วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 22:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 110 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 23:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยู่...ก็ช่วยมาถือหางเสือ..หน่อยดิ
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2011, 00:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b17: :b17: ลื่นไหลไปตามอาการของจิต ระเนระนาดเลยครับ :b32: :b32:

:b12: :b12: :b12: :b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2011, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


Yodyood เขียน:
การใช้ความคิดต่างๆในชีวิตประจำวันนี่คุณ narapan นับว่าเป็นการปรุงแต่งไหม?




narapan เขียน:
:b46: อยู่ที่จิตของแต่ละคนครับ




ขออภัยนะคะ ต้องบอกว่า แล้วแต่ว่าสติจะทัน ณ ขณะนั้นๆไหมเท่านั้นเอง

ถ้ามีความคิด แล้วสติไม่ทัน ย่อมไหลไปตามสิ่งที่มากระทบหรือความคิดที่เกิดขึ้น ขณะนั้นๆ

หากสติทัน รู้ทันความคิดที่เกิดขึ้นขณะนั้นๆ ความคิดย่อมดับลง จะปรุงแต่งมากน้อยแค่ไหน อยู่ที่สติว่ารู้ทันมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่บอกว่า แล้วแต่จิต



เหมือนกับคำถาม ที่มีคำถามว่า อะไรไหล อะไรนิ่ง

ที่ไหลเพราะอะไร ที่นิ่ง เพราะอะไร


ลองตอบคำถามกันดูนะคะ เป็นคำถามของนักเปรียญธรรม ๘ ประโยคท่านเคยถามมา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2011, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สภาวะของฌาน ที่ได้บอกไปบ้างแล้วนั้น เป็นสภาวะแบบหยาบๆ ยังมีสภาวะที่ละเอียดมากกว่านี้ค่ะ

เรียกว่า สภาวะทั้งภายนอกและภายใน จะมีรายละเอียดของตัวสภาวะ แต่ละขณะของกำลังสติ สัมปชัญญะและสมาธิ เป็นหลัก

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2011, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2011, 05:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Yodyood เขียน:
การใช้ความคิดต่างๆในชีวิตประจำวันนี่คุณ narapan นับว่าเป็นการปรุงแต่งไหม?

narapan เขียน:
:b46: อยู่ที่จิตของแต่ละคนครับ

ใช่ครับคุณนราพรรณ การใช้ชีวิตประจำวันทุกคนล้วนต้องใช้ความคิดครับ
แต่ความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ที่ว่าไม่เหมือนกัน ไม่ใช่เนื้อหาของความคิด
แต่เป็นคุณสมบัติของความคิดครับ
ความคิดของบางคนเป็น การปรุงแต่ง แต่บางคนเป็นมรรคครับ

การใช้ชีวิตมันจำเป็นต้องมีความคิดเข้ามาเป็นส่วนประกอบเสมอ
อย่างในอธิศีลเรื่องของ พูดชอบ ทำชอบ เลี้ยงชีพชอบ ก็ล้วนต้องอาศัยความคิด
เป็นองค์ประกอบ

ส่วนความคิดที่เป็นการปรุงแต่ง มัมมีลักษณะนอกเหนือจากที่กล่าวมาครับ
มันเป็นได้ทั้งกุศลและอกุศล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2011, 10:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
ทำกระทู้เขาเสียหมด เวร...! :b32:


เจ้าของกระทู้ผู้ถือหางเสือ..ไม่อยู่

ก็เลย..ไปตามเวณตามกรรม..อย่างนี้นี่แหละ...
:b32:


ขออภัยครับ

เจ้าของกระทู้เกิดแพ้ภูมิต้องรับปทานยากดภูมิแพสลืมสลือ

ไปตามเวรตามกรรมเช่นกันครับ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2011, 10:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ความคิดก็เป็นจิต ใช่ไหมครับ

ความคิดที่เกิดดับหรือปรุงแต่งยิ่งมากมาย ยิ่งรวดเร็ว คือ อุธัจจะ กุกุจจะ ใช่ไหมครับ

เราจึงต้องปฏิบัติกรรมฐาน คือ ตั้งฐานของสติเพื่อควบคุมความคิด ให้เหลืออารมณ์เดียวเรียกว่าเอกัคคตาจิต

เป็นหัวหอกแทงทะลุอวิชชา จนเห็นปัญญาญาณที่ถูกอวิชชาบดบังเอาไว้

สภาวะความคิดเดียวเช่นนี้เรียกว่าฌาณ

ฌาณก็ยังเป็นจิตที่ปรุ่งแต่งครับ

เวทยิตนิโรธก็ยังปรุ่งแต่งครับ

อรหันต์จึงหมดเชื้อปรุ่งแต่ง

แต่ไม่ใช่หมายว่าไม่ปรุ่งแต่ง


ครับผ้ม


.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2011, 10:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


http://fws.cc/whatisnippana/index.php?board=2.0

ชาวพุทธเรา น่าจะเรียนหลักศาสนาโดยตรงบ้างนะ จะได้รู้เข้าใจศัพท์ทางศาสนาบ้างว่า ศัพท์นี้ๆๆ ได้แก่อะไร เขาหมายถึงอะไร หากเอาแต่ถือตาม ๆ กันมากันไปก็มั่วเลอะเทอะ

ศัพท์ว่า ฌานก็ดี สมถะก็ดี ได้แก่ สมาธิ หากจะพูดก็นึกในขอบเขตความหมาย สมาธิ

คำว่า วิปัสสนา สัมปชัญญะ วิชชา ญาณ ปริญญา อภิญญา ปฏิสัมภิทา อัญญา พุทธิ โพธิ สัมโพธิ...เป็นต้นเหล่านี้ก็เป็นอีกชื่อหนึ่งของ ปัญญา คือ สาระได้แก่ปัญญา หากจะหยิบขึ้นพูด ก็พูดก็นึกในความหมายปัญญา


ท่านว่า สมาธิทำให้จิตตั้งอยู่ในอารมณ์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้องค์ธรรมที่เกิดร่วมกับมันผนึกประสานกันอยู่ ไม่พร่า ไม่ฟุ้งกระจาย อุปมาเหมือนน้ำผนึกประสานแป้งเข้าเป็นก้อนเดียว และทำให้จิตสืบต่ออย่างนิ่งแน่วมั่นคง เหมือนเปลวเทียนในที่สงัดลม ติดไฟสงบนิ่ง ลุกไหม้ไปเรื่อยๆ สองแสงสว่างสม่ำเสมอเป็นอย่างดี

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2011, 10:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญา - ความรอบรู้, ความรู้ทั่ว ความรู้ชัด คือ รู้ทั่วถึงความจริง หรือรู้ตรงตามความเป็นจริง

ท่านขยายความออกไปต่างๆ เช่น ว่า รู้เหตุรู้ผล รู้ดีรู้ชั่ว รู้ถูกรู้ผิด รู้ควรไม่ควร รู้คุณรู้โทษ รู้ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ รู้เท่าทันสังขาร รู้องค์ประกอบ รู้เหตุปัจจัย รู้ที่ไปที่มา รู้ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งทั้งหลาย รู้ตามความเป็นจริง รู้ถ่องแท้ เข้าใจถ่องแท้ รู้เข้าใจสภาวะ รู้คิด รู้พินิจพิจารณา รู้วินิจฉัย

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2011, 10:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญา แปลพื้นๆว่า ความเข้าใจ หมายถึงเข้าใจถูก เข้าใจชัด หรือ เข้าใจถ่องแท้ เป็นการมองทะลุสภาวะ หรือ มองทะลุปัญหา
ปัญญาช่วยเสริมสัญญา และวิญญาณ ช่วยขยายขอบเขตของวิญญาณให้กว้างขวางออกไป และลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่องทางให้สัญญามีสิ่งกำหนดหมายรวมเก็บได้มากขึ้น เพราะเมื่อเข้าใจเพียงใด ก็รับรู้และกำหนดหมายในวิส้ยแห่งความเข้าใจเพียงนั้น

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2011, 10:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


นามธรรมเกิดขึ้นขณะหนึ่งๆ มิใช่มีเพียง สมาธิ หรือ ปัญญาตัวเดียว ยังมีสัมปยุตธรรมที่เกิดร่วมกับมันอีกตามสมควร เช่น เจตนา มนสิการ ผัสสะ เป็นต้น

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2011, 10:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ะวางสามตัวอย่างให้พิจารณาดูก่อน

คราวหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ ณ เมืองอาตุมา มีฝนตกหนักมาก ฟ้าคะนอง เสียงฟ้าผ่าครื้นครั่นสนั่นไหว ชาวนาสองพี่น้อง และโคสี่ตัวถูกฟ้าผ่าตายใกล้ที่ประทับนั่นเอง พระพุทธเจ้าทรงอยู่ด้วยวิหารธรรมอันสงบ ไม่ได้ยินเสียงทั้งหมดนั้นเลย
(ที.ม.10/120-1/152-3)

อีกตัวอย่างหนึ่ง

อาฬารดาบส กาลามโคตร ระหว่างเดินทางไกล นั่งพักกลางวันอยู่ใต้ร่มไม้แห่งหนึ่ง มีกองเกวียนประมาณ 500 เล่ม ขับผ่านไปใกล้ๆ ท่านก็ไม่ได้ยินเสียงกองเกวียนนั้นเลย

อีกตัวอย่างหนึ่ง

มีเรื่องเล่าว่า พระเจ้านะโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศล มีพลังจิตสูง ประสงค์คิดเรื่องไหนเวลาใดก็คิดเรื่องนั้นเวลานั้น ไม่ประสงค์คิดเรื่องใดเวลาใด ก็ไม่คิดเรื่องนั้น เปรียบสมองเหมือนมีลิ้นชักจัดแยกเก็บเรื่องต่างๆ ไว้เป็นพวกๆ อย่างมีระเบียบ ชักออกมาใช้ได้ตามต้องการ แม้อยู่ในสนามรบท่ามกลางเสียงปืนเสียงระเบิดกึกก้อง เสียงคนเสียงม้าศึกวุ่นวายสับสน ก็มีกิริยาอาการสงบ คิดการณ์ได้เฉียบแหลมเหมือนในสถานการณ์ปกติ หากต้องการจะพักผ่อน ก็หลับได้ทันที

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2011, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องฌาน หรือ สมาธิ คิดนึกเอาคงนึกไม่ออก เพราะไม่เคยสัมผัส ถึงอ่านหนังสืออ่านตำรามามากก็เหมือนกัน เพราะอะไร ? เพราะจิตมนุษย์ปกติยังลึกไม่ถึง น้ำหนักไม่พอ อุปมาเหมือนตอกตะปู น้ำหนักเบาไปก็ตอกไม่เข้า ไม่เคยตอก ตอกไม่เป็นก็ตอกไม่เข้าเนื้อไม้ ฝืนตอกก็อาจกระเด็นไส่ตาตนเอง

ฌานสมาบัติทั้งหลาย นอกจากจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการปฏิบัติเพื่อบรรลุนิพพานแล้ว บางครั้งท่านยังเรียกเป็นนิพพานโดยปริยาย คือโดยอ้อม หรือโดยความหมายบางแง่บางด้านอีกด้าย เช่น มีพุทธพจน์ตรัสเรียกฌาน 4 อรูปฌาน 4 และสัญญาเวทยิตนิโรธ แต่ละอย่างๆว่า เป็นตทังคนิพพานบ้าง ทิฏฐธรรมนิพพานบ้าง สันทิฏฐิกนิพพานบ้าง เช่น ข้อความในบาลีว่า

"ภิกษุสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม ฯลฯ เข้าถึงปฐมฌาน แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่าเป็นทิฏฐธรรมนิพพานโดยปริยาย
ฯลฯ ภิกษุก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ เพราะเห็นด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายเของเธอก็หมดสิ้นไป แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพานโดยนิปปริยาย (โดยตรง)" - (องฺ.นวก.23/237,251,255/425,476)

ผู้ที่มองเห็นขันธ์ 5 ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาแล้ว หมดความหวาดสะดุ้งอยู่เป็นสุข ท่านก็เรียกว่าเป็นผู้ตทังคนิพพาน"

(สํ.ข.17/88/54)

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2011, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องฌาน หรือ สมาธิ คิดนึกเอาคงนึกไม่ออก เพราะไม่เคยสัมผัส ถึงอ่านหนังสืออ่านตำรามามากก็เหมือนกัน เพราะอะไร ? เพราะจิตมนุษย์ปกติยังลึกไม่ถึง น้ำหนักไม่พอ อุปมาเหมือนตอกตะปู น้ำหนักเบาไปก็ตอกไม่เข้า ไม่เคยตอก ตอกไม่เป็นก็ตอกไม่เข้าเนื้อไม้ ฝืนตอกก็อาจกระเด็นไส่ตาตนเอง

ฌานสมาบัติทั้งหลาย นอกจากจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการปฏิบัติเพื่อบรรลุนิพพานแล้ว บางครั้งท่านยังเรียกเป็นนิพพานโดยปริยาย คือโดยอ้อม หรือโดยความหมายบางแง่บางด้านอีกด้าย เช่น มีพุทธพจน์ตรัสเรียกฌาน 4 อรูปฌาน 4 และสัญญาเวทยิตนิโรธ แต่ละอย่างๆว่า เป็นตทังคนิพพานบ้าง ทิฏฐธรรมนิพพานบ้าง สันทิฏฐิกนิพพานบ้าง เช่น ข้อความในบาลีว่า

"ภิกษุสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม ฯลฯ เข้าถึงปฐมฌาน แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่าเป็นทิฏฐธรรมนิพพานโดยปริยาย
ฯลฯ ภิกษุก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ เพราะเห็นด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายเของเธอก็หมดสิ้นไป แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพานโดยนิปปริยาย (โดยตรง)" - (องฺ.นวก.23/237,251,255/425,476)

ผู้ที่มองเห็นขันธ์ 5 ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาแล้ว หมดความหวาดสะดุ้งอยู่เป็นสุข ท่านก็เรียกว่าเป็นผู้ตทังคนิพพาน"

(สํ.ข.17/88/54)

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 110 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร