วันเวลาปัจจุบัน 03 ส.ค. 2025, 19:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 112 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2015, 22:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ ไม่มีเทพ ไม่มีพรหม ไม่มีคาถา ไม่มีของขัง ไม่มีอะไรทั้งนั้นที่เราพึ่งได้ เราจะต้องมีตนมีธรรมเป็นที่พึ่งได้ ตอนเราจะตายใครจะช่วยเราได้แม้แต่แม่ที่รักเรามากที่สุดก็เอื้อมมือไปช่วยเราให้พ้นความตายไม่ได้ เราต้องพึ่งตนเอง พระองค็ก็เป็นเพียงผู้บอกทาง พระธรรมก็เป็นเพียงเครื่องมือ พระสงฆ์ก็เป็นเพียงผู้รักษาพระธรรมให้คงอยู่. ฉะนั้นทางนี้เท่านั้นที่จะพาท่านข้ามพ้นสังสารวัฎ แห่งการเกิดแก่เจ็บตายไปได้คือพึ่งตนพึ่งธรรม. ท่านจะต้องกล้าที่จะข้ามความกลัว. ท่านจะต้องกล้าที่จะไมหวั่นไหวในพระรัตนตรัย บทแรกที่ท่านจะต้องทำให้ได้เพราะนี่คือคุณสมบัติของอริยชน. ไม่มีสิ่งที่4 มีเพียง3สิ่งเท่านั้นคือพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่งเท่านั้น คาถาก็ไม่เอา วิ่งหาอรหันต์ก็ไม่ทำ การมีพระสงฆ์เป็นที่พึ่งไม่ใช่วิ่งหาอรหันต์

เขียนยังงัย เก๊าะยังขายความไม่เข้าใจของตนออกมาอยู่นั่นแล้ว
พระพุทธเจ้าประกาศพระศาสนาแก่พุทธบริษัท4ประกอบด้วย
1.ภิกษุ 2.ภิกษุณี 3.อุบาสก 4.อุบาสิกา พระอรหันต์เท่านั้นเป็น
ทายาทโดยตรงที่เป็นผู้สืบทอดพระศาสนา ส่วนผู้รักษามี4บริษัท
คำว่ารักษาไม่ใช่เก็บไว้ในพระไตรปิฎก แต่เป็นการดำรงไว้ในใจเด้อ
ผู้ที่ท่านพึ่งตนเองได้แล้วคือพระอรหันต์ยุคปัจจุบันท่านทั้งรักษาได้100%
และสืบทอดรวมถึงถ่ายทอดอบรมคุณธรรมที่ท่านมีให้แก่พุทธบริษัท
ที่เป็นบริวารคือลูกศิษย์นะที่ขวนขวายหาบัณฑิตเข้าไปใกล้ชิดเพื่อ
คบหาสมาคมฟังคำที่ท่านอบรมสั่งสอนจนสามารถพึ่งตนโดยมีคุณธรรม
ที่ดีงามขึ้นทาในจิตใจผู้ที่มีปัญญามากก็เข้าถึงอริยบุุคคลตามลำดับ
พึ่งพระรัตนตรัยคือพระพุทธเจ้าปัจจุบันคือพระธรรมและพระวินัย
พึ่งพระธรรมคือศึกษาอบรมจิตใจตนตามคำจริงให้เป็นที่ยึดถือในใจ
พึ่งพระสงฆ์คือเข้าไปคบพระอริยบุคคลทั้ง8จำพวกคือพึ่งปัญญาท่าน
โดยการฟังคำสอนในสิ่งที่ท่านรู้ตามคำสอนเพื่อเอามาใช้สั่งสอนตนเองนะ
ไม่ใช่มีแต่บริษัทพระสงฆ์เท่านั้นที่รักษาพระศาสนาต้องทั้งสี่บริษัทช่วยกัน
ไม่งั้นพระจะฉันอะไรถ้าไม่มีผู้เลื่อมใสคอยนั่งตาดำๆรอใส่บาตรเป็นประจำ
ถ้าพระทำผิดศีลธรรมใครจะปรามพระได้ก็ต้องมีขนบธรรมเนียมประเพณี
เพราะเป็นหน้าที่พุทธบริษัททั้งสี่ ที่จะดำรงธรรมและพระศาสนาไว้ในหทัย
:b16: :b27:
:b12:
ก็ตอบถูกนี่. แต่ในบริบทที่ผมบอกคือู้ที่หลงผิดยึดติดสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากพระรัตนตรัยฮะ

ฝาหรั่งเขาบริกรรมเยซูๆๆๆๆๆๆก็ถึงฌานครูอาจารย์ท่านว่านะ
เอาอะไรมาวัดว่าคนอื่นทำผิดมันไม่ใช่วิธีวัดปัญญาการถึงธรรม

การเข้าถึงฌานจะฝรั่งหรือใครก็ตามจะมีศาสนาพุทธหรือไม่ก็ตามก็ทำกันได้ทั้งนั้น แต่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการหลุดพ้น หลุดพ้นสิ่งทั้งปวง คิดดูง่ายๆ ถ้าขยะในใจท่านยังมีสิ่งอื่นเป็นเครื่องยึดติดที่ไม่ใช่พระรัตนตรัยที่เป็นคุณสมบัติของพระอริยะขั้นต้นท่านจะก้าวสู่ภูมิอริยะได้อย่างไร. แค่คำว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งท่านยังไม่เข้าใจ ยังมีสิ่งอื่นนอกเหนือสิ่งนี้ท่านก็ไม่มีคุณสมบัติแล้ว. ง่ายจะตายผมจะบอกความลับให้นะ ก็แค่ไม่ทำอะไรนอกเหนือที่ท่านสั่งสอนไว้ก็เท่านั้น. เอาเถอะของแบบนี้ไม่ใช่จะเป็นจะตัดกันง่ายๆเพราะมันเป็นเรื่องทิฎฐิที่ยึดติดมายาวนาน. มันจึงมีไม่กี่คนที่คิดได้นี่แค่คุณสมบัติข้อแรกนะยังจะต้องมีข้ออื่นๆเข้าไปอีก

เขียนอะไรก็ขายหน้าตัวเองแค่ยอมรับว่าตัวน่ะปัญญาแค่เข้าใจคำสอนยังคิดไม่เป็น
แล้วไหนจะคาถาบารมี30ทัศ พระคาถาชินบัญชร คาถาพาหุงด้วย
เขาก็สวดเพื่อให้จิตใจมีที่ยึดเหนี่ยว ถึงคนที่เป็นเซียนพระเครื่อง
เค้ายังรู้จักการอ่อนน้อมถ่อมตนยอมรับผู้อื่นที่ฝึกจิตมีคุณธรรมที่ดี
ถามสิว่าถ้าการได้รับสิ่งชองมงคลจากผู้ที่ท่านมีญาณพิเศษจะรับไหม
ความเป็นศิริมงคลเกิดจากการทำตัวดีของผู้ที่รับวัตถุมงคลมาติดตัว
ไม่ใช่อยู่ที่วัตถุ คาถาก็เช่นกันล้วนสอนให้ผู้ท่องคิดดีพูดดีทำดีนะจ๊ะ
แล้วที่บอกว่าง่ายจะตายนะ แค่ยอมรับตัวเองว่าปัญญาไม่แตกฉาน
แค่รู้จักการอนุโมทนาการทำดีของผู้อื่นได้ กิเลสขี้อิจฉาก็ละได้นะ
ง่ายมากที่สุดที่ข้าพเจ้าจะแนะนำคือสร้างหนังให้ตัวเองดูทุกวันเลย
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปจะทำยังไงให้คิดดีกับเขาเป็นบ้าง
:b8:
:b55: :b55:
พระพุทธองค์สอน ทาน ศิล ภาวนา. ยิ่งพูดยิ่งเห็นว่าไปไม่ถึงไหนจริงๆ สมัยก่อนผมก็ทำหมดแหล่ะที่ท่านบอกมา คาถาอะไรท่องหมด. แต่ตอนนี้ไม่ล่ะ. เบาตัวเบาใจ สบายกว่ากันเยอะเลย. แนะนำศึกษาพุทธวจนเยอะๆจะได้รู้ทางออก

:b12:
เป็นพระที่ไม่ต้องประกอบอาชีพหรา ถึงจะมีฉัน(ทาน) รักษาศีล ถาวนา
จิตเกิดดับตลอดเวลากระพริบตา1ครั้งก็เป็นจิตดวงใหม่นะทู่นะ
ถ้ายังคิดแต่เพ่งโทษว่าผู้อื่นไม่เอาไหนก็คือตัวน่ะทู่นะไม่เอาไหน
คิดเองเป็นไหมนี่ คนอื่นเค้าไม่ได้รองรับกรรมที่ทู่คิดไม่ดีของทู่น๊า
ทุกอย่างที่ทู่คิดๆๆๆๆๆว่าคนอื่นไม่ดีก็เป็นความไม่ดีของทู่สะสมที่จิตทู่น๊า
:b6:
หมายเหตุ บรรทัดต่อไปเป็นคำพูดในใจ
ปัญญาทู่น่าจะพอเกิดได้บ้างนะเนี่ย
:b43:
:b16: :b16:
เห็นพูดบ่อยวินาทีจิตเกิดดับ ถามจริงว่าเห็นการเกิดดับจริงได้กี่ครั้งในวินาที

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2015, 22:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ ไม่มีเทพ ไม่มีพรหม ไม่มีคาถา ไม่มีของขัง ไม่มีอะไรทั้งนั้นที่เราพึ่งได้ เราจะต้องมีตนมีธรรมเป็นที่พึ่งได้ ตอนเราจะตายใครจะช่วยเราได้แม้แต่แม่ที่รักเรามากที่สุดก็เอื้อมมือไปช่วยเราให้พ้นความตายไม่ได้ เราต้องพึ่งตนเอง พระองค็ก็เป็นเพียงผู้บอกทาง พระธรรมก็เป็นเพียงเครื่องมือ พระสงฆ์ก็เป็นเพียงผู้รักษาพระธรรมให้คงอยู่. ฉะนั้นทางนี้เท่านั้นที่จะพาท่านข้ามพ้นสังสารวัฎ แห่งการเกิดแก่เจ็บตายไปได้คือพึ่งตนพึ่งธรรม. ท่านจะต้องกล้าที่จะข้ามความกลัว. ท่านจะต้องกล้าที่จะไมหวั่นไหวในพระรัตนตรัย บทแรกที่ท่านจะต้องทำให้ได้เพราะนี่คือคุณสมบัติของอริยชน. ไม่มีสิ่งที่4 มีเพียง3สิ่งเท่านั้นคือพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่งเท่านั้น คาถาก็ไม่เอา วิ่งหาอรหันต์ก็ไม่ทำ การมีพระสงฆ์เป็นที่พึ่งไม่ใช่วิ่งหาอรหันต์

เขียนยังงัย เก๊าะยังขายความไม่เข้าใจของตนออกมาอยู่นั่นแล้ว
พระพุทธเจ้าประกาศพระศาสนาแก่พุทธบริษัท4ประกอบด้วย
1.ภิกษุ 2.ภิกษุณี 3.อุบาสก 4.อุบาสิกา พระอรหันต์เท่านั้นเป็น
ทายาทโดยตรงที่เป็นผู้สืบทอดพระศาสนา ส่วนผู้รักษามี4บริษัท
คำว่ารักษาไม่ใช่เก็บไว้ในพระไตรปิฎก แต่เป็นการดำรงไว้ในใจเด้อ
ผู้ที่ท่านพึ่งตนเองได้แล้วคือพระอรหันต์ยุคปัจจุบันท่านทั้งรักษาได้100%
และสืบทอดรวมถึงถ่ายทอดอบรมคุณธรรมที่ท่านมีให้แก่พุทธบริษัท
ที่เป็นบริวารคือลูกศิษย์นะที่ขวนขวายหาบัณฑิตเข้าไปใกล้ชิดเพื่อ
คบหาสมาคมฟังคำที่ท่านอบรมสั่งสอนจนสามารถพึ่งตนโดยมีคุณธรรม
ที่ดีงามขึ้นทาในจิตใจผู้ที่มีปัญญามากก็เข้าถึงอริยบุุคคลตามลำดับ
พึ่งพระรัตนตรัยคือพระพุทธเจ้าปัจจุบันคือพระธรรมและพระวินัย
พึ่งพระธรรมคือศึกษาอบรมจิตใจตนตามคำจริงให้เป็นที่ยึดถือในใจ
พึ่งพระสงฆ์คือเข้าไปคบพระอริยบุคคลทั้ง8จำพวกคือพึ่งปัญญาท่าน
โดยการฟังคำสอนในสิ่งที่ท่านรู้ตามคำสอนเพื่อเอามาใช้สั่งสอนตนเองนะ
ไม่ใช่มีแต่บริษัทพระสงฆ์เท่านั้นที่รักษาพระศาสนาต้องทั้งสี่บริษัทช่วยกัน
ไม่งั้นพระจะฉันอะไรถ้าไม่มีผู้เลื่อมใสคอยนั่งตาดำๆรอใส่บาตรเป็นประจำ
ถ้าพระทำผิดศีลธรรมใครจะปรามพระได้ก็ต้องมีขนบธรรมเนียมประเพณี
เพราะเป็นหน้าที่พุทธบริษัททั้งสี่ ที่จะดำรงธรรมและพระศาสนาไว้ในหทัย
:b16: :b27:
:b12:
ก็ตอบถูกนี่. แต่ในบริบทที่ผมบอกคือู้ที่หลงผิดยึดติดสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากพระรัตนตรัยฮะ

ฝาหรั่งเขาบริกรรมเยซูๆๆๆๆๆๆก็ถึงฌานครูอาจารย์ท่านว่านะ
เอาอะไรมาวัดว่าคนอื่นทำผิดมันไม่ใช่วิธีวัดปัญญาการถึงธรรม

การเข้าถึงฌานจะฝรั่งหรือใครก็ตามจะมีศาสนาพุทธหรือไม่ก็ตามก็ทำกันได้ทั้งนั้น แต่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการหลุดพ้น หลุดพ้นสิ่งทั้งปวง คิดดูง่ายๆ ถ้าขยะในใจท่านยังมีสิ่งอื่นเป็นเครื่องยึดติดที่ไม่ใช่พระรัตนตรัยที่เป็นคุณสมบัติของพระอริยะขั้นต้นท่านจะก้าวสู่ภูมิอริยะได้อย่างไร. แค่คำว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งท่านยังไม่เข้าใจ ยังมีสิ่งอื่นนอกเหนือสิ่งนี้ท่านก็ไม่มีคุณสมบัติแล้ว. ง่ายจะตายผมจะบอกความลับให้นะ ก็แค่ไม่ทำอะไรนอกเหนือที่ท่านสั่งสอนไว้ก็เท่านั้น. เอาเถอะของแบบนี้ไม่ใช่จะเป็นจะตัดกันง่ายๆเพราะมันเป็นเรื่องทิฎฐิที่ยึดติดมายาวนาน. มันจึงมีไม่กี่คนที่คิดได้นี่แค่คุณสมบัติข้อแรกนะยังจะต้องมีข้ออื่นๆเข้าไปอีก

เขียนอะไรก็ขายหน้าตัวเองแค่ยอมรับว่าตัวน่ะปัญญาแค่เข้าใจคำสอนยังคิดไม่เป็น
แล้วไหนจะคาถาบารมี30ทัศ พระคาถาชินบัญชร คาถาพาหุงด้วย
เขาก็สวดเพื่อให้จิตใจมีที่ยึดเหนี่ยว ถึงคนที่เป็นเซียนพระเครื่อง
เค้ายังรู้จักการอ่อนน้อมถ่อมตนยอมรับผู้อื่นที่ฝึกจิตมีคุณธรรมที่ดี
ถามสิว่าถ้าการได้รับสิ่งชองมงคลจากผู้ที่ท่านมีญาณพิเศษจะรับไหม
ความเป็นศิริมงคลเกิดจากการทำตัวดีของผู้ที่รับวัตถุมงคลมาติดตัว
ไม่ใช่อยู่ที่วัตถุ คาถาก็เช่นกันล้วนสอนให้ผู้ท่องคิดดีพูดดีทำดีนะจ๊ะ
แล้วที่บอกว่าง่ายจะตายนะ แค่ยอมรับตัวเองว่าปัญญาไม่แตกฉาน
แค่รู้จักการอนุโมทนาการทำดีของผู้อื่นได้ กิเลสขี้อิจฉาก็ละได้นะ
ง่ายมากที่สุดที่ข้าพเจ้าจะแนะนำคือสร้างหนังให้ตัวเองดูทุกวันเลย
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปจะทำยังไงให้คิดดีกับเขาเป็นบ้าง
:b8:
:b55: :b55:
พระพุทธองค์สอน ทาน ศิล ภาวนา. ยิ่งพูดยิ่งเห็นว่าไปไม่ถึงไหนจริงๆ สมัยก่อนผมก็ทำหมดแหล่ะที่ท่านบอกมา คาถาอะไรท่องหมด. แต่ตอนนี้ไม่ล่ะ. เบาตัวเบาใจ สบายกว่ากันเยอะเลย. แนะนำศึกษาพุทธวจนเยอะๆจะได้รู้ทางออก

:b12:
เป็นพระที่ไม่ต้องประกอบอาชีพหรา ถึงจะมีฉัน(ทาน) รักษาศีล ถาวนา
จิตเกิดดับตลอดเวลากระพริบตา1ครั้งก็เป็นจิตดวงใหม่นะทู่นะ
ถ้ายังคิดแต่เพ่งโทษว่าผู้อื่นไม่เอาไหนก็คือตัวน่ะทู่นะไม่เอาไหน
คิดเองเป็นไหมนี่ คนอื่นเค้าไม่ได้รองรับกรรมที่ทู่คิดไม่ดีของทู่น๊า
ทุกอย่างที่ทู่คิดๆๆๆๆๆว่าคนอื่นไม่ดีก็เป็นความไม่ดีของทู่สะสมที่จิตทู่น๊า
:b6:
หมายเหตุ บรรทัดต่อไปเป็นคำพูดในใจ
ปัญญาทู่น่าจะพอเกิดได้บ้างนะเนี่ย
:b43:
:b16: :b16:
นั้นไม่ใช่การดูถูกนะ เป็นการบอกถึงสิ่งที่คุณมีจริงๆ คุณยังไม่สามารถข้ามภูมิปุถุชนได้เลย. ผมจะบอกเคล็ดลับให้ง่ายๆมากเลย. ลองไม่ต้องท่องอะไรหรือทำอะไรทั้งนั้น.ชีวิตมันก็จะผ่านไปได้สบายๆ ขอเพียงมีทานศิลภาวนาแค่เนี๊ย พอแล้ว

:b12:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:

tongue
มีวัดไหนที่ไม่สวดคาถาชินบัญชร บารมีสามสิบทัศ และพาหุงมั่ง
แล้วการอัญเชิญเทวดาอีก ทู่ไม่เข้าวัดเลยมั๊งเนี่ย เวรกรรมจริงๆ
onion onion onion
สวดคำตถาคตนะ เขาสวดกันเพื่อเรียนรู้ความหมาย อะไรที่ไม่ใช่คำตถาคตสวดทำไม

:b32:
ไม่ใช่คนบ้าถึงจะไม่ต้องทำอะไรเลย หรือทู่ป็นคนป่าอยู่ในป่าคนเดียว
แล้วไม่ได้คิดอะไรร้ายกะใครก็เปล่าเลย ที่โพสต์อยู่นี่นะมันติดจรวดนะ
เลือกไม่ได้เพราะทำไปแล้ว ความรู้สึกว่าอายชั่วกลัวบาปที่ว่าคนจำนวนมาก
แถมบทสวดที่เขียนให้ดูน่ะ เวลางานพิธีใหญ่โตพระอริยบุุคคลก็พาสวดนะ
บทพาหุงมหากาน่ะเป็นการสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าแค่ละมิจฉาทิฏฐิยังไม่ได้
แล้วทานศีลภาวนาก็เป็นแต่กุศลศีล ธัมมะเป็นน้ำสะอาดชะล้างจิตที่ขุ่นมัวอ่ะนะ
อย่างทู่ที่บอกว่าอยู่เฉยๆเนี่ยแหละ ก็เป็นแต่การทำบาปเฉยๆแค่นี้ก็ไม่รู้ตัว555
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2015, 08:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ ไม่มีเทพ ไม่มีพรหม ไม่มีคาถา ไม่มีของขัง ไม่มีอะไรทั้งนั้นที่เราพึ่งได้ เราจะต้องมีตนมีธรรมเป็นที่พึ่งได้ ตอนเราจะตายใครจะช่วยเราได้แม้แต่แม่ที่รักเรามากที่สุดก็เอื้อมมือไปช่วยเราให้พ้นความตายไม่ได้ เราต้องพึ่งตนเอง พระองค็ก็เป็นเพียงผู้บอกทาง พระธรรมก็เป็นเพียงเครื่องมือ พระสงฆ์ก็เป็นเพียงผู้รักษาพระธรรมให้คงอยู่. ฉะนั้นทางนี้เท่านั้นที่จะพาท่านข้ามพ้นสังสารวัฎ แห่งการเกิดแก่เจ็บตายไปได้คือพึ่งตนพึ่งธรรม. ท่านจะต้องกล้าที่จะข้ามความกลัว. ท่านจะต้องกล้าที่จะไมหวั่นไหวในพระรัตนตรัย บทแรกที่ท่านจะต้องทำให้ได้เพราะนี่คือคุณสมบัติของอริยชน. ไม่มีสิ่งที่4 มีเพียง3สิ่งเท่านั้นคือพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่งเท่านั้น คาถาก็ไม่เอา วิ่งหาอรหันต์ก็ไม่ทำ การมีพระสงฆ์เป็นที่พึ่งไม่ใช่วิ่งหาอรหันต์

เขียนยังงัย เก๊าะยังขายความไม่เข้าใจของตนออกมาอยู่นั่นแล้ว
พระพุทธเจ้าประกาศพระศาสนาแก่พุทธบริษัท4ประกอบด้วย
1.ภิกษุ 2.ภิกษุณี 3.อุบาสก 4.อุบาสิกา พระอรหันต์เท่านั้นเป็น
ทายาทโดยตรงที่เป็นผู้สืบทอดพระศาสนา ส่วนผู้รักษามี4บริษัท
คำว่ารักษาไม่ใช่เก็บไว้ในพระไตรปิฎก แต่เป็นการดำรงไว้ในใจเด้อ
ผู้ที่ท่านพึ่งตนเองได้แล้วคือพระอรหันต์ยุคปัจจุบันท่านทั้งรักษาได้100%
และสืบทอดรวมถึงถ่ายทอดอบรมคุณธรรมที่ท่านมีให้แก่พุทธบริษัท
ที่เป็นบริวารคือลูกศิษย์นะที่ขวนขวายหาบัณฑิตเข้าไปใกล้ชิดเพื่อ
คบหาสมาคมฟังคำที่ท่านอบรมสั่งสอนจนสามารถพึ่งตนโดยมีคุณธรรม
ที่ดีงามขึ้นทาในจิตใจผู้ที่มีปัญญามากก็เข้าถึงอริยบุุคคลตามลำดับ
พึ่งพระรัตนตรัยคือพระพุทธเจ้าปัจจุบันคือพระธรรมและพระวินัย
พึ่งพระธรรมคือศึกษาอบรมจิตใจตนตามคำจริงให้เป็นที่ยึดถือในใจ
พึ่งพระสงฆ์คือเข้าไปคบพระอริยบุคคลทั้ง8จำพวกคือพึ่งปัญญาท่าน
โดยการฟังคำสอนในสิ่งที่ท่านรู้ตามคำสอนเพื่อเอามาใช้สั่งสอนตนเองนะ
ไม่ใช่มีแต่บริษัทพระสงฆ์เท่านั้นที่รักษาพระศาสนาต้องทั้งสี่บริษัทช่วยกัน
ไม่งั้นพระจะฉันอะไรถ้าไม่มีผู้เลื่อมใสคอยนั่งตาดำๆรอใส่บาตรเป็นประจำ
ถ้าพระทำผิดศีลธรรมใครจะปรามพระได้ก็ต้องมีขนบธรรมเนียมประเพณี
เพราะเป็นหน้าที่พุทธบริษัททั้งสี่ ที่จะดำรงธรรมและพระศาสนาไว้ในหทัย
:b16: :b27:
:b12:
ก็ตอบถูกนี่. แต่ในบริบทที่ผมบอกคือู้ที่หลงผิดยึดติดสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากพระรัตนตรัยฮะ

ฝาหรั่งเขาบริกรรมเยซูๆๆๆๆๆๆก็ถึงฌานครูอาจารย์ท่านว่านะ
เอาอะไรมาวัดว่าคนอื่นทำผิดมันไม่ใช่วิธีวัดปัญญาการถึงธรรม

การเข้าถึงฌานจะฝรั่งหรือใครก็ตามจะมีศาสนาพุทธหรือไม่ก็ตามก็ทำกันได้ทั้งนั้น แต่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการหลุดพ้น หลุดพ้นสิ่งทั้งปวง คิดดูง่ายๆ ถ้าขยะในใจท่านยังมีสิ่งอื่นเป็นเครื่องยึดติดที่ไม่ใช่พระรัตนตรัยที่เป็นคุณสมบัติของพระอริยะขั้นต้นท่านจะก้าวสู่ภูมิอริยะได้อย่างไร. แค่คำว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งท่านยังไม่เข้าใจ ยังมีสิ่งอื่นนอกเหนือสิ่งนี้ท่านก็ไม่มีคุณสมบัติแล้ว. ง่ายจะตายผมจะบอกความลับให้นะ ก็แค่ไม่ทำอะไรนอกเหนือที่ท่านสั่งสอนไว้ก็เท่านั้น. เอาเถอะของแบบนี้ไม่ใช่จะเป็นจะตัดกันง่ายๆเพราะมันเป็นเรื่องทิฎฐิที่ยึดติดมายาวนาน. มันจึงมีไม่กี่คนที่คิดได้นี่แค่คุณสมบัติข้อแรกนะยังจะต้องมีข้ออื่นๆเข้าไปอีก

เขียนอะไรก็ขายหน้าตัวเองแค่ยอมรับว่าตัวน่ะปัญญาแค่เข้าใจคำสอนยังคิดไม่เป็น
แล้วไหนจะคาถาบารมี30ทัศ พระคาถาชินบัญชร คาถาพาหุงด้วย
เขาก็สวดเพื่อให้จิตใจมีที่ยึดเหนี่ยว ถึงคนที่เป็นเซียนพระเครื่อง
เค้ายังรู้จักการอ่อนน้อมถ่อมตนยอมรับผู้อื่นที่ฝึกจิตมีคุณธรรมที่ดี
ถามสิว่าถ้าการได้รับสิ่งชองมงคลจากผู้ที่ท่านมีญาณพิเศษจะรับไหม
ความเป็นศิริมงคลเกิดจากการทำตัวดีของผู้ที่รับวัตถุมงคลมาติดตัว
ไม่ใช่อยู่ที่วัตถุ คาถาก็เช่นกันล้วนสอนให้ผู้ท่องคิดดีพูดดีทำดีนะจ๊ะ
แล้วที่บอกว่าง่ายจะตายนะ แค่ยอมรับตัวเองว่าปัญญาไม่แตกฉาน
แค่รู้จักการอนุโมทนาการทำดีของผู้อื่นได้ กิเลสขี้อิจฉาก็ละได้นะ
ง่ายมากที่สุดที่ข้าพเจ้าจะแนะนำคือสร้างหนังให้ตัวเองดูทุกวันเลย
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปจะทำยังไงให้คิดดีกับเขาเป็นบ้าง
:b8:
:b55: :b55:
พระพุทธองค์สอน ทาน ศิล ภาวนา. ยิ่งพูดยิ่งเห็นว่าไปไม่ถึงไหนจริงๆ สมัยก่อนผมก็ทำหมดแหล่ะที่ท่านบอกมา คาถาอะไรท่องหมด. แต่ตอนนี้ไม่ล่ะ. เบาตัวเบาใจ สบายกว่ากันเยอะเลย. แนะนำศึกษาพุทธวจนเยอะๆจะได้รู้ทางออก

:b12:
เป็นพระที่ไม่ต้องประกอบอาชีพหรา ถึงจะมีฉัน(ทาน) รักษาศีล ถาวนา
จิตเกิดดับตลอดเวลากระพริบตา1ครั้งก็เป็นจิตดวงใหม่นะทู่นะ
ถ้ายังคิดแต่เพ่งโทษว่าผู้อื่นไม่เอาไหนก็คือตัวน่ะทู่นะไม่เอาไหน
คิดเองเป็นไหมนี่ คนอื่นเค้าไม่ได้รองรับกรรมที่ทู่คิดไม่ดีของทู่น๊า
ทุกอย่างที่ทู่คิดๆๆๆๆๆว่าคนอื่นไม่ดีก็เป็นความไม่ดีของทู่สะสมที่จิตทู่น๊า
:b6:
หมายเหตุ บรรทัดต่อไปเป็นคำพูดในใจ
ปัญญาทู่น่าจะพอเกิดได้บ้างนะเนี่ย
:b43:
:b16: :b16:
นั้นไม่ใช่การดูถูกนะ เป็นการบอกถึงสิ่งที่คุณมีจริงๆ คุณยังไม่สามารถข้ามภูมิปุถุชนได้เลย. ผมจะบอกเคล็ดลับให้ง่ายๆมากเลย. ลองไม่ต้องท่องอะไรหรือทำอะไรทั้งนั้น.ชีวิตมันก็จะผ่านไปได้สบายๆ ขอเพียงมีทานศิลภาวนาแค่เนี๊ย พอแล้ว

:b12:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:

tongue
มีวัดไหนที่ไม่สวดคาถาชินบัญชร บารมีสามสิบทัศ และพาหุงมั่ง
แล้วการอัญเชิญเทวดาอีก ทู่ไม่เข้าวัดเลยมั๊งเนี่ย เวรกรรมจริงๆ
onion onion onion
สวดคำตถาคตนะ เขาสวดกันเพื่อเรียนรู้ความหมาย อะไรที่ไม่ใช่คำตถาคตสวดทำไม

:b32:
ไม่ใช่คนบ้าถึงจะไม่ต้องทำอะไรเลย หรือทู่ป็นคนป่าอยู่ในป่าคนเดียว
แล้วไม่ได้คิดอะไรร้ายกะใครก็เปล่าเลย ที่โพสต์อยู่นี่นะมันติดจรวดนะ
เลือกไม่ได้เพราะทำไปแล้ว ความรู้สึกว่าอายชั่วกลัวบาปที่ว่าคนจำนวนมาก
แถมบทสวดที่เขียนให้ดูน่ะ เวลางานพิธีใหญ่โตพระอริยบุุคคลก็พาสวดนะ
บทพาหุงมหากาน่ะเป็นการสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าแค่ละมิจฉาทิฏฐิยังไม่ได้
แล้วทานศีลภาวนาก็เป็นแต่กุศลศีล ธัมมะเป็นน้ำสะอาดชะล้างจิตที่ขุ่นมัวอ่ะนะ
อย่างทู่ที่บอกว่าอยู่เฉยๆเนี่ยแหละ ก็เป็นแต่การทำบาปเฉยๆแค่นี้ก็ไม่รู้ตัว555
:b32: :b32:
รู้จักบุญกิริยามั้ย ทาน ศิล ภาวนา ศึกษาพุทธวจนเยอะๆ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2015, 10:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
มีวัดไหนที่ไม่สวดคาถาชินบัญชร บารมีสามสิบทัศ และพาหุงมั่ง
แล้วการอัญเชิญเทวดาอีก ทู่ไม่เข้าวัดเลยมั๊งเนี่ย เวรกรรมจริงๆ
onion onion onion
สวดคำตถาคตนะ เขาสวดกันเพื่อเรียนรู้ความหมาย อะไรที่ไม่ใช่คำตถาคตสวดทำไม


ดีเลยคับ..Bigtoo
สวดคำตถาคต...
Bigtoo สวดมนต์อะไรบ้างครับ...วัตรเช้าสวดบทไหน...วัตรเย็นสวดบทไหน...

เอาแปะด้วยก็ยิ่งดี...จะได้สวดไม่ผิด
เพื่อนๆจะได้รู้ด้วย...จะได้ทำตามถูก...
:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2015, 12:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
มีวัดไหนที่ไม่สวดคาถาชินบัญชร บารมีสามสิบทัศ และพาหุงมั่ง
แล้วการอัญเชิญเทวดาอีก ทู่ไม่เข้าวัดเลยมั๊งเนี่ย เวรกรรมจริงๆ
onion onion onion
สวดคำตถาคตนะ เขาสวดกันเพื่อเรียนรู้ความหมาย อะไรที่ไม่ใช่คำตถาคตสวดทำไม


ดีเลยคับ..Bigtoo
สวดคำตถาคต...
Bigtoo สวดมนต์อะไรบ้างครับ...วัตรเช้าสวดบทไหน...วัตรเย็นสวดบทไหน...

เอาแปะด้วยก็ยิ่งดี...จะได้สวดไม่ผิด
เพื่อนๆจะได้รู้ด้วย...จะได้ทำตามถูก...
:b1: :b1: :b1:

ผมไม่สวด ผมทำทาน รักษาศิล ภาวนา แค่นี้ก็ครบบุญกิริยา3

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2015, 19:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
tongue
มีวัดไหนที่ไม่สวดคาถาชินบัญชร บารมีสามสิบทัศ และพาหุงมั่ง
แล้วการอัญเชิญเทวดาอีก ทู่ไม่เข้าวัดเลยมั๊งเนี่ย เวรกรรมจริงๆ
onion onion onion


bigtoo เขียน:
สวดคำตถาคตนะ เขาสวดกันเพื่อเรียนรู้ความหมาย อะไรที่ไม่ใช่คำตถาคตสวดทำไม


บอกให้เขาสวดคำตถาคต...ก็คิดว่า..Bigtoo สวดคำตถาคต

ไม่คิดว่า...

bigtoo เขียน:

ผมไม่สวด ผมทำทาน รักษาศิล ภาวนา แค่นี้ก็ครบบุญกิริยา3


:b9: :b9: :b9:

เอาเถอะ..หาก Bigtoo ไม่สวด...ก็ไม่สวด...แต่บอกได้มั้ยคับว่า..บทไหนที่เป็นคำตถาคตที่เราควรสวด..

ก็ต้องรู้แหละน่าว่า...สวดคำตถาคต..นี้นะ..บทไหน..เพราะไม่รู้ Bigtoo คงไม่พูด..ละนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2015, 19:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
มีวัดไหนที่ไม่สวดคาถาชินบัญชร บารมีสามสิบทัศ และพาหุงมั่ง
แล้วการอัญเชิญเทวดาอีก ทู่ไม่เข้าวัดเลยมั๊งเนี่ย เวรกรรมจริงๆ
onion onion onion


bigtoo เขียน:
สวดคำตถาคตนะ เขาสวดกันเพื่อเรียนรู้ความหมาย อะไรที่ไม่ใช่คำตถาคตสวดทำไม


บอกให้เขาสวดคำตถาคต...ก็คิดว่า..Bigtoo สวดคำตถาคต

ไม่คิดว่า...

bigtoo เขียน:

ผมไม่สวด ผมทำทาน รักษาศิล ภาวนา แค่นี้ก็ครบบุญกิริยา3


:b9: :b9: :b9:

เอาเถอะ..หาก Bigtoo ไม่สวด...ก็ไม่สวด...แต่บอกได้มั้ยคับว่า..บทไหนที่เป็นคำตถาคตที่เราควรสวด..

ก็ต้องรู้แหละน่าว่า...สวดคำตถาคต..นี้นะ..บทไหน..เพราะไม่รู้ Bigtoo คงไม่พูด..ละนะ

บทที่น่าสวดที่สุด ก็ปฎิจสมุปบาททั้วสายเกิดและดับนั้นแหล่ะ. หรือบทสั้นๆก็ฎอิทัปปัจยตาก็ดี

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2015, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


huh
คนไม่ละอายแก่ใจก็งี้แหละคิดเองไม่เป็น
พูดกลับไปกลับมาวนไปวนมาเขียนถูๆไถๆ
จับแพะชนแกะสับสนวกวน แก้ตัวน้ำขุ่นๆ
:b6:
ทีแรกก็ว่า
bigtoo เขียน:
ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ ไม่มีเทพ ไม่มีพรหม ไม่มีคาถา ไม่มีของขัง ไม่มีอะไรทั้งนั้นที่เราพึ่งได้ เราจะต้องมีตนมีธรรมเป็นที่พึ่งได้ ตอนเราจะตายใครจะช่วยเราได้แม้แต่แม่ที่รักเรามากที่สุดก็เอื้อมมือไปช่วยเราให้พ้นความตายไม่ได้ เราต้องพึ่งตนเอง พระองค็ก็เป็นเพียงผู้บอกทาง พระธรรมก็เป็นเพียงเครื่องมือ พระสงฆ์ก็เป็นเพียงผู้รักษาพระธรรมให้คงอยู่. ฉะนั้นทางนี้เท่านั้นที่จะพาท่านข้ามพ้นสังสารวัฎ แห่งการเกิดแก่เจ็บตายไปได้คือพึ่งตนพึ่งธรรม. ท่านจะต้องกล้าที่จะข้ามความกลัว. ท่านจะต้องกล้าที่จะไมหวั่นไหวในพระรัตนตรัย บทแรกที่ท่านจะต้องทำให้ได้เพราะนี่คือคุณสมบัติของอริยชน. ไม่มีสิ่งที่4 มีเพียง3สิ่งเท่านั้นคือพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่งเท่านั้น คาถาก็ไม่เอา วิ่งหาอรหันต์ก็ไม่ทำ การมีพระสงฆ์เป็นที่พึ่งไม่ใช่วิ่งหาอรหันต์

พอจับได้ไล่ทันก็ว่า
bigtoo เขียน:
ก็ตอบถูกนี่. แต่ในบริบทที่ผมบอกคือู้ที่หลงผิดยึดติดสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากพระรัตนตรัยฮะ

พอเราบอกว่าครูอาจารย์บอกว่าท่องเยซูจิตก็สงบได้ก็ว่า
bigtoo เขียน:
การเข้าถึงฌานจะฝรั่งหรือใครก็ตามจะมีศาสนาพุทธหรือไม่ก็ตามก็ทำกันได้ทั้งนั้น แต่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการหลุดพ้น หลุดพ้นสิ่งทั้งปวง คิดดูง่ายๆ ถ้าขยะในใจท่านยังมีสิ่งอื่นเป็นเครื่องยึดติดที่ไม่ใช่พระรัตนตรัยที่เป็นคุณสมบัติของพระอริยะขั้นต้นท่านจะก้าวสู่ภูมิอริยะได้อย่างไร. แค่คำว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งท่านยังไม่เข้าใจ ยังมีสิ่งอื่นนอกเหนือสิ่งนี้ท่านก็ไม่มีคุณสมบัติแล้ว. ง่ายจะตายผมจะบอกความลับให้นะ ก็แค่ไม่ทำอะไรนอกเหนือที่ท่านสั่งสอนไว้ก็เท่านั้น. เอาเถอะของแบบนี้ไม่ใช่จะเป็นจะตัดกันง่ายๆเพราะมันเป็นเรื่องทิฎฐิที่ยึดติดมายาวนาน. มันจึงมีไม่กี่คนที่คิดได้นี่แค่คุณสมบัติข้อแรกนะยังจะต้องมีข้ออื่นๆเข้าไปอีก

เก่งขึ้นมาทันตาเห็นแก้คำพูดได้ทุกเรื่องหาความดีไม่เจอ
ยังไม่ละอายแก่ใจดูหมิ่นดูแคลนการปฏิบัติที่ดีงามของคน
ที่เขารู้จักการนอบน้อมบูชาคุณพระรัตนตรัย จิตใจหยาบ
และกระด้างอย่างหนักแถมลบหลู่ดูหมิ่นพระอรหันต์ถึงว่า
ปัญญาไม่ไปถึงไหนไม่ละอายต่อบาปแถมอวดรู้ทฤษฎีป๋อ
คนประเภทนี้เขาว่ายังไงรู้ปะ คนอีสานเขาเรียกบักเข้าปุ้นเป่า
แปลว่าขนมจีนเปล่าๆไม่มีน้ำยาน่ะคนประเภทนี้ขออัญเชิญ
เทศนาธรรมของหลวงตาพระมหาบัวท่านเทศน์ว่างี้นะ
"เราเอาธรรมเป็นน้ำที่สะอาดมาล้างจิตใจที่สกปรก
ใจมันไม่ยอมรับมันสลัดทิ้งหมด
เหมือนเอาน้ำไปราดบนหลังหมา"
:b44: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2015, 22:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผมคิดว่า..หิริ..โอตัปปะ...นี้...เป็นคุณธรรมพื้นฐาน..มีประจำใจ..ตั้งแต่..ปุถุชนคนดี..ที่เรียกว่ากัลยาณปุถุชน..ไปจนถึงอริยะบุคคล..นั้นแหละ

ส่วน...คนที่ไม่มีความละอาย..ในความชั่ว...ในอกุศล...มีได้ 2 อย่าง คือ.
1 .ผิดก็ไม่รู้ว่าผิด...กับ...

2. รู้ว่าผิดไปแล้วแต่ต้องทำด้านเข้าใว้เดียวคนจะเสียฟอร์ม...หลอกตัวเองว่าไม่ผิด...เดียวไม่ได้เป็นอริยะ..

แต่..ทั้ง 2 อย่าง...แม้กัลยาณปุถุชนก็ยังเป็นไม่ได้...ครับ...ไม่ต้องไปคิดให้ยากว่าคนเหล่านี้จะเป็นอริยะหรือไม่...

ตัดออกไปได้เลย


:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2015, 06:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
huh
คนไม่ละอายแก่ใจก็งี้แหละคิดเองไม่เป็น
พูดกลับไปกลับมาวนไปวนมาเขียนถูๆไถๆ
จับแพะชนแกะสับสนวกวน แก้ตัวน้ำขุ่นๆ
:b6:
ทีแรกก็ว่า
bigtoo เขียน:
ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ ไม่มีเทพ ไม่มีพรหม ไม่มีคาถา ไม่มีของขัง ไม่มีอะไรทั้งนั้นที่เราพึ่งได้ เราจะต้องมีตนมีธรรมเป็นที่พึ่งได้ ตอนเราจะตายใครจะช่วยเราได้แม้แต่แม่ที่รักเรามากที่สุดก็เอื้อมมือไปช่วยเราให้พ้นความตายไม่ได้ เราต้องพึ่งตนเอง พระองค็ก็เป็นเพียงผู้บอกทาง พระธรรมก็เป็นเพียงเครื่องมือ พระสงฆ์ก็เป็นเพียงผู้รักษาพระธรรมให้คงอยู่. ฉะนั้นทางนี้เท่านั้นที่จะพาท่านข้ามพ้นสังสารวัฎ แห่งการเกิดแก่เจ็บตายไปได้คือพึ่งตนพึ่งธรรม. ท่านจะต้องกล้าที่จะข้ามความกลัว. ท่านจะต้องกล้าที่จะไมหวั่นไหวในพระรัตนตรัย บทแรกที่ท่านจะต้องทำให้ได้เพราะนี่คือคุณสมบัติของอริยชน. ไม่มีสิ่งที่4 มีเพียง3สิ่งเท่านั้นคือพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่งเท่านั้น คาถาก็ไม่เอา วิ่งหาอรหันต์ก็ไม่ทำ การมีพระสงฆ์เป็นที่พึ่งไม่ใช่วิ่งหาอรหันต์

พอจับได้ไล่ทันก็ว่า
bigtoo เขียน:
ก็ตอบถูกนี่. แต่ในบริบทที่ผมบอกคือู้ที่หลงผิดยึดติดสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากพระรัตนตรัยฮะ

พอเราบอกว่าครูอาจารย์บอกว่าท่องเยซูจิตก็สงบได้ก็ว่า
bigtoo เขียน:
การเข้าถึงฌานจะฝรั่งหรือใครก็ตามจะมีศาสนาพุทธหรือไม่ก็ตามก็ทำกันได้ทั้งนั้น แต่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการหลุดพ้น หลุดพ้นสิ่งทั้งปวง คิดดูง่ายๆ ถ้าขยะในใจท่านยังมีสิ่งอื่นเป็นเครื่องยึดติดที่ไม่ใช่พระรัตนตรัยที่เป็นคุณสมบัติของพระอริยะขั้นต้นท่านจะก้าวสู่ภูมิอริยะได้อย่างไร. แค่คำว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งท่านยังไม่เข้าใจ ยังมีสิ่งอื่นนอกเหนือสิ่งนี้ท่านก็ไม่มีคุณสมบัติแล้ว. ง่ายจะตายผมจะบอกความลับให้นะ ก็แค่ไม่ทำอะไรนอกเหนือที่ท่านสั่งสอนไว้ก็เท่านั้น. เอาเถอะของแบบนี้ไม่ใช่จะเป็นจะตัดกันง่ายๆเพราะมันเป็นเรื่องทิฎฐิที่ยึดติดมายาวนาน. มันจึงมีไม่กี่คนที่คิดได้นี่แค่คุณสมบัติข้อแรกนะยังจะต้องมีข้ออื่นๆเข้าไปอีก

เก่งขึ้นมาทันตาเห็นแก้คำพูดได้ทุกเรื่องหาความดีไม่เจอ
ยังไม่ละอายแก่ใจดูหมิ่นดูแคลนการปฏิบัติที่ดีงามของคน
ที่เขารู้จักการนอบน้อมบูชาคุณพระรัตนตรัย จิตใจหยาบ
และกระด้างอย่างหนักแถมลบหลู่ดูหมิ่นพระอรหันต์ถึงว่า
ปัญญาไม่ไปถึงไหนไม่ละอายต่อบาปแถมอวดรู้ทฤษฎีป๋อ
คนประเภทนี้เขาว่ายังไงรู้ปะ คนอีสานเขาเรียกบักเข้าปุ้นเป่า
แปลว่าขนมจีนเปล่าๆไม่มีน้ำยาน่ะคนประเภทนี้ขออัญเชิญ
เทศนาธรรมของหลวงตาพระมหาบัวท่านเทศน์ว่างี้นะ
"เราเอาธรรมเป็นน้ำที่สะอาดมาล้างจิตใจที่สกปรก
ใจมันไม่ยอมรับมันสลัดทิ้งหมด
เหมือนเอาน้ำไปราดบนหลังหมา"
:b44: :b44: :b44:
ใครไปดูหมิ่นใครตรงไหน ผมบอกหลักการ เพียงแต่มันไม่ตรงกับคุณ คุณลองนึกดูดีๆ. คำถามที่ผมถามคุณ รู้ได้อย่างไรท่านใดเป็นอรหันต์. แล้วคาถาเงินล้านที่ผมยอกท่องเพื่ออะไร ใจคิดอะไร มันถูกตรรกะมั้ย. ดูการมีพระรัตนตรัยของคุณซิต้องวิ่งหาอรหันค์เหรอ. มีคำสอนนี้มั้ย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2015, 06:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
ผมคิดว่า..หิริ..โอตัปปะ...นี้...เป็นคุณธรรมพื้นฐาน..มีประจำใจ..ตั้งแต่..ปุถุชนคนดี..ที่เรียกว่ากัลยาณปุถุชน..ไปจนถึงอริยะบุคคล..นั้นแหละ

ส่วน...คนที่ไม่มีความละอาย..ในความชั่ว...ในอกุศล...มีได้ 2 อย่าง คือ.
1 .ผิดก็ไม่รู้ว่าผิด...กับ...

2. รู้ว่าผิดไปแล้วแต่ต้องทำด้านเข้าใว้เดียวคนจะเสียฟอร์ม...หลอกตัวเองว่าไม่ผิด...เดียวไม่ได้เป็นอริยะ..

แต่..ทั้ง 2 อย่าง...แม้กัลยาณปุถุชนก็ยังเป็นไม่ได้...ครับ...ไม่ต้องไปคิดให้ยากว่าคนเหล่านี้จะเป็นอริยะหรือไม่...

ตัดออกไปได้เลย


:b12: :b12: :b12:
กบเอาสิ่งนี้ที่ยกมาอ่านดีๆมันจะตรงกับใครกันแน่. คุณยังทำวัตตโก(มงคลนอกศาสนาอยู่นะ). ส่วนผมหลุดพ้นแล้ว ใครกันแน่กลัวจะเสียฟอร์ม ประกาศเลย ผมเลิกแล้วครับ เลิกท่องคาถา เลิกห้อยพระหรือยัง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2015, 21:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
ผมคิดว่า..หิริ..โอตัปปะ...นี้...เป็นคุณธรรมพื้นฐาน..มีประจำใจ..ตั้งแต่..ปุถุชนคนดี..ที่เรียกว่ากัลยาณปุถุชน..ไปจนถึงอริยะบุคคล..นั้นแหละ

ส่วน...คนที่ไม่มีความละอาย..ในความชั่ว...ในอกุศล...มีได้ 2 อย่าง คือ.
1 .ผิดก็ไม่รู้ว่าผิด...กับ...

2. รู้ว่าผิดไปแล้วแต่ต้องทำด้านเข้าใว้เดียวคนจะเสียฟอร์ม...หลอกตัวเองว่าไม่ผิด...เดียวไม่ได้เป็นอริยะ..

แต่..ทั้ง 2 อย่าง...แม้กัลยาณปุถุชนก็ยังเป็นไม่ได้...ครับ...ไม่ต้องไปคิดให้ยากว่าคนเหล่านี้จะเป็นอริยะหรือไม่...

ตัดออกไปได้เลย


:b12: :b12: :b12:


bigtoo เขียน:
กบเอาสิ่งนี้ที่ยกมาอ่านดีๆมันจะตรงกับใครกันแน่. คุณยังทำวัตตโก(มงคลนอกศาสนาอยู่นะ). ส่วนผมหลุดพ้นแล้ว ใครกันแน่กลัวจะเสียฟอร์ม ประกาศเลย ผมเลิกแล้วครับ เลิกท่องคาถา เลิกห้อยพระหรือยัง


อะไรที่หลุดไปแล้วบ้างครับ...??

แห่ม...ไม่น่าเลย...เลิกท่องคาถา..เลิกห้อยพระ...นี้คือ..มงคลในพระศาสนานี้หรือครับ.. s002

คิดว่า..ลด..ละ..เลิก..กิเลส..เป็นมงคลในพระศาสนา..เสียอีก.. :b22: :b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2015, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
ผมคิดว่า..หิริ..โอตัปปะ...นี้...เป็นคุณธรรมพื้นฐาน..มีประจำใจ..ตั้งแต่..ปุถุชนคนดี..ที่เรียกว่ากัลยาณปุถุชน..ไปจนถึงอริยะบุคคล..นั้นแหละ

ส่วน...คนที่ไม่มีความละอาย..ในความชั่ว...ในอกุศล...มีได้ 2 อย่าง คือ.
1 .ผิดก็ไม่รู้ว่าผิด...กับ...

2. รู้ว่าผิดไปแล้วแต่ต้องทำด้านเข้าใว้เดียวคนจะเสียฟอร์ม...หลอกตัวเองว่าไม่ผิด...เดียวไม่ได้เป็นอริยะ..

แต่..ทั้ง 2 อย่าง...แม้กัลยาณปุถุชนก็ยังเป็นไม่ได้...ครับ...ไม่ต้องไปคิดให้ยากว่าคนเหล่านี้จะเป็นอริยะหรือไม่...

ตัดออกไปได้เลย


:b12: :b12: :b12:


bigtoo เขียน:
กบเอาสิ่งนี้ที่ยกมาอ่านดีๆมันจะตรงกับใครกันแน่. คุณยังทำวัตตโก(มงคลนอกศาสนาอยู่นะ). ส่วนผมหลุดพ้นแล้ว ใครกันแน่กลัวจะเสียฟอร์ม ประกาศเลย ผมเลิกแล้วครับ เลิกท่องคาถา เลิกห้อยพระหรือยัง


อะไรที่หลุดไปแล้วบ้างครับ...??

แห่ม...ไม่น่าเลย...เลิกท่องคาถา..เลิกห้อยพระ...นี้คือ..มงคลในพระศาสนานี้หรือครับ.. s002

คิดว่า..ลด..ละ..เลิก..กิเลส..เป็นมงคลในพระศาสนา..เสียอีก.. :b22: :b22:
กบศึกษาธรรมะมายังไม่ทราบเหรอว่าสิ่งนั้นคือการกระทำของปริพาชกเหล่าอื่น กบดูมงคล37ประการซิมีมั้ย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2015, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบตั้งใจฟังนะ https://m.youtube.com/watch?v=_bjjSBFy7Tw

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2015, 21:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อะไรที่หลุดไปแล้วบ้างครับ...??

แห่ม...ไม่น่าเลย...เลิกท่องคาถา..เลิกห้อยพระ...นี้คือ..มงคลในพระศาสนานี้หรือครับ.. s002

คิดว่า..ลด..ละ..เลิก..กิเลส..เป็นมงคลในพระศาสนา..เสียอีก.. :b22: :b22:



bigtoo เขียน:
กบศึกษาธรรมะมายังไม่ทราบเหรอว่าสิ่งนั้นคือการกระทำของปริพาชกเหล่าอื่น กบดูมงคล37ประการซิมีมั้ย


ไม่มีอะไร...
แค่คิดว่า....ลด..ละ..เลิก..กิเลส..น่าจะเป็นมงคลในพระศาสนา

ไม่คิดว่า...จะเป็น..การเลิกท่องคาถา..เลิกห้อยพระ...ที่เป็นมงคลในพระศาสนานี้..

แค่นั้นเอง

เสียดาย.. :b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 112 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร