วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 06:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 54, 55, 56, 57, 58, 59, 60, 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 25 ม.ค. 2016, 14:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนและครูบาอาจารย์บอกกล่าวล้วนเป็นสิ่งที่ดีไม่มีอะไรต้องขัด

ก็นี่ต้องการแสดงให้กบได้ฟังอีก 1 สำนวน กบจะเชื่อไม่เชื่อ เห็นด้วยไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่องของกบนะครับ
:b38:


โพสต์ เมื่อ: 25 ม.ค. 2016, 21:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมสังเกตุว่า...อโสกะชอบสำนวนแปลก ๆ...ซึ่งเป็นสำนวนที่สุ่มเสี่ยงจะเป็นสัทธรรมปฏิรูปเสียด้วย

มันก็แปลกนะ...อาจเป็นบุญเป็นกรรมเฉพาะตนของอโสกะละมั้ง

มาคิดดู..ก็อาจไม่แปลก...ศีลยังไม่เข้าอธิศีล..แต่เข้าใจว่าเข้าอริยะซะแล้ว...นี้ดูจะประมาทอยู่มาก


โพสต์ เมื่อ: 25 ม.ค. 2016, 22:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค

โอรัมภาคิยสูตร
โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕


[๓๔๙] สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ อย่างนี้
๕ อย่างเป็นไฉน? คือ สักกายทิฏฐิ ๑ วิจิกิจฉา ๑ สีลัพพตปรามาส ๑ กามฉันทะ ๑ พยาบาท ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ อย่างนี้แล.

[๓๕๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง
เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุ
ควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ ฯลฯ


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค


อุทธัมภาคิยสูตรที่ ๑
อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕


[๓๕๑] สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องสูง ๕ อย่างนี้
๕ อย่างเป็นไฉน? คือ รูปราคะ ๑ อรูปราคะ ๑ มานะ ๑ อุทธัจจะ ๑ อวิชชา ๑ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย สังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องสูง ๕ อย่างนี้แล.
[๓๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง
เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องสูง ๕ อย่างนี้แล
อริยมรรคอัน
ประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ
อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อัน
อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญ
อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละสังโยชน์
อันเป็นส่วนเบื้องสูง ๕ อย่างนี้แล.

จบ สูตรที่ ๑๐


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0


โพสต์ เมื่อ: 26 ม.ค. 2016, 09:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
โห....อธิศีล กบรู้โดยการปฏิบัติจริงหรือเปล่าว่า อธิศีลนั้นมันเป็นอย่างไร?
อย่าอธิบายโดยลอกตำรานะ!

แล้วทีลอกคัมภีร์ อ้างพุทธวัจจนะมาแปะให้อ่านนี้ กบสังเกตให้ดีๆ เห็นหรือเปล่าว่าพระพุทธองค์ทรงเน้นเรื่องการเจริญมรรค 8 แต่ไม่ทรงบอกปฏิบัติการของการเจริญมรรค 8 ในภาษาชาวบ้านอย่างที่เราจะเข้าใจง่ายๆ มีหลายอย่างหลายคำที่ต้องแปล อธิบาย ขยายความต่อไปอีก

แล้วประเด็นที่อโศกะ ย้ำถามกบซ้ำแล้วซ้ำอีกนั้นมันมีให้คัดลอกในคัมภีร์
เพราะอโศกะต้องการให้กบแสดง

ปฏิบัติการของการเจริญมรรค 8 ในภาษาชาวบ้านๆ ฟังรูเรื่องง่าย ๆ เขาทำกันยังไง?

เล่าให้ฟังหน่อย นักวิชาการกบ
:b17: :b17:


โพสต์ เมื่อ: 26 ม.ค. 2016, 20:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นี้คือตัวอย่าง...ที่สติไม่ดี..สังวรศีลไม่ทัน...
อธิศีลนะ...แค่คิดจะทำ..จิตมันก็เห็นความผิดแล้ว...มีสติในศีลเสมอ...จะไม่พลาด

asoka เขียน:


เมตตาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ เผื่อกัลยาณมิตรทั้งหลายจะได้วิธีการดีๆใหม่ๆจากข้อชี้แนะของอาจารย์กบ

ขอบพระคุณ

smiley


กบนอกกะลา เขียน:
หากไม่ได้พูดจากใจจริง...พูดอย่างนี้..เท่ากับ..มุสาคือพูดเท็จ...สัมผัปปลาปะ คือการพูดเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไม่เป็นสาระ

อิอิ....ศีลก็ให้สังวรใว้ดีดี...มีสติ :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2016, 06:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
นี้คือตัวอย่าง...ที่สติไม่ดี..สังวรศีลไม่ทัน...
อธิศีลนะ...แค่คิดจะทำ..จิตมันก็เห็นความผิดแล้ว...มีสติในศีลเสมอ...จะไม่พลาด

asoka เขียน:


เมตตาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ เผื่อกัลยาณมิตรทั้งหลายจะได้วิธีการดีๆใหม่ๆจากข้อชี้แนะของอาจารย์กบ

ขอบพระคุณ

smiley


กบนอกกะลา เขียน:
หากไม่ได้พูดจากใจจริง...พูดอย่างนี้..เท่ากับ..มุสาคือพูดเท็จ...สัมผัปปลาปะ คือการพูดเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไม่เป็นสาระ

อิอิ....ศีลก็ให้สังวรใว้ดีดี...มีสติ :b32: :b32:

:b13:
กบก็ยังมีจิตเป็นอกุศลมองในมุมลบอยู่นั่นแหละและก็ปรุงฟุ้ง ซ่านไปใหญ่

ผมบอกแล้วว่าที่กบคัดข้อธรรมมาแปะให้ผู้คนได้รู้นั้นก็ดีอยู่แล้ว

แต่ ประเด็นคืออยากให้กบเอาประสบการณ์จริงของกบในการเดินทางสายกลาง ในการเจริญมรรค 8 หรือการปฏิบัติธรรมจริงๆของกบ มาเล่าให้ชาวบ้านฟัง ไม่ใช่คัดตำรามาแปะแนะนำชาวบ้านแต่เพียงอย่างเดียว

มาย้ำเรื่องศีล อธิศีลอะไรของกบนั้นนะก็ดี แต่กบไปสังวรณ์ศีลแค่ 5 ข้อของตนเองให้ดีๆก่อนก็แล้วกัน

"ศีล 5 โสดาบัน"

ไม่ต้องไปฝันไปพูดเรื่องอธิศีลอะไรที่ไกลตัวกบหรอกนะชาวบ้านเขาฟังไม่รู้เรื่องและเข้าใจยาก ศีลตามตำราของกบนั้นหนะครับ
onion onion


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2016, 07:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวเองเป็นคนถามเอง..แท้ ๆ

asoka เขียน:
s004
โห....อธิศีล กบรู้โดยการปฏิบัติจริงหรือเปล่าว่า อธิศีลนั้นมันเป็นอย่างไร?
อย่าอธิบายโดยลอกตำรานะ!

....
:b17: :b17:


พอยกตัวอย่าง...ที่คิดว่าน่าจะเห็นได้ง่าย (เพราะเป็นตัวอโสกะเองที่ทำ)

กบนอกกะลา เขียน:
นี้คือตัวอย่าง...ที่สติไม่ดี..สังวรศีลไม่ทัน...
อธิศีลนะ...แค่คิดจะทำ..จิตมันก็เห็นความผิดแล้ว...มีสติในศีลเสมอ...จะไม่พลาด

asoka เขียน:


เมตตาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ เผื่อกัลยาณมิตรทั้งหลายจะได้วิธีการดีๆใหม่ๆจากข้อชี้แนะของอาจารย์กบ

ขอบพระคุณ

smiley


กบนอกกะลา เขียน:
หากไม่ได้พูดจากใจจริง...พูดอย่างนี้..เท่ากับ..มุสาคือพูดเท็จ...สัมผัปปลาปะ คือการพูดเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไม่เป็นสาระ

อิอิ....ศีลก็ให้สังวรใว้ดีดี...มีสติ :b32: :b32:


กลับมาว๊ากใส่...

asoka เขียน:
:b13:
กบก็ยังมีจิตเป็นอกุศลมองในมุมลบอยู่นั่นแหละและก็ปรุงฟุ้ง ซ่านไปใหญ่

ผมบอกแล้วว่าที่กบคัดข้อธรรมมาแปะให้ผู้คนได้รู้นั้นก็ดีอยู่แล้ว

แต่ ประเด็นคืออยากให้กบเอาประสบการณ์จริงของกบในการเดินทางสายกลาง ในการเจริญมรรค 8 หรือการปฏิบัติธรรมจริงๆของกบ มาเล่าให้ชาวบ้านฟัง ไม่ใช่คัดตำรามาแปะแนะนำชาวบ้านแต่เพียงอย่างเดียว

มาย้ำเรื่องศีล อธิศีลอะไรของกบนั้นนะก็ดี แต่กบไปสังวรณ์ศีลแค่ 5 ข้อของตนเองให้ดีๆก่อนก็แล้วกัน

"ศีล 5 โสดาบัน"

ไม่ต้องไปฝันไปพูดเรื่องอธิศีลอะไรที่ไกลตัวกบหรอกนะชาวบ้านเขาฟังไม่รู้เรื่องและเข้าใจยาก ศีลตามตำราของกบนั้นหนะครับ
onion onion


ก็เป็นอโสกะคนถามเองว่าอธิศีลเป็นยังงัย...พอมาตอบ..กลับมาว่าเราเอาแต่ย้ำเรื่องศีล..
:b32: :b32: :b32:

ศีลไม่เอา..แต่จะเอาปฏิบัติทางสายกลาง...จะเอามรรค 8 รึอโสกะ


นี้แหละน่า...หัวขโมยมักชอบขโมย...ขโมยมรรคของอริยะเจ้า

นี้ถ้าเปลี่ยนคำพูดจาก...ศีล..อธิศีล..เป็น..สัมมากัมมันตะ..สัมมาอาชีวะ..สัมมาวายามะ..สัมมาสติ...

ศีลก็คงถูกขโมยไปแน่... :b9: :b9: :b9:


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2016, 11:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
อ้างคำพูด:
ศีลไม่เอา..แต่จะเอาปฏิบัติทางสายกลาง...จะเอามรรค 8 รึอโสกะ

นี้แหละน่า...หัวขโมยมักชอบขโมย...ขโมยมรรคของอริยะเจ้า

นี้ถ้าเปลี่ยนคำพูดจาก...ศีล..อธิศีล..เป็น..สัมมากัมมันตะ..สัมมาอาชีวะ..สัมมาวายามะ..สัมมาสติ...

ศีลก็คงถูกขโมยไปแน่

:b3:
เอาอะไรมาตัดสินว่าศีลไม่เอา บอกอยู่โต้งๆว่าศีล 5 โสดาบัน แค่นั้นก็น่าจะรู้แล้ว

คนที่จะมาพูดและปฏิบัติมรรค 8 นั้นเขามีศีล 5 ปูรองพื้นไว้เป็นฐานอยู่แล้วถึงขึ้นมาได้ กบไปสงสัยอะไรในศีลของคนอื่น สงสัยตัวเองให้มากๆดีกว่าว่าไอ้ที่ชอบไปกล่าวตู่ตัดสินใครต่อใครตามใจชอบนี่มันเป็นกุศลหรืออกุศลจิตกันแน่

อธิศีลของกบที่พยายามยกตัวอย่างคาดแดงมานั้นมันยังไม่ใช่เรื่องอธิศีล อธิบายใหม่ดีกว่า
s005


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2016, 20:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
กบไปสงสัยอะไรในศีลของคนอื่น สงสัยตัวเองให้มากๆดีกว่าว่าไอ้ที่ชอบไปกล่าวตู่ตัดสินใครต่อใครตามใจชอบนี่มันเป็นกุศลหรืออกุศลจิตกันแน่


ผมไปสงสัยศีลของใคร..รึคับ

ผมพูดธรรมดาว่า...ที่อโสกะพูดมา..นั้นนะออกจากใจจริงรึปล่า?...

asoka เขียน:


เมตตาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ เผื่อกัลยาณมิตรทั้งหลายจะได้วิธีการดีๆใหม่ๆจากข้อชี้แนะของอาจารย์กบ

ขอบพระคุณ

smiley


กบนอกกะลา เขียน:
หากไม่ได้พูดจากใจจริง...พูดอย่างนี้..เท่ากับ..มุสาคือพูดเท็จ...สัมผัปปลาปะ คือการพูดเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไม่เป็นสาระ

อิอิ....ศีลก็ให้สังวรใว้ดีดี...มีสติ :b32: :b32:


ผมพูดตรงๆเลยว่า...หากไม่ได้พูดจากใจจริง..เท่ากับ..มุสาคือพูดเท็จ..นะ

asoka เขียน:
อธิศีลของกบที่พยายามยกตัวอย่างคาดแดงมานั้นมันยังไม่ใช่เรื่องอธิศีล อธิบายใหม่ดีกว่า
s005


ช่าย...ไม่เกี่ยวกับอธิศีล..เลย...ที่ยกมาก็ไม่ได้บอกว่านี้คือคำอธิบายเรื่องอธิศีล...

อธิศีล..ผมพูดไปแล้ว...แต่เป็นสั้น ๆ ..อโสกะอาจไม่ทันเห็น...


โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2016, 21:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มาที่จุดเริ่มต้น...เหตุที่มาพูดเรื่องศีล...ดีกว่
อโสกะว่า..

asoka เขียน:
:b12:


ทุกขัง คือสภาวะแห่งการ ทนอยู่ไม่ได้

ใครพบเห็นสภาวะที่ทนอยู่ไม่ได้เกิดขึ้นในกายและจิต ตัดสินได้เลยว่า เขาผู้นั้นกำลังพบและเห็น ทุกขสัจจะ

ยังคงไม่จำเป็นต้องไปค้นหาสมุทัยเสียก่อนว่าสิ่งนี้เกิดมาจากอะไรจึงจะวินิจฉัยว่าเป็นทุกขสัจจะหรือไม่


smiley
onion


กระมก็เลยพูดเปรย ๆ..ว่า
กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะ..ติดอาการคิด..นะ...ต้องค้นหา..ต้องวินิจฉัย


แต่อโสกะ...ไม่เข้าใจ

ตรงนี้..อโสกะเข้าใกล้แล้ว..
อ้างคำพูด:
ทุกขัง คือสภาวะแห่งการ ทนอยู่ไม่ได้

ใครพบเห็นสภาวะที่ทนอยู่ไม่ได้เกิดขึ้นในกายและจิต ตัดสินได้เลยว่า เขาผู้นั้นกำลังพบและเห็น ทุกขสัจจะ


แต่...กลับไม่ก้าวต่อ..
อ้างคำพูด:
ยังคงไม่จำเป็นต้องไปค้นหาสมุทัยเสียก่อนว่าสิ่งนี้เกิดมาจากอะไรจึงจะวินิจฉัยว่าเป็นทุกขสัจจะหรือไม่


กลับมองว่า..ต้องค้นหา...ต้องวินิจฉัย(คิด)

ไอ้ภาวะทนอยู่ไม่ได้....ดูมันดีดี...ดูมันสักพัก...เดียวจะเห็นปลามันโผมาหุบเหยื่อ

ไม่ต้องค้นหา...ไม่ต้องวินิจฉัย....เดียวจิตเขาจะเห็น..จะประมวลผลของเขาเอง...เห็นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์นั้น..เอง...ถ้าเห็นโดยธรรมแล้ว..อาการปราโมทย์..ปีติ..ปัสสันธิ...สุข..สงบ...จะเกิดตาม ดีไม่ดีก็อาจมีอาการรู้สึกอื่น ๆ ตามมาเป็นหางว่าว..

ไปเห็น...ทุกข์อริยะสัจแล้ว...ใกล้จะเห็นสมทัยอยู่แล้ว....แล้วใยอโสกะจึงถอยหลังมา..ใช้ธัมมวิจัย..

แสดงว่า...ยังไม่เคยเข้าจุด

ผมจึงเปรย ๆ ว่า..อโสกะชอบค้นหา...ชอบวินิจฉัย...นะ..

เว้นแต่ว่า...มันไม่มีอาการไปต่อ...เห็นทุกข์แล้ว(ตนเองคิดว่าเห็นแล้ว)...มันตื่อ ๆ...ไม่มีอะไรตามมา..อย่างนี้จึงต้องใช้ธัมมวิจัย..เป็นการสอนจิต...(เป็นขั้นการศึกษา)...สะสมบุญบารมีจนกว่าจิตจะเต็ม


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 28 ม.ค. 2016, 06:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 27 ม.ค. 2016, 21:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

กบล่ะใช้หลักธรรมอะไรมาวินิจฉัย

เมตตาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ เผื่อกัลยาณมิตรทั้งหลายจะได้วิธีการดีๆใหม่ๆจากข้อชี้แนะของอาจารย์กบ
ขอบพระคุณ

smiley


รู้สึกอย่างไร....ผมก็เลยพูดไปอย่างที่รู้สึก

กบนอกกะลา เขียน:
หากไม่ได้พูดจากใจจริง...พูดอย่างนี้..เท่ากับ..มุสาคือพูดเท็จ...สัมผัปปลาปะ คือการพูดเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไม่เป็นสาระ

อิอิ....ศีลก็ให้สังวรใว้ดีดี...มีสติ :b32: :b32:


มันเลยเป็นที่มา..ให้มาพูดถึงเรื่องศีล


โพสต์ เมื่อ: 28 ม.ค. 2016, 17:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:

กบล่ะใช้หลักธรรมอะไรมาวินิจฉัย

เมตตาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ เผื่อกัลยาณมิตรทั้งหลายจะได้วิธีการดีๆใหม่ๆจากข้อชี้แนะของอาจารย์กบ
ขอบพระคุณ

smiley


รู้สึกอย่างไร....ผมก็เลยพูดไปอย่างที่รู้สึก

กบนอกกะลา เขียน:
หากไม่ได้พูดจากใจจริง...พูดอย่างนี้..เท่ากับ..มุสาคือพูดเท็จ...สัมผัปปลาปะ คือการพูดเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไม่เป็นสาระ

อิอิ....ศีลก็ให้สังวรใว้ดีดี...มีสติ :b32: :b32:


มันเลยเป็นที่มา..ให้มาพูดถึงเรื่องศีล

:b13: :b13:
ชาวโลกธรรมดาหรือ ปุถุชน เขามักเป็นกันอย่างที่กบเป็นนี่แหละ คือเอาอารมณ์และความรู้สึกเป็นเครื่องวินิจฉัย ตัดสินการกระทำ (กรรม)

ถ้าก้าวขึ้นสู่ระดับของกัลยาณชนหรืออริยชน เขาจะใช้เหตุผล
onion


โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2016, 18:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่คล่อง..ชำนิชำนาญ..เหตุผล...เขาจะประมวลได้อย่างรวดเร็ว แล้วจึง..ออกมาเป็นความรู้สึก...

แม้จะย้อนกลับให้ไปลำดับเหตุผล...ก็ยังชี้ได้เป็นจุดๆไป..ไม่มั่ว..

ซึ่งก็พูดตรงๆไปแล้วว่า..ถ้าไม่ได้พูดออกจากใจจริง..เป็น..มุสา..นะ

แล้วยังเปรยๆไปว่า..อธิศีล...เขาจะไม่พลาด

นี้ไม่เป็นเหตุเป็นผลตรงไหน..คับ


โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2016, 21:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนที่คล่อง..ชำนิชำนาญ..เหตุผล...เขาจะประมวลได้อย่างรวดเร็ว แล้วจึง..ออกมาเป็นความรู้สึก...

แม้จะย้อนกลับให้ไปลำดับเหตุผล...ก็ยังชี้ได้เป็นจุดๆไป..ไม่มั่ว..

ซึ่งก็พูดตรงๆไปแล้วว่า..ถ้าไม่ได้พูดออกจากใจจริง..เป็น..มุสา..นะ

แล้วยังเปรยๆไปว่า..อธิศีล...เขาจะไม่พลาด

นี้ไม่เป็นเหตุเป็นผลตรงไหน..คับ

:b12:
ไม่เป็นเหตุผลตรงที่กบเดาเอาว่า
อ้างคำพูด:
ถ้าไม่ได้พูดออกจากใจจริง..เป็น..มุสา..นะ

Onion_L
กบไปรู้ได้อย่างไรว่าใครพูดจากใจจริงหรือไม่พูดจากใจจริง?
s004
กบรู้ที่มาของความรู้สึกไหมว่ามันมาจากอะไร?
s006
แล้วรู้ที่มาของเหตุและผลด้วยหรือไม่ว่ามาจากเหตุอะไร?
s004
เดาสุ่มแล้วพูดออกไปนั้นมีโอกาสพลาดได้มากเสมอเชียวนะกบ
onion


โพสต์ เมื่อ: 31 ม.ค. 2016, 02:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
ไม่เป็นเหตุผลตรงที่กบเดาเอาว่า
อ้างคำพูด:
ถ้าไม่ได้พูดออกจากใจจริง..เป็น..มุสา..นะ

Onion_L
กบไปรู้ได้อย่างไรว่าใครพูดจากใจจริงหรือไม่พูดจากใจจริง?

onion


อโสกะ...ตลกนะครับ...อาจอารมณ์เสียจนหูอื่อตาลาย

ผมพูดด้วยเหตุด้วยผล...ด้วยหลักด้วยการ...นะครับ...
เหตุ..ถ้าไม่ได้พูดจากใจจริง
ผล...เป็นมุสา...นะ

แล้วมันไม่เป็นเหตุเป็นผลตรงไหนละคับ...

หากอโสกะพูดจากใจจริง....มันก็แล้วไป...ไม่เป็นมุสา...ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อน...
เว้นแต่ว่า...อโสกะไม่ได้พูดจากใจจริง...

อโสกะ..ถามใจตัวเองดูก็แล้วกัน...ว่า..ตัวเองพูดออกไปแบบไหน..?


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 54, 55, 56, 57, 58, 59, 60, 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร