วันเวลาปัจจุบัน 06 มิ.ย. 2025, 17:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2009, 08:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5350


 ข้อมูลส่วนตัว


การพบกันครั้งสุดท้าย ก่อนตายจากไปนั้น..........ไม่มีเครื่องหมาย

ไม่มีสิ่งใดเลย ที่จะแสดงให้รู้ว่า เมื่อเห็นกันแล้ว จะไม่ได้เห็นกันอีก.


เมื่อเห็นตอนเช้า ก็อาจไม่ได้เห็นตอนเย็น

หรือ เห็นตอนเย็น ก็อาจไม่ได้เห็นตอนเช้า.



.



ทุกคน เห็นตามความเป็นจริง ว่า

ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยง หรือ ต่อรองความตายได้

จะขอเวลาต่ออีก แม้เล็กน้อย ก็ไม่ได้.



.



ฉะนั้น การกล่าวถึง "ชีวิตของแต่ละคน"

ก็ไม่พ้นไปจาก การพิจารณาสภาพธรรมที่เกิดขึ้น และ เป็นไป

ของแต่ละบุคคล

ซึ่ง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเลย.



.



เมื่อพูดกันถึง "ผู้ตาย"

ก็ควรจะได้ระลึกถึงสภาพจิตในขณะนั้น ว่า...แยบคายหรือยัง.!


แทนที่จะเศร้าโศกเสียใจ อาลัยอาวรณ์

ก็ควรจะเป็นความเบิกบาน ในพระธรรม

ที่ได้เข้าใจความจริง อันเป็นสัจจธรรม

ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรั้สรู้ และ ทรงแสดงถึง

"ความธรรมดาของการเกิดซึ่งต้องมีการตาย"

เมื่อเกิดแล้ว ที่จะไม่ตายนั้น...ไม่มี.!


และการตายนั้น ก็ไม่สามารถที่จะรู้ล่วงหน้าได้เลย

เมื่อเข้าใจความจริง ก็รู้ว่าความจริง เป็น สัจจธรรม.



.



ชีวิตเรา เป็น กระแสจิต

ที่เกิดดับ สืบต่อกันทีละ ๑ ขณะจิต เรื่อยไปตั้งแต่เกิดจนตาย

จากชาติหนึ่งไปสู่อีกชาติหนึ่ง.


กิเลสทุกชนิด เกิดขึ้นเพราะได้สะสมมาแล้วในอดีต

เมื่อ "ปัญญา" ยังไม่เจริญถึงขั้น "ดับกิเลส"

กิเลส ก็เกิดต่อไปในอนาคต.



.



การระลึกถึง "ความตาย" เนืองๆ บ่อยๆ

ย่อมมีประโยชน์ แก่การเจริญสติปัฏฐาน.


เมื่อระลึกได้ ว่า อาจจะตายเย็นนี้ หรือพรุ่งนี้ ก็ได้

ก็จะเป็นปัจจัย เกื้อกูลให้ "สติ" ระลึกรู้ "ลักษณะ"

ของ นามธรรม และ รูปธรรม........ที่กำลังปรากฏ.


เพราะว่า ผู้ที่ยังไม่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม

เป็น พระอริยบุคคล นั้น

เมื่อจุติแล้ว ก็ไม่แน่นอนว่าจะปฏิสนธิในสุคติภูมิ หรือ ทุคติภูมิ

จะมีโอกาสได้ฟังพระธรรม และ เจริญสติปัฏฐาน อีกหรือไม่....



.



"การตาย"

พรากทุกสิ่งทุกอย่าง จากชาตินี้ไป จนหมดสิ้น

ไม่มีอะไรเหลืออีกเลย แม้แต่ ความทรงจำ.


เหมือนเมื่อเกิดมาชาตินี้

ก็จำไม่ได้ว่า...ชาติก่อน เป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำอะไร

หมดความเป็นบุคคลในชาติก่อน โดยสิ้นเชิง ฉันใด.


ชาตินี้ทั้งหมด

ไม่ว่าจะเคยทำกุศลกรรม และ อกุศลกรรมอะไรมาแล้ว

เป็นบุคคลที่มีมานะในชาติตระกูล

ทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ ชื่อเสียง...อะไรๆ ก็ตาม ก็จะต้องหมดสิ้น

ไม่มีเยื่อใย หลงเหลือ เกี่ยวข้องกับภพนี้ ชาตินี้ อีกเลย.


หมดความผูกพัน ยึดถือทุกขณะในชาตินี้

ว่า "เป็นเรา" อีกต่อไป ฉันนั้น.



.



การประจักษ์แจ้ง "ลักษณะ" ที่แท้จริงของ ปรมัตถธรรม

จะพรากจาก การยึดถือ "สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย" ว่า

เป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน.


แม้แต่ "ความทรงจำ" ที่เกิดขึ้น แล้วก็ดับไปนั้น

ก็เป็นแต่เพียง "นามธรรม" ประเภทหนึ่งเท่านั้น.


"สติ" ที่ระลึกรู้ "ลักษณะ" ของนามธรรม และ รูปธรรม

จน "ปัญญา" ประจักษ์แจ้ง สภาพธรรม (แล้วเท่านั้น)

จึงจะพรากจากความเป็นตัวตน เป็นบุคคลในชาตินี้ได้

...........เมื่อ "ปัญญา" ได้ประจักษ์ "ลักษณะ"

ที่เป็น "ขณิกมรณะ" ของสภาพธรรมทั้งหลาย.


"มรณะ" หรือ "ความตาย"

มี ๓ ประเภท คือ


๑. ขณิกมรณะ

คือ การเกิดขึ้น และ ดับไป ของสังขารธรรมทั้งหลาย.


๒. สมมติมรณะ

คือ ความตายในภพชาติหนึ่ง.


๓. สมุจเฉทมรณะ

คือ การปรินิพพาน เป็นการตายของพระอรหันต์

ซึ่งไม่มีการเกิดขึ้นอีกเลย.



.



โอกาสที่ป็นมนุษย์ในโลกนี้...กำลังหมดไปทุกวันคืน.

วัย เสื่อมไปทุกขณะ ที่หลับตา และ ลืมตา.



.



ถ้าบุคคล ยังเศร้าโศกถึง "สิ่งที่ไม่มี" แก่สัตว์ผู้เศร้าโศกนั้น

พึงเศร้าโศกถึง "ตน" ซึ่งยังตกอยู่ในอำนาจของมัจจุราชตลอดเวลา.



.



ในอัตภาพ...ซึ่งเป็นทางอันตรายนั้นหนอ

ต้องมีการพลัดพรากจากกัน โดยไม่ต้องสงสัย

หมู่สัตว์ที่ยังอยู่...ควรเอ็นดูกัน

ส่วนที่ตายไปแล้ว...ไม่ควรเศร้าโศกถึง.



.



ของหาย...คือตัวอย่างของการพลัดพรากเล็กน้อย

ส่วนการตาย นั้น...ต้องจากทุกสิ่ง

เพียงชาติเดียวที่พบกัน.....แล้วไม่ได้พบกันอีก

ต่างคนต่างไป ตามกรรมของตน ที่ได้สะสมมา.



.



ภัยของชีวิต มีทุกขณะ

เกิดมา เป็นบุคคลหนึ่งๆ เพียงชาติเดียว

ไม่นาน...แล้วก็จากไป

พ้นจากความเป็นบุคคลนั้น โดยไม่เหลือเลย.



.



โลกก่อน...ชาติก่อน ที่ทุกคนจากมา

ไม่รู้ว่า ชาติก่อน.......ใครยังร้องไห้ คิดถึงเราอยู่

ไม่รู้ว่า คนที่เกิดใหม่...เคยเป็นใครที่เราเคยรู้จัก

จึงควรเมตตาต่อกัน.



.



ทำดีกับทุกคน...เพราะไม่รู้ว่า

เมื่อไรจะจากกันไป จะต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้.

ที่อยู่อาศัย...คือ ที่พักชั่วคราวในโลกนี้ เท่านั้น

ไม่ควรกังวลจนเกินไป...แล้วก็จะจากไป.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2009, 09:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะปลงอะไรกันนักกันหนา ตายก็ตายสิ

ไม่เห็นจะต้องไปพิไรรำพันกับมันนักเลย กับแค่เรื่องตาย

เมื่อละความอาลัยในโลก ได้ขาด
ก็ไม่มีความสนใจ เรื่องการจะตายหรือการจะอยู่

เรื่องการจะได้ หรือการจะเสีย

จิตมีปกติที่เสมอกับทุกสิ่งด้วยอาการเดียวกันคือ......ไม่คิด
ไม่คิดดึง ไม่คิดผลัก ไม่คิดยึด ไม่คิดปล่อย

ธรรมชาติ คลายคืนสู่ธรรมชาติ มันเป็นของมันอย่างนั้น
และมีแต่สิ่งที่เป็นอย่างนั้น

มรณะสติเป็นความรู้ชั้นหยาบ ไม่สามารถทำให้บุคคลหลุดพ้นได้
เพราะเนื้อตัวความรู้ไม่มีพลังพอ แต่ทำให้ใจสลด และสงบได้

เมื่อใจสงบได้แล้วด้วยมรณะสติ ก็นำใจที่สงบอ่อนโยนนั้นไปกระทำวิปัสสนาเพิ่ม
เพื่อสร้างความรู้แจ้ง ต่อเนื้อตัวชีวิต และรู้แจ้งโลกตามที่เป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ รสมน บัวศกลแค่หยอก หากถ้อยคำแสบเจ็บไปบ้าง
ผู้มีมรณะสติเข้าสิงคงไม่ถือสาใช่ไหมจ๊ะ

อยากรู้ว่านิ่งหนักสักแค่ไหน ผ่านมาหลายวัน เห็น รสมนไม่หวั่นไหว
บัวศกลเลยหวั่นไหวซะเอง

ช่างนิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหวโดยแท้ สาธุ สาธุ

คิดถึงชาวลานธรรม และสหายธรรมอย่างสุดซึ้งครับ

แต่ไม่กล้าสมัครรอบสอง เพราะงวดนี้ ต้องกรอกเลขบัตรประชาชน
บัวศกลขี้อาย กลัวคนรู้จัก และรู้กำพืดของบัวศกล

เลยต้องยอมอัดอั้นตันใจ เปลี่ยนสถานที่ระบายความฟุ้งแห่งใหม่
ถึงแม้คันหัวใจทุกครั้ง ที่เข้าไปในลานธรรมแล้วเจอ คู่อริเก่า
ซึ่งเป็นบุคคลที่น่ายั่วโทสะสุดๆ ไม่ได้โดนเธอด่ารู้สึกชีวิตมันเหี่ยวเฉาอย่างไรพิกล
สงสัยวาสนาเรา คงทำมากันเพียงเท่านี้ ........เฮ้อ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 09:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 09:48
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เมื่อไหร่เธอจะโทรหาฉันให้เบอร์ไปตั้งนานแล้ว ทำไมไม่เข้าใจว่าอยากคุยด้วยเพราะอะไร ตอนนี้โทรตอนสามทุ่มคงไม่ได้แล้ว แอทอีเมล์มาแล้วกัน กลัวอะไรแค่จะคุยเรื่องสภาวะหน่อยเดียว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับคุณรสมน :b8:
การทำมรณสติเป็นการฝึกให้เราระลึกถึงความดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท
ตามที่พุทธวจนะดังนี้


ความแก่มีอยู่ในความเป็นหนุ่มสาว
ความเจ็บไข้มีอยู่ในความไม่มีโรค
ความตายก็มีอยู่ในชีวิต

และพระศาสนโสภณ (จัตตสัลลเถระ) ได้สรุปอานิสงส์ของมรณสติว่า

"ระลึกถึงความตายสบายนัก
มันหักรักหักหลงในสงสาร
บรรเทามืดโมหันต์อันธการ
ทำให้หาญหายสะดุ้งไม่ยุ่งใจ"

ธรรมะสวัสดีครับ beby


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 18:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบคุณ sundog ครับ

บัวศกลขออภัย ที่ไม่ได้ คุยโทรศัพท์ และ อีเมล กับคุณ
เนื่องจาก บัวศกล ยังไม่สะดวก ที่จะมีการส่วนตัวกับใคร

อย่าสำคัญเข้าใจบัวศกลผิด ว่าเป็นพวกเล่นตัวเล่นตน เลยนะจ๊ะ
โดยส่วนตัวบัวศกลก็ไม่ได้มีอะไรดีเด่ หรือสลักสำคัญ

บัวศกลเป็นเพียงผู้ผ่านมาระบายความฟุ้ง หายฟุ้งแล้วก็นอนหลับ
ปราชญ์บัณฑิต ทั้งหลายในนี้มีอยู่มาก คุณsundog อย่าหลงผิด
มาสนใจบัวศกลเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวจะเสียเวลาชีวิตคุณเปล่าๆ

ขอขอบคุณในน้ำใจไมตรี บัวศกลซาบซึ้งและมีความสุข
ที่มีโอกาสเป็นที่ต้องตาต้องใจ กับกัลยาณธรรมผู้มีใจเอื้อไมตรี

ขอให้คุณsundog ได้พบประสบ กับปราชญ์บัณฑิตที่แท้จริง
ที่แอบแฝงอยู่ในเว็บนี้ สักหลายๆท่านครับ สาธุ สาธุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร