วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 07:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2009, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

พระอาทิตย์หรือสุริยเทพ ในจินตนาการของคนโบราณ หน้าตาไม่ได้บ้องแบ๊วเหมือนแมวคราว อย่างที่เห็นในลูกปัดคลองท่อม ที่กำลังเป็นข่าวว่า หายไปจากงานนิทรรศการลูกปัด มิวเซียมสยาม หรอกครับ




เท่าที่คนจินตนาการ หน้าตาหล่อเหลา เอามากๆ ไม่ว่าจะมาจากคัมภีร์แขกหรือคัมภีร์ฝรั่ง




คัมภีร์ไตรเพทของฮินดู กล่าวว่า นางอทิติกับพระกัศยปเทพบิดร มีโอรส 8 องค์ ทุกองค์มีคำต่อท้ายว่า อาทิตย์ วรุณาทิตย์ มิตราทิตย์ อริยมนาทิตย์ ภคาทิตย์ องศาทิตย์ อินทราทิตย์ ธาตราทิตย์




และองค์สุดท้อง พระนามว่า สุริยาทิตย์


รูปภาพ

ทั้งแม่และพ่อไม่ค่อยรัก เหตุเพราะว่าพิการ แต่คัมภีร์ไม่ได้บอกว่าพิการตรงไหน




วันหนึ่ง เป็นวาระที่นางอทิติจะต้องพาโอรส เข้าเฝ้าพระเป็นเจ้าบนเทวโลก นางอทิติพาโอรสทั้ง 7 ไป เท่ากับได้ตีตั๋วเป็นเทพในสวรรค์




ส่วนสุริยาทิตย์พิการ นางอทิติไม่พอใจทิ้งเอาไว้ ขึ้นไป อยู่บนเทวโลกกับพี่ๆไม่ได้ นี่คือที่มา ที่สุริยาทิตย์ต้องกลายเป็นคนขับรถขึ้นล่องระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก




สุริยาทิตย์ ตามคัมภีร์นี้ แม้จะบางส่วนพิการ แต่ก็หล่อเก๋เท่มากๆ สีกายแดง เนตรทอง กรทอง ชิวหาทอง รถเทียมม้า 7 ตัวเท้าด่างขาว

รูปภาพ


พระอาทิตย์คัมภีร์ฮินดูใช้รถ พระอาทิตย์อียิปต์ใช้เรือ แต่เมื่อเป็นสุริยเทพของกรีก




ท่านใช้ทั้งรถทั้งเรือ




ส.พลายน้อย เล่าไว้ใน “เทวนิยาย” เอ่ยชื่อ สุริยเทพของกรีก อีกชื่อ “รา” คงไม่รู้จักเท่ากับเอ่ยว่า เทพอพอลโล




นึกถึงประติมากรรมรูปเทพอพอลโล เป็นผู้ชายรูปหล่อเอามากๆ ทั้งร่างกายก็แข็งแรงบึกบึน ไม่มีส่วนไหนขาดหายพิการ อย่างสุริยาทิตย์ ตำนานฮินดู


รูปภาพ

หน้าที่ของสุริยเทพ อพอลโล รุ่งเช้าก็ขับรถจากฟากมหาสมุทร โคจรไปจนถึงฟากฟ้าตะวันตก เมื่อค่ำ อพอลโลก็จะลงจากรถก้าวลงเรือทอง ที่จอดรอแล่นกลับไปทางตะวันออก




รุ่งเช้าก็ขึ้นรถโคจรขึ้นฟ้า ค่ำก็ไปลงเรือทางตะวันตก หมุนเวียนไปมาอย่างนี้




คัมภีร์กรีกเล่าว่า ต้นกำเนิดแสงที่ให้ความสว่างแก่โลก ไม่ได้เกิดจากตัวเทพอพอลโล แต่เกิดจากรถ จากเรื่องเล่าต่อไปนี้




วันหนึ่ง เฟอิทอนอยากประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า เป็นโอรส เทพอพอลโล ขอขับรถแทนพระบิดาสักวัน เทพอพอลโลก็อนุญาต แต่ความที่เฟอิทอนขับรถไม่เป็น แทนที่จะแล่นไปตามวงโคจรเดิมๆ




บางครั้งก็นำรถห่างจากโลกไปบ้าง หลายครั้งก็นำรถเข้าใกล้โลกเกินไปบ้าง




โลกส่วนที่รถอพอลโลใกล้ เจอความร้อนมากๆเข้าก็ดำเกรียมไป คนแถบนั้นก็ดำ แถบไหนใกล้โลกก็หนาว คนก็มีผิวขาว




มนุษย์ในโลก ต่างผิวพรรณกันมากมาย จมูกโด่งบ้าง แฟบบ้าง ตาโตบ้างตาหยีบ้าง ตัวการก็เฟอิทอน โอรสอพอลโลนี่เอง




ตอนนี้...สังคมเราสับสนวุ่นวาย ส่วนหนึ่งก็มาจากปัญหา คนที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็น แต่เกิดข้อจำกัดหาคนเป็นจริงไม่ได้ ก็ต้องปากแข็งว่าเป็น อาสาเข้ามาทำงาน




โถ...ก็เรื่องเล็กๆแค่ยืมของเก่าเขามาจัดนิทรรศการ ยังปล่อยให้ขโมยหยิบไปซึ่งหน้า คนแบบนี้ ถ้าปล่อยให้ไปทำงานใหญ่ๆ บ้านเมืองคงไปไม่รอด

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2009, 21:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอร่วมวงแจมด้วยครับ. สุริยะเทพที่ผมรู้จักและชอบมากเป็นพิเศษ ก็ในรามเกียร(เขียนผิดต้องขออภัยด้วยครับ) ซึ่งบริษัทอัมรินทร์บุ๊ค ได้นำเป็นเขียนเป็นการ์ตูน รามเกียร ตอนศึกกุมภกรรณ นั้น สุริยเทพดูเท่ห์และสง่างามมาก ว่ากันว่า ด้วยความร้อนของพระองค์นั้น ทำให้ภรรยาอยู่ด้วยไม่ได้ต้องแปลงร่างหลบหนี เดือดร้อนถึงพ่อตา ต้องให้พระวิศวกรรม ต้องขูดเอาแสงออก 7 ส่วน เพื่อบรรเทาความร้อนของสุริยเทพ และ แสงทั้ง 7 ส่วนนั้นนำ มาสร้างเป็นอาวุธของเทวโลก ไม่แน่ใจว่า อาวุธทั้ง 7 นั้น จะมี ตรีเพขรกล้าของหนุมาน และ หอกโมกขศักดิ์ของกุมภกรรณหรือไม่ เสียดายผมไม่มีสแกนเนอร์ จะได้สแกนมาให้ทุกท่านได้ชมกันครับ
น่าแปลกอีกอย่างหนึ่ง เทวตำนานของฝรั่ง ของอินเดีย มักเจ้าชู้หลายเมีย สมสู่กับเทพด้วยกันยังไม่พอ ยังหน้ามืดไปเอากับมนุษย์ และสุดพิสดารคือสัตว์ บางทีก็เป็นชู้กับภรรยาชาวบ้านอีก หรืออาจเป็นเพราะว่า เทพเทวดาทั้งหลายนั้นยังบริโภคกามอยู่ เฮ้อ! ขนาดเทพยังตัดกิเลส ตัญหาไม่ได้หมด เลย มิน่า กว่าใครจะบรรลุธรรมได้ ต้องใช้ความพยายามไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ หนักเลยเรา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2009, 21:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


แหมเสียดายจริงๆครับ น่าจะได้ชมหอกโมกขศักดิ์เป็นบุญตาซะหน่อยครับ

แต่สุริยเทพในพุทธศาสนาของเรานี้ดีมีคุณนะครับ....เช่นในเรื่องนี้ครับ


รูปภาพ

สามเณรบัณฑิต
โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก


เด็กน้อยบัณฑิตเป็นบุตรตระกูลโยมอุปัฏฐากพระสารีบุตร อัครสาวก พ่อแม่ถึงจะมีฐานะไม่ดีนัก แต่มีจิตวิทยาในการเลี้ยงดูบุตรดุจดังผู้เกิดในตระกูลสูงทั่วไป ทั้งสองคนตกลงกันว่าจะไม่ขัดใจลูกในเรื่องการแสดงออกที่ดีงาม จะเลี้ยงดูด้วยเหตุผล มิใช่ด้วยอารมณ์ เด็กชายบัณฑิตจึงเติบโตมาในบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้เป็นอย่างดี และโชคดีได้อยู่ในสกุลอุปัฏฐากพระสารีบุตร อัครสาวกด้วย จึงมีโอกาสได้พบเห็นพระเถระ และได้รับใช้ท่านตามประสาเด็ก

ความคุ้นเคยทำให้เด็กชายบัณฑิตอยากจะบวชเป็นศิษย์พระเถระ วันหนึ่งจึงเอ่ยปากขอกับพ่อแม่ว่าอยากบวชอยู่กับพระคุณเจ้าสารีบุตร พ่อแม่ก็ยินดีอนุญาตให้ลูกบวชเป็นศิษย์ของท่าน บวชแล้วก็ติดตามพระอุปัชฌาย์ไปบิณฑบาตที่หมู่บ้านที่โยมบิดามารดาอยู่

วันหนึ่งระหว่างทางไปยังหมู่บ้าน ผ่านไร่นาของชาวบ้าน สามเณรน้อยเห็นชาวนาไขน้ำเข้านา ผ่านไปอีกหน่อยเห็นช่างศรกำลังดัดลูกศร ผ่านไปอีกเห็นช่างไม้กำลังถากไม้ทำเฟอร์นิเจอร์ จึงถามตามประสาเด็กอยากรู้อยากเห็น

พระอุปัชฌาย์ก็อธิบายให้ฟัง ขณะฟังก็ “ฉุกคิด” ขึ้นในใจว่า น้ำไม่มีจิตใจ คนยังบังคับให้มันไหลไปโน่นไปนี่ตามความต้องการของคน ลูกศรก็ไม่มีจิตใจ คนยังดัดให้มันตรงได้ ไม้ไม่มีจิตใจ คนยังเอาขวานถากให้มันเกลี้ยงได้ ไฉนเราซึ่งมีจิตใจแท้ๆ จะฝึกฝนใจตนเองไม่ได้เล่า

คิดดังนั้นจึงกล่าวกับพระอุปัชฌาย์ว่า ท่านขอรับ ถ้าท่านจะกรุณาให้ผมกลับไปวัดบำเพ็ญภาวนา จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง พระเถระบอกว่าตามใจ แล้วรับบาตรจากสามเณรเข้าไปบิณฑบาตในบ้านแต่รูปเดียว

สามเณรกลับถึงวัดก็เข้าห้องปิดประตูนั่งสมาธิภาวนา ท่ามกลางบรรยากาศอันสงบสงัด เพราะพระเณรออกไปจากวัดหมด จิตของสามเณรก็เป็นสมาธิแนวดิ่ง ฝ่ายพระสารีบุตรเถระเป็นห่วงว่าเวลาจะล่วงเลยเพลไป เมื่อได้ภัตตาหารแล้วก็รีบกลับวัด

พระพุทธองค์เสด็จมาดักหน้าพระเถระที่ซุ้มประตูพระเชตวันวิหาร เพราะทรงทราบว่าสามเณรกำลังจะอยู่ในภาวะจิตเป็นสมาธิแนวดิ่ง ถ้าพระสารีบุตรเข้าไปในเวลาดังกล่าว จะขัดจังหวะได้ พระพุทธองค์จึงตรัสถามปริศนา 4 ข้อให้พระสารีบุตรตอบ พระเถระกราบทูลวิสัชนาได้ถูกต้อง เมื่อพระสารีบุตรวิสัชนาปัญหา 4 ข้อจบลง ก็พอดีสามเณรบัณฑิตได้บรรลุพระอรหัตพร้อมปฏิสัมภิทา พระพุทธองค์ตรัสว่า สารีบุตรไปเถิด สามเณรศิษย์ของเธอคงหิวแล้ว พระเถระก็รีบเข้าวัดไป


ว่ากันว่า วันนั้นพระเถระมาสายผิดปกติ กว่าจะฉันเสร็จแล้วนำอาหารมาให้สามเณร เวลาก็ล่วงเลยไปมากแล้ว คือตกบ่ายแล้ว แต่พระคัมภีร์ก็เขียนไว้ว่า เดือดร้อนถึงท้าวอมรินทร์เทวราช ต้องสั่งให้ สุริยเทพบุตร ฉุดรั้ง “สุริยมณฑล” ให้อยู่กับที่อย่าเพิ่งให้เลยเที่ยงวัน จนกว่าสามเณรจะฉันข้าวเสร็จ ว่าอย่างนั้น

พอสามเณรฉันเสร็จ ล้างบาตรเท่านั้น พระอาทิตย์ที่ดูยังไม่เที่ยงวัน ก็ “ติดเทอร์โบ” โคจรปรู๊ดปร๊าดตกบ่ายทันที คงประมาณบ่ายสองบ่ายสามกระมัง ทำเอาพระคุณเจ้าอื่นๆ ประหลาดใจทันทีว่า เอ๊ะ วันนี้ตะวันบ่ายคล้อยรวดเร็วนัก สามเณรพึ่งจะฉันเสร็จเมื่อกี้นี้เอง

เขียนมาถึงตรงนี้ นึกถึงสมเด็จพระพุฒาจารย์โตขึ้นมาได้ คราวหนึ่งท่านนั่งเรือที่ศิษย์วัดแจวผ่านลำคลองแห่งหนึ่ง บังเอิญท่านงีบหลับไป เด็กก็ยังแจวอยู่อย่างนั้น ถึงเวลาเพลแล้วก็ไม่ยอมหยุด ไม่กล้าปลุกให้ท่านตื่นขึ้นมาฉันเพล ด้วยความเกรงใจสมเด็จท่าน พอท่านตื่นขึ้นมา ก็ถามเด็กว่า ถึงเวลาเพลหรือยัง เด็กก็กราบเรียนท่านว่า เลยเพลแล้วขอรับ สมเด็จถามว่า

“เออ มันเพลตรงไหนล่ะ”

“ตรงคุ้งน้ำนู้นขอรับ” เด็กตอบ

“ถ้าเช่นนั้น เอ็งกลับหัวเรือ แจวไปตรงจุดที่เพล” ท่านสั่ง

เด็กก็วกกลับ แจวไปยังจุดที่ได้ยินเสียงกลองเพล (สมัยก่อน พอถึงเวลาเพล ทางวัดท่านจะตีกลองบอกเวลา)

“ตรงนี้ใช่แน่นะ” สมเด็จถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

“ใช่ ขอรับ” เด็กตอบยืนยัน

“เอ้า เอ็งเอาอาหารมาประเคน”

แล้วท่านก็ลงมือฉัน ณ ตรงนั้นเลย !

จะหาว่าสมเด็จท่านฉันเลยเพลได้อย่างไร เพราะท่านฉันตรงจุดที่เขาตีกลองเพลพอดีนี่ครับ

เรื่องนี้อาจเป็นการเล่าใส่ไข่ของผู้คนในภายหลังก็ได้ครับ แต่ให้คติน่าคิดดีมาก

พระพุทธองค์ตรัสปรารภสามเณรบัณฑิตว่า สามเณรบัณฑิตเป็นแบบอย่างของผู้ฉลาด ที่มองสิ่งแวดล้อมรอบตัวแล้วเกิดแง่คิดในการปฏิบัติธรรมจนสำเร็จพระอรหัต แล้วพระองค์ได้ตรัสคาถาประพันธ์ความว่า

ชาวนา ไขน้ำเข้านา
ช่างศร ดัดลูกศร
ช่างไม้ ถากไม้
บัณฑิตย่อมฝึกตน

เรื่องสามเณรบัณฑิตที่ประสบผลสัมฤทธิ์ระดับสูงสุด (เป็นพระอรหันต์) แต่อายุยังน้อย เป็นเรื่องที่บางทีบางคนคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าวัดกันแค่ระยะเวลาสั้นๆ ชั่วชีวิตเดียว ก็อาจคิดอย่างนั้นได้ แต่ถ้านับรวมต้นทุนที่สะสมในชาติปางก่อนด้วย ก็ไม่แปลก สามเณรท่านอาจมี “บุญเก่า” สะสมไว้มาก ตกมาชาตินี้จึงแทบไม่ต้องพากเพียรพยายามมาก เพียงฝึกฝนนิดหน่อยเท่านั้น ก็ถึงจุดหมายสูงสุดแห่งชีวิต


หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 6
คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10788

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2009, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากเลยครับ พระพุทธองค์ตรัสถูกแล้วครับที่ว่า
ชาวนา ไขน้ำเข้านา
ช่างศร ดัดลูกศร
ช่างไม้ ถากไม้
บัณฑิตย่อมฝึกตน
ผมอ่านแล้วขนลุกเลยรู้สึกอ่มเอิบใจอย่างบอกไม่ถูก ทำให้หันกลับมามองดูตัวเอง เฮ้อ... อาสวะกิเลสเยอะจังเลยครับ ก็อาศัยกัลยาณมิตร ในเวปนี้ล่ะครับช่วยขัดเกลา หากหน้าที่การงานลงตัวต้องไปปฏิบัติธรรมแล้ว ขอให้ได้ดาวดวงที่ 10 เร็วๆครับ
นิพพานนัง ปรมัง สุขขัง.. :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2009, 21:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


นั่นสิครับ จริงๆด้วย :b12:

น้ำไม่มีจิตใจ คนยังบังคับให้มันไหลไปโน่นไปนี่ตามความต้องการของคน


ลูกศรก็ไม่มีจิตใจ คนยังดัดให้มันตรงได้


ไม้ไม่มีจิตใจ คนยังเอาขวานถากให้มันเกลี้ยงได้


ไฉนเราซึ่งมีจิตใจแท้ๆ จะฝึกฝนใจตนเองไม่ได้เล่า


ผมก็ชอบคำนี้นะครับ :b4:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร