดงตน

ก็เพื่อแสดงว่า

ไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม

ต้องอาศัยสมาธิในการบรรลุธรรมทั้งสิ้น

ไม่มากก็น้อย

ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

ผมไม่มีเจตนาไปขัดขวางวิธีการของสำนักวิปปัสนาใดๆ

แต่การบอกทางแก่ผู้เดินทางเป็นหน้าที่ของทุกคนครับ

ผมแค่คนนำสาร ที่กำลังหลงทาง เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน

ผิด ถูกประการใด

ทุกท่านโปรดเมตตาด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


จากหนังสือพุทธธรรมหน้า๗๔๘

“ภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฐิ อันองค์ประกอบ๕อย่างคอยหนุน (อนุเคราะห์) ย่อมมีเจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ เป็นผลานิสงส์ องค์ประกอบ๕อย่างนั้นคือ

๑.ศีล(ความประพฤติงาม)

๒.สุตะ(ความรู้จากการสดับ เล่าเรียน อ่านตำรา การแนะนำสั่งสอนเพิ่มเติม)

๓.สากัจฉา(การสนทนา ถกเถียง อภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สอบค้นความรู้)

๔.สมถะ(ความสงบ การทำใจให้สงบ การไม่มีความฟุ้งซ่านวุ่นวายใจ)
๕.วิปัสสนา(การพิจารณาเห็นสิ่งต่างๆ ตามสภาวะของมัน คือตามที่มันเป็นจริง

โดยสรุป

สัมมาทิฐิ ก็คือความเห็นที่ตรงตามสภาวะ

คือ เห็นตามที่สิ่งทั้งหลายเป็นจริง

การที่สัมมาทิฐิจะเจริญขึ้น ย่อมต้องอาศัยโยนิโสมนสิการเรื่อยไป

เพราะโยนิโสมนสิกาช่วยให้ไม่มองสิ่งต่างๆอย่างผิงเผิน

หรือมองเฉพาะผลรวมที่ปรากฏ

แต่ช่วยให้มองแบบสืบค้นแบบแยกแยะ

ทั้งในแง่การวิเคราะห์ส่วนประกอบที่มาประชุมกันเข้าและในแง่การสืบทอดแห่งเหตุปัจจัย

ทำให้ไม่ถูกลวง

ไม่กลายเป็นหุ่นให้ถูกยั่วยุ ปลุกปั่นและเชิด

ด้วยปรากฏการณ์ทางรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ แต่คตินิยมต่างๆ

จนเกิดปัญหาทั้งแก่ตนและผู้อื่น

แต่ทำให้มีสติสัมปชัญญะ เป็นอิสระ

เป็นตัวของตัวเอง

คิดตัดสินต่างๆด้วยปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="mes"]
ในที่นี้จะกล่าวถึงศรัทธา
ศรัทธาเป็นต้นน้ำของการนิสรณะ
ปลายทางน้ำนี้คือนิพาน สิ้นแล้วอาสวะ
ศรัทธามีคลองธรรมคือสมาธิ
นั่นหมายถึงขาดสมาธิก็หมดทางบรรลุอรหันต์
[/quote]

ศรัทธา เป็นต้นน้ำของ นิสสรณะ คือนิพพาน
คือไม่เอาเป็นสรณะ ไม่เอาอะไรเป็นสรณะไม่เอาตัณหา อุปาทาน เป็นสรณะ

ศรัทธา เป็นต้นน้ำ ของ สรณะ คือมี พระพุทธองค์ มีพระธรรม มีพระสงฆ์ เป็นสรณะ
เพราะเหตุว่า ศรัทธา ย่อมยังอินทรีย์ 4 คือ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ และปัญญินทรีย์ ให้เกิดขึ้น

ดังนั้น ศรัทธา มีคลองธรรมคือ วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา

สาธุสำหรับความเห็นของทุกท่าน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร