วันเวลาปัจจุบัน 02 มิ.ย. 2025, 23:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2008, 14:43 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2008, 17:29
โพสต์: 191

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากทราบว่าหลักการสอนและการปฏิบัติของ ศาสนาพุทธมหายานกับเถรวาท มีความแตกต่างกันอย่างไร ขอท่านผู้รู้โปรดให้ความกระจ่างด้วยคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2008, 15:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


โปรดติดตามได้จากกระทู้นี้ค่ะ :b1:

พุทธเถรวาทกับพุทธมหายาน :b8:
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13726


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2008, 09:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่ออ่านข้อเขียนยาวๆ ตามลิงค์ข้างบนแล้ว สรุปให้ว่า เถรวาทเน้นปัญญา รู้เห็นธรรมชาติตามที่มันเป็น
มหายานเน้นกรุณา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2008, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ศาสนาพุทธมหายานกับเถรวาทแตกต่างกันอย่างไร คำสอนของ
พระพุทธเจ้า ที่ไปยังมหายานหรือมหาสังฆิกวาสที่สำคัญอยู่ในข้อความ
สีดำ คำสอนของสมมุติสงฆ์เถรวาท ที่ไม่ใช่คำสอนของพระอริยะสงฆ์
อยู่ในตัวอักษรสีน้ำเงิน นะครับ



- พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องต้นธาตุ-ต้นธรรม ให้แก่มหายาน โดยตรัสว่า อาทิพุทธ หรือพระไวโรจน
พุทธเจ้า หรือพระสัมภูพุทธเจ้า เป็นตัวต้นธาตุ-ต้นธรรม ( สมมุติสงฆ์เถรวาทรู้แต่
เพียงจิตประภัสสร พุทธะ อสังขตธาตุ และนิพพาน เท่านั้น นอกจากนี้ สมมุติสงฆ์เถรวาทตีความไม่ออก
ว่า จิตประภัสสร พุทธะ อสังขตธาตุ และนิพพาน นั้นก็คืออณูของอาทิพุทธ หรือพระไวโรจนพุทธเจ้า ไปๆมาๆ ก็ไปบอกว่าพุทธมหายานถูกฮินดูแทรกแซง โดยเอาเรื่องพระเจ้า(พระนารายน์)เข้ามาในศาสนาพุทธ)


- พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องเหล่านี้อย่างชัดเจนให้แก่มหายาน คือ แดนสุขาวดี ของพระอมิตามีพุทธเจ้า
(พระโมคคัลลานะก็หลงจักรวาลเข้าไปในแดนสุขาวดีของพระอมิตาภพุทธเจ้า
อย่างไรก็ตาม สมมุติสงฆ์เถรวาทไม่ยอมรับเรื่องแดนสุขาวดี)


- พระพุทธเจ้าตรัสถึง พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรไว้เต็มไปหมดในคัมภีร์ของมหายาน เช่น สัทธรรม
ปุณฑริกสูตร ปารามิตา ฯลฯ (แต่สมมุติสงฆ์เถรวาทกลับไปบอกว่า พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเป็นแค่บุคคลในอุดมคติ ไม่มีจริง)

- เรื่องนิยามของคำว่า "พระโพธิสัตว์" ที่ผมนำมาอธิบายในเว็บนี้ แต่ทีมงานผู้ดูเว็บลบกระทู้ไป
(สมมุติสงฆ์เถรวาทยอมรับแต่พระโพธิสัตว์ที่เป็นมนุษย์เท่านั้น)


ทั้งๆที่เรื่องพวกนี้ พระอรหันต์ขีณาสพที่มีอภิญญาครบ 6 ชนิด 500 รูป(รวมพระอานน์และพระมหากัสสปด้วย) ต่างก็รับรองแล้วในปฐมสังคายนา แต่การยึดอำนาจของสมมุติสงฆ์เถรวาท และเปลี่ยน
กฎเกณฑ์การสังคายนาให้พระทั่วไปเข้าร่วมได้ ทำให้ต้องแตกแยกนิกาย เนื่องจากพระทั่วไปไม่มีทางจะมี
ปัญญาไปรู้ลึกคำสอนเหล่านี้ เพราะมันลึกซึ้งมากๆ มีแต่พระอรหันต์ขีณาสพที่มีอภิญญาครบ 6 จึงจะ
สามารถตรวจสอบเรื่องแดนสุขาวดี พระอวโลกิเตศวร อาทิพุทธ และเรื่องพระอมิตาพุทธเจ้าได้

สมมุติสงฆ์ทั่วไป แม้แต่พระอรหันต์สุกขวิปัสสโก ท่านก็ไม่มีปัญญาตรวจสอบได้ เพราะท่านไม่มีอภิญญา 5


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2008, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ Puy ครับ


นี่คือ กระทู้ที่เจาะลึกเรื่อง : พระโพธิสัตว์เถรวาทแตกต่างจากพระโพธิสัตว์มหายาน แต่ทางเว็บไม่ลงให้


.............................................................................................................


“ พระโพธิสัตว์” แปลว่า ผู้ข้องอยู่ในโพธิ์ (ความรู้ของผู้จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเบื้องหน้า) “ พระ
โพธิสัตว์” ของเถรวาทมีเพียงประเภทเดียวคือ พระมานุษิโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ที่อยู่ในสภาพ
มนุษย์ทั่วไป ยังต้องฝึกอบรมตนเอง และทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้อื่นไปพร้อมๆ กัน

ส่วน โพธิสัตว์มหายานแบ่งโพธิสัตว์ออกเป็น ๒ ประเภทคือ

๑. พระฌานิโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ที่กำหนดไม่ได้ว่าเกิดเมื่อใด แต่เกิดก่อน
พระศากยมุนีพุทธเจ้า พระฌานิโพธิสัตว์เป็นผู้บรรลุพุทธภูมิแล้ว ( พุทธภูมิ หมายถึงสภาวะที่หลุดพ้นจากกิเลสตัณหา ซึ่งหมายถึงนิพานนั่นเอง) แต่พระฌานิโพธิสัตว์ ไม่ยอมเข้านิพพานไป ด้วยเหตุที่ พระฌานิโพธิสัตว์ ท่านมีจิตแน่วแน่ มุ่งจะช่วยสัตว์ให้พ้นทุกข์ เมื่อสรรพสัตว์ยังไม่พ้นทุกข์ ท่านจึงไม่ยอมเสด็จเข้านิพพาน


พระฌานิโพธิสัตว์ที่สำคัญที่ควรทราบคือ


๑.๑ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ คุณธรรมพิเศษคือ มหากรุณา

๑.๒ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ มีความสามารถพิเศษในการเทศนาให้คนเกิดปัญญา

๑.๓ พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ สามารถรู้ถึงความต้องการทางสติปัญญาของสรรพสัตว์ ทรงมีปัญญา
เยี่ยม ใช้ปัญญาทำลายอวิชชา

๑.๔ พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณาหน้าที่สำคัญคือ การรื้อขนสัตว์ออกจากนรก

๑.๕ พระวัชรปาณีโพธิสัตว์ มีสัญลักษณ์เด่นคือ ทรงสายฟ้าในพระหัตถ์ เป็นสัญลักษณ์แห่งการฟาดฟัน
กิเลส ตัณหาทั้งปวง

๒. พระมานุษิโพธิสัตว์ อันนี้ตรงกับพระโพธิสัตว์ของเถรวาท คือ เป็นพระโพธิสัตว์ที่อยู่ในสภาพมนุษย์
ทั่วไป ยังต้องฝึกอบรมตนเอง และทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้อื่นไปพร้อมๆ กัน

ด้วยเหตุที่ พุทธศาสนานิกายเถรวาทมีแต่พระมานุษิโพธิสัตว์ ซึ่งยังไม่ได้บรรลุพุทธภูมิ คือยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า ไม่มีพระโพธิสัตว์ประเภท ๑.คือ พระฌานิโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นผู้ที่บรรลุพุทธภูมิ เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว แต่พระองค์ท่านไม่ยอมเข้านิพพาน ย้อนกลับมาช่วยสรรพสัตว์อีก

โคตมพุทธเจ้าตอนที่เป็นมนุษย์อยู่ ถือว่าพระองค์ท่านเป็นพระโพธิสัตว์มหายาน แต่พอพระองค์ท่าน
ปรินิพพาน เข้าพุทธภูมิแล้ว ท่านจึงเป็นพระพุทธเจ้าโดยสมบูรณ์ ไม่ได้เป็นพระโพธิสัตว์อีกต่อไป ทั้งนี้
เพราะว่า ช่วงที่ท่านตรัสรู้แล้วจนถึงก่อนปรินิพพาน แม้ท่านจะเป็นอรหันต์แล้ว แต่โคตมพุทธเจ้าก็ไม่ได้
ละทิ้งความเมตตากรุณาออกจากจิต ยังคงเที่ยวสั่งสอนผู้คนไปเรื่อยด้วยความเมตตากรุณาอันนั้น

เราชาวพุทธเถรวาทเข้าใจความหมายของพระโพธิสัตว์ไม่สมบูรณ์ เข้าใจความหมายเฉพาะพระโพธิสัตว์
ที่ยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า แต่ไม่เข้าใจความหมายของพระโพธิสัตว์ที่เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ซึ่งตอนนั้น
พระพุทธเจ้าดำรงสภาพของพระโพธิสัตว์ตามความหมายชองพุทธมหายาน

ที่สำคัญที่สุด ด้วยความไม่รู้ในความหมายของพระโพธิสัตว์อย่างสมบูรณ์ พวกเราชาวพุทรเถรวาทเลยไป
ตีความผิดๆว่า พระอวโลกิเตศวรยังห่างชั้นจากพระพุทธเจ้ามาก ทั้งๆที่พระองค์ท่านเคยเป็นพระพุทธเจ้า
มาแล้ว แต่ออกจากพุทธภูมิมาเพื่อช่วยนำพาสรรพสัตว์เข้าสู่นิพาน โดยนำความเมตตากรุณาเข้ามาในใจ
อีก ส่วนพระองค์ค่อยเข้านิพพานทีหลังโดยนำความเมตตากรุณาออกจากใจไปเท่านั้น

พระพุทธเจ้าของเรา(โคตมพุทธเจ้า)ยกย่องพระอวโลกิเตศวรไว้ในพระสูตรต่างๆมากมาย เช่น สัทธรรมปุ
ณทริกสูตรบทที่ 25 (สมันตมุขสูตร) ที่แสดงว่า พระอวโลกิเตศวร(กวนอิม)จะคอยสอดส่องดูแล เข้า
ช่วยเหลือมนุษย์ ผู้ใดนึกถึงเมตตาและคุณความดีของพระองค์ พระองค์ก็จะเสด็จไปช่วยเหลือคนผู้นั้นลด
วิบากกรรมที่หนักของเขาให้เบาบางลง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2008, 14:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ Puy ครับ



คุณอยากทราบว่าศาสนาพุทธมหายานกับเถรวาทแตกต่างกันอย่างไร ผมก็บอกให้แล้ว แต่ผมไม่ใช่ทีมงาน
ดูแลเว็บ ผมก็ไม่แน่ใจว่า ทีมงานดูแลเว็บเขาจะลบคำตอบของผมเรืองความแตกต่างระหว่างคำว่า
พระโพธิสัตว์มหายานและเถรวาทผมทิ้งอีกหรือเปล่านะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2008, 14:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ย. 2008, 14:07
โพสต์: 13


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝ่ายมหายานเนี่ย
มหายานก็หมายถึง ยานลำใหญ่ ที่เน้นรื้อขนสรรพสัตว์จำนวนมากขึ้นสู่พระนิพพาน
จะเน้นการบำเพ็ญบารมีแบบพุทธภูมิ คือบำเพ็ญเพื่อการเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
ดังนั้นจะต้องฝึกกรรมฐาน40 สติปัฏฐาน 4 วิปัสสนาญาณ9 และรู้ครอบคลุมทุกวิชาในพระพุทธศาสนา
เพราะจะต้องจบออกมาเป็นครู เพื่อสอนผู้อื่น
เถรวาท หรือหินยาน
หมายถึงยานลำเล็ก
เน้นการฝึกเพื่อเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า
เน้นการตัดกิเลสเข้าพระนิพพานในชาตินี้
โดยรู้กรรมฐานแค่1กอง แล้วจับวิปัสสนา ตัดสังโยชน์10

นี่เป็นความแตกต่างของมหายานกับหินยาน
ว่าง่ายๆ ก็พุทธภูมิ กับสาวกภูมิ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร