วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 21:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2008, 10:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 2008, 10:26
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


จิงแล้วเราก็พยายามหาเหตุผลที่จะไม่ให้น้อยใจท่าน แต่ว่าบางครั้งมันอดไม่ได้ที่เค้ารักลูกไม่เท่ากัน เราพยายามทำดีทุกอย่าง แต่ท่านไม่เคยเห็นเราทำดีเลย บางครั้งมันน้อยใจจนต้องมาร้องไห้คนเดียว เหมือนเช่นตอนนี้ บางครั้งมันอดคิดไม่ได้คะ T.T


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2008, 11:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


การน้อยใจเป็นภาวะจิตเศร้าหมอง

ความจริง การหดหู่เศร้าสร้อย กับ โทสะ มีรากเดียวกัน คือ ความขัดข้องไม่ได้ดังใจ
ถ้าระเบิดออกไปภายนอกได้จะเป็นโทสะ
ถ้าไม่สามารถระเบิดออกไปภายนอกได้ ต้องเก็บกดเอาไว้ภายใน จะเป็นการหดหู่เศร้าสร้อย หรือ ซึมเศร้า

ภาวะจิตที่เศร้าหมองเป็นอกุศล ที่อยู่ภายในใจ ไม่ควรปล่อยไว้นาน เพราะมันทำให้เราเป็นทุกข์ และ ซึมเศร้า
และ ไม่ควรระเบิดออกไปภายนอก เพราะถ้าแสดงกรรมทางวาจา หรือ กายต่อพ่อแม่เข้า จะเป็นบาปหนักทีเดียว

ดังนั้น การไม่ให้มันระเบิดออกไปภายนอกนั้น เป็นขั้นต้นที่ถูกต้องแล้ว
ขั้นต่อมา คือ ใช้สติ สมาธิ ปัญญา พิจารณา จนความขัดข้องไม่ได้ดังใจที่มันอยู่ในใจเรา สงบลง


หนูต้องตั้งสติให้ได้ก่อน จิตจึงจะสงบ และ ปัญญาจะเกิด

หนูลองไปดูเด็กกำพร้า หรือ เด็กที่เขาถูกไปทิ้งให้ขอทานข้างถนนดูสิ
หนูดีกว่าเขามากน่ะ...หนูยังสามารถมาใช้อินเตอร์เน็ตได้ มาพูดคุยกับพี่ๆในนี้ได้
เด็กกำพร้า หรือ เด็กที่เขาถูกไปทิ้งให้ขอทานข้างถนน เขาไม่มีโอกาสแม้นแต่จะมาคุยกับคนอื่น

ถ้าเรามองผู้ที่เราคิดว่าเขาได้ดีกว่าเรา แล้ว เราจะเสียใจ
แต่ ถ้าไปมองคนอื่นที่แย่กว่าเราอีกมากมาย เราจะเห็นสัจจธรรมในโลกนี้


ดังนั้น
เลิกเศร้าได้แล้ว
หันมามุ่งแก้ไขจิตใจตนเอง
หันมาเจริญ สติ สมาธิ ปัญญา ให้จิตใจเบิกบานดีกว่า
ถ้าใจเราดีขึ้น ใจเยือกเย็นขึ้น คนรอบข้างเขาจะอยากอยู่ใกล้เราเอง


เป็นกำลังใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2008, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาคุณตรงประเด็นด้วยครับ

ขอเสริมนิดนึง

จิตที่เศร้าหมอง ก็เป็นอกุศลจิต เป็นจิตบาป
ดังนั้นที่ถามว่าบาปไหม ก็บาปนะ

แต่ควรเข้าใจว่า บาปนี้มาจากไหน
ก็มาจากการที่เราคิดมากนั่นแหละ สร้างความคิดขึ้น คิดไปต่างๆนาๆ แล้วมีอารมณ์เกิดขึ้นจากความคิด


จิตที่ไม่ตั้งอยู่ในปัจจุบัน มักจะเป็นแบบนี้ คือมีทุกขื
เราชอบเปรียบเทียบในสิง่ที่มี กับสิ่งที่ไม่มี
ชอบเปรียบเทียบปัจจุบันขณะ กับอนาคต/อดีต


เช่นปัจจุบันเราได้รับความรักเท่านี้
เราก็นั่งคิดๆจินตนาการไปว่า เราควรจะต้องได้เท่าโน้น ถงึจะพอใจ
ซึ่งเป้นการคิดไปในอนาคต คิดอยากได้เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นและไำม่แน่ว่าจะเกิดขึ้น

บางทีก็ไปเปรียบเทียบกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว อดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
เช่นพอว่างไม่รู้จะทำอะไรก็ไปค้นเอาความทรงจำเก่าๆขึ้นมา
แล้วก็เปรียบเทียบกับปัจจุบันว่า ฉันควรจะต้องได้เท่านั้น ถึงจะถูกถึงจะพอใจ
ที่ฉันเคยได้เคยมีมันน้อยไม่ ไม่พอกับที่ต้องการ เป็นต้น

ทั้งหมดเพราะจิตไม่รู้ว่าควรจะตั้งอยู่ที่ไหน
ปล่อยให้มันไหลไปอนาคตบ้าง อดีตบ้าง


จิตใจไม่รู้ว่าตัวเองว่า เหตุที่เศร้าหมองเพราะชอบคิดแล้วไปยึดครองความคิดนั้น
สร้างความคิดขึ้นมาแล้วก็ไปตั้งความคาดหวังกับความคิดนั้น
ถ้ามันไม่เป็นจริง เราก็ผิดหวัง
ยิ่งหวังมาก ยิ่งเสียใจมาก
อุปโลกเรื่องขึ้นมาแล้วก็เสียใจไปกับมัน

ทีนี้ว่ากันถึงทางแก้ ความจริงมีหลายทางมาก ลองไปทำตามที่ชอบ ที่ได้ผล
ผมขอลองแนะนำดูว่า

ให้หัดท่องในใจไปว่า พุทธ-โธ
อย่ารีบท่องให้มันได้ปริมาณ แต่ให้ท่องยาวๆ ช้าๆ พอสมควร
กะว่าให้จิตของเรามันสนใจแต่กับพุทธโธนี้
ถ้าท่องช้าไป ใจเรามันจะว่อกแว่กไปได้
ถ้าไว้ไปมันก้เลินเล่อ ใจก้ว่อกแวกออกไปทางอื่นเหมือนกัน

การท่องพุทธโธก้คือการหางานให้จิตมันทำ
ถ้าปล่อยมันไปมันไปแบบเดิมๆที่ทำอยู่ ก้จะหลงไปคิดมากต่างๆนาๆแล้วก็เกิดเศร้าหมองขึ้นมาอีก
ก็อาศัยคำว่าพุทโธซึ่งเป้นคำกลางๆ เอามาให้ใจมันท่องเอาไว้
พอเราท่องพุทธโธไปสักพัก จิตมันจะไม่มีอารมณ์หลากหลาย จิตใจมันจะสงบขึ้นมา

ลองหัดทำวิธีง่ายๆอย่างนี้ดู
ดูว่าได้ผลไหมอย่างไรก็แวะมาบอกกัน
แถวๆนี้มีกัลยาณมิตรมากมายที่ยินดีให้คำปรึกษา

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2008, 14:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2008, 23:07
โพสต์: 151

ที่อยู่: BKK.

 ข้อมูลส่วนตัว


พี่ก็เกิดมาในครอบครัวที่นิยมลูกชายมากกว่าลูกสาว เพราะเชื่อว่าลูกชายบวชทดแทนบุญคุณได้ พี่ได้สิ่งชดเชยจากยาย เพราะยายจะรักพี่มาก และยายก็ชอบไปวัดมากๆด้วย จำได้ว่าเมื่อตัวเองอายุไม่กี่ขวบ ระหว่างทางเดินกับยาย ถ้ายายเจอพระที่กำลังเดินบิณฑบาตร ก็จะนิมนต์ท่านให้หยุดรับปัจจัยบ่อยๆนอกเหนือจากนิยมใส่บาตรทุกวันพระ นั่นคือสิ่งที่พี่ได้ซึมซับจากยายเต็มๆ มีบ้างที่คิดน้อยใจ พ่อ แม่ แต่สุดท้าย พ่อ กับแม่ก็รู้แล้วว่าลูกสาวไม่ทิ้งไปไหน ยังอยู่ข้างๆปรนิบัติ ยามแม่ ยาย เจ็บป่วย อาบน้ำ สระผม ป้อนข้าว เทกระโถน ชำระสิ่งสกปรกให้อย่างไม่รังเกียจ บางครั้งแกล้งทำตัวตลกๆให้แม่หัวเราะ สิ่งนี้ทำให้พี่ก็สนิทกับพ่อมากขึ้น หยอกล้อกันมากขึ้น เพราะพ่อรู้ว่าลูกสาวไม่เคยทิ้งครอบครัวไปไหน เพราะว่า
กาลเวลาได้พิสูจน์ความดีของคนนั่นเอง สุดท้ายก็คิดได้ว่าที่เราได้มาไกลถึงเพียงนี้ก็เพราะ พ่อ กับ แม่ ได้ให้ชีวิตกับเราตั้งแต่เกิดนี่เอง
อยากให้น้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ความน้อยใจเป็นเพียงอารมณ์หนึ่งเท่านั้น เราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับมัน ฉะนั้นเรามีโอกาศที่ละทิ้งมันไปจากใจได้ ถ้าเพียงแต่น้องตั้งใจจะละจริงๆ

.....................................................
จงระมัดระวังกาย วาจา ใจ ไม่ให้ไปทำร้ายใคร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2008, 10:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


วัดได้ง่ายๆครับ การที่ท่านน้อยใจพ่อแม่แล้วต้องมาเป็นทุกข์อยู่เช่นนี้ก็ย่อมต้องไม่ใช่เพราะบุญกุศลแน่นอนครับ.... :b14:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2008, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 21:29
โพสต์: 45


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอร่วมแสดงความคิดเห็นคับ
เพราะปัญหาคล้ายกับของผมกัฟส์ คือกรณีของผมไม่น้อยใจคับแต่โกรธ เพราะผมจะถูกดุทุกวัน
วันละ5ครั้งเท่ากันทุกวันดังนี้
1.เวลากินข้าว
1.1.อาหารเช้า แบ่งเป็น2สาเหตุที่ทำให้ชักช้าไม่ทันใจผู้ใหญ่เพราะ
1.1.1 กับข้าวน่าเบื่อสุดๆไม่อร่อยเลย (เลยใช้เวลาในการเดินธรรมพิจารณาด้วยความหน่ายอันนี้ผู้ใหญ่มะเข้าใจหาว่าเราอู้)
1.1.2 อู้จริงเพราะขี้เกียจ
(เวลาโดนดุตอนอาหารเช้า...ตอนนี้ผมยังไม่โกรธ...ยังไม่ปาบ)
1.2เวลาอาหารเที่ยง....อันนี้ก็เบื่อมากเลยอาหารเช้ายังอิ่มอยู่ให้กินอีกพอบอกว่าอิ่มก็หาว่าเถียงแถมให้เหตุผลที่ งง...ว่าต้องกินให้ครบ3มื้อไม่ต้องเถียง...อันนี้เริ่มมีความขุ่นมัวในใจเล็กๆ
1.3เวลาอาหารเย็น...อันนี้เล่นเพลินไปจนลืม ก็จะโดนดุ ...เวลาละคับผมจะรู้สึกโกรธแล้วแบบนี้ทุกวัน
2.เวลานอน
2.1.ยามตื่น...จะโดนดุว่าตื่นสาย..เวลานี้ยังไม่โกรธเพราะยังไม่ได้สติคือเพิ่งตื่นอะกัฟส์
2.2.เมื่อเวลาต้องเข้านอน...จะโดนดุว่านอนนึกเสียสุขภาพอะไรอีกมากมาย(คือเล่นมากไปกัฟ)..เวลานี้จะโกรธมากเลยกัฟรู้สึกโดนกดดันมาทั้งวันอะคับ

บางทีผมก็ใช้วิธีประท้วงแบบอหิงสาคือนั่งเล่นเกมส์บนห้องทั้งวันไม่พูดด้วยเดี่ยวพวกเขาก็มาง้อคัฟแต่บางทีก็มะได้ผลต้องลงมาง้อกัฟถ้าหิวจิงจังขึ้นมาตาลายกัฟส์

ผมพิจารณาแล้วด้วยสติก็ให้นึกเกรงกลัวต่อปาบคับเลยใช้หลักธรรม..อริยสัจ4คือแล้วหาสาเหตุดับทุกข์คือปาบทางใจอะคับมันรู้สึกแบบนั้น แต่มันก็ไม่เกิน7วันอะกัฟส์ก็กลับมาเหมือนเดิมอีก เลยต้องค้นหาวิธีใหม่อยู่ให้มันมีผลมากกว่า7วันแต่ยังมะเจอกัฟ

ผมก็ได้แต่หวังว่าอริยสัจ4คงพอจะช่วยท่านได้บ้างไม่มากก็น้อยอะกัฟส์

ด้วยความปราถนาให้พ้นทุกข์เหมือนผมกัฟส์

.....................................................
ว่างเปล่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 07:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


white เขียน:
จิงแล้วเราก็พยายามหาเหตุผลที่จะไม่ให้น้อยใจท่าน แต่ว่าบางครั้งมันอดไม่ได้ที่เค้ารักลูกไม่เท่ากัน เราพยายามทำดีทุกอย่าง แต่ท่านไม่เคยเห็นเราทำดีเลย บางครั้งมันน้อยใจจนต้องมาร้องไห้คนเดียว เหมือนเช่นตอนนี้ บางครั้งมันอดคิดไม่ได้คะ T.T



นำมาฝากค่ะ เผื่ออ่านแล้ว อาจจะช่วยให้ความน้อยใจที่มีอยู่ลดลงได้ค่ะ


พระคุณแม่

แม่เป็นคนสร้างเรามาตั้งแต่เกิด เช่น ตา หู จมูก ปาก และอื่นๆ แม่เปรียบเทียบเหมือนนางฟ้ามาอวยพรเราให้เป็นเด็กดี และให้มีพลัง แค่น้ำนมหยดเดียวก็รู้ว่า แม่มีพระคุณอย่างสูง เราต้องงดดื่มเหล้าทุกวัน ทุกปี ทุกชาติ แล้วอย่าลืมกราบแม่ด้วยนะ แต่ต้องจำไว้ด้วยนะว่า พระพคุณแม่มากกว่าน้ำในมหาสมุทร และต้องจำอย่างมากเลยว่า พระคุณแม่มี 4 อย่างดังนี้
1. น้ำนม 2. น้ำคำ 3. น้ำมือ 4. น้ำแรง
เพราะฉะนั้นพระคุณของแม่ทดแทนไม่หมดสิ้นหรอก เพราะว่าแม่เป็นคนดี บางทีก็ตีเราบ้าง เพราะเราดื้อเลยถูกตีเลยเจ็บแล้วก็ไปทะเลาะกับแม่อีก อย่าทำนะครับ จำไว้นะครับ
อย่าทะเลาะกับแม่ เพราะแม่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เกิด

ด.ช. ศิวบุตร คงอนันต์ ป. 2/6 โรงเรียนพรยาประเสริฐสุทราศรัย ( กระจ่าง สิงหเสนี ) วันที่ 12 สิงหาคม 2547

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2008, 17:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น้อยใจพ่อ แม่กับกลุ้มใจเรื่อง(ทานยาแผนโบราญเดือนละ9 ขวด)ของแม่..แม่เป็นความดันสูงด้วยค่ะอธิบายไม่ฟังเลยทั้งกลุ้มทั้งเครียด(แม่ว่าเถียงค่ะ)
คงบาปพอกัน หล่ะค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร