สวัสดีค่ะ คือหนูมีเรื่องที่มักจะเป็นปัญหารบกวนหนูบ่อย ๆ ค่ะ รบกวนขอคำแนะนำ

หนูมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งค่ะ เป็นผู้หญิงแท้ ๆ ค่ะ เราเรียน ม.ปลาย ด้วยกัน

แล้วตอนนี้ เรากำลังเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ในขณะเดียวกัน คือ ยังอยู่ด้วยกันตลอดค่ะ

บ้านเราอยู่จังหวัดเดียวกัน ใกล้กันมากด้วยค่ะ

แต่มีนิสัยบางอย่างของเขา ซึ่งเป็นนิสัยของเขาตั้งแต่ ม.ปลาย จนปัจจุบันค่ะ

เขาชอบโอ้อวดว่าบ้านเขาดีแบบนั้น พ่อเขาเก่งแบบนี้ แม่เขาเก่งแบบนั้น ชีวิตเขามีความสุขแบบนี้

ซึ่งหนูก็คอยรับฟังมาตลอดค่ะ ซึ่งหนูเบื่อกับการโอ้อวดของเขามาก

อยู่ต่อหน้าเพื่อนผู้ชาย เขาชอบพูดว่า "เนี่ย (ชื่อหนู) เดี๋ยวเย็นนี้ไปกินเหล้ากัน เอาให้เมาไปเลย"

แต่หนูไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้ม ๆ พอถึงเวลาเข้าจริง เขาไม่กินค่ะ เขากลับซื้อน้ำธรรมดามานั่งกิน

กลับกลายเป็นหนูที่กินคนเดียว เขาแสดงออกแบบนี้

จนเพื่อนผู้ชายเคยพูดกับหนูว่า หนูดีแต่ปาก หนูไม่เคยทำอะไรได้ ทำไมไม่เห็นเหมือนเพื่อนหนู ?

ทั้งที่ความจริงแล้ว มันไม่ใช่ ...

หนูเคยปรึกษาคุณแม่ คุณแม่ก็บอกว่า ไหน ๆ สนิทกันแล้ว ก็ทำใจเถอะลูก คนเราก็ต้องมีข้อเสียกันบ้าง

แต่หนูกลับรู้สึกว่า เวลาเขาโอ้อวดตัวเอง หนูรู้สึกไม่พอใจค่ะ แต่หนูไม่แสดงออก

แต่หนูจะแอบหงุดหงิดทุกทีล่ะค่ะ เป็นปัญหารบกวนมาตลอด

ตอนนี้ หนูเพิ่งเลิกกับแฟนค่ะ หนูเสียใจมาก เขาคือคนที่รู้ความเป็นไปของหนูมากที่สุด

เวลาหนูเสียใจ หนูกำลังฟุ้งซ่าน หนูอยากให้ใครสักคนรับฟัง ให้หนูได้ระบายความทุกข์ออก

แต่ได้ครู่เดียว เดี๋ยวเขาก็จะเอ่ยขึ้นมาว่าแฟนเขาดีแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งมันทำให้หนูอึดอัดมากค่ะ

ทั้งที่เขาคบกับหนูมาตั้งนาน เขาน่าจะรู้ ว่าเวลานี้ หนูต้องการอะไร ต้องการคนรับฟังเท่านั้น

บางครั้ง หนูรู้สึกว่า หนูไม่อยากจะพูดอะไรในสิ่งที่หนูต้องการ หนูกลัวคำพูดหนูจะทำร้ายจิตใจเขา

แต่ต้องเป็นหนูที่มานั่งอึดอัดเอง หนูควรทำใจใช่หรือเปล่าคะ หนูควรทำอย่างไรคะ

รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ

แนะนำให้ไปบวชชี ตลอดชีวิต

คือส่วนมากถ้าอัญญาสิไม่สบายใจ ก็จะฟังเทปเกี่ยวกับธรรมะต่างๆนะครับ หวังว่าคงจะพอช่วยคุณได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ

เจริญในธรรม

คนเราก็แบบนี้ค่ะมีหลายประเภท

ให้มองโลกในแง่บวกจะดีนะคะ

ใช้หลักธรรมมาใช้ก็ได้ค่ะ

หานิทานธรรมะที่เกียวกับโทษของการ

อวดโอ้ มาอ่านแล้วเราจะเข้าใจเองค่ะ

ว่าอันที่จริงแล้ว การที่เรามานั่งทุกข์เพราะคนอื่นนั้น

เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเลยนะคะ สู้ๆๆค่ะเอาใจช่วย

อยู่จังหวัดเดียวกันบ้านใกล้กันสะด้วย ยังอยู่ด้วยกันอีก อยู่ห้องเดียวกันหรือเปล่าครับนี่



นิสัยคนเปลี่ยนยาก
ในเมื่อเราไม่อยากฟัง ก็ขอตัวไปทำธุระอื่นๆเสีย หรือ ไม่ก็บอกว่า เราคุยเรื่องอื่นกันเถอะ เช่นเรื่องการเรียน เป็นต้น




ต่อไปเพื่อนชวนไปดื่มเหล้าอีก ก็พูดบ้างสิครับ อย่ายิ้มลูกเดียว เช่นพูดว่า ดื่มเหล้าไม่ดีนะเธอเป็นลูกผู้หญิง อีกอย่างหนึ่งเราก็กำลังเรียนหนังสืออยู่ พ่อแม่รู้เข้าจะใจเสียใจนะ เงินทองยังต้องขอพ่อแม่อยู่เลย ถ้าเขายังฝืน เธอไปเถอะ เราไปรอที่ห้องแล้วกัน มีอะไรก็ว่าไปพูดไปครับ อย่าเก็บไว้ในใจเสียทั้งหมด



คุณคงไม่ช่างพูดด้วยกระมัง อีกทั้งไม่ชอบคนขี้โม้ขี้โอ่ด้วย จึงรู้สึกอึดอัด
สมมุตินะว่า คนขี้โอ่ต่อขี้โอ่คุยกัน เหมือนในละคร ประมาณว่า ... หรอๆ พ่อแม่ฉันนะเธอเก่งกว่าพ่อแม่เธออีก มีอะไรก็ว่าไป คุยให้เริดกว่าเขา อีกหน่อยเขาคงจ๋อยเอง เพราะเจอคนที่เจ๋งกว่า

แต่ก็อย่างว่า นิสัยคนฝืนกันยาก ก็ทำตามคำแนะนำข้างบน ทนฟังไม่ไหว ก็ขอตัวไปทำไปอะไรอื่นเสีย ไปให้พ้นเสียง หลายๆครั้งเพื่อนอาจฉุกคิดก็ได้ว่า เขารำคาญเราแล้ว





เป็นธรรมดาคนมีเรื่องไม่สบายใจกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่ ต้องการใครสักคนที่เข้าใจ รับฟังความในใจของเรา
แต่ผู้ฟังหายากมากๆ นอกจากไดอารี่

เอางี้ดีไหม เมื่อเพื่อนคนนี้ แทนที่จะปลอมใจกันเป็นกำลังใจให้กันกลับเกทับให้ช้ำทรวงสะอีก
เราหาวิธีอื่นระบายความรู้สึกก็ได้ เช่น เขียนระบายความในใจลงบนกระดาษ เขียนๆๆ หรือไม่ก็เข้ามาที่บอร์ดนี้ เขามีห้อง ความรัก-ผูกพัน-พลัดพรากอยู่ เอาเลยมีอะไรก็ว่าไป เขียนๆ แล้วจะรู้สึกสบายใจขึ้น

ไม่แน่เรื่องแฟน วันนี้เขาคุยว่า แฟนดีแบบนั้นแบบนี้ปล่อยเขาไม่ขัดคอ แต่จะเอาอะไรแน่กะผู้ชาย วันข้างหน้าบ่แน่หรอกนาย ยังอีกไกลกว่าจะถึงฝั่ง
มีคนที่น่าเชื่อถือพูดกันว่า คนที่เป็นแฟนกันสมัยเรียน ส่วนมากไม่ใช่ของจริง ฟังไว้บ้างก็ดีนะครับ




คุณเป็นคนขี้เกรงใจคน แคร์ความรู้สึกของคน จึงเป็นอย่างนั้นแหละ จะพูดอะไรก็กลัวเขาเสียใจ
จึงยอมอดกลั้น แต่กรัชกายจะบอกให้ทำใจ คุณคงอึดอัดเก็บกดอีก เอาเป็นว่า เมื่อเรารู้ว่าเพื่อนคนนี้
มีนิสัยเป็นอย่างนั้นเป็นปกติ เราก็ไม่พึงพูดหรือระบายสิ่งที่อยู่ในใจให้เขาฟัง คุยกับเพื่อนคนอื่นก็ได้ หรือ หาอุบายอย่างอื่นแทน เช่น เขียนระบายความรู้สึกออกมาตามนั้น ซึ่งเป็นวิธีปลดปล่อยอารมณ์อย่างหนึ่ง ลองดูครับ

พิจารณามิตรแท้อย่างเดียวพอ ตามแบบท่านว่าอย่างนี้

มิตรแท้มี ๔ จำพวก
๑. มิตรมีอุปการะ
๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
๓. มิตรแนะประโยชน์
๔. มิตรมีความรักใคร่

๑. มิตรมีอุปการะมีลักษณะ ๔
๑) ป้องกันเพื่อนผู้ประมาทแล้ว
๒) ป้องกันทรัพย์สมบัติของเพื่อนผู้ประมาทแล้ว
๓) เมื่อมีภัย เป็นที่พึงพำนักได้
๔) เมื่อมีธุระ ช่วยออกทรัพย์ให้เกิดกว่าที่ออกปาก


๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์มีลักษณะ ๔
๑) ขยายความลับของตนแก่เพื่อน
๒) ปิดความลับของเพื่อนไม่ให้แพร่งพราย
๓) ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ
๔) แม้ชีวิตก็อาจสละแทนได้

๓. มิตรแนะประโยชน์มีลักษณะ ๔
๑) ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว
๒) แนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี
๓) ให้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
๔) บอกทางสวรรค์ให้


๔. มิตรมีความรักใคร่มีลักษณะ ๔
๑) ทุกข์ ๆ ด้วย
๒) สุขๆด้วย
๓) โต้เถียงคนที่พูดติเตียนเพื่อน
๔) รับรองคนที่พูดสรรเสริญเพื่อน


คุณชอบฟังเพลงไหมครับ
ลองฟังดูดิให้แง่คิดดีมากๆ
"เรือมนุษย์"

http://www.imeem.com/people/JqZ59h/musi ... mp3/?rel=1

อืม...ลองเปลี่ยนเป็นพุดคุยปรึกษากับเพื่อนที่สนิทเป็นลำดับที่2รองจากคนนี้ดีไม๊ค่ะ
(แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วน้องสนิทกับคนนี้มากที่สุดหรือเปล่า )เพราะเพื่อนบางคนที่เราไม่
เคยจะคาดหวังหรือคิดให้รับฟังบางครั้งเค้ากับเป็นคนที่เราพึ่งพาได้ยามเกิดปัญหา
ลองดูนะค่ะ...เพราะเพื่อนบางคนเค้าอาจจะมองดูเราอยู่เพียงแต่เค้ายังไม่กล้าเข้ามาพูดคุย
กับเราเพราะเรายังไม่เอ่ยปากเล่าก็ได้ค่ะ...เป็นกำลังใจสู้ๆค่ะ






"อยู่คนเดียวพึงระวังความคิด อยู่ในหมู่มิตรพึงระวังวาจา"

เพื่อนสนิทกว่าเค้าน่ะ มีค่ะ สนิทกันมาตั้งแต่ ม.1 แต่ว่า เค้าอยู่คนละที่กับหนู

หนูมักจะโทรไประบายให้เค้าฟังอยู่บ่อย ๆ เค้าก็บอกให้หนูเข้มแข็ง ให้หนูอดทน

หนูก็ได้แต่พยายามทำแหละค่ะ ไม่งั้นหนูก้จะไม่สบายใจเอง

มิตรแท้.....
1.มิตรอุปการะ เช่น เพื่อนประมาท ช่วยรักษาเพื่อน
เพื่อนมีภัย เป็นที่พึ่งพำนักได้
2.มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ เช่น บอกความลับแก่เพื่อน มีภัยอันตรายไม่ละทิ้ง
3.มิตรแนะนำประโยชน์ เช่น จะทำชั่วเสียหาย คอยห้ามปรามไว้ แนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี
4.มิตรมีใจรัก เช่น เพื่อนมีทุกข์ พลอยไม่สบายใจ เพื่อนมีสุขพลอยยินดี เขาติเตืยนเพื่อน ช่วย ยับยั้ง แก้ให้

เพื่อนของท่านน่าสงสารจังเลยครับ....

อย่าไปโกรธเพื่อนเลยครับ...ที่เขามีนิสัยชอบโอ้อวดเพราะเขากลัวการดูถูกจากคนอื่น เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนแอมากๆ ที่แสดงออกมาก็เพื่อปลอบใจตัวเอง แต่ก่อนอาจจะไม่เป็นธรรมชาติขนาดนี้หรอกครับ แต่พอทำบ่อยๆ ทำนานๆ จิตจึงอุปปาทานเป็นนิสัยกลายเป็นบุคลิกไปเลย...ยังไงก็เมตตาเพื่อนคนนี้มากๆนะครับ กรุณาเขาบ้างถ้าเราสามารถ

ส่วนปัญหาของเรา เกิดขึ้นที่เรา ก็ต้องจบที่เรา จบด้วยเรา...

ส่วนเรื่องแฟนก็เลิกแล้วก็เลิกไปครับ หมดวาสนากันแล้ว ถ้ายังไม่หมดวาสนาเดี๋ยวก็ต้องมีเหตุให้กลับมาอยู่ดีนั่นแหละครับ อย่าไปคิดมากครับ ใจเย็นๆ

มีคนชอบบอกพี่ว่าให้เราเข้าใจคน คนนั้นว่าเขาเป็นอย่างไรแล้ว เราจะทุกข์น้อยมาก หรือไม่ทุกข์เลย ซึ่งมันก็ได้ผลด้วยช่วยเปลี่ยนให้เราเข้าใจอะไรง่ายขึ้นมีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้นด้วย ลองทำดูนะ่เป็นกำลังใจให้สู้ๆๆๆ

ตอนนี้อาจจะยังตอบไม่ได้หรอกค่ะว่ามิตรแท้หรือมิตรเทียม ให้เวลาเป็นตัวตัดสินดีกว่าค่ะ บางทีคนที่เราคิดว่าเป็นมิตรแท้อาจจะเป็นมิตรเทียม คนที่เป็นมิตรเทียมอาจจะเป็นมิตรแท้ บางคนด้วยเพราะนิสัยที่โผงผางแต่มีใจที่ดีงามอาจถูกมองว่าเป็นมิตรเทียมก็ย่อมได้

บางคนดูภายนอกเป็นคนดีมีน้ำใจ ห่วงใย ความคิดภายในใจมีแต่ความอิจฉาริษยา ก็อาจถูกมองว่าเป็นมิตรแท้ ***ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนค่ะ*** บางทีคนที่เราคิดว่าเป็นมิตรเทียมอาจจะคือคนที่ยื่นมือช่วยคุณในอนาคตก็ได้ค่ะ ยังไงก็มีมิตรดีกว่ามีศัตรูนะค่ะ

อยากให้มองอย่างนี้ค่ะว่าเพื่อนของคุณเขามีนิสัยเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ควรเข้าใจนิสัยเขาค่ะ ยอมรับไปว่าเขาเป็นเช่นนั้น เราเปลี่ยนเขาให้ถูกใจเราไม่ได้ ขนาดเรายังไม่ถูกใจเราเองแล้วเขาจะมาถูกใจเราหรอ ใช่ไหม? พอเรามองอย่างเข้าใจ เราก็จะไม่อึดอัดใจค่ะ เราก็เคยเป็นนะค่ะเวลาเจอคนนิสัยไม่ถูกใจ แต่ก็พยายามปรับตัวเราให้เข้าใจเขาค่ะ การปรับใจของเราเป็นสิ่งที่ง่ายกว่าการปรับนิสัยคนอื่น

หรือไม่ก็ให้มองว่านิสัยของเพื่อนคนนั้นเป็นอย่างไร ถ้าไม่ดีก็มองไว้เป็นแบบอย่างว่าฉันจะไม่ทำนิสัยแย่ๆอย่างเธอก็ได้ค่ะ ("แบบว่าเสียชาติเกิด" ฮ่าๆ...ประโยคนี้อาจฟังดูแรงๆไป แต่เวลาเราโมโหมันใช้ได้จริงนะค่ะ)

ในขณะที่เรากำลังอึดอัดใจกับเขาเป็นวันหรือเดือนเพียงเพราะการกระทำของเขาครั้งคราว เขาก็ไม่ได้มาทุกข์อะไรกับเราด้วยซักหน่อยหนา ในวันที่เราเครียด เขาอาจจะนั่งร้องเพลงอย่างสบายใจ จริงไหมค่ะ

เราอยากจะแนะนำว่าสมมติถ้าเขาพูดอะไรแล้วคุณอึดอัดใจก็ให้ทิ้งคำพูดเขาไว้ตรงนั้นแหละค่ะ ไม่จำเป็นต้องเก็บมาคิด ก็คุยกันไปตามภาษาเพื่อนบ้าน เขาพูดอะไรมาก็รับฟังไปเฉยๆ ยิ้มไป อย่างน้อยคุณก็จะเป็นผู้ฟังที่ดีด้วยนะค่ะ ^^~

ถ้าคำแนะนำไม่ตรงใจอย่างไร ก็ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ