วันเวลาปัจจุบัน 15 พ.ค. 2025, 19:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 11:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ชีวิตผมเอง ^^ ถ้าไม่ดีก็แจ้งลบได้เลยครับ อยากลองจะเป็นกำลังใจให้ วัยรุ่นที่ไม่เคยเข้าวัด
____________________________________________________________

ในยุคที่โลกนั้นเต็มไปด้วยแสงสี เต็มไปด้วยวัตถุนิยม ได้เปลี่ยนแปลงค่านิยมของสังคมสมัยก่อนที่เต็มไปด้วยความร่มเย็น ความเย็นกายสบายใจ และความอบอุ่นของวัด กลายเป็นความรู้สึกถึงความอึดอัดจนทำให้หลายๆคนที่ให้ชื่อตัวเองว่า "คนรุ่นใหม่ หรือวัยรุ่น" นั้น กลับบอกว่า ไม่กล้าเข้าวัดเพราะว่า "กลัวร้อน"

ตัวผมเองนั้นถ้าจะนับว่าเป็นคนที่ยังนับว่า เป็นวัยรุ่นอยู่นั้น ก็อาจจะนับเป็นวัยรุ่นตอนปลายๆ (ใกล้ๆจะเบญเพศ) เพราะถ้าถือตามคติโบราณแล้ว เบญเพศ นั้นเป็นช่วงอายุที่คนสมัยก่อนนับว่าเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงจากวัยรุ่น เข้าสู่ช่วงที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เพราะฉะนั้น ผมอาจจะนับเป็นคนสมัยใหม่กับเค้าได้เหมือนกัน

ถ้าเกิดว่าใครจะบอกว่า วัยรุ่นเข้าวัดแล้วร้อนนั้น ผมบอกได้เลยว่า ผมนั้นเป็นคนนึงที่ควรจะร้อนมากๆเลยหล่ะที่จะเข้าวัด เพราะสมัยก่อนที่ผมจะเข้าวัดนั้น ผับ บาร์ หรือร้านเหล้านั้น เปรียบเสมือนห้องนั่งเล่นของผมเลย ใช้เวลาอยู่มากกว่าบ้านซะอีก รู้สึกว่าการไปอยู่ที่ร้านเหล้านั้น เป็นการผักผ่อนใจให้เย๊นเย็นหลังจากที่เหนื่อยมาจากการทำงานทั้งวัน ทุกๆวัน ผมไปตั้งแต่ 2 ทุ่มยันร้านเลิก (ตี 2) กว่าจะกลับบ้านมาก็ตี 4 และ 7 โมงเช้าตื่นไปทำงานอีกละ อยู่ร้านเหล้ามากกว่าบ้านจริงๆ

แต่สิ่ง ที่เปลี่ยนแปลงตัวผมนั้นเกิดมาจากการที่ผมได้เจอกับคนที่ผมรักและชักจูง (แกมบังคับ) เข้าหาพระพุทธศาสนา ตัวผมเองนั้นแม้จะเคยบวชมาก่อน แต่เป็นการบวชสั้นๆ หลังเรียนจบเพื่อมอบบุญให้กับพ่อแม่ผู้มีพระคุณ ในเวลานั้นตัวผมเองก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากมาย เปลี่ยนได้ก็แค่ระยะเวลาสั้นๆ เคยคิวด่าจะตื่นมาทำวัดตอนเช้าตอนตี 4 แม้ว่าจะหลังสึกออกมา แต่ความตั้งใจที่ขาดความมุ่งมั่นจิงๆ ก็ทำให้ผมไม่เคยที่จะได้อยู่ในร่องในรอยอีกเลย

เนื่องจากแฟนของผม นั้นศรัทธา และชอบในพระพุทธศาสนามาก และชอบที่จะปฏิบัติธรรมอย่างที่แท้จริง พอผมมาคบกันกับแฟนคนนี้ ขั้นแรกเลยโดนบังคับให้ "ถือศีล 5" ซึ่งในใจผมตอนนั้นนะ คิดว่า ศีล 5 โอย ใครจะถือได้ ชีวิตคนเรามันต้องมีการเข้าสังคมสิ มีเพื่อนมีฝูง ทำงานทำการ มันก็ต้องมีบ้างที่จะผิดศีลบางข้อไม่เคยเข้าใจเลยว่า การถือศีลที่ดีนั้นจะเป็นยังไง จะให้ประโยชน์อะไรกับเรา มันกลับทำให้เราลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัดซะอีก

แต่การที่ผมต้องถือ ศีลแบบ "จำใจ" ในตอนแรกเพราะโดนถูกบังคับ และตัวผมเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะตามใจแฟนมากๆ ละไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจให้ผมตั้งมั่นว่าควรจะถือศีลขนาดนั้น และทำให้จิตใจผมนั้นได้สงบลงมากๆ เพราะเนื่องจากการที่ผมได้รักษาศีลนั้นทำ ให้ไม่มีอะไรต้องมากังวลใจมาก ในสมัยก่อนนั้นผมสารภาพได้เลยว่า ผิดศีลแทบจะทุกๆข้อ ทำให้แต่ละวันต้องร้อนใจบ่อยๆครั้งเวลาทานเหล้า ตื่นเช้าไปทำงานก็ต้องกลัวว่าจะมีคนได้กลิ่นเหล้ารึเปล่า จากการที่ต้องกังวลว่าใครจะจับได้หรือเปล่าว่าผมไปโกหกอะไรเค้าไว้ กลัวว่าผู้หญิงที่ผมคบแต่ละคนจะรู้เรื่องกันรึเปล่า ความจะแตกหรือไม่ สารพัดจะทำให้ผมมีเรื่องต้องค่อยระแวงระวังไม่เว้นแต่ละวัน

ผลของมัน นั้นยิ่งกว่าที่ผมคาดไว้เยอะ สุขภาพผมดีขึ้นแข็งแรงป่วยน้อยลงมาก เนื่องจากว่าไม่ต้องเข้าร้านเหล้า และต้องนอนเวลาดึกๆ ทำให้พักผ่อนไม่พอ จากการที่ผมถือศีลข้อ 4 (ไม่โกหก) นั้นทำให้เวลาผมไปหาลูกค้านั้นคุยงานประสบความสำเร็จมากขึ้นอย่างมาก ลูกค้ามีความเชื่อถือในสิ่งที่ผมพูดมากขึ้น จนทำให้เกิดผลงานจนสามารถได้เพิ่มเงินเดือนขึ้นเลยด้วยซ้ำ น่าอัศจรรย์มากจริงๆ

หลังจากนั้นผมได้มีโอกาสเข้าไปปฏิบัติธรรม (คล้ายๆแกมบังคับนิสๆ ที่บอกว่านิสๆเพราะตัวผมเองก็เต็มใจ) นั้นทำให้ผมได้เห็นในสิ่งที่ยิ่งกว่าการถือศีลมากขึ้นไปอีก หลังจากนั้นผมได้ศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเพิ่มเติม จากหนังสืออ่านเล่นต่างๆ กลับกลายเป็นหนังสือคำสอนของพระอาจารย์หลายเล่มเข้ามาแทนที่ในชีวิตผม

ต่อ จากนั้นผมได้มีโอกาสพบกับพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช ครูบาอาจารย์ที่สอนได้ตรงจริตนิสัย ได้โอกาสน้อมนำคำสอนของพระอาจารย์มาลองปฏิบัติ ผมรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของชีวิต รู้สึกได้ว่า ความร่มเย็นและความสุขที่แท้จริงในชีวิตคืออะไร

จากที่เคยคิดว่าผับบาร์ ร้านเหล้านั้นเย็นสบาย แต่พอนึกย้อนกลับไปดูแล้ว แต่ละวันเราต้องร้อนใจที่จะตามกิเลสของเราที่อยากจะไปทุกวันๆ เพราะคิดว่าเข้าไปแล้วจะมีความสุข พอเข้าไปแล้วก็ต้องดื่มเหล้า เฮฮากับเพื่อน พอเช้ามาก็คุยอวดกันว่า เมื่อวานสนุกอย่างโง้น วันนี้เฉยๆ ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่อย่างงี้ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้เลยว่า ชีวิตของผมนั้น มันร้อนขนาดไหนมันต้องวิ่งตามกิเลสทั้งวัน วิ่งเข้าผับไม่พอยังต้อวิ่งตามหาความสนุก ปรุงความสนุกไม่งั้นรู้สึกว่า แหมวันนั้นไปไม่คุ้มเลย ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ตัวเองร้อนขนาดนั้น กลับคิดว่าทางนี้แหละเป็นหนทางที่จะพักผ่อนและเย็นสบายของชีวิต

จาก การที่ผมหันหลังให้ผับบาร์ หันหน้าเข้าสู้ทางธรรมนั้นทำให้ชีวิตผมได้เปลี่ยนแปลงมากมาย แน่นอนแรกๆก็เจอะเจออุปสรรคบ้าง เพื่อนชวนไปทานเหล้าบ้างอะไรบ้าง ผมก็เห็นถึงใจของผมที่มันอยากจะกิน บางทีใจมันก็คิดว่า แหม ไม่ได้ทานมานานแล้วนิดหน่อยน้า (ยังมีแอบเสียดายกิเลส) ความอดทนอดกลั้น และความตั้งใจที่ผมตั้งใจมั่นนั้น ไม่ใช่แค่เปลี่ยนตัวของผมเอง แต่ยังเปลี่ยนแปลงคนรอบข้างผมด้วย สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือจากที่คนรอบๆข้างผมนั้นมีแต่พวกชวนเข้าผับ ทานเหล้า กลับกลายเป็นเจอ กัลยาณมิตรหลายๆคนที่ชักชวนกันคุยในเรื่องพระพุทธศาสนา มีตั้งแต่เรื่องทำทาน ถือศีล พระเครื่องบ้างอะไรบ้าง จนถึงการ ปฏิบัติที่เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาจริงๆ

ผมได้ปฏิบัติธรรมมาระยะ นึงตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์และได้ศึกษาประวัติ และคำสอนของท่านทั้งหลาย กลั่นกรองและน้อมนำทางสายเอกของพระพุทธศาสนาซึ่งนำไปสู่ความพ้นทุกข์ที่แท้ จริงมาใส่ตัว ทำให้ผมได้เจอกับความสุข และร่มเย็นที่แท้จริงของชีวิต บางครั้งเพียงแค่นึกถึงคำสั่นสอนของครูบาอาจารย์ ความสุขนั้นได้เอ่อล้นขึ้นมาเป็นปิติในใจ

ตัวผมเองนั้นยังไม่ถือว่า เป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมได้ถึงขั้นหรือว่าเก่งกาจอะไรกับเค้าหรอก แต่สิ่งที่ผมได้รู้และได้เห็นจริงๆก็คือ ความร้อนใจ ในชีวิตของผมนั้นมันหล่นหายไปเยอะเลย ความเศร้าใจที่เราเคยรู้สึกว่ามันไม่เคยจะจากไปจากใจของเราเลย ได้หล่นหายไป เจอสิ่งต่างๆ เจออุปสรรคหลายๆอย่าง ที่เข้ามากระทบกับชีวิต แต่เราก็สามารถสู้กับมันและไปกับมันได้อย่างที่เราไม่ได้ทุกข์ใจขนาดแต่ก่อน คนรอบๆตัวผมได้เห็นและได้มีการถามไถ่ถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในตัวผมอย่างมาก ผมได้ตอบอย่างมีความสุขทุกครั้งว่า พระพุทธศาสนานั้นเป็นของจริง

ผม ขอเป็นอีกสัก 1 คนที่เป็นพยานว่า "วัด" นั้นยังคงเป็นสถานที่ๆสามารถทำให้เย็นกายสบายใจได้มากกว่า ผับบาร์ ไม่ใช่ว่าการปฏิบัติธรรมนั้นจะเป็นสิ่งที่เฉพาะสำหรับคนมีอายุเสมอไป ทำไมหล่ะ ทำไมเราต้องรอจนถึงแก่ถึงจะต้องเจอกับความสุขที่แท้จริง ทำไมหล่ะ เราถึงจะต้องวิ่งตามความร้อนใจจนถึงแก่เราถึงจะได้เจอกับความสุขและความร่ม เย็นของชีวิต ผมขอให้มาลองดู มาลองดูในสิ่งที่เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา เพราะผมก็ไม่เห็นว่าจะต้องหาคำตอบอะไรของคำถามที่ว่า "เราจะรอที่จะมีความสุขที่แท้จริงเมื่อแก่ทำไม ในเมื่อเราสามารถยืดเวลาความสุขได้มากกว่า ถ้าเราเริ่มในวันนี้"

By : Sangtean

http://larndham.net/index.php?showtopic=33827

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 11:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


งดงาม งดงาม

บัวค่อยๆ ผุดขึ้น
อีกไม่นานคงพ้น
พ้นแล้วจึงบาน
บานแล้วส่งกลิ่นหอม เป็นความหวังแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่นต่อไป

สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 12:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 12:14
โพสต์: 19

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธุ

เราก้อเคยใช้ชีวิตแบบนี้เหมือนกันค่ะ
แต่ไม่หนักขนาดนี้ :b32:
ตอนนี้ก้อหันมาเข้าวัด ฟังธรรมเยอะขึ้น
รู้สึกดีมากๆเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 12:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2009, 15:36
โพสต์: 435

ที่อยู่: malaysia

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณโชคดีค่ะที่มีนางฟ้า (แฟนคุณ) ช่วยฉุดคุณ
ออกมาจากนรกบนดิน ส่วนตัวดิฉันก็พยายามฉุดคนในบ้านแต่
ไม่ไหวค่ะดื้อมากๆ (สงสัยไม่ใช่นางฟ้าแน่เลย) ขอชมเชยคุณค่ะ
ที่เข้มแข็ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2009, 00:52
โพสต์: 8


 ข้อมูลส่วนตัว


คล้ายกันเลยค่ะ
ว่างๆ จะมาแชร์ด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 15:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b20: ยินดีด้วยที่คุณ พบคู่ที่ดีครับ :b20: เป็นบุญของคุณนะครับ :b27:
โดยส่วนตัวกระผม....ไม่ค่อยชอบเที่ยวกลางคืนเท่าไร แต่ไปได้ครับ หากจำเป็นต้องไป...และก็ต้องรักษามรรยาท...ก็ต้องทำสนุกร่าเริงไปกับเขา...เดี๋ยวงานจะไม่สนุกเอา.....แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้เห็นว่าจะสนุกเท่าไร....กลับมองไปมองมาเหมือน..กระผมกำลังไปเที่ยวนรกที่มีวิญญาณ...เต้นเร่าร้อนในอบายภูมิ..ดูแล้วสังเวสใจครับ :b7:

ไม่ได้บอกว่าตนเองดีกว่าคนทั่วไป...แต่มันเป็นความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆทุกครั้งที่ไปเที่ยวกลางคืนครับ
หรือเพราะผม.....แก่แล้วก็ไม่รู้....... :b34:

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 15:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 เม.ย. 2009, 08:03
โพสต์: 23


 ข้อมูลส่วนตัว


สุดยอดเลยครับ
ได้สิ่งดี ๆ เข้ามาสู่ชีวิตทั้งทางโลก (แฟน) และทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 16:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ม.ค. 2009, 21:10
โพสต์: 66


 ข้อมูลส่วนตัว


เยี่ยมๆๆ.....ผมอยากมีแฟนเช่นนี้บ้างจังเลย....แต่เค้าไม่รักเราสินะ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 16:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรม..ย่อมนำความสงบสุขมาสู่ชีวิต...สาธุ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2007, 15:53
โพสต์: 41

ที่อยู่: ชลบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b4: เป็นเรื่องจริงที่ควรเผยแพร่ให้คนอีกมากมายที่ยังหลงทางได้รับรู้...ดีมากมากเลย :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 01:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


จะเรียกว่า "มืดมาสว่างไป" ดีไหม แต่ผมขอเรียกว่า สว่างน้อยไปสว่างมาก จะดีกว่า

อ่านๆ ดูแล้ว คล้ายเรื่อง X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือไม่ก็ Batman: BEGIN :b35: :b39: :b30:

อ้างคำพูด:
(1)เนื่องจากแฟนของผม นั้นศรัทธา และชอบในพระพุทธศาสนามาก และชอบที่จะปฏิบัติธรรมอย่างที่แท้จริง พอผมมาคบกันกับแฟนคนนี้ ขั้นแรกเลยโดนบังคับให้ "ถือศีล 5" ซึ่งในใจผมตอนนั้นนะ คิดว่า ศีล 5 โอย ใครจะถือได้ ชีวิตคนเรามันต้องมีการเข้าสังคมสิ :b44:

(2)ผม ขอเป็นอีกสัก 1 คนที่เป็นพยานว่า "วัด" นั้นยังคงเป็นสถานที่ๆสามารถทำให้เย็นกายสบายใจได้มากกว่า ผับบาร์ ไม่ใช่ว่าการปฏิบัติธรรมนั้นจะเป็นสิ่งที่เฉพาะสำหรับคนมีอายุเสมอไป ทำไมหล่ะ ทำไมเราต้องรอจนถึงแก่ถึงจะต้องเจอกับความสุขที่แท้จริง ทำไมหล่ะ เราถึงจะต้องวิ่งตามความร้อนใจจนถึงแก่เราถึงจะได้เจอกับความสุขและความร่มเย็นของชีวิต ผมขอให้มาลองดู
:b40:
พบว่า 2 ข้อความที่พูดถึงสอดคล้องกับสำนวนที่ว่า "แฟนหมายถึงพัด" ได้เป็นอย่างดีครับ

**ว่าแต่ K อมิตาพุทธ, K be_grace และ K อื่นๆ ไม่อยากมา share ความเป็นมาเหมือน K dd บ้างหรอครับ :b48:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 01:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 เม.ย. 2009, 01:52
โพสต์: 14


 ข้อมูลส่วนตัว


อวบอั๋นขั้นสุดท้าย เขียน:
:b8: :b20: ยินดีด้วยที่คุณ พบคู่ที่ดีครับ :b20: เป็นบุญของคุณนะครับ :b27:
โดยส่วนตัวกระผม....ไม่ค่อยชอบเที่ยวกลางคืนเท่าไร แต่ไปได้ครับ หากจำเป็นต้องไป...และก็ต้องรักษามรรยาท...ก็ต้องทำสนุกร่าเริงไปกับเขา...เดี๋ยวงานจะไม่สนุกเอา.....แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้เห็นว่าจะสนุกเท่าไร....กลับมองไปมองมาเหมือน..กระผมกำลังไปเที่ยวนรกที่มีวิญญาณ...เต้นเร่าร้อนในอบายภูมิ..ดูแล้วสังเวสใจครับ :b7:

ไม่ได้บอกว่าตนเองดีกว่าคนทั่วไป...แต่มันเป็นความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆทุกครั้งที่ไปเที่ยวกลางคืนครับ
หรือเพราะผม.....แก่แล้วก็ไม่รู้....... :b34:


ผมก้อรู้สึกแบบนั้นเหมือนกันครับ จะไปเที่ยวกลางคืนก้อเฉพาะจำเป็นต้องไปจริงๆ ตามมารยาท เพราะใจจริงไม่อยากวิ่งเข้าไปหาอบาย มันเป็นที่อโคจรครับ มนุษย์ไม่พึงกล้ำกลายเข้าไป

.....................................................
ทำความดีเพื่อความดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 01:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


พบว่า 2 ข้อความที่พูดถึงสอดคล้องกับสำนวนที่ว่า "แฟนหมายถึงพัด" ได้เป็นอย่างดีครับ

:b19: :b19: กระผมชอบประโยคนี้ขอคุณ อินทรีย์5 จังขอรับ :b3: :b19: :b4: :b17: :b27:

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2009, 11:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


ยินดีและดีใจกับคุณดีดี ที่ได้แฟนที่ดี อย่างนี้เค้าเรียกว่าคู่บุญรึเปล่าน๊า มีคู่ที่ผลักดัน ส่งเสริม ชีวิตที่ดีให้กันและกัน ดั่งคำ ที่ว่า "เบื้องหลังความสำเร็จในชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งมักมีเงาของผู้หญิงอยู่เบื้องหลังเสมอ" :b8: ชีวิตผมก็คล้ายคลีงกับคุณ แตกต่างที่ว่าผมคงจะมีบุญพอเหลืออยู่บ้างที่เวลาจะไปทำในสิ่งที่ไม่ดีก็จะต้องมีเหตุต้องล้มเหลวหรือพลาดอยู่เสมอ(ทำชั่วไม่ขึ้น) :b31: แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกดีใจนะกับการพลาดที่จะทำสิ่งไม่ดีเหล่านั้น มันเป็นวงจรอุบาทว์จริงๆครับ ถ้าเรารักษาศีลได้ไม่ครบ 5 ข้อ เราก็จะเจอวงจรอุบาทว์นี้ เช่น ถ้าเราโกหก ใครว่าไม่ทานเหล้า ก็ มุสาแล้ว ทานเหล้าได้ที่ไปผิดลูกผิดเมียเขาอีก ก็ กาเมล่ะ พอผิดลุกผิดเมีย ก็ต้องรับผิดชอบหรือไม่รับผิดชอบก็ตาม รายจ่ายมันก็ต้องเยอะขึ้นกับเรื่องเหล่านี้ เมื่อรายจ่ายมากกว่ารายรับ จะเอาที่ไหนเพิ่มล่ะ ในวงจรนี้ ก็จะเจอพวกที่ทำมาหากินนอกรูปแบบ ต้องลักขโมยเขามา เมื่อเจ้าทรัพย์เห็นก็ต่อสู้กัน เผลอไปฆ่าเขาตายหรือถูกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บหรือถึงตายอีก นี่ละครับวงจรอุบาทว์แต่ถ้าเรารักษาศีล 5 ได้ครบ เราก็จะเจอหนทางชีวิตดีๆดั่งที่คุณดีดี ได้พบเจอ ผมอ่านเรื่องของคุณแล้วมีกำลังใจเยอะขึ้นมากเลยครับ คุณได้ พระอาจารย์ที่ดี ได้ปฏิบัติธรรมกับท่าน และได้แฟนที่แสนดี ชักนำกันไปในทางที่ถูกที่ควร เห็นชีวิตคุณแล้วย้อมกลับมาดูตัวเอง ต้องหมั่นปฏิบัติ และพยายามรักษาศีล 5 ให้ได้ ส่วนคู่บุญผมคงอยู่สวรรค์ชั้นฟ้าไหนก็ไม่รู้แล้ว หรือก้าวพ้นวัฏจักรสงสารนี้แล้วก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น ตนเป็นที่พี่งแห่งตนได้ดีที่สุดละครับงานนี้.. cry


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2009, 23:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเราบางครั้งก็ได้ดีเพราะแฟนนะครับ น่าอนุโมทนากับผู้ที่มีแฟนดีจริงๆ :b40: :b40:


พบว่า 2 ข้อความที่พูดถึงสอดคล้องกับสำนวนที่ว่า "แฟนหมายถึงพัด" ได้เป็นอย่างดีครับ ===> ชอบจะเอาไปใช้ก็ได้ครับK อวบอั๋น แต่ถ้าตัวเราเป็นพัดก็ดีนะ จะได้พัดคนที่อยู่ข้างๆเราให้เย็นจิต เย็นกายไปตามๆกัน :b48:


กรรม..คือเจตนา เป็นที่ตั้งของ...เวทนา :b40:

ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต หากกลับใจก็คือฝั่ง. :b39:

พึงชนะความโกรธ ด้วยความไม่โกรธ :b41:

ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ :b44:

ถ้าเราไม่เป็นผู้ให้ก่อนแล้วเราจะเป็นผู้รับได้อย่างไร :b48:

ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง :b39:

สติปัญญา เราใช้ปัญญาอยู่เสมอก็จริง แต่สตินั้นแท้จริงแล้ว เรานำออกมาใช้น้อยนัก ทั้งที่สตินั้นมีคุณค่าแก่ชีวิต มีคุณค่าอย่างเหลือที่จะประมาณได้ :b42:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร