วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 06:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2009, 10:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่า ปัญญา นั้น มีหลายคน หลายท่าน หรือจะกล่าวว่า คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีความเข้าใจ หรือเข้าใจไปในทางที่ผิดๆ เพราะในทางพจนานุกรม หลายๆฉบับ ให้ความหมายของคำว่า ปัญญา ไว้ว่า หมายถึง ความรู้ทั่ว , ความรอบรู้ ,ความรู้ชัดเจน ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น
แต่ในทางที่เป็นจริง หรือในข้อเท็จจริง นั้น ความรู้ ไม่ใช่ตัวปัญญา แต่ความรู้ ก็คือความรู้ ความรู้ ย่อมแบ่งเป็นหลายศาสตร์ หลายแขนง ดังที่ท่านทั้งหลายคงได้เรียนรู้กันอยู่แล้ว
ที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า "ความรู้" ไม่ใช่ตัวปัญญา ก็อย่าเพ่งเข้าใจเป็นอย่างอื่น เพราะตัวความรู้ เป็นปัจจัยสำคัญยิ่ง แห่งปัญญา ถ้าไม่มีความรู้ ปัญญาก็ไม่เกิดมีได้เช่นกัน เพราะปัญญานั้น คือ ความรู้ ความเข้าใจ ในศาสตร์แขนงต่างๆ ที่มีอยู่ในตัวบุคคลนั้นๆ และบุคคลนั้นๆสามารถประพฤติปฏิบัติตามความรู้ ความเข้าใจ ในศาสตร์แขนงต่างๆเหล่านั้นได้ บ้างอาจประพฤติปฏิบัติโดยไม่รู้ว่าได้ระลึกดำริ บ้างต้องระลึกดำริก่อนจึงจะสามารถประพฤติปฏิบัติได้ และปัญญาที่มีอยู่ในตัวบุคคลนั้น ล้วนสามารถปรุงแต่ง แก้ไขเปลี่ยนแปลง ผสมรวม ความรู้ ความเข้าใจ ในศาสตร์แขนงต่างๆที่มีอยู่ในตัวบุคคล ให้สามารถใช้ร่วมกันได้ หมายความว่า บุคคล ผู้มีปัญญานั้น จะใช้แขนงวิชาหรือศาสตร์ใดใด ที่ได้เรียนรู้มา ใช้ทำงานในการทำงานใดใดก็ได้ทั้งนั้น เพราะบุคคลนั้นๆ มีความรู้ ความเข้าใจ ในแขนงวิชา หรือศาสตร์ใดใด เหล่านั้นจนสามารถประพฤติปฏฺิบัติได้นั่นเอง
ดังนั้น คำว่า "ปัญญา" ในทางที่เป็นจริงแล้ว มีความหมาย มีกระบวนการที่ลึกซึ้งกว้างไกล มิใช่มีความหมาย แต่เพียงว่า เป็น "ความรู้ทั่ว ความรอบรู้ หรือรู้ชัดรู้แจ้งฯลฯ" แต่ปัญญา คือ ความรู้ ความเข้าใจ ที่สามารถประพฤติปฏิบัติได้ และสามารถใช้ความรู้ ความเข้าใจ ในแขนงวิชา หรือศาสตร์ใดใด เพื่อการทำงาน หรือประกอบกิจกรรมใดใด ก็ได้"
ปัญญา รู้แจ้ง ในทางหลักการทางศาสนา กับ ปัญญา ในการประกิจกรรม หรือการทำงาน ตามศาสตร์ ในแขนงวิชาการต่างๆ ล้วนย่อมสัมพันธ์กัน เกี่ยวข้อง อย่างแยกไม่ได้ เพราะหลักการทางศาสนา ก็คือ หลักการตามศาสตร์ และแขนงวิชาการต่างๆ เท่าที่มนุษย์มีอยู่ และหลักการทางศาสนา ยังมีหลักการหรือหลักวิชา หรือศาสตร์ความรู้ที่นอกเหนือจากที่มนุษย์มีอยู่อีกด้วย
มนุษย์ส่วนใหญ่ แม้แต่บุคคล ประชาชน ผู้ในศรัทธา ในศาสนาต่างๆ ยังมีความเข้าใจผิด คิดไปว่า ศาสนาในบางแขนง เป็นเรื่องลี้ลับ แต่ความจริงแล้ว หลักวิชาในศาสนาบางแขนง เป็นหลักวิชาวิทยาศาสตร์(ตามที่มนุษย์เรียกขาน) แต่ไม่มีอยู่ในบทเรียนของศาสตร์หรือแขนงวิชาวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ หมายความว่า มนุษย์มีหลักวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ แต่ศาสนามีหลักวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์ไม่มีเป็นบทเรียน อย่างนี้เป็นต้น
ดังนั้น ท่านทั้งหลาย ควรได้เรียนรู้ และทำความเข้าใจให้ดีว่า ศาสนา ไม่ใช่เรื่องลี้ลับ ในทุกแขนงวิชชา เพียงแต่มนุษย์ไม่มีบทเรียนหรือหลักสูตรการเรียนการสอน คือไม่รู้ว่าจะเรียนอย่างไร เพราะไม่มีผู้สอนในบางแขนงวิชชาทางศาสนา เช่น ในเรื่องของเทพเจ้า ตามศาสนาพราหมณ์ ฮินดู, หลักวิชชา 3 วิชชา 8 และอื่นๆ อีกทั้ง มนุษย์ไม่สามารถพิสูจน์ว่าเทพเจ้ามีอยู่จริงหรือไม่ เพราะมนุษย์ไม่มีความรู้ ความเข้าใจ ในกลไกแห่งจักรวาลอย่างถ่องแท้ และในเรื่องอื่นๆอีกมากมาย
สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนไปนั้น เป็นรายละเอียดแห่งปัญญา ซึ่งจักทำให้ท่านทั้งหลายได้รู้ได้ทำความเข้าใจเอาไว้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านทั้งหลายคงจะมีข้อสงสัย กังขา แต่ไม่กล้าถาม หรือบางท่าน คงคิดว่า ตัวเองนั้นมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับปัญญาดีแล้ว ซึ่งในความจริงแล้ว คำว่า "ปัญญา" เป็นความละเอียดลึกซึ้ง ที่ยากจะทำความเข้าใจได้ เหตุเพราะ
ธรรมดา ของมนุษย์ ในที่นี้หมายเอาเฉพาะมนุษย์ ล้วนย่อมมีสมอง(กรรมพันธฺุ์) หรือการได้รับการขัดเกลาทางสังคม สิ่งแวดล้อม อันหมายรวมไปถึง การได้รับการศึกษา การเรียนรู้ และประสบการณ์ และยังหมายรวมไปถึง วิถีชีวิตของแต่ละบุคคล นับตั้งแต่ การรับประทานอาหาร และอื่นๆ เช่น ความชอบ ความต้องการ ฯลฯ ที่แตกต่างจากกัน
ข้อแตกต่าง ของสมอง(กรรมพันธ์) การได้รับการขัดเกลาทางสังคม สิ่งแวดล้อม อันหมายรวมไปถึง การได้รับการศึกษา การเรียนรู้ และประสบการณ์ และยังหมายรวมไปถึง วิถีชีวิตของแต่ละบุคคล นับตั้งแต่ การรับประทานอาหาร และอื่นๆ เช่น ความชอบ ความต้องการ ฯลฯ ล้วนเป็นปัจจัย ที่ทำให้ "ปัญญา หรือ ความรู้ ความเข้าใจ ในหลักวิชาการต่างๆ ซึ่งสามารถประพฤติปฏิบัติได้ ของแต่ละบุคคล" แตกต่างจากกันด้วย
มนุษย์ทุกคน มีปัญญา ด้วยกันทุกคน แต่จะมีปัญญาในด้านไหน มีปัญญามากหรือน้อยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ปัญญาของแต่ละบุคคลนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับ ความรู้ ประสบการณ์ ความสนใจ ความขยันหมั่นเพียร และยังมีปัจจัยในเรื่องของอาหาร การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ ฯลฯ เป็นเครื่องมือในการสร้าง ปัญญาให้กับบุคคลนั้นๆอีกด้วย
ปัญญา ของแต่ละบุคคล ก็ย่อมเป็นไปตามลักษณะอาชีพของแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปแล้วข้างต้น
ปัญญา ในการรู้แจ้งเห็นจริง ในหลักการศาสนาก็เช่นกัน ย่อมเป็นปัญญา ที่ประกอบด้วย ความรู้ ความเข้าใจ สามารถประพฤติปฏิบัติได้ โดยอัตโนมัติบ้าง โดยการระลึกดำริบ้าง แล้วแต่ลักษณะแห่งการสัมผัสนั้นๆ ฯลฯอย่างนี้เป็นต้น
ท่านทั้งหลาย อย่าได้คิดว่า เพียงแค่เรียนรู้หลักธรรมะ ตามหลักการศาสนาแล้ว จะเกิดปัญญาขึ้น อย่าได้เข้าใจผิด ถ้าหลักธรรมตามหลักการศาสนานั้นๆ ไม่ได้เป็นไปตามหลักความจริง ตามธรรมชาติ ความรู้ ความเข้าใจ ของท่านทั้งหลาย ในหลักธรรม ก็ย่อมต้องผิดตามไปด้วย จะเรียกว่า ไม่เกิดปัญญาก็ได้ แต่พวกท่านจะได้แต่หลงคิดว่า ได้ปัญญา หรือมีปัญญาแล้ว แต่ความจริงแล้วเป็นเพียงการหลงผิด ดังนี้เป็นต้น
ดังนั้น ปัญญา ที่จะเกิดขึ้น จากการศึกษา ประพฤติปฏิบัติ ตามหลักธรรมะ ในหลักศาสนา จะต้องเป็นปัญญา หรือ ความรู้ ความเข้าใจ ที่เป็นหลักความจริงตามธรรมชาติ สามารถประพฤติปฏิบัติได้ หรือ ทุกคน ทุกสรรพสิ่ง ล้วนมีอยู่ เป็นอยู่ และ ปัญญาที่เกิดขึ้น ก็จะเป็นปัญญาแห่งการรู้แจ้ง เห็นจริง สามารถนำพาให้มนุษย์ ดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข ได้ในระดับหนึ่ง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 95 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron