งั๊นคุณโรสช่วยอธิบายอีกรอบ
ว่าที่คุณโรสตอบมา มันเกี่ยวข้องกับโสภณเจตสิกยังไง ...

โสภณเจตสิกที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วยไม่เกิดตอนไม่รู้ตรงสัจจะตามคำสอนนะคะ
สติเจตสิก+ปัญญาเจตสิก=สัมมาทิฏฐิคือมรรคแรกตามคำสอนเกิดได้เมื่อเริ่มคิดถูกตามการฟังคำสอน
คือความคิดเห็นถูกความเข้าใจถูกตามคำสอนทีละ1คำตรงขณะตอนที่ฟังแล้วคิดตรงสัจจะที่ตนมีตามได้
คิดเองตามเห็นผิดคือความเห็นผิดเป็นมิจฉามรรคไม่ฟังคำวาจาสัจจะแปลว่ากำลังมีความไม่รู้+ไม่ใช่สาวกโสภณเจตสิกที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วยไม่เกิดตอนไม่รู้ตรงสัจจะตามคำสอนนะคะ
สติเจตสิก+ปัญญาเจตสิก=สัมมาทิฏฐิคือมรรคแรกตามคำสอนเกิดได้เมื่อเริ่มคิดถูกตามการฟังคำสอน
คือความคิดเห็นถูกความเข้าใจถูกตามคำสอนทีละ1คำตรงขณะตอนที่ฟังแล้วคิดตรงสัจจะที่ตนมีตามได้
คิดเองตามเห็นผิดคือความเห็นผิดเป็นมิจฉามรรคไม่ฟังคำวาจาสัจจะแปลว่ากำลังมีความไม่รู้+ไม่ใช่สาวก
โสภณเจตสิกที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วยไม่เกิดตอนไม่รู้ตรงสัจจะตามคำสอนนะคะ
สติเจตสิก+ปัญญาเจตสิก=สัมมาทิฏฐิคือมรรคแรกตามคำสอนเกิดได้เมื่อเริ่มคิดถูกตามการฟังคำสอน
คือความคิดเห็นถูกความเข้าใจถูกตามคำสอนทีละ1คำตรงขณะตอนที่ฟังแล้วคิดตรงสัจจะที่ตนมีตามได้
คิดเองตามเห็นผิดคือความเห็นผิดเป็นมิจฉามรรคไม่ฟังคำวาจาสัจจะแปลว่ากำลังมีความไม่รู้+ไม่ใช่สาวก

:b1:

เป็นเรื่องปกติ ที่ผู้ปฏิบัติมักจะตอบได้ไม่ตรงกับคำถาม สักที



แต่ตอบได้ตรงกับคำสอนของ อ.สุจินต์

แปลก

โสภณเจตสิก เกิดปรากฏที่ อ.สุจินต์

หรือเกิดปรากฏอยู่ที่ใจของผู้ปฏิบัติ

ความจริงทนต่อการพิสูจน์ด้วยตนเองตาไม่บอดหูไม่หนวกก็ฟังให้เป็นสิคะ
จะได้เข้าใจว่าอะไรถูกอะไรผิดอะไรที่คิดถูกตามได้อะไรงงก็นิวรณตัวเองนี่

สภาพธรรมกำลังปรากฏว่ามีแล้วค่ะ
กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยยังไม่ทำ
จิตเห็นดับเพียง3ขณะกิเลสเกิดแล้วจิตเกิดดับยังไม่ครบ6ทางเลย
แสดงว่ากะพริบตาโดยขาดการฟังคำสอนเพื่อเข้าใจตรงสัจจะก็เป็นตามเห็นผิดไงคะจะทำอะไรได้คะ

ทบทวนช้าๆละเอียดๆเพื่อเข้าใจตามแต่ละคำตรงความหมายตรงคำ
ไม่ใส่ความคิดเห็นแต่งต่อเติมอะไรลงไปให้คิดตามตรงคำทีละ1คำ
เป็นการทบทวนตามเสียงในความคิดตรงความหมายเสียงที่คุณคิด
ตรงกับความจริงที่กายใจคุณกำลังมีว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
จะได้เริ่มเข้าใจว่าจงใจตั้งใจตรงตามทีละคำเข้าใจถูกตรงจริงตามได้คืออย่างไร

ความจริงทนต่อการพิสูจน์ด้วยตนเองตาไม่บอดหูไม่หนวกก็ฟังให้เป็นสิคะ
จะได้เข้าใจว่าอะไรถูกอะไรผิดอะไรที่คิดถูกตามได้อะไรงงก็นิวรณตัวเองนี่

ทบทวนช้าๆละเอียดๆเพื่อเข้าใจตามแต่ละคำตรงความหมายตรงคำ
ไม่ใส่ความคิดเห็นแต่งต่อเติมอะไรลงไปให้คิดตามตรงคำทีละ1คำ
เป็นการทบทวนตามเสียงในความคิดตรงความหมายเสียงที่คุณคิด
ตรงกับความจริงที่กายใจคุณกำลังมีว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
จะได้เริ่มเข้าใจว่าจงใจตั้งใจตรงตามทีละคำเข้าใจถูกตรงจริงตามได้คืออย่างไร

ทบทวนใหม่ข้างล่างทั้งหมดซ้ำๆช้าๆไตร่ตรองจนเกิดปัญญาของตนเอง
ไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ดูความจริงที่กำลังปรากฏตามเสียงที่ตนคิดให้ถูกตัวตน

...

คุณโรสลองอธิบาย
การเกิด และ ลักษณะการเกิด โสภณเจตสิกที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย
เมื่อเกิดแล้ว รู้ได้อย่างไรกว่าเกิด และการเกิดส่งผลต่อองค์ประกอบร่วมอย่างไร
ออกมาอย่างละเอียดให้ เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับชมได้มั๊ยคะ

เอาแบบชัด ๆ นะคะ อย่างเป็นลำดับ อย่าสะเปะสะปะ
แบบลอกตำรามาไม่เอานะ ...

จะว่าไปเรื่องนี้ ไม่ต้องไปลอกในตำราก็ได้
เพราะตำรามีแต่ความหมาย ไม่ได้มีการอธิบายกริยาแบบครบองค์ประกอบ

ถ้าจะให้น่ารัก ก็อธิบายถึงการได้มาซึ่งจิตโสภณด้วยนะคะ
อะไรเป็นปัจจัยให้จิตเข้าสู่วิถีอันมีองค์ประกอบของโสภณ อยู่ได้ และทรงตัวอยู่ได้ อย่างไร



คงไม่ใช่คำถามที่ยากไป...ใช่มั๊ยคะ

เปล่า ไม่ได้ให้ต้องทน

แค่ ขอให้เล่าอาการ ลักษณะการปรากฏ ปัจจัยแห่งการปรากฏ
และผลแห่งการปรากฏออกมา แค่นั้น

จะต้องทนพิสูจน์ไปไหนล่ะ

ที่เล่ามาทั้วหมดเล่าตามสัจจะตรงตามคำตถาคตไม่ใช่อ.สุจินต์เข้าใจไหมคะ
คำสอนของพระพุทธเจ้ากำละงมีตรงแล้วกับทุกคำใน3ปิฎกเดี๋ยวนี้จะรู้ไหมก็ไม่ฟัง
การไม่ฟังทำให้ไม่เกิดปัญญารู้ตามคำวาจาสัจจะไงคะก็ฟังเองสิคะจะได้เริ่มสะสมปัญญา
ผู้พูดเข้าใจไม่ใช่ความเข้าใจของผู้ฟังค่ะจนกว่าจะไตร่ตรองถูกเพื่อเข้าใจตามปัญญาทีละขณะไม่ต้องทำ
แต่ควรเริ่มฟังไงคะถ้าบิกว่าต้องฟังเดี๋ยวจะคิดว่าบังคับให้ฟังเอารูปร่างออกมีแต่จิตคิดถูกตามเสียงได้น๊า

เอาเป็นว่า ทบทวน คำถามใหม่อีกรอบ ... เผื่ออ่านคำถามหลาย ๆ รอบคุณโรสจะได้เข้าใจคำถาม

Kiss
จิตเกิดดับสะสมทีละ1ขณะ
กุศลกับอกุศลเกิดไม่พร้อมกัน
เวลาไม่ฟังคิดตามสิ่งที่ตนเห็นผิด
เวลาฟังคือเวลาที่คิดถูกตามได้ไงคะ

ดูแล้วยังไงก็ยังไม่ตรงกับคำถามน่ะ งั๊นจะลองถามซ้ำอีกรอบนะ
เผื่ออ่านซ้ำอีกหลาย ๆ รอบแล้วจะเข้าใจตรงกัน ...

มันก็คงจะส่งผลอย่างเดียวกันน่ะนะ ฟังบ่อย ๆ กับถามบ่อย ๆ