วันเวลาปัจจุบัน 07 พ.ค. 2025, 12:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 22:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 18:57
โพสต์: 159


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังสารวัฏนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้

น้ำตาที่หลั่งไหลของพวกเธอผู้ท่องเที่ยวไปมา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ
เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ โดยกาลนาน
นี้ แหละ มากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย

พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของมารดาตลอดกาลนาน น้ำตาที่หลั่งไหลออกของเธอเหล่านั้น
ผู้ประสบมรณกรรมของมารดา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ
นั่นแหละ มากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย

พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของบิดา … ของพี่ชายน้องชาย พี่สาว น้องสาว … ของบุตร … ของธิดา …
ความเสื่อมแห่งญาติ …ความเสื่อมแห่งโภคะ … ได้ประสบความเสื่อมเพราะโรค ตลอดกาลนาน
น้ำตาที่หลั่งไหลออกของเธอเหล่านั้น ผู้ประสบความเสื่อมเพราะโรค คร่ำครวญร้องไห้อยู่
เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ
นั่นแหละมากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย

ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าสังสารวัฏนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้
เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชา (ความไม่รู้อริยสัจสี่) เป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้
ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง
พอเพื่อจะคลายกำหนัดพอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้

–สํ. นิ. 16/425
-------------------------------------

สำนักข่าว BBC แห่งประเทศอังกฤษได้ทำสารคดีชุดหนึ่งเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ ตั่งแต่เกิดจนตาย
ว่า ร่างกายนี้ได้ผ่านการเจริญเติบโต และร่วงโรยอย่างไรบ้าง
มีตอนหนึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ทำสถิติแล้วพบว่า โดยเฉลี่ย ผู้หญิงชาวอังกฤษ
ตั้งแต่เกิดจนตาย มีน้ำตาไหลออกมาเป็นจำนวน 65 ลิตร

ลองคำนวณดูเล่นๆก็แล้วกันครับ ว่าเท่าที่เกิดมานี้นับมาได้กี่ชาติแล้ว
น้ำทะเลในโลกนี้มีประมาณ 1,370 ล้านล้านลูกบาศ์กเมตร
1,370,000,000,000,000 ลูกบาศ์กเมตร/0.065 ลูกบาศ์กเมตร (65 ลิตร)

= 21,076,923,076,923,100 ชาติ (สองหมื่นหนึ่งพันเจ็ดสิบหกล้านล้านกว่าชาติ)
---------------------------
ขอบคุณครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2009, 09:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2009, 09:06
โพสต์: 45


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ถามว่าเบื่อหน่ายในสังขารหรือยัง ผมก็ขอตอบว่ารู้ว่าสังขารไม่เที่ยง สังขารเป็นอนิจจัง และสังขารเป็นอนัตตา ได้แต่ปลงสังขาร อยู่ไปอย่างนี้แหละท่าน ถ้าท่านเบื่อหน่ายในชีวิตสังขาร ขอแนะนำด้วยความรู้เพียงน้อยนิดว่า อย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับอะไรทั้งปวง ใช้ทางดับทุกข์ของพระพุทธเจ้า คือ มรรค 8 เป็นวิธีการดับทุกข์ นั้นแหละดีที่สุดครับ :b51: :b51: :b51: :b51: :b51: :b51:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2009, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ม.ค. 2009, 14:05
โพสต์: 21


 ข้อมูลส่วนตัว


ใจเย็นๆครับ จขกท. ค่อยๆพิจารณาไป บางทีการเบื่อสังขารอาจเป็นวิภวตัณหาได้

การละวางด้วยใจ นิพพิทา จะเกิดในที่สุด

.....................................................
ความโศกทั้งหลาย
ย่อมไม่มีแก่ผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท
เป็นมุนี ผู้ศึกษาในทางแห่งมโนปฏิบัติ ผู้คงที่
สงบระงับแล้ว มีสติในกาลทุกเมื่อ

เพราะฉันประมาท
ทุกข์อันไม่น่ายินดี
ย่อมครอบงำคนผู้ประมาท
โดยความเป็นของน่ายินดี

เพราะฉันประมาท
ทุกข์อันไม่น่ารัก
ย่อมครอบงำคนผู้ประมาท
โดยความเป็นของน่ารัก

เพราะฉันประมาท
ทุกข์อันเร่าร้อน
ย่อมครอบงำคนผู้ประมาท
โดยความเป็นสุข


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2009, 19:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 18:57
โพสต์: 159


 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุ ท.! เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว
ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "เราจงรู้จงเห็นตามที่เป็นจริง".
ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ย่อมรู้ย่อมเห็นตามที่เป็นจริง (เอง).

ภิกษุ ท.! เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่ตามที่เป็นจริง
ก็ไม่ต้องทำ เจตนาว่า "เราจงเบื่อหน่าย".
ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่ตามที่เป็นจริง ย่อมเบื่อหน่าย (เอง).

ภิกษุ ท.! เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว
ก็ไม่ต้องทำ เจตนาว่า "เราจงคลายกำหนัด".
ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว ย่อมคลายกำหนัด (เอง).

ภิกษุ ท.! เมื่อจิตคลายกำหนัดแล้ว
ก็ไม่ต้องทำ เจตนาว่า "เราจงทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ".
ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อคลายกำหนัดแล้ว ย่อมทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ (เอง).

- เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๓๖/๒๐๙.
---------------------------

ขอบคุณครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2009, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอ อนุโมทนา ทั้งสามท่านเลยครับ น่าตกใจนะครับว่าเราต้องสูญเสียน้ำตาไม่รู้จะกี่ภพกี่ชาติ ผมเอง ก็เบื่อหน่ายกับชีวิต ที่ผูกมัด รัดตรึงนี้ เต็มทีแล้ว แต่ ผมก็ไม่สามารถ ตัดห่วงที่ผูกข้อมือ และ ห่วงที่ผูกคอ ส่งห่วผูกข้อเท้านั้นผมตัดทิ้งได้แล้ว เมื่อถึงกาลอันควรแล้วผมจะได้เป็นอิสระเสียที ผมจึงเสาะแสวงหากัลยาณมิตร และสัตตบุรุษ เพื่อแนะนำทางที่สู่มรรคาแห่งชีวิต พยามยามดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาทครับ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่แสวงหาสู่ความสุขที่แท้จริงนะครับ
นิพพานนัง ปรมัง สุขขัง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2009, 17:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1854

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว


:b16: ก็ยัง เบื่อๆ อยากๆ อยู่ท่าน
ไม่งั้น คงบรรลุธรรม แล้ว(ไม่อยากใช้คำว่าโสดาบัน สูงเกินเอื้อม)
ขอให้ท่านเจ้าของกระทู้ เจริญในธรรม ยิ่งๆ ขึ้นไปเถิด
:b8:

.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร