วันเวลาปัจจุบัน 26 ก.ค. 2025, 01:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 135 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 10:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




q228a34.gif
q228a34.gif [ 10.08 KiB | เปิดดู 4428 ครั้ง ]
อ้าวไปทำอะไรมานายโฮฮับมีคำเตือน :b32:


โฮฮับ
สมาชิกระดับ 12

ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ.2010, 5:53 pm
โพสต์: 2048
คำเตือน: 1

อายุ: 0

โฮฮิน้องรัก แนะนำ สร้างเวปเองเลยฟรีนะ สมัครปุ๊บใช้งานได้ทันทีตลอดชีวิต

http://fws.cc/whatisnippana/index.php


สมัครเร้ยยยย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
มนุษย์ปุถุชน มีชีวิตที่วุ่นวายกับความเป็นอยู่ด้านกาย ความเป็นไปทางวัตถุ เรื่องราวและเหตุการณ์ที่มักเครียดและร้อนรุม เมื่อพบปรากฏการณ์ที่เห็นว่าพ้นวิสัยกาย เหนือวัตถุ และลักษณะอาการที่สงบเย็น ดูลึกซึ้ง อันเห็นว่าเป็นผลสำเร็จทางจิต เป็นภาวะที่แปลกสะดุด ก็รู้สึกประทับใจได้ง่าย และเพราะขาดความรู้พื้นฐานทางด้านจิตใจ ก็ไม่สามารถแยกแยะพิจารณาว่าอันไหนเป็นอย่างไร จึงหลงเอาผลสำเร็จต่างระดับต่างประเภทมาสับสนปนเปกัน

มันไม่ถูกตั้งแต่ไปแนะนำน้องเขาแล้วว่า ให้กลับมาอยู่กับอารมณปัจจุบัน
แต่ดันบอกให้มาอยู่ที่ลม ที่น้องเขาเป็นแบบนี้ เพราะมันเริ่มต้นผิด ใช้ผัสะผิดไปจากความเป็นจริง
การทำกายานุปัสสนา ไม่ใช่การดูลมเฉยๆ เขาให้รู้ลม หายใจยาวก็รู้ หายใจสั้นก็รู้
รู้สั้น รู้ยาว รู้ไปตามความเป็นจริง การทำแบบนี้เพื่อให้เกิดปัญญาสัมมาทฐิ

หลักการผิด ทั้งนิมิตรและวิปัสนูกิเลสมันก็ตามมา จนเป็นอธิโมกข์
คิดว่าสิ่งที่เกิดเป็นจริงเป็นจัง



เห็นแล้ว ปลง อย่างที่เคยก่อนหน้าว่านายโฮฮิยก (อ้าง) ศัพท์แสงของเขา (บาลี) แล้วก็โยงเข้าบ้านนั้นออกบ้านนี้ให้มันเป็นที่น่าเชื่อถือ บอกตรงๆอนาถใจ

แล้วไม่มีความเห็นคัดง้างอะไรบางหรือ เห็นเขาโยงโน้นนี้หรือเห็นเขามั่ว
ก็เอาเหตุผลมาอ้างซิ ไม่ใช่มาบ่นประโยคซ้ำซาก :b13:


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้าวไปทำอะไรมานายโฮฮับมีคำเตือน :b32:
โฮฮับ
สมาชิกระดับ 12

ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ.2010, 5:53 pm
โพสต์: 2048
คำเตือน: 1

อายุ: 0

โฮฮิน้องรัก แนะนำ สร้างเวปเองเลยฟรีนะ สมัครปุ๊บใช้งานได้ทันทีตลอดชีวิต

http://fws.cc/whatisnippana/index.php
สมัครเร้ยยยย :b32:

จะมีอะไรซะอีกแล่ะ ก็ดันไปทำให้ผู้ดูแลแกเขม่นอย่างเคยนั้นแหล่ะ
นี่แกก็ไล่ตามลบความเห็นผมอยู่นี่ พักนี้เอาเป็นว่าเพราๆฝีปากลงหน่อย

ลุงกับผมก็หัวอกเดี่ยวกัน เรื่องโดนแบนเรื่องเล็ก เรื่องขี้เก็กเรื่องใหญ่ :b13:

สร้างเว็บเองหรือ ทำไมต้องหาเหาใส่หัว ที่มาพูดธรรมอยู่นี่
มันก็คันหัวรำคาญหูเต็มที่ นี่ถ้าไม่ได้ตั้งอนุโมทนากับธรรมตัวเองไว้
ไม่มาแสดงความเห็นทางธรรมให้ชาวบ้านเขาหมั่นไส้หรอกลุง :b13:


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
มนุษย์ปุถุชน มีชีวิตที่วุ่นวายกับความเป็นอยู่ด้านกาย ความเป็นไปทางวัตถุ เรื่องราวและเหตุการณ์ที่มักเครียดและร้อนรุม เมื่อพบปรากฏการณ์ที่เห็นว่าพ้นวิสัยกาย เหนือวัตถุ และลักษณะอาการที่สงบเย็น ดูลึกซึ้ง อันเห็นว่าเป็นผลสำเร็จทางจิต เป็นภาวะที่แปลกสะดุด ก็รู้สึกประทับใจได้ง่าย และเพราะขาดความรู้พื้นฐานทางด้านจิตใจ ก็ไม่สามารถแยกแยะพิจารณาว่าอันไหนเป็นอย่างไร จึงหลงเอาผลสำเร็จต่างระดับต่างประเภทมาสับสนปนเปกัน

มันไม่ถูกตั้งแต่ไปแนะนำน้องเขาแล้วว่า ให้กลับมาอยู่กับอารมณปัจจุบัน
แต่ดันบอกให้มาอยู่ที่ลม ที่น้องเขาเป็นแบบนี้ เพราะมันเริ่มต้นผิด ใช้ผัสะผิดไปจากความเป็นจริง
การทำกายานุปัสสนา ไม่ใช่การดูลมเฉยๆ เขาให้รู้ลม หายใจยาวก็รู้ หายใจสั้นก็รู้
รู้สั้น รู้ยาว รู้ไปตามความเป็นจริง การทำแบบนี้เพื่อให้เกิดปัญญาสัมมาทฐิ

หลักการผิด ทั้งนิมิตรและวิปัสนูกิเลสมันก็ตามมา จนเป็นอธิโมกข์คิดว่าสิ่งที่เกิดเป็นจริงเป็นจัง



เห็นแล้ว ปลง อย่างที่เคยก่อนหน้าว่านายโฮฮิยก (อ้าง) ศัพท์แสงของเขา (บาลี) แล้วก็โยงเข้าบ้านนั้นออกบ้านนี้ให้มันเป็นที่น่าเชื่อถือ บอกตรงๆอนาถใจ

แล้วไม่มีความเห็นคัดง้างอะไรบางหรือ เห็นเขาโยงโน้นนี้หรือเห็นเขามั่ว
ก็เอาเหตุผลมาอ้างซิ ไม่ใช่มาบ่นประโยคซ้ำซาก :b13:



เอานะ วิปัสสนูปกิเลสเกิดตอนไหน

อธิโมกข์ คือ อะไร เอาเท่านี้ก่อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

จะมีอะไรซะอีกแล่ะ ก็ดันไปทำให้ผู้ดูแลแกเขม่นอย่างเคยนั้นแหล่ะ
นี่แกก็ไล่ตามลบความเห็นผมอยู่นี่ พักนี้เอาเป็นว่าเพราๆฝีปากลงหน่อย

ลุงกับผมก็หัวอกเดี่ยวกัน เรื่องโดนแบนเรื่องเล็ก เรื่องขี้เก็กเรื่องใหญ่ :b13:

สร้างเว็บเองหรือ ทำไมต้องหาเหาใส่หัว ที่มาพูดธรรมอยู่นี่
มันก็คันหัวรำคาญหูเต็มที่ นี่ถ้าไม่ได้ตั้งอนุโมทนากับธรรมตัวเองไว้
ไม่มาแสดงความเห็นทางธรรมให้ชาวบ้านเขาหมั่นไส้หรอกลุง


นายโฮฮิชินะ ตามความเห็นกรัชกาย สมควรถูกแบน เพราะเคยเตือนมาแล้ว

ไปสร้างเวปเองก็เอาให้เต็มที่ ไม่มีใครว่า ถ้าอยู่นี่เขาหมั่นไส้นะหลานลุง ไปเถอะไป๊ :b1: ชิวววๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 13:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เอานะ วิปัสสนูปกิเลสเกิดตอนไหน
อธิโมกข์ คือ อะไร เอาเท่านี้ก่อน


แน่ะตาแก่นี่พูดไม่รู้ฟังเว้ย บอกว่าให้แสดงความเห็นบ้าง
ไม่ให้พูดจาเซ้าซี่ซ้ำซาก พูดไม่ทันขาดคำเอาอีกแหล่ะ :b32:
กรัชกาย เขียน:
นายโฮฮิชินะ ตามความเห็นกรัชกาย สมควรถูกแบน เพราะเคยเตือนมาแล้ว
ไปสร้างเวปเองก็เอาให้เต็มที่ ไม่มีใครว่า ถ้าอยู่นี่เขาหมั่นไส้นะหลานลุง ไปเถอะไป๊ :b1: ชิวววๆ

พูดไม่เคยไกลตัวเลย มันก็ตัวเองนั้นแล เว็บตัวเองก็มี
โดนแบนก็เคยโดนแบน พ้นโทษปั้บ ก็รีบโผล่ศีรษะมาเสนอหน้าเลยเชียว ไปชู่..ๆๆ

ไปแล้วคุยกับลุงเดียวชาวบ้านคิดว่าทะเลาะกัน เขาไม่รู้ว่าลุงวานให้ผม
ช่วยถอนผมขาวให้ ไปแล่ะ ฮา...ฮา :b32:


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 15:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าทะเลาะกันค่ะ เดี๋ยวกระทู้คุนน้องโดนล็อคอีก grin


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 15:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามตอบปัญหาข้อธรรมกันก็ว่าทะเลาะกัน เห็นกงจักรเป็นสามดอกจิกไปสะนี่ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:

เอานะ วิปัสสนูปกิเลสเกิดตอนไหน
อธิโมกข์ คือ อะไร เอาเท่านี้ก่อน


ไปแล้วคุยกับลุงเดียวชาวบ้านคิดว่าทะเลาะกัน เขาไม่รู้ว่าลุงวานให้ผม
ช่วยถอนผมขาวให้ ไปแล่ะ ฮา...ฮา



อ้างคำพูด:
หลักการผิด ทั้งนิมิตรและวิปัสนูกิเลสมันก็ตามมา จนเป็นอธิโมกข์คิดว่าสิ่งที่เกิดเป็นจริงเป็นจัง


พูดเองแท้ๆว่าหลักการผิด....จะเป็นยังงั้นแถมยังงี้ แล้วเป็นไง พอถามเข้าหน่อยว่าที่ตัวพูดนะเข้าใจไหม เข้าใจว่างัย เธอรู้หรือเปล่า วิปัสสนูปกิเลสเกิดตอนไหน น๊อยวิ่งหางโก่งออกทุ่งนาไปเลย ขำ :b9:

แล้วอธิโมกข์นั่นก็เป็นหนึ่งในวิปัสสนูปกิเลส 10 นั่นแหละ ไม่ใช่มาจากไหนร๊อก คิกๆๆๆ
แล้ววิปัสสนูปกิเลสเกิดเมื่อไหร่ตอนไหนดูที่นี่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... 8#msg15618

ธัมมุธัจจ์ 10 ดูนี่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=50.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 16:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
นายโฮฮิชินะ ตามความเห็นกรัชกาย สมควรถูกแบน เพราะเคยเตือนมาแล้ว

ไปสร้างเวปเองก็เอาให้เต็มที่ ไม่มีใครว่า ถ้าอยู่นี่เขาหมั่นไส้นะหลานลุง ไปเถอะไป๊ ชิวววๆ

.....................................................

นี่นะหรอที่สนทนาธรรม :b10:


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 16:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
อ้างคำพูด:
นายโฮฮิชินะ ตามความเห็นกรัชกาย สมควรถูกแบน เพราะเคยเตือนมาแล้ว

ไปสร้างเวปเองก็เอาให้เต็มที่ ไม่มีใครว่า ถ้าอยู่นี่เขาหมั่นไส้นะหลานลุง ไปเถอะไป๊ ชิวววๆ

.....................................................

นี่นะหรอที่สนทนาธรรม :b10:



นั่นความเห็นว่าสมควรถูกแบน เป็นความเห็นจ้า :b1: ส่วนเขาจะแบนหรือไม่เกี่ยวกับความเห็น :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 16:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ส่วนตัวว่าสมควรแบนน่ะ เหตุผลก็อย่างที่พูดไปหลายรอบแล้ว ว่าโฮฮับเอาชื่อธรรมะเขามาทำต้มยำทำแกง เสียหายหมด นี่ผิดร้ายแรง แบนไม่พอสมควรยึดทรัพย์ด้วยนิ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


สมาธิคุนน้องน่าจะเป็นแบบนี้ค่ะ
อธิโมกข์ (สัทธา) มีความเลื่อมใส ในพระรัตนไตรเป็นต้น อย่างแรงกล้า
อุปัฏฐานะ (สติ) สติมากเกินไป ระลึกถึงแต่เรื่องในอดีตและอนาคต จนทิ้ง
อารมณ์ปัจจุบันเสีย
อุเบกขา รู้สึกเฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย ใจลอย หลงๆลืมๆ เป็นต้น อะไรมากระทบก็เฉยๆ ขาดการกำหนด ปล่อยใจไปตามอารมณ์
onion


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 19:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวหนังสือสีแดงจะเป็นที่น้องก้องพิมพ์ไว้นะ
ส่วนที่เป็นตัวหนังสือสีน้ำเงินจะเป็นคำถามที่ผมถามให้น้องก้องตอบให้ฟัง
จะไ้ด้เอาไปประมวลผลมาพูดอะไรให้ฟังได้
ให้เข้าใจตามนี้
คือช่วงนี้คุนน้องนั่งสมาธิและตามรู้ดูจิตของตน อธิบายสภาวะไม่ถูกแฮะ คือคุนน้องหลับตาและประสาทการรับรู้ของตนมันชัดขึ้น คือตามรู้ผัสสะที่เกิดขึ้นในร่างกาย รู้สึกหน้าตัวเองมีอาการชาสักพักก็หายไป แล้วต่อมาก็เริ่มรู้ว่าปวดหนึบๆตรงระหว่างคิ้วสักพักก็หายไป ต่อมาก็รู้สึกถึงแรงพัดลมที่มากระทบใบหน้าและเส้นผม ได้ยินเสียงฝีเท้าของแม่เดินผ่านไปผ่านมา(หลับตาอยู่นะเจ้าค่ะ) สักพักจิตจะสะดุ้งเฮือกใหญ่เลยเมื่อได้ยินอะไรที่ดังขึ้นกว่าปกติ คือจิตเรามันสงบแล้วมาเจอเสียงทำให้เราสะดุ้งแต่ก็กำหนดรู้ไปว่าเราสะดุ้ง แต่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย แบบนี้คุนน้องควรจะเลิกนั่งดีไหมเจ้าค่ะ ถ้าเราเข้าสมาธิระดับลึกแล้วมาเจอเสียงดังๆแล้วเราตกใจแบบนี้กลัวกรรมฐานแตก มีวิธีแก้ไขยังงัยดีเจ้าค่


ถ้ายังตกใจง่ายๆอยู่อย่างนี้แสดงว่าสติยังอ่อนอยู่มากๆนะ
คนที่มีสติแข็งๆเวลาอยู่ๆมีอะไรหล่นตูมลงมาข้างๆตัว
เช่นไปยืนอยู่ใต้ต้นมะพร้าวแล้วเกิดมีมะพร้าวหล่นลงมาตูม
ข้างตัวเขาจะไม่สะดุ้งอย่างกระโดดขึ้นหรือร้องจ๊ากอะไรขึ้นเลยนะ
เขาจะนิ่งเฉยเลยล่ะ ส่วนพวกที่สติอ่อนก็จะตรงกันข้าม
แล้วคุณน้องเป็นยังไง ถ้านั่งหันหลังอยู่ดีๆมีเพื่อนเอามือเย็นๆมา
จับที่แขนเรา...สะดุ้ง...อะไรหรือเปล่า

หรือนั่งหันหลังอยู่ดีๆแล้วมีเพื่อนมาตะโกนใส่ทางข้างหลังเรา
แล้วสะดุ้งไหม ถ้ายังสะดุ้งอยู่ก็ต้องฝึกสติให้มากๆ

น้องก้องฝึกกำหนดสติระหว่างวันยังไงกันบ้าง
ได้กำหนดสติแต่ตอนนั่งสมาธิเท่านั้นเหรอ
นั่งวันหนึ่งได้นานแค่ไหน???
แล้วไปเข้าเว็บหรือดูยูทูปดูโทรทัศน์นานแค่ไหน
ในแต่ละวัน


ที่เห็นน้องก้องเล่าการทำสมาธิตอนนั่งมา
รู้สึกว่าน้องก้องชอบจะส่งจิตออกนอก
ไปตามสิ่งที่เข้ามากระทบนะ
พออะไรเข้ามากระทบนิดหน่อยก็ส่งจิตไปตามแล้ว
อย่าส่งจิตไปตามอย่างนั้นสิ่
พออะไรมันมากระทบก็อย่าไปสนใจมัน
ให้มากำหนดลมหายใจต่อ
หรือไม่งั้นก็มากำหนดบริกรรม...พุทโธๆๆๆ...ต่อ

อย่าไปกำหนดดูที่หน้าหรือที่หว่างคิ้วอะไร
ลมอะไรมันจะพัดมาก็ช่างมันเถอะ
หว่างคิ้วมันจะปวดหนึบๆก็ช่างมันอย่าไปสนใจ
ให้กำหนดอยู่ที่ใจระลึกรู้ลมหายใจเข้าออก
เพียงเท่านั้นก็พอ
หรือนึกบริกรรมแต่พุทโธเท่านั้นพอ
อย่างอื่นที่เข้ามาสัมผัสอย่าไปสนใจฟังสนใจดูสนใจคิดทั้งนั้น
เพราะมันจะเป็นการส่งจิตออกนอกไปแล้ว
ออกนอกไปจากการกำหนดรู้ภายในใจตัวเอง

อันนี้อะไรมากระทบเข้าที่ส่วนไหนของร่างกาย
ก็หันไปสนใจทั้งหมด
แล้วจิตมันจะรวมสงบเข้าสู่ความเย็นใจได้ยังไง
แล้วนั่งได้แต่ละครั้งนานแค่ไหน ถึงชั่วโมงหรือเปล่า???

คือช่วงนี้คุนน้องนั่งสมาธิและตามรู้ดูจิตของตน

ที่ผมอ่านมานั่นไม่ใช่ตามดูรู้จิตของตนแล้ว
แต่มันตามไปดูไปรู้ส่งออกนอกจิตใจของตัวเองต่างหาก
ถ้าน้องก้องยังนั่งอยู่อย่างนี้แล้วตกใจอยู่อย่างนี้บ่อยๆ
ผมว่าควรจะเปลี่ยนมากำหนดสติด้วยการเดินจงกรมนะ
ได้ผลไม่ด้อยไปกว่าการนั่งสมาธิเลยแหละ
ถ้าน้องก้องเดินจงกรมสร้างสติได้ดีมากๆ
เวลาไปนั่งจะสงบได้เร็ว
ถ้ามีเสียงอะไรเข้ามากระทบก็จะไม่ตกใจ
เพราะสติแข็งแกร่ง

แต่ตอนนี้ผมว่า...อย่าพึ่งไปพูดเรื่องจิตรวมหรือว่าไม่รวมเลยนะ....
เอาแค่ว่า...ให้มีความสุขเย็นใจอยู่กับการเดินจงกรมได้นานๆหรือเปล่า???
หรือให้มีความสุขเย็นใจอยู่กับการนั่งสมาธิได้นานๆหรือเปล่า????
ก่อนจะดีไหม

ไม่ใช่ว่านั่งสมาธิหรือเดินจงกรมยังไม่ถึงชั่วโมง
ก็อยากจะไปดูหนังไปฟังเพลงไปดูคลิปยูทู๊ปแล้ว
แบบนั้นจะภาวนาไปได้เรื่องได้ราวอะไรกันล่ะ

ถ้าใจเราสงบเย็นนะ
จะเดินจงกรมหรือจะนั่งสมาธิแค่ชั่วโมงหรือสองชั่วโมงเป็นเรื่องจิ๊บๆเลย
แต่ถ้าใจเราไม่สงบกำลังสติน้อย
นั่งแค่ชั่วโมงเดียวก็เหมือนยังกับนั่งเป็นสองสามชั่วโมงไปเลย


ไม่ใช่เอาเรื่องปฏิบัติธรรมถือศีลมาปิดกั้นตนเอง คุนน้องจะทำอย่างนางวิสาขา ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรว่าม่ะ
แล้วตอนนี้ยังคิดว่าการรักษาศีลเป็นการปิดกั้นตัวเองอยู่อีกเหรอ???
ถูกแล้วนะการรักษาศีลเป็นการปิดกั้นตัวเองให้พ้นจากกิเลสที่มันต่ำๆต่างหาก
ปิดกั้นไม่ให้เราลงไปสู่ที่ต่ำได้งัยล่ะ

เอาแค่คุมจิตตัวเองไม่ให้มันไปหาความสุขจากการดูหนังฟังเพลง
เท่านี้ก็ทำให้ได้ก่อนเถอะนะตอนนี้
ไม่งั้นการปฏิบัติก้าวหน้าไปได้ยาก
เพราจุดหมายของการปฏิบัติก็คือ
จะต้องละสิ่งที่จิตไปติดข้องในโลก
ซึ่งก็คือติดข้องในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส
จากการดุหนังฟังเพลงเล่นเกมดูบอลดูกีฬาต่างๆ
ต้องละเลิกสิ่งเหล่านี้ให้ได้ทั้งหมดถึงจะ
ทำจิตให้สงบเย็นได้รวดเร็ว
ทำให้จิตเป็นตัวของตัวเองไม่ไปตกเป็นทาสของรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสจากหนังจากละครจากการดูวิดิโออะไรต่างๆทั้งจากยูทูปหรือจากอะไรก็ตาม ถ้าอยากก้าวหน้าไวก็ต้องละสิ่งเหล่านี้ให้ได้ทั้งหมด

และสติไม่ต้องไปเจริญให้ได้สัดส่วนอะไรกับสัมปชัญญะเน้อ
ยิ่งเจริญให้มากเท่าไรยิ่งดีไม่มีผิด
ให้หัดเจริญสติสร้างสติตุนเอาไว้ให้มากๆเลยเยอะๆเลยมากเท่าไรได้ยิ่งดี
ถ้ามีสติมากๆยิ่งจะทำให้จิตสงบเย็นได้เร็วให้จำไว้

เอาเท่านี้ก่อนแล้วกันนะ
ให้น้องก้องอ่านตามที่ผมเขียนเอาไว้นี้แล้วหากสงสัยอันไหนก็ให้ถามมาแล้วกัน
จะคอยตอบให้จนถึง 3 ทุ่ม แล้วก็จะหยุด
เพราะต้องไปภาวนาต่อ
ให้ทำเหมือนการ chat นั่นแหละแต่เป็นการ chat ในกระทู้


โพสต์ เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 20:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอโพสต์เพิ่มอีกหน่อยก็แล้วกันนะ
อันนี้เป็นอันที่ผมได้ไปโพสต์เอาไว้ในกระทู้ของคุณbigtoo
ซึ่งจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำสมาธิอยู่ก็เลยก๊อปเอามาไว้ที่นี่
ให้อ่านได้เลย ที่อยากให้น้องก้องอ่านในนี้ก็คือ
ให้พยายามอ่านทำความเข้าใจวิธีใช้การภาวนาในรูปแบบ
คือการเดินจงกรมนั่งสมาธิอย่างเป็นการเป็นงานนั้น
มาใช้ในการตรวจสอบการกำหนดตั้งสติในตลอดทั้งวันของเรา
ว่าในแต่ละวันเราสามารถที่จะตั้งสติตลอดทั้งวันได้ดีหรือได้ไม่่ดีกันแน่

ถ้าใช้การภาวนาทำความเพียรในรูปแบบอย่างนี้มาตรวจสอบก็จะทำให้
เรารู้สภาพขอจิตเราในวันนี้ว่าเราสามารถสร้างสติได้มากหรือสร้างได้น้อยได้เลย
รู้ได้ยังไงก็เข้าไปอ่านทำความเข้าใจดูเองก่อนแล้วกัน
ถ้าสงสัยอะไรก็ค่อยโพสต์ถามแ่ต่ละจุดอีกที






ต้องฟิตตัวเองในการปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา ถ้าเผลอขี้เกียจในการปฏิบัติเมื่อไร
ก็จะทำให้กิเลสมันได้โอกาสที่จะสั่งสมกำลังของมันให้มีกำลังมากขึ้น
แล้วทีนี้มันก็จะฉุดจะลากเราให้ออกจากสิ่งที่เราได้อธิษฐานเอาไว้
แบบที่ท่านอโศฯเรียกว่า...มันตีกลับ...นั่นแหละ

แต่ถ้าเราไม่ประมาท
ด้วยการใช้ข้อปฏิบัติทั้ง...สังวรธรรมสำรวมอายะตนะ...
สำรวมทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ไม่ให้ไปแตะต้องสิ่งที่มันจะไปเพิ่มกำลัง
โดยอัติโนมัติให้กับกิเลส
และเพียรสร้างกำลังของสติด้วยการขยันหมั่นเดินจงกรม
หรือนั่งสมาธิภาวนาให้มากๆ เพื่อเป็นการตรวจสอบจิตใจของเราดูว่าในระหว่างตลอดวัน
ทั้งวันนั้นเราตั้งสติได้ต่อเนื่องดีหรือเปล่า???

ถ้าวันไหนเราตั้งสติในช่วงตลอดทั้งวันนั้นได้ต่อเนื่อง
เมื่อเรามาตรวจสอบจิตใจของเราด้วยการนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมในรูปแบบในวันนั้น
จะทำให้เรานั่งสมาธิ หรือ เดินจงกรมนานๆ ระดับ 2 - 3ชั่วโมงได้อย่างสบายๆ
ไม่รู้สึกเหมือนใจจะขาดจะเป็นจะตายเอาให้ได้แบบทำนองนั่งแค่ 1 ชั่วโมง
แต่ว่ารู้สึกยาวนานเหลือเกินเหมือนยังกับนั่งตั้ง 3 - 4 ชั่วโมง
ถ้าเกิดเป็นในลักษณะกรณีนี้ขึ้นมาในวันไหน
ก็แสดงว่าในวันนั้นเราตั้งสติได้ไม่ดี มีการเผลอสติบ่อยมาก
จนแสดงผลให้เราได้รู้ได้เห็น
ตอนเรานั่งสมาธิเดินจงกรมทดสอบจิตใจในแต่ละวันนั่นแหละ


คือเราต้องหมั่นทดสอบจิตใจในแต่ละวัน
ด้วยการเดินการนั่งในรูปแบบด้วยนะผมว่า
ถ้าจะมีแต่แค่การทำนอกรูปแบบอย่างเดียวจะพลาดได้ง่ายมาก
เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องวัดใจ
ของเราว่าในช่วงระหว่างตลอดทั้งวันนั้นเราตั้งสติได้ดีแค่ไหน???


ส่วนเรื่องปัญญานั้น สำหรับผมก็ อ่านก็ศึกษาจากธรรมะขององค์หลวงตา
แล้วพยายามพิจารณาให้เข้าใจตามหลักความจริง ที่ท่านสอนชี้แนะเอาไว้ให้ได้
ต้องหมั่นขยันฟังเทศน์ด้วยนะครับ ปัญญาถึงจะก้าวรุดหน้าไปได้เร็ว
ถ้ามีแต่จะพิจารณาด้วยตัวเองมันช้านะ ไม่เร็วเหมือนกับได้ฟังเทศน์ท่านช่วยเราด้วย

ที่ผมว่ามาทั้งหมดนี้เป็นการปฏิบัติในแนว ศีล สมาธิ ปัญญา
อันเป็นแนวที่องค์หลวงตามหาบัว ท่านพาดำเนินมานะครับ

ศีล ก็คือ การนำข้อปฏิบัติในเรื่องสังวรธรรม และ ธุดงควัตรเข้ามาช่วย ตัดกำลังกิเลสไม่ให้
มันมีโอกาสสั่งสมกำลังขึ้นมา ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ส่วนสมาธิ ก็คือการทำความเพียรสร้างสติ เพื่อให้สมาธิความสงบร่มเย็นเกิดขึ้นปรากฎขึ้น
ภายในจิตใจของเราให้ได้ จนเราพึ่งความสงบเย็นภายในใจของเราเองได้โดยไม่ต้องไปหาความสุขจากสิ่งภายนอกให้เข้ามาแปดเปื้อนใจเราให้สกปรกอีก
ส่วนด้านปัญญา ก็คือ ให้หมั่นขยันฟังเทศน์ครูบาอาจารย์องค์ที่ท่านได้รู้ได้เห็นธรรมที่แท้จริงแล้ว
เช่นองค์หลวงตามหาบัว แล้วก็พยายามพิจารณาให้รู้ให้เข้าใจตามที่ท่านแนะสอนเอาไว้ให้ได้
จนสามารถปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า ปล่อยวางความยึดมั่นว่าเป็นเราเป็นเขาได้
และละการติดการข้องในสิ่งใดๆในโลกนี้ให้ได้ทั้งหมด
ก็จะพ้นจากโลกอันเต็มไปด้วยความทุกข์นี้ได้เสียทีครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 135 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร