วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 07:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2009, 14:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านทั้งหลาย หากได้ลองคิดพิจารณา ในเรื่อง ของ "มรรค" อันที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก นั้น จงได้ทำความเข้าใจว่า เป็นเพียงคำสอน ให้แต่บุคคลผู้มีสมองสติปัญญาอันน้อย หรือจะกล่าวว่า เป็นเพียงสอนให้แก่ระดับบุคคลชั้นปุถุชนคนทั่วไป เพื่อให้เป็นแนวทางปฏิบัติ ในการดำรงชีวิต ในสังคมเป็นอยู่ได้อย่างปกติสุข หรือจะกล่าว ในอีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่ายขึ้น ก็หมายความว่า "มรรค" ที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกนั้น ใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติในกลุ่มบุคคลที่เป็นคฤหัสถ์ หรือกลุ่มบุคคลที่ไม่สามารถจะคิดพิจารณา ในหลักธรรมเพื่อให้สามารถขจัดอาสวะแห่งกิเลส หรือเพื่อให้หลุดพ้นจากกิเลส เพื่อบรรลุสู่ชั้นอริยะบุคคล คือไม่สามารถปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นชั้นอริยะบุคคลได้นั่นแหละ
ซึ่งหากท่านทั้งหลายปฏิบัติ หรือคิดพิจารณาในมรรคที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก ก็จะเป็นเพียง การ ระงับไว้ เว้นไว้ ควบคุมไว้ ข่มใจไว้ สะกดใจไว้ มิใช่เป็นการขจัดอาสวะแห่งกิเลส
เนื่องจาก "มรรค"ที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกนั้น เป็นเพียง รายละเอียด ด้านเดียว ไม่ใช่รายละเอียดทุกด้าน ของสิ่งมีชีวิต และอื่นๆ
(เมื่อท่านทั้งหลายอ่านมาถึงตรงนี้ ก็ให้กลับไปอ่านอย่างช้าๆเพื่อพิจารณา ให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้)
เหตุเพราะ มรรค ที่แท้จริง ก็คือ นิโรธ
นิโรธ ที่แท้จริง ก็คือ สมุทัย
สมุทัย ที่แท้จริง ก็คือ ทุกข์
เช่นเดียวกัน หากคิดย้อนกลับ หรืออ่านย้อนกลับ ก็จะมีความหมายเช่นเดียวกัน

อนึ่งท่านทั้งหลายควรได้ทำความเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ (ในที่นี้หมายเอาเฉพาะมนุษย์) ว่ามนุษย์ย่อมต้องการ ความสุขทางกาย เป็นหลัก หากมีความสุขทางกายแล้ว ความสุขทางใจก็เกิดขึ้น
ดังนั้น ท่านทั้งหลายที่ต้องการศึกษา หาความรู้ ความเข้าใจในทางพุทธศาสนา จากพระไตรปิฎกก็ดี หรือจากการปฏิบัติ ธรรมต่างๆก็ดี หากต้องการศึกษาจากพระไตรปิฎก ก็ควรได้ทำความเข้าใจในการอ่านพระไตรปิฎก เพื่อให้เกิดความเข้าใจข้อความในพระไตรปิฎกอย่างแท้จริง ถ้าจะใช้พระไตรปิฎกวัดระดับสมองสติปัญญาของบุคคล ก็ย่อมได้ว่า บุคคลนั้นๆระดับสมองสติปัญญาน้อย เพราะอ่านพระไตรปิฎกแล้ว ก็คิดตรงๆตามประโยค ไม่ได้คิดพิจารณาอะไรเลย ซึ่งก็มีบุคคลประเภทอย่างที่ได้กล่าวไปอีกมากมาย ถ้าเขาทั้งหลายเหล่านั้น อ่านเพื่อศึกษาหาความรู้ ไม่โอ้อวด อวดอุตริ อยากแสดงภูมิความรู้ หรือเพื่อเจตนาจะทำลายพุทธศาสนา ก็ไม่มีผลอะไร แต่อ่านพระไตรปิฎกแล้ว ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่พิจารณา แถมยังโอ้อวด อวดอุตริ อวดภูมิความรู้ บางคน ก็มีเจตนาจะทำลายพุทธศาสนา มันก็ไม่ดี ไม่ควร หรือย่อมวัดระดับสมองสติปัญญาของบุคคลนั้นๆว่า มีสมองสติปัญญาปานกลาง สามารถคิดพิจารณา และทำความเข้าใจ ในรายละเอียดแห่งการอธิบายนั้นได้บ้าง หรืออาจเข้าใจได้ทั้งหมดในเวลาต่อมา แต่ต้องยึดถือ หัวข้อหลักธรรม อันสำคัญ ๔ คู่ ๘ ข้อ เป็นหลัก
อนึ่ง ข้าพเจ้า ขอย้ำเตือนว่า "ความทั้งหมด ที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก เป็นเพียงรายละเอียด หรือเป็นเพียงการอธิบายในรายละเอียด ของหลักธรรม ทั้ง ๔ คู่ ๘ ข้อ แห่งข้าพเจ้า เท่านั้น ขอยืนยัน

ที่สำคัญ ท่านทั้งหลาย จงอย่าได้คิด และอย่าได้หมายว่า กิเลส คือ การกระทำในสิ่งที่ไม่ดี แต่เพียงอย่างเดียว ให้พิจารณาให้รอบคอบ
(จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๒)


แก้ไขล่าสุดโดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ เมื่อ 24 มี.ค. 2009, 20:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2009, 16:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
Buddha ตอบ....
ถ้าคุณหรือใครก็ตามได้อ่าน และติดตามหลักธรรม หรือหลักการ แห่งข้าพเจ้าแล้ว ประกอบกับได้อ่านบทความเรื่อง "จงทำความเขัาใจ ในพระไตรปิฎก" นี้แล้ว อาจจักทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกต้อง เกิดปัญญา เห็นคล้อยตามหลักธรรม หรือหลักการแห่งข้าพเจ้า ผู้ประกาศตนว่า คือ "ศรีอาริยเมตไตรย"

เหตุเพราะ มรรค ที่แท้จริง ก็คือ นิโรธ
นิโรธ ที่แท้จริง ก็คือ สมุทัย
สมุทัย ที่แท้จริง ก็คือ ทุกข์

(จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๒)
viewtopic.php?f=1&t=21191&p=99920#p99920


ผู้ประกาศตนว่า คือ "ศรีอาริยเมตไตรย"

เอาให้แน่สักอย่างนะขอรับ :b1: จะเป็นพุทธะ หรือเป็น "ศรีอาริยเมตไตรย"
เพื่อผู้ใช้นามว่า กรัชกาย จะได้ไม่สับสนเรื่องชื่อ
ท่านประกาศตนว่า เป็น"ศรีอาริยเมตไตรย" กรัชกายไม่ตื่นเต้นนะขอรับ เพราะว่าเคยอ่านประกาศฉบับนี้มาแล้ว ที่เว็บพลังจิต

อ้างคำพูด:
มรรค ที่แท้จริง ก็คือ นิโรธ
นิโรธ ที่แท้จริง ก็คือ สมุทัย
สมุทัย ที่แท้จริง ก็คือ ทุกข์


แล้วนี่คำสอนของพระศรี ฯ นามว่าเทวฤทธิ์ หรือ ขอรับ :b32:
อ้อ ...อย่างนี้นี่เองท่านจึงเปรียบผู้ใช้นามว่า กรัชกาย เป็นเพียงขึ้ฝุ่นใต้บาทาของท่าน :b1: :b38:

"นายแน่มาก" โดยโต้ ชี ริก

http://kateep.com/music/song/musiconline-id-9138.htm

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2009, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกายอยากบรรลุธรรมอย่างท่านบุดฯ บ้าง ควรเริ่มจากตรงไหน อย่างไร ขอรับ ช่วยแนะนำด้วย :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2009, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6: :b6:
กำลังพิจารณาอยู่....

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2009, 19:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ที่ใช้ชื่อว่า กรัชกาย เอ๋ย
ข้อแสดงความคิดเห็นของท่าน เป็นข้อแสดงความคิดเห็นแบบ คนมีความคิดต่ำ
ถ้าเจ้า เคยได้อ่าน บทความแต่ละอันของข้าพเจ้ามาโดยตลอด เจ้าคงรู้ และเข้าใจ บรรลุธรรมไปนานแล้ว
แต่ด้วยความ อวดรู้ อวดฉลาด สมองสติปัญญา อยู่ในระดับต่ำ เจ้าจึงไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย หลงติดอยู่ในอวิชชา แบบโงหัวไม่ขึ้น
ตอนนี้ยังจะไม่ขยายความอะไรมากนัก เอาเพียง ในเรื่องที่เจ้าสงสัย ทำไมเจ้าต้องสงสัย เหตุเพราะสงสัย คืออะไร เจ้าหาคำตอบให้ตัวเจ้าเองได้หรือไม่
ข้าพเจ้าตอบให้เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย ได้เลยว่า เจ้า ตอบไม่ได้ เพราะเจ้า อ่านภาษาไทย แล้วไม่รู้ความหมายของภาษา ไม่รู้คำแวดล้อมหรือบริบทของภาษาว่า ผู้เขียน สื่อถึงอะไร
แล้วใยเจ้าจึงมักอวดรู้ อวดฉลาด ในเรื่องพระไตรปิฎก เจ้าพิจารณาตัวเองบ้างหรือไม่ หรือว่า หนังหนา.......
ข้อความที่เจ้าเขียนมาว่า อยากบรรลุธรรมนั้น ความจริงแล้ว ข้าพเจ้าสามารถรู้สภาพสภาวะจิตใจ และความรู้สึกของเจ้าว่ามีความคิด และสภาพสภาวะจิตใจเป็นเยี่ยงใด แต่ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวถึง เอาเป็นเพียงได้อ่านตัวหนังสือ แล้วก็จะโปรดสัตว์อย่างเจ้าเอาไว้ว่า
หากเจ้าต้องการบรรลุธรรม เจ้าก็ต้อง รู้จักว่า
สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ คือ อะไร (ทุกข์)
เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ คืออะไร (สมุทัย)
เหตุที่ทำให้ถึงความดับทุกข์ คืออะไร (นิโรธ)
หนทางแห่งความดับทุกข์ คืออะไร (มรรค)

ทีนี้มีปัญหา ว่าเจ้าจะคิดพิจารณา ตามสิ่งที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก หรือ จะคิดพิจารณาตามหลักการของข้าพเจ้า ความจริงแล้ว ข้าพเจ้าสอนไปหลายครั้งหลายหน จนบางเวบฯไม่ยอมให้โพส เพราะไปขัดทางหากินของเขา และด้วยความไม่รู้ คือ อวิชชา ของพวกเขา

สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ คือ อะไร
เจ้าก็ต้องทำความเข้าใจตามหลักความเป็นจริงตามหลักพุทธศาสนา ก่อนว่า ทุกข์ นั้น คือ ผล แห่ง ความโลภ ความโกรธ ความหลง อันอาจแสดงออกทางพฤติกรรม หรือการกระทำ ทั้งทางใจ ทางวาจา หรือทางกาย
ความโลภ ความโกรธ ความหลง ฯลฯ คือ ทุกข์ แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือทุกข์นั้น คือ
๑. การครองเรือน ๒.การทาน
๓.การกตัญญู ๔. การเจรจา ติดต่อสื่อสาร
๕. สรรพอาชีพ ๖. ประพฤติ
๗. ระลึก ๘. ดำริ
ที่กล่าวไป จะพิจารณาเป็นคู่ มี ๔ คู่ ๘ ข้อ

เมื่อเจ้ารู้ สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์แล้ว เจ้าก็ต้องรู้ว่า เหตุที่ทำเกิดทุกข์ หรือสมุทัยนั้น แท้จริงแล้ว ก็คือ พฤติกรรม หรือ การกระทำ ตามหลักธรรม ทั้ง ๔ คู่ ๘ ข้อ
เจ้าต้องรู้ และศึกษาค้นคว้า สนใจ จดจำ ว่า การครองเรือน เป็นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ได้อย่างไร แล้วทำไม จึงคู่กับ การทาน ถ้าเจ้าคิดตรงนี้ได้ เข้าใจตรงนี้ได้ เจ้าก็จะเข้าใจไปถึงเรื่องของอัตตา หรือการยึดถืออัตตา ด้วยเช่นกัน
อนึ่ง เมื่อเจ้าคิดได้ เกิดความเข้าใจ ปัญญาเจ้าก็จะเกิด และย่อมสามารถรู้จักขจัดอาสวะแห่งกิเลสให้สิ้น ได้เป็นบางเรื่องบางอย่าง โดยการบังคับ ต่อเมื่อ พิจารณาจนเกิดความรู้ ความเข้าใจอยู่เป็นประจำแล้ว เจ้าก็จักสามารถขจัดอาสวะแห่งกิเลสได้โดยอัตโนมัติ ในบางเรื่องบางอย่าง ตามความรู้ ความเข้าใจของเจ้า
อีกประการหนึ่ง เจ้าจงอย่ามี วิจิกิจฉา คือ ความลังเล สงสัย ว่า รู้จักขจัดอาสวะแห่งกิเลสให้สิ้น ได้เป็นบางเรื่อง บางอย่างเป็นอย่างไร อันนี้ไม่ต้องมี วิจิกิจฉา
แล้วเจ้าก็จะรู้ของเจ้าเอง นะเจ้า กรัชกาย ผู้มีความคิดอันต่ำ ประดุจ ฝุ่นละอองใต้ฝ่าเท้าของข้าพเจ้า
(จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๒)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2009, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เจ้าจงอย่ามี วิจิกิจฉา คือ ความลังเล สงสัย ว่า รู้จักขจัดอาสวะแห่งกิเลสให้สิ้น ได้เป็นบางเรื่อง บางอย่างเป็นอย่างไร อันนี้ไม่ต้องมี วิจิกิจฉา
แล้วเจ้าก็จะรู้ของเจ้าเอง นะเจ้า กรัชกาย ผู้มีความคิดอันต่ำ ประดุจ ฝุ่นละอองใต้ฝ่าเท้าของข้าพเจ้า



ก็เพราะกรัชกายมีวิจิกิจฉาน่าสิขอรับ จึงมาขอวิธีปฏิบัติเพื่อขจัดกิเลสเช่นว่านั้นแก่ท่าน :b8:
ขอได้โปรดบอกวิธีปฏิบัติ แก่ข้าฯ น้อย ผู้เปรียบดังธุลีดินรองใต้ฝ่าเท้าของท่านด้วยนะขอรับ
ท่านใช้วิธีปฏิบัติอย่างไร ใช้ ภาวนา พุทโธ หรือ พอง-ยุบ หรือภาวนาว่า ไม่ใช่ของเราๆ หรือ สัมมาอะระหัง ขอรับ หรือใช้วิธีโยกๆเขย่าๆ ร่างกาย ฯลฯ เห็นเขาใช้กันหลากหลายวิธี กรัชกายเป็นงงนะขอรับ หรือใช้ทุกอย่างดีไหมขอรับ
ท่านใช้วิธีไหน จึงรู้แจ้งสัจธรรมเห็นปานนั้นนะขอรับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2009, 23:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


แบบว่า...อึ้ง..พูดไรไม่ออก อ่ะครับ :b10:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 00:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 มี.ค. 2009, 23:54
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


ถึงกับขัดทางหากินเลยเหรอครับเนี่ย ....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 08:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ความคิดของมนุษย์ ย่อมมีทั้งในทางที่ค่านิยมของสังคมเรียกว่า ดี และความคิดของมนุษย์ ย่อมมีทั้งในทางที่ค่านิยมของสังคมเรียกว่า ไม่ดี
จะดี หรือไม่ดี ถ้ายังไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นการกระทำทางกาย ก็ยังถือว่าไม่ครบองค์ แต่บุคคลผู้คิดดี หรือคิดไม่ดีนั้น ก็จะเกิด ปีติ หรือเศร้าหมอง หรือ เกิด ความโลภ ความโกรธ ความหลงในตัว จะรู้ตัวเอง ก็ดี ไม่รู้ตัวเองก็ดี

สำหรับเจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกายเอ๋ย ข้าพเจ้าให้เวลาเอ็งคิดพิจารณา 3 เดือนหลังจากอ่านบทความทั้งหมดแล้ว ถ้าเอ็งยังไม่รู้ หรือมีความโลภ อยากได้วิธีปฏิบัติ ข้าพเจ้าจะแนะนำให้ว่า

หลักการปฏิบัติ ของข้าพเจ้า ก็มิได้แตกต่างจากหลักการที่มีอยู่ในพระไตรปิฏก แต่มันแตกต่างกันตรงภาษาที่ใช้ และแตกต่างกันตรง ความเข้าใจในการตีความตามพระไตรปิฎก ให้เป็นไปตามหลักความจริง
อนึ่ง ท่านทั้งหลายอย่าเข้าใจผิด คิดว่าข้าพเจ้าลอกเลียนแบบ หรือเรียนแบบจากพระไตรปิฎก
หลักการปฏิบัติของข้าพเจัาแม้จะได้รับการสอนการปฏิบัติสมาธิเบื้องต้น จากอาจารย์ผู้เป็นพระสงฆ์ แต่ก็ไม่เหมือนกับที่ท่านทั้งหลายเข้าใจเอาเองจากพระไตรปิฎก
หรือจะกล่าวให้เกิดความเข้าใจง่ายขึ้น ก็คือ หลักปฏิบัติของข้าพเจ้ากับหลักปฏิบัติ ที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก มีวิธีการเหมือนกัน ต่างกันตรงภาษาที่ใช้สื่อสาร และหลักปฏิบัติของข้าพเจ้า ก็ไม่เหมือน อย่างที่ท่านทั้งหลายเข้าใจ และปฏิบัติ อยู่
เพราะหลักปฏิบัติของข้าพเจ้า เกิดจากการค้นคว้า ศึกษา ทดลอง ทดสอบ วิจัย จนได้หลักที่ถูกต้อง คำว่าถูกต้องในที่นี้ วัดได้จากผลแห่งการปฏิบัติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน....

"เอาให้แน่สักอย่างนะขอรับ :b1: จะเป็นพุทธะ หรือเป็น "ศรีอาริยเมตไตรย"
เพื่อผู้ใช้นามว่า กรัชกาย จะได้ไม่สับสนเรื่องชื่อ
ท่านประกาศตนว่า เป็น"ศรีอาริยเมตไตรย" กรัชกายไม่ตื่นเต้นนะขอรับ เพราะว่าเคยอ่านประกาศฉบับนี้มาแล้ว ที่เว็บพลังจิต"

Buddha.... ตอบ...
ถ้าท่านทั้งหลายอ่านข้อความด้านบน แล้วพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่า เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกายนั้น มีความคิดต่ำ และสมองสติปัญญาเลวทราม เพียงใด
ได้แต่โอ้อวดแสดงความภูมิความรู้แบบเพ้อเจ้อ ไม่เป็นไร ข้าพเจ้าจะตอบให้ว่า
"แน่ทั้งสองอย่าง นั่นแหละขอรับ"
คือเป็นทั้ง พุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
เป็นทั้ง "ศรีอาริยะเมตไตรย" คือ ศาสดาแห่งศาสนาองค์ที่ ๕ (อ่านแล้วโปรดใช้วิจารญาณ เนื่องจาก เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 09:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6: :b6:
ยังคงพิจารณาอยู่.......

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 12:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ม.ค. 2009, 21:10
โพสต์: 66


 ข้อมูลส่วนตัว


โอ้ท่าน buddha เป็นพระศรีอริยเมตตรัย จริงๆหรือครับ สาธุครับถ้าผมเคยล่วงเกินไป

แต่ถ้าไม่จริง.....อือมมม....น่ากลัวนะเนี่ยยย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
กรัชกาย เขียน....
"เอาให้แน่สักอย่างนะขอรับ จะเป็นพุทธะ หรือเป็น "ศรีอาริยเมตไตรย"
เพื่อผู้ใช้นามว่า กรัชกาย จะได้ไม่สับสนเรื่องชื่อ
ท่านประกาศตนว่า เป็น"ศรีอาริยเมตไตรย" กรัชกายไม่ตื่นเต้นนะขอรับ เพราะว่าเคยอ่านประกาศฉบับนี้มาแล้ว ที่เว็บพลังจิต

Buddha.... ตอบ...
ถ้าท่านทั้งหลายอ่านข้อความด้านบน แล้วพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่า เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกายนั้น มีความคิดต่ำ และสมองสติปัญญาเลวทราม เพียงใด
ได้แต่โอ้อวดแสดงความภูมิความรู้แบบเพ้อเจ้อ ไม่เป็นไร ข้าพเจ้าจะตอบให้ว่า
"แน่ทั้งสองอย่าง นั่นแหละขอรับ"
คือเป็นทั้ง พุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
เป็นทั้ง "ศรีอาริยะเมตไตรย" คือ ศาสดาแห่งศาสนาองค์ที่ ๕ (อ่านแล้วโปรดใช้วิจารญาณ เนื่องจาก เป็นความเชื่อส่วนบุคคล



เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกายนั้น มีความคิดต่ำ และสมองสติปัญญาเลวทราม เพียงใด
ได้แต่โอ้อวดแสดงความภูมิความรู้แบบเพ้อเจ้อ



กรัชกายว่า ท่านบุดฯ :b1: คิด-พูดในทางบวกไม่ได้ไม่เป็นหรอกขอรับ เพราะว่าท่านคิดๆแล้วพูดๆลักษณะนั้นจนเป็นอาเสวนปัจจัย ย้ำคิดย้ำทำ จิตจึงเสพธรรมารมณ์เช่นว่านั้นจนชินจนติดเป็นอุปนิสัยปัจจัยแล้ว
ขอรับ :b1:

ไม่เชื่อทดลองก็ได้ ไหนท่านบุดฯ คิดแล้วเขียนในทางบวกสิขอรับ เช่นเขียนว่า "สาธุๆๆ คุณกรัชกาย คุณมีความคิดทันเหตุการณ์ มีสติปัญญาดี มีสมองเป็นเลิศ พูดจามีหลักมีเกณฑ์ มีที่อ้างอิง อย่างนี้ใช้ได้ ข้าพเจ้าเทวฤทธิ์ ขอนับถือท่านกรัชกาย..." ประมาณเนีย คิดแล้วพิมพ์สิขอรับ :b12:

กรัชกายว่าท่านบุดฯ ฝืนความรู้สึกตนเองไม่ได้ขอรับ เพราะกุศลเหตุเช่นว่านั้นแรงไม่พอ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2009, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฉันนั่งตกปลาอยู่ริมตลิ่ง ฮืม ฮืม
แปลกใจฉันจริงปลาไม่กินเหยื่อ
นั่งตกอยู่นานจนฉันนึกเบื่อ
ปลาไม่กินเหยื่อน่าแปลกใจ
:b9: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2009, 12:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้ากรัชกาย ผู้มีความคิดต่ำ และสมองสติปัญญาเลวทรามเอ๋ย
การย้ำคิดย้ำทำ ก็ต้องดูว่า ควรใช้กับบุคคลประเภทใด เห็นเจ้าอวดอ้าง อวดรู้ อวดสอน ตามพระไตรปิฎกบ้าง เขียนจากความคิดอันเพ้อเจ้อของเจ้าบ้าง เจ้าไม่รู้จักนำเอาหลักธรรมะที่เจ้าอ้างว่าเอามาจากโน่นจากนี่มาใช้บ้างเลยหรือ
ที่ข้าพเจ้าย้ำเตือนเจ้าเสมอว่า เจ้ามันความคิดต่ำ เพราะเจ้าไม่ได้คิดถึงหลักธรรมะอื่นมาประธรรมหมวดใดบ้าง เพราะ ธรรมะต่างๆ ล้วนมีอยู่ในตัวเจ้าอยู่แล้ว เพียงแต่เจ้ามีความคิดไปในทางลบ และมีความคิดไปในทางบวก อย่างที่เจ้ากล่าวมานั่นแหละ จะลบหรือบวก เช่นไร ก็ให้ไปคิดรู้ด้วยตัวเจ้าเองเถอะ

เจ้ากรัชกายผู้เขลาเบาปัญญา เจ้าคัดค้านคำสอนของข้าพเจ้า ว่าไม่ให้ยึดอัตตา แต่ความคิดของเจ้า ก็ยึดติดอัตตาอยู่ดี หนีไม่พ้น
คนอย่างเจ้า มันก็แค่ อวดอุตริฯ เพื่อหวังผลประโยชน์อะไรสักอย่าง ก็เท่านั้น
ไม่ได้มีความคิดที่ดีขึ้น ไม่ได้มีความคิดที่จะปรับปรุงตัวเอง ปรับปรุงความรู้ ความเข้าใจ
ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า เจ้ากรัชกายนั้น มีสมองสติปัญญาอันเลวทราม ขอรับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร