วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 17:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 95 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 10:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ก็กระทู้ว่า "ทางสายกลาง" แต่ถกเถียงกันไปถึงเรื่องคุณสมบัติของพระโสดาบัน ผมก็เลยสะกิดสัมปชัญญะของผู้สนทนาให้กลับมาสู่เรื่องทางสายกลางจริงๆด้วยวิธีนี้ ไม่ได้มุ่งมาชี้ผิดชี้ถูกใครหรอกครับคุณกบ
:b13:


ก็ผู้สนทนา...เขาว่า..อย่างนี้ไม่ใช่คุณสมบัติอริยะ..แล้วก็ยกคุณสมบัติอริยะมา

กระผมก็สะกิดเขาให้มาสู่ทาง...นี้ครับ..ว่าอาการที่ว่าไม่ใช่อริยะที่เขาว่านั้นมันไม่ถูกตรงกับที่เขายกธรรมมา...นะซิ

ใยอโสกะ..จึงมุ่งไปแต่ทางสายกลางที่เป็นบัญญัติ....ไม่มาดูสายกลางของผู้กำลังหลง..ละคับ

นอกเสียจากว่า..อโสกะเห็นว่า..นั้นถูกต้องแล้ว..อโสกะจึงไม่พูดจาอะไร

มีหลายกรณี..ที่ Bigtoo ทำแปลก ๆ .แต่อโสกะก็เงียบ..ไม่ตักไม่เตือน...เหมือนมองไม่เห็น..อิอิ

รึว่า....ชอบจนลำเอียง...ละคับ..อโสกะ

:b9: :b9: :b9:

:b12:
ผมสังเกตดูแล้วและเห็นว่า bigto ยังมีอะไรเด็ดๆดีๆซ่อนอยู่ในคำพูดโดยที่ คุณกบและน้องRossarin ยังมองไม่เห็นความปารถนาดีที่ซ่อนอยู่ในนั้น ผมจึงลองดูต่อไปอีกสักนิด แต่เมื่อเห็นว่าเรื่องมันจะไปไกลเกินกว่าชื่อกระทู้มากแล้ว จึงสะกิดท้วงติงมาให้เกิด สัมปชัญญะครับ
:b11:

:b6:
ตามทัศนะที่เป็นความเห็นตรงทางสายกลางที่อริยชนใช้เดินทางเดียวคืออริยสัจจ์สี่+อริยมรรค์แปด
เป็นการใช้หลักธัมมะที่เข้าถึงความละเอียดจากจิตตภาวนาทั้งด้านจิตที่สงบและจิตที่ไตร่ตรองธัมมะ
ทรงความรู้ที่สามารถแยกความแตกต่างของจิตฝ่ายดีที่เป็นกุศลจิตและจิตฝ่ายไม่ดีที่เป็นอกุศลจิตได้
ซึ่งเป็นจิตที่รู้ความจริง โดยแยกแยะจิตฝ่ายดีและจิตฝ่ายไม่ดี แล้วพยายามผลักดันจิตให้ยกระดับจิตดี
ให้มีอำนาจเหนือจิตฝ่ายไม่ดี จนเป็นกำลังฝ่ายดีฟาดฟันกิเลส เพราะกิเลสขี้เยี่ยวราดรดบนหัวใจมานาน
เมื่ออริยชนที่สามารถยกระดับจิตให้พ้นทางเลี่ยงเมืองเข้าสู่ช่องทางที่เป็นทางตรงของทางสายกลางแล้ว
ก็เหมือนเดินถูกทางแน่นอน แม้จะหยุดพักระหว่างทางบ้างหรือเดินเร็วเดินช้าหรือวิ่งก็อยู่ในเส้นทางแล้ว
เพราะเป็นทางสายเอกสายเดียวที่ไม่มีทางแยกให้เลี้ยวออกนอกเส้นทางได้เมื่อถึงจุดหมายจึงรู้ได้นั่นเอง
อย่างน้อยๆนะ ข้าพเจ้าก็คิดว่าได้อยู่บนเส้นทางนั้นแล้ว และกำลังหันซ้าย หันขวา หันหน้า หันหลังอยู่นะ

:b32: :b16: :b20: :b12:
onion onion onion

ยังปลอบใจตนเองเหรอว่าได้เดินบนทางสายกลางแล้ว. ท่านเพียงศึกษาเส้นทางเท่านั้นยังไม่ได้ก้าวเดินบนทางสายกลางเลย เพราะท่านยังงงๆกับเส้นทางตรงหน้า. ทางสายกลางไม่ใช่นึกจะเดินก็เดินได้เลย มันต้องเริ่มจากความเห็นที่ถูกก่อน จะต้องถูกจริงๆตามคำสอนไม่ใช่ถูกตามความคิดของตนเอง

onion onion onion
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

:b12:
ข้าพเจ้าขอแย้งกลับว่าในนิพพานย่อมไม่มีจิต
สัมมาสมาธิเป็นหนึ่งในอริยมรรคแปดประการ
ทางเดินของจิตเข้าสู่อริยะคืออริยสัจกะมรรค
เมื่อถึงที่หมายปลายทางแล้วทางเดินย่อมหมดไปนะ
:b16: :b4:
:b20: :b20:
คุณไม่เคยพบพระนิพพานคุณไม่รู้หรอก ผมถามง่ายๆขณะที่ยังไม่ตายอะไรไปรับรู้พระนิพพาน

ปัญญาไตร่ตรองที่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าไง
ก็อริยสัจจ์กับอริยมรรคเป็นทางเดินของจิตทางตรง
ทางสายกลางไงที่ต้องนำจิตเข้าสู่ความเป็นอริยชน
พระอภิธรรมยังทรงตรัสรายละเอียดแยกไว้ชัดเจน
อ่านด้วยตาเปล่าก็มองเห็นแต่ตาปัญญาจะเข้าใจไหม
ว่าจิต เจตสิก รูป นิพพาน คนละอันกัน นิพพานว่างนะ
ไต่บันไดขึ้นชั้นบนถึงชั้นบนแล้วบันไดก็ไม่ต้องใช้จ้ะ
:b32: :b32:
ท่องจำมาก็ประมาณนี้ แต่เอาเถอะผมเองก็ยังไม่ใช่อรหันต์ เพียงแค่สัมผัสรสของกระแสนิพพานมาก็ยังไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ก็พอรู้รสชาติที่เขาว่า. มันว่าง

ทู่ท่องหรา หึหึ หุหุ 55555 ตรงทางหน่อยทางสายกลางทางเดียว
เข้าใจถูกเป็นปัญญาที่เกิดจากสัมมาทิฐิข้อแรกในอริยมรรคนะ
:b16: :b39:

หุหุ หึหึ 55555 ผิดเต็มๆเดินสะดุดขาตัวเองหัวทิ่มเลยเน๊าะ ตกตั้งแต่ท่องเลยนะ ท่องได้ก็ยังตอบผิด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50649
:b32:

ตรงไหนมิทราบที่ว่าผิด

bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

ผิดแล้วไม่อยากจะจำเลยอ่ะนะ จิตเป็นจิตเกิดพร้อมกับเจตสิกและรูปไม่ใช่นิพพานนะ 555
สัมมาสมาธิเป็นกุศลกรรมมีการเกิด-ดับ นิพพานไม่มีทั้งกุศลและอกุศล นิพพานเที่ยง 555
นิพพานไม่สูญ นิพพานเป็นสูญญตา ใครน๊าชอบบอกว่าตัวเองเป็นสูญญตาไหงตอบผิด หุหุ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 10:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ก็กระทู้ว่า "ทางสายกลาง" แต่ถกเถียงกันไปถึงเรื่องคุณสมบัติของพระโสดาบัน ผมก็เลยสะกิดสัมปชัญญะของผู้สนทนาให้กลับมาสู่เรื่องทางสายกลางจริงๆด้วยวิธีนี้ ไม่ได้มุ่งมาชี้ผิดชี้ถูกใครหรอกครับคุณกบ
:b13:


ก็ผู้สนทนา...เขาว่า..อย่างนี้ไม่ใช่คุณสมบัติอริยะ..แล้วก็ยกคุณสมบัติอริยะมา

กระผมก็สะกิดเขาให้มาสู่ทาง...นี้ครับ..ว่าอาการที่ว่าไม่ใช่อริยะที่เขาว่านั้นมันไม่ถูกตรงกับที่เขายกธรรมมา...นะซิ

ใยอโสกะ..จึงมุ่งไปแต่ทางสายกลางที่เป็นบัญญัติ....ไม่มาดูสายกลางของผู้กำลังหลง..ละคับ

นอกเสียจากว่า..อโสกะเห็นว่า..นั้นถูกต้องแล้ว..อโสกะจึงไม่พูดจาอะไร

มีหลายกรณี..ที่ Bigtoo ทำแปลก ๆ .แต่อโสกะก็เงียบ..ไม่ตักไม่เตือน...เหมือนมองไม่เห็น..อิอิ

รึว่า....ชอบจนลำเอียง...ละคับ..อโสกะ

:b9: :b9: :b9:

:b12:
ผมสังเกตดูแล้วและเห็นว่า bigto ยังมีอะไรเด็ดๆดีๆซ่อนอยู่ในคำพูดโดยที่ คุณกบและน้องRossarin ยังมองไม่เห็นความปารถนาดีที่ซ่อนอยู่ในนั้น ผมจึงลองดูต่อไปอีกสักนิด แต่เมื่อเห็นว่าเรื่องมันจะไปไกลเกินกว่าชื่อกระทู้มากแล้ว จึงสะกิดท้วงติงมาให้เกิด สัมปชัญญะครับ
:b11:

:b6:
ตามทัศนะที่เป็นความเห็นตรงทางสายกลางที่อริยชนใช้เดินทางเดียวคืออริยสัจจ์สี่+อริยมรรค์แปด
เป็นการใช้หลักธัมมะที่เข้าถึงความละเอียดจากจิตตภาวนาทั้งด้านจิตที่สงบและจิตที่ไตร่ตรองธัมมะ
ทรงความรู้ที่สามารถแยกความแตกต่างของจิตฝ่ายดีที่เป็นกุศลจิตและจิตฝ่ายไม่ดีที่เป็นอกุศลจิตได้
ซึ่งเป็นจิตที่รู้ความจริง โดยแยกแยะจิตฝ่ายดีและจิตฝ่ายไม่ดี แล้วพยายามผลักดันจิตให้ยกระดับจิตดี
ให้มีอำนาจเหนือจิตฝ่ายไม่ดี จนเป็นกำลังฝ่ายดีฟาดฟันกิเลส เพราะกิเลสขี้เยี่ยวราดรดบนหัวใจมานาน
เมื่ออริยชนที่สามารถยกระดับจิตให้พ้นทางเลี่ยงเมืองเข้าสู่ช่องทางที่เป็นทางตรงของทางสายกลางแล้ว
ก็เหมือนเดินถูกทางแน่นอน แม้จะหยุดพักระหว่างทางบ้างหรือเดินเร็วเดินช้าหรือวิ่งก็อยู่ในเส้นทางแล้ว
เพราะเป็นทางสายเอกสายเดียวที่ไม่มีทางแยกให้เลี้ยวออกนอกเส้นทางได้เมื่อถึงจุดหมายจึงรู้ได้นั่นเอง
อย่างน้อยๆนะ ข้าพเจ้าก็คิดว่าได้อยู่บนเส้นทางนั้นแล้ว และกำลังหันซ้าย หันขวา หันหน้า หันหลังอยู่นะ

:b32: :b16: :b20: :b12:
onion onion onion

ยังปลอบใจตนเองเหรอว่าได้เดินบนทางสายกลางแล้ว. ท่านเพียงศึกษาเส้นทางเท่านั้นยังไม่ได้ก้าวเดินบนทางสายกลางเลย เพราะท่านยังงงๆกับเส้นทางตรงหน้า. ทางสายกลางไม่ใช่นึกจะเดินก็เดินได้เลย มันต้องเริ่มจากความเห็นที่ถูกก่อน จะต้องถูกจริงๆตามคำสอนไม่ใช่ถูกตามความคิดของตนเอง

onion onion onion
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

:b12:
ข้าพเจ้าขอแย้งกลับว่าในนิพพานย่อมไม่มีจิต
สัมมาสมาธิเป็นหนึ่งในอริยมรรคแปดประการ
ทางเดินของจิตเข้าสู่อริยะคืออริยสัจกะมรรค
เมื่อถึงที่หมายปลายทางแล้วทางเดินย่อมหมดไปนะ
:b16: :b4:
:b20: :b20:
คุณไม่เคยพบพระนิพพานคุณไม่รู้หรอก ผมถามง่ายๆขณะที่ยังไม่ตายอะไรไปรับรู้พระนิพพาน

ปัญญาไตร่ตรองที่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าไง
ก็อริยสัจจ์กับอริยมรรคเป็นทางเดินของจิตทางตรง
ทางสายกลางไงที่ต้องนำจิตเข้าสู่ความเป็นอริยชน
พระอภิธรรมยังทรงตรัสรายละเอียดแยกไว้ชัดเจน
อ่านด้วยตาเปล่าก็มองเห็นแต่ตาปัญญาจะเข้าใจไหม
ว่าจิต เจตสิก รูป นิพพาน คนละอันกัน นิพพานว่างนะ
ไต่บันไดขึ้นชั้นบนถึงชั้นบนแล้วบันไดก็ไม่ต้องใช้จ้ะ
:b32: :b32:
ท่องจำมาก็ประมาณนี้ แต่เอาเถอะผมเองก็ยังไม่ใช่อรหันต์ เพียงแค่สัมผัสรสของกระแสนิพพานมาก็ยังไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ก็พอรู้รสชาติที่เขาว่า. มันว่าง

ทู่ท่องหรา หึหึ หุหุ 55555 ตรงทางหน่อยทางสายกลางทางเดียว
เข้าใจถูกเป็นปัญญาที่เกิดจากสัมมาทิฐิข้อแรกในอริยมรรคนะ
:b16: :b39:

หุหุ หึหึ 55555 ผิดเต็มๆเดินสะดุดขาตัวเองหัวทิ่มเลยเน๊าะ ตกตั้งแต่ท่องเลยนะ ท่องได้ก็ยังตอบผิด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50649
:b32:

ตรงไหนมิทราบที่ว่าผิด

bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

ผิดแล้วไม่อยากจะจำเลยอ่ะนะ จิตเป็นจิตเกิดพร้อมกับเจตสิกและรูปไม่ใช่นิพพานนะ 555
สัมมาสมาธิเป็นกุศลกรรมมีการเกิด-ดับ นิพพานไม่มีทั้งกุศลและอกุศล นิพพานเที่ยง 555
นิพพานไม่สูญ นิพพานเป็นสูญญตา ใครน๊าชอบบอกว่าตัวเองเป็นสูญญตาไหงตอบผิด หุหุ
:b32: :b32: :b32:
เอาเถอะถกเถียงกันมามากเรื่องแบบนี้ อานาปานสติบริบูรณ์ที่ทำให้เข้าถึงวิมุติ. คงยังไม่รู้จักผมก็ไม่ยากจะสาธยายให้พิศดารไปกว่านี้บอกไปก็ได้แต่คิด. ลองดูบทอธิฐานความเพียรนั้นแหล่ะจะถึงบางอ้อ!

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 10:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ก็กระทู้ว่า "ทางสายกลาง" แต่ถกเถียงกันไปถึงเรื่องคุณสมบัติของพระโสดาบัน ผมก็เลยสะกิดสัมปชัญญะของผู้สนทนาให้กลับมาสู่เรื่องทางสายกลางจริงๆด้วยวิธีนี้ ไม่ได้มุ่งมาชี้ผิดชี้ถูกใครหรอกครับคุณกบ
:b13:


ก็ผู้สนทนา...เขาว่า..อย่างนี้ไม่ใช่คุณสมบัติอริยะ..แล้วก็ยกคุณสมบัติอริยะมา

กระผมก็สะกิดเขาให้มาสู่ทาง...นี้ครับ..ว่าอาการที่ว่าไม่ใช่อริยะที่เขาว่านั้นมันไม่ถูกตรงกับที่เขายกธรรมมา...นะซิ

ใยอโสกะ..จึงมุ่งไปแต่ทางสายกลางที่เป็นบัญญัติ....ไม่มาดูสายกลางของผู้กำลังหลง..ละคับ

นอกเสียจากว่า..อโสกะเห็นว่า..นั้นถูกต้องแล้ว..อโสกะจึงไม่พูดจาอะไร

มีหลายกรณี..ที่ Bigtoo ทำแปลก ๆ .แต่อโสกะก็เงียบ..ไม่ตักไม่เตือน...เหมือนมองไม่เห็น..อิอิ

รึว่า....ชอบจนลำเอียง...ละคับ..อโสกะ

:b9: :b9: :b9:

:b12:
ผมสังเกตดูแล้วและเห็นว่า bigto ยังมีอะไรเด็ดๆดีๆซ่อนอยู่ในคำพูดโดยที่ คุณกบและน้องRossarin ยังมองไม่เห็นความปารถนาดีที่ซ่อนอยู่ในนั้น ผมจึงลองดูต่อไปอีกสักนิด แต่เมื่อเห็นว่าเรื่องมันจะไปไกลเกินกว่าชื่อกระทู้มากแล้ว จึงสะกิดท้วงติงมาให้เกิด สัมปชัญญะครับ
:b11:

:b6:
ตามทัศนะที่เป็นความเห็นตรงทางสายกลางที่อริยชนใช้เดินทางเดียวคืออริยสัจจ์สี่+อริยมรรค์แปด
เป็นการใช้หลักธัมมะที่เข้าถึงความละเอียดจากจิตตภาวนาทั้งด้านจิตที่สงบและจิตที่ไตร่ตรองธัมมะ
ทรงความรู้ที่สามารถแยกความแตกต่างของจิตฝ่ายดีที่เป็นกุศลจิตและจิตฝ่ายไม่ดีที่เป็นอกุศลจิตได้
ซึ่งเป็นจิตที่รู้ความจริง โดยแยกแยะจิตฝ่ายดีและจิตฝ่ายไม่ดี แล้วพยายามผลักดันจิตให้ยกระดับจิตดี
ให้มีอำนาจเหนือจิตฝ่ายไม่ดี จนเป็นกำลังฝ่ายดีฟาดฟันกิเลส เพราะกิเลสขี้เยี่ยวราดรดบนหัวใจมานาน
เมื่ออริยชนที่สามารถยกระดับจิตให้พ้นทางเลี่ยงเมืองเข้าสู่ช่องทางที่เป็นทางตรงของทางสายกลางแล้ว
ก็เหมือนเดินถูกทางแน่นอน แม้จะหยุดพักระหว่างทางบ้างหรือเดินเร็วเดินช้าหรือวิ่งก็อยู่ในเส้นทางแล้ว
เพราะเป็นทางสายเอกสายเดียวที่ไม่มีทางแยกให้เลี้ยวออกนอกเส้นทางได้เมื่อถึงจุดหมายจึงรู้ได้นั่นเอง
อย่างน้อยๆนะ ข้าพเจ้าก็คิดว่าได้อยู่บนเส้นทางนั้นแล้ว และกำลังหันซ้าย หันขวา หันหน้า หันหลังอยู่นะ

:b32: :b16: :b20: :b12:
onion onion onion

ยังปลอบใจตนเองเหรอว่าได้เดินบนทางสายกลางแล้ว. ท่านเพียงศึกษาเส้นทางเท่านั้นยังไม่ได้ก้าวเดินบนทางสายกลางเลย เพราะท่านยังงงๆกับเส้นทางตรงหน้า. ทางสายกลางไม่ใช่นึกจะเดินก็เดินได้เลย มันต้องเริ่มจากความเห็นที่ถูกก่อน จะต้องถูกจริงๆตามคำสอนไม่ใช่ถูกตามความคิดของตนเอง

onion onion onion
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

:b12:
ข้าพเจ้าขอแย้งกลับว่าในนิพพานย่อมไม่มีจิต
สัมมาสมาธิเป็นหนึ่งในอริยมรรคแปดประการ
ทางเดินของจิตเข้าสู่อริยะคืออริยสัจกะมรรค
เมื่อถึงที่หมายปลายทางแล้วทางเดินย่อมหมดไปนะ
:b16: :b4:
:b20: :b20:
คุณไม่เคยพบพระนิพพานคุณไม่รู้หรอก ผมถามง่ายๆขณะที่ยังไม่ตายอะไรไปรับรู้พระนิพพาน

ปัญญาไตร่ตรองที่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าไง
ก็อริยสัจจ์กับอริยมรรคเป็นทางเดินของจิตทางตรง
ทางสายกลางไงที่ต้องนำจิตเข้าสู่ความเป็นอริยชน
พระอภิธรรมยังทรงตรัสรายละเอียดแยกไว้ชัดเจน
อ่านด้วยตาเปล่าก็มองเห็นแต่ตาปัญญาจะเข้าใจไหม
ว่าจิต เจตสิก รูป นิพพาน คนละอันกัน นิพพานว่างนะ
ไต่บันไดขึ้นชั้นบนถึงชั้นบนแล้วบันไดก็ไม่ต้องใช้จ้ะ
:b32: :b32:
ท่องจำมาก็ประมาณนี้ แต่เอาเถอะผมเองก็ยังไม่ใช่อรหันต์ เพียงแค่สัมผัสรสของกระแสนิพพานมาก็ยังไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ก็พอรู้รสชาติที่เขาว่า. มันว่าง

ทู่ท่องหรา หึหึ หุหุ 55555 ตรงทางหน่อยทางสายกลางทางเดียว
เข้าใจถูกเป็นปัญญาที่เกิดจากสัมมาทิฐิข้อแรกในอริยมรรคนะ
:b16: :b39:

หุหุ หึหึ 55555 ผิดเต็มๆเดินสะดุดขาตัวเองหัวทิ่มเลยเน๊าะ ตกตั้งแต่ท่องเลยนะ ท่องได้ก็ยังตอบผิด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50649
:b32:

ตรงไหนมิทราบที่ว่าผิด

bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

ผิดแล้วไม่อยากจะจำเลยอ่ะนะ จิตเป็นจิตเกิดพร้อมกับเจตสิกและรูปไม่ใช่นิพพานนะ 555
สัมมาสมาธิเป็นกุศลกรรมมีการเกิด-ดับ นิพพานไม่มีทั้งกุศลและอกุศล นิพพานเที่ยง 555
นิพพานไม่สูญ นิพพานเป็นสูญญตา ใครน๊าชอบบอกว่าตัวเองเป็นสูญญตาไหงตอบผิด หุหุ
:b32: :b32: :b32:
เอาเถอะถกเถียงกันมามากเรื่องแบบนี้ อานาปานสติบริบูรณ์ที่ทำให้เข้าถึงวิมุติ. คงยังไม่รู้จักผมก็ไม่ยากจะสาธยายให้พิศดารไปกว่านี้บอกไปก็ได้แต่คิด. ลองดูบทอธิฐานความเพียรนั้นแหล่ะจะถึงบางอ้อ!


การที่มีจิตตอบอะไร ทำอะไร ไม่ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ก็คือลุกนั่งจากเก้าอี้แล้วตกจากเก้าอี้เพราะนั่งไม่ระวัง
เรียกว่า ตกหลุมว่างอากาศคนละอันกับตกหลุมอวกาศนะ ตกหลุมอากาศลงไปกองกะพิ้นก็เจ็บก้นจริงม๊ะ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 11:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
tongue
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ก็กระทู้ว่า "ทางสายกลาง" แต่ถกเถียงกันไปถึงเรื่องคุณสมบัติของพระโสดาบัน ผมก็เลยสะกิดสัมปชัญญะของผู้สนทนาให้กลับมาสู่เรื่องทางสายกลางจริงๆด้วยวิธีนี้ ไม่ได้มุ่งมาชี้ผิดชี้ถูกใครหรอกครับคุณกบ
:b13:


ก็ผู้สนทนา...เขาว่า..อย่างนี้ไม่ใช่คุณสมบัติอริยะ..แล้วก็ยกคุณสมบัติอริยะมา

กระผมก็สะกิดเขาให้มาสู่ทาง...นี้ครับ..ว่าอาการที่ว่าไม่ใช่อริยะที่เขาว่านั้นมันไม่ถูกตรงกับที่เขายกธรรมมา...นะซิ

ใยอโสกะ..จึงมุ่งไปแต่ทางสายกลางที่เป็นบัญญัติ....ไม่มาดูสายกลางของผู้กำลังหลง..ละคับ

นอกเสียจากว่า..อโสกะเห็นว่า..นั้นถูกต้องแล้ว..อโสกะจึงไม่พูดจาอะไร

มีหลายกรณี..ที่ Bigtoo ทำแปลก ๆ .แต่อโสกะก็เงียบ..ไม่ตักไม่เตือน...เหมือนมองไม่เห็น..อิอิ

รึว่า....ชอบจนลำเอียง...ละคับ..อโสกะ

:b9: :b9: :b9:

:b12:
ผมสังเกตดูแล้วและเห็นว่า bigto ยังมีอะไรเด็ดๆดีๆซ่อนอยู่ในคำพูดโดยที่ คุณกบและน้องRossarin ยังมองไม่เห็นความปารถนาดีที่ซ่อนอยู่ในนั้น ผมจึงลองดูต่อไปอีกสักนิด แต่เมื่อเห็นว่าเรื่องมันจะไปไกลเกินกว่าชื่อกระทู้มากแล้ว จึงสะกิดท้วงติงมาให้เกิด สัมปชัญญะครับ
:b11:

:b6:
ตามทัศนะที่เป็นความเห็นตรงทางสายกลางที่อริยชนใช้เดินทางเดียวคืออริยสัจจ์สี่+อริยมรรค์แปด
เป็นการใช้หลักธัมมะที่เข้าถึงความละเอียดจากจิตตภาวนาทั้งด้านจิตที่สงบและจิตที่ไตร่ตรองธัมมะ
ทรงความรู้ที่สามารถแยกความแตกต่างของจิตฝ่ายดีที่เป็นกุศลจิตและจิตฝ่ายไม่ดีที่เป็นอกุศลจิตได้
ซึ่งเป็นจิตที่รู้ความจริง โดยแยกแยะจิตฝ่ายดีและจิตฝ่ายไม่ดี แล้วพยายามผลักดันจิตให้ยกระดับจิตดี
ให้มีอำนาจเหนือจิตฝ่ายไม่ดี จนเป็นกำลังฝ่ายดีฟาดฟันกิเลส เพราะกิเลสขี้เยี่ยวราดรดบนหัวใจมานาน
เมื่ออริยชนที่สามารถยกระดับจิตให้พ้นทางเลี่ยงเมืองเข้าสู่ช่องทางที่เป็นทางตรงของทางสายกลางแล้ว
ก็เหมือนเดินถูกทางแน่นอน แม้จะหยุดพักระหว่างทางบ้างหรือเดินเร็วเดินช้าหรือวิ่งก็อยู่ในเส้นทางแล้ว
เพราะเป็นทางสายเอกสายเดียวที่ไม่มีทางแยกให้เลี้ยวออกนอกเส้นทางได้เมื่อถึงจุดหมายจึงรู้ได้นั่นเอง
อย่างน้อยๆนะ ข้าพเจ้าก็คิดว่าได้อยู่บนเส้นทางนั้นแล้ว และกำลังหันซ้าย หันขวา หันหน้า หันหลังอยู่นะ

:b32: :b16: :b20: :b12:
onion onion onion

ยังปลอบใจตนเองเหรอว่าได้เดินบนทางสายกลางแล้ว. ท่านเพียงศึกษาเส้นทางเท่านั้นยังไม่ได้ก้าวเดินบนทางสายกลางเลย เพราะท่านยังงงๆกับเส้นทางตรงหน้า. ทางสายกลางไม่ใช่นึกจะเดินก็เดินได้เลย มันต้องเริ่มจากความเห็นที่ถูกก่อน จะต้องถูกจริงๆตามคำสอนไม่ใช่ถูกตามความคิดของตนเอง

onion onion onion
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

:b12:
ข้าพเจ้าขอแย้งกลับว่าในนิพพานย่อมไม่มีจิต
สัมมาสมาธิเป็นหนึ่งในอริยมรรคแปดประการ
ทางเดินของจิตเข้าสู่อริยะคืออริยสัจกะมรรค
เมื่อถึงที่หมายปลายทางแล้วทางเดินย่อมหมดไปนะ
:b16: :b4:
:b20: :b20:
คุณไม่เคยพบพระนิพพานคุณไม่รู้หรอก ผมถามง่ายๆขณะที่ยังไม่ตายอะไรไปรับรู้พระนิพพาน

ปัญญาไตร่ตรองที่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าไง
ก็อริยสัจจ์กับอริยมรรคเป็นทางเดินของจิตทางตรง
ทางสายกลางไงที่ต้องนำจิตเข้าสู่ความเป็นอริยชน
พระอภิธรรมยังทรงตรัสรายละเอียดแยกไว้ชัดเจน
อ่านด้วยตาเปล่าก็มองเห็นแต่ตาปัญญาจะเข้าใจไหม
ว่าจิต เจตสิก รูป นิพพาน คนละอันกัน นิพพานว่างนะ
ไต่บันไดขึ้นชั้นบนถึงชั้นบนแล้วบันไดก็ไม่ต้องใช้จ้ะ
:b32: :b32:
ท่องจำมาก็ประมาณนี้ แต่เอาเถอะผมเองก็ยังไม่ใช่อรหันต์ เพียงแค่สัมผัสรสของกระแสนิพพานมาก็ยังไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ก็พอรู้รสชาติที่เขาว่า. มันว่าง

ทู่ท่องหรา หึหึ หุหุ 55555 ตรงทางหน่อยทางสายกลางทางเดียว
เข้าใจถูกเป็นปัญญาที่เกิดจากสัมมาทิฐิข้อแรกในอริยมรรคนะ
:b16: :b39:

หุหุ หึหึ 55555 ผิดเต็มๆเดินสะดุดขาตัวเองหัวทิ่มเลยเน๊าะ ตกตั้งแต่ท่องเลยนะ ท่องได้ก็ยังตอบผิด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50649
:b32:

ตรงไหนมิทราบที่ว่าผิด

bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

ผิดแล้วไม่อยากจะจำเลยอ่ะนะ จิตเป็นจิตเกิดพร้อมกับเจตสิกและรูปไม่ใช่นิพพานนะ 555
สัมมาสมาธิเป็นกุศลกรรมมีการเกิด-ดับ นิพพานไม่มีทั้งกุศลและอกุศล นิพพานเที่ยง 555
นิพพานไม่สูญ นิพพานเป็นสูญญตา ใครน๊าชอบบอกว่าตัวเองเป็นสูญญตาไหงตอบผิด หุหุ
:b32: :b32: :b32:
เอาเถอะถกเถียงกันมามากเรื่องแบบนี้ อานาปานสติบริบูรณ์ที่ทำให้เข้าถึงวิมุติ. คงยังไม่รู้จักผมก็ไม่ยากจะสาธยายให้พิศดารไปกว่านี้บอกไปก็ได้แต่คิด. ลองดูบทอธิฐานความเพียรนั้นแหล่ะจะถึงบางอ้อ!


การที่มีจิตตอบอะไร ทำอะไร ไม่ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ก็คือลุกนั่งจากเก้าอี้แล้วตกจากเก้าอี้เพราะนั่งไม่ระวัง
เรียกว่า ตกหลุมว่างอากาศคนละอันกับตกหลุมอวกาศนะ ตกหลุมอากาศลงไปกองกะพิ้นก็เจ็บก้นจริงไปม๊ะ
:b32: :b32: :b32:
กลับไปดู คห เก่าๆที่ผมยกตัวอย่างเรื่องฌานทั้ง9ระดับที่สำเร็ยเป็นอริยะบุคคลได้ซิ จะรู้ว่านิพพานมีอยู่ในสมาธิทั้ง9ระดับ. อ่านเยอะๆ. อย่าติดแต่ อจ สุจินต์แสดงธรรมเลย จะได้เข้าใจความหมายที่ผมกล่าว

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 12:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ก็กระทู้ว่า "ทางสายกลาง" แต่ถกเถียงกันไปถึงเรื่องคุณสมบัติของพระโสดาบัน ผมก็เลยสะกิดสัมปชัญญะของผู้สนทนาให้กลับมาสู่เรื่องทางสายกลางจริงๆด้วยวิธีนี้ ไม่ได้มุ่งมาชี้ผิดชี้ถูกใครหรอกครับคุณกบ
:b13:


ก็ผู้สนทนา...เขาว่า..อย่างนี้ไม่ใช่คุณสมบัติอริยะ..แล้วก็ยกคุณสมบัติอริยะมา

กระผมก็สะกิดเขาให้มาสู่ทาง...นี้ครับ..ว่าอาการที่ว่าไม่ใช่อริยะที่เขาว่านั้นมันไม่ถูกตรงกับที่เขายกธรรมมา...นะซิ

ใยอโสกะ..จึงมุ่งไปแต่ทางสายกลางที่เป็นบัญญัติ....ไม่มาดูสายกลางของผู้กำลังหลง..ละคับ

นอกเสียจากว่า..อโสกะเห็นว่า..นั้นถูกต้องแล้ว..อโสกะจึงไม่พูดจาอะไร

มีหลายกรณี..ที่ Bigtoo ทำแปลก ๆ .แต่อโสกะก็เงียบ..ไม่ตักไม่เตือน...เหมือนมองไม่เห็น..อิอิ

รึว่า....ชอบจนลำเอียง...ละคับ..อโสกะ

:b9: :b9: :b9:

:b12:
ผมสังเกตดูแล้วและเห็นว่า bigto ยังมีอะไรเด็ดๆดีๆซ่อนอยู่ในคำพูดโดยที่ คุณกบและน้องRossarin ยังมองไม่เห็นความปารถนาดีที่ซ่อนอยู่ในนั้น ผมจึงลองดูต่อไปอีกสักนิด แต่เมื่อเห็นว่าเรื่องมันจะไปไกลเกินกว่าชื่อกระทู้มากแล้ว จึงสะกิดท้วงติงมาให้เกิด สัมปชัญญะครับ
:b11:

:b6:
ตามทัศนะที่เป็นความเห็นตรงทางสายกลางที่อริยชนใช้เดินทางเดียวคืออริยสัจจ์สี่+อริยมรรค์แปด
เป็นการใช้หลักธัมมะที่เข้าถึงความละเอียดจากจิตตภาวนาทั้งด้านจิตที่สงบและจิตที่ไตร่ตรองธัมมะ
ทรงความรู้ที่สามารถแยกความแตกต่างของจิตฝ่ายดีที่เป็นกุศลจิตและจิตฝ่ายไม่ดีที่เป็นอกุศลจิตได้
ซึ่งเป็นจิตที่รู้ความจริง โดยแยกแยะจิตฝ่ายดีและจิตฝ่ายไม่ดี แล้วพยายามผลักดันจิตให้ยกระดับจิตดี
ให้มีอำนาจเหนือจิตฝ่ายไม่ดี จนเป็นกำลังฝ่ายดีฟาดฟันกิเลส เพราะกิเลสขี้เยี่ยวราดรดบนหัวใจมานาน
เมื่ออริยชนที่สามารถยกระดับจิตให้พ้นทางเลี่ยงเมืองเข้าสู่ช่องทางที่เป็นทางตรงของทางสายกลางแล้ว
ก็เหมือนเดินถูกทางแน่นอน แม้จะหยุดพักระหว่างทางบ้างหรือเดินเร็วเดินช้าหรือวิ่งก็อยู่ในเส้นทางแล้ว
เพราะเป็นทางสายเอกสายเดียวที่ไม่มีทางแยกให้เลี้ยวออกนอกเส้นทางได้เมื่อถึงจุดหมายจึงรู้ได้นั่นเอง
อย่างน้อยๆนะ ข้าพเจ้าก็คิดว่าได้อยู่บนเส้นทางนั้นแล้ว และกำลังหันซ้าย หันขวา หันหน้า หันหลังอยู่นะ

:b32: :b16: :b20: :b12:
onion onion onion

ยังปลอบใจตนเองเหรอว่าได้เดินบนทางสายกลางแล้ว. ท่านเพียงศึกษาเส้นทางเท่านั้นยังไม่ได้ก้าวเดินบนทางสายกลางเลย เพราะท่านยังงงๆกับเส้นทางตรงหน้า. ทางสายกลางไม่ใช่นึกจะเดินก็เดินได้เลย มันต้องเริ่มจากความเห็นที่ถูกก่อน จะต้องถูกจริงๆตามคำสอนไม่ใช่ถูกตามความคิดของตนเอง

onion onion onion
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

:b12:
ข้าพเจ้าขอแย้งกลับว่าในนิพพานย่อมไม่มีจิต
สัมมาสมาธิเป็นหนึ่งในอริยมรรคแปดประการ
ทางเดินของจิตเข้าสู่อริยะคืออริยสัจกะมรรค
เมื่อถึงที่หมายปลายทางแล้วทางเดินย่อมหมดไปนะ
:b16: :b4:
:b20: :b20:
คุณไม่เคยพบพระนิพพานคุณไม่รู้หรอก ผมถามง่ายๆขณะที่ยังไม่ตายอะไรไปรับรู้พระนิพพาน

ปัญญาไตร่ตรองที่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าไง
ก็อริยสัจจ์กับอริยมรรคเป็นทางเดินของจิตทางตรง
ทางสายกลางไงที่ต้องนำจิตเข้าสู่ความเป็นอริยชน
พระอภิธรรมยังทรงตรัสรายละเอียดแยกไว้ชัดเจน
อ่านด้วยตาเปล่าก็มองเห็นแต่ตาปัญญาจะเข้าใจไหม
ว่าจิต เจตสิก รูป นิพพาน คนละอันกัน นิพพานว่างนะ
ไต่บันไดขึ้นชั้นบนถึงชั้นบนแล้วบันไดก็ไม่ต้องใช้จ้ะ
:b32: :b32:
ท่องจำมาก็ประมาณนี้ แต่เอาเถอะผมเองก็ยังไม่ใช่อรหันต์ เพียงแค่สัมผัสรสของกระแสนิพพานมาก็ยังไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ก็พอรู้รสชาติที่เขาว่า. มันว่าง

ทู่ท่องหรา หึหึ หุหุ 55555 ตรงทางหน่อยทางสายกลางทางเดียว
เข้าใจถูกเป็นปัญญาที่เกิดจากสัมมาทิฐิข้อแรกในอริยมรรคนะ
:b16: :b39:

หุหุ หึหึ 55555 ผิดเต็มๆเดินสะดุดขาตัวเองหัวทิ่มเลยเน๊าะ ตกตั้งแต่ท่องเลยนะ ท่องได้ก็ยังตอบผิด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50649
:b32:

ตรงไหนมิทราบที่ว่าผิด

bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

ผิดแล้วไม่อยากจะจำเลยอ่ะนะ จิตเป็นจิตเกิดพร้อมกับเจตสิกและรูปไม่ใช่นิพพานนะ 555
สัมมาสมาธิเป็นกุศลกรรมมีการเกิด-ดับ นิพพานไม่มีทั้งกุศลและอกุศล นิพพานเที่ยง 555
นิพพานไม่สูญ นิพพานเป็นสูญญตา ใครน๊าชอบบอกว่าตัวเองเป็นสูญญตาไหงตอบผิด หุหุ
:b32: :b32: :b32:
เอาเถอะถกเถียงกันมามากเรื่องแบบนี้ อานาปานสติบริบูรณ์ที่ทำให้เข้าถึงวิมุติ. คงยังไม่รู้จักผมก็ไม่ยากจะสาธยายให้พิศดารไปกว่านี้บอกไปก็ได้แต่คิด. ลองดูบทอธิฐานความเพียรนั้นแหล่ะจะถึงบางอ้อ!


การที่มีจิตตอบอะไร ทำอะไร ไม่ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ก็คือลุกนั่งจากเก้าอี้แล้วตกจากเก้าอี้เพราะนั่งไม่ระวัง
เรียกว่า ตกหลุมว่างอากาศคนละอันกับตกหลุมอวกาศนะ ตกหลุมอากาศลงไปกองกะพิ้นก็เจ็บก้นจริงไปม๊ะ
:b32: :b32: :b32:
กลับไปดู คห เก่าๆที่ผมยกตัวอย่างเรื่องฌานทั้ง9ระดับที่สำเร็ยเป็นอริยะบุคคลได้ซิ จะรู้ว่านิพพานมีอยู่ในสมาธิทั้ง9ระดับ. อ่านเยอะๆ. อย่าติดแต่ อจ สุจินต์แสดงธรรมเลย จะได้เข้าใจความหมายที่ผมกล่าว

ติดดีในคำสอนแล้วคิดถูก ก็ยังดีกว่าท่องแล้วตอบผิดตอบถูก
นิพพานที่เค้าหมายถึงคือนิพพานจริงๆที่สิ้นกิเลสแล้วว่างไปหมด
สัมมาสมาธิเป็นเจตสิกที่เกิดกับจิตนะจ๊ะที่ยังเกิด-ดับอยู่ จะๆจิง จริงๆไหม 555
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ก็กระทู้ว่า "ทางสายกลาง" แต่ถกเถียงกันไปถึงเรื่องคุณสมบัติของพระโสดาบัน ผมก็เลยสะกิดสัมปชัญญะของผู้สนทนาให้กลับมาสู่เรื่องทางสายกลางจริงๆด้วยวิธีนี้ ไม่ได้มุ่งมาชี้ผิดชี้ถูกใครหรอกครับคุณกบ
:b13:


ก็ผู้สนทนา...เขาว่า..อย่างนี้ไม่ใช่คุณสมบัติอริยะ..แล้วก็ยกคุณสมบัติอริยะมา

กระผมก็สะกิดเขาให้มาสู่ทาง...นี้ครับ..ว่าอาการที่ว่าไม่ใช่อริยะที่เขาว่านั้นมันไม่ถูกตรงกับที่เขายกธรรมมา...นะซิ

ใยอโสกะ..จึงมุ่งไปแต่ทางสายกลางที่เป็นบัญญัติ....ไม่มาดูสายกลางของผู้กำลังหลง..ละคับ

นอกเสียจากว่า..อโสกะเห็นว่า..นั้นถูกต้องแล้ว..อโสกะจึงไม่พูดจาอะไร

มีหลายกรณี..ที่ Bigtoo ทำแปลก ๆ .แต่อโสกะก็เงียบ..ไม่ตักไม่เตือน...เหมือนมองไม่เห็น..อิอิ

รึว่า....ชอบจนลำเอียง...ละคับ..อโสกะ

:b9: :b9: :b9:

:b12:
ผมสังเกตดูแล้วและเห็นว่า bigto ยังมีอะไรเด็ดๆดีๆซ่อนอยู่ในคำพูดโดยที่ คุณกบและน้องRossarin ยังมองไม่เห็นความปารถนาดีที่ซ่อนอยู่ในนั้น ผมจึงลองดูต่อไปอีกสักนิด แต่เมื่อเห็นว่าเรื่องมันจะไปไกลเกินกว่าชื่อกระทู้มากแล้ว จึงสะกิดท้วงติงมาให้เกิด สัมปชัญญะครับ
:b11:

:b6:
ตามทัศนะที่เป็นความเห็นตรงทางสายกลางที่อริยชนใช้เดินทางเดียวคืออริยสัจจ์สี่+อริยมรรค์แปด
เป็นการใช้หลักธัมมะที่เข้าถึงความละเอียดจากจิตตภาวนาทั้งด้านจิตที่สงบและจิตที่ไตร่ตรองธัมมะ
ทรงความรู้ที่สามารถแยกความแตกต่างของจิตฝ่ายดีที่เป็นกุศลจิตและจิตฝ่ายไม่ดีที่เป็นอกุศลจิตได้
ซึ่งเป็นจิตที่รู้ความจริง โดยแยกแยะจิตฝ่ายดีและจิตฝ่ายไม่ดี แล้วพยายามผลักดันจิตให้ยกระดับจิตดี
ให้มีอำนาจเหนือจิตฝ่ายไม่ดี จนเป็นกำลังฝ่ายดีฟาดฟันกิเลส เพราะกิเลสขี้เยี่ยวราดรดบนหัวใจมานาน
เมื่ออริยชนที่สามารถยกระดับจิตให้พ้นทางเลี่ยงเมืองเข้าสู่ช่องทางที่เป็นทางตรงของทางสายกลางแล้ว
ก็เหมือนเดินถูกทางแน่นอน แม้จะหยุดพักระหว่างทางบ้างหรือเดินเร็วเดินช้าหรือวิ่งก็อยู่ในเส้นทางแล้ว
เพราะเป็นทางสายเอกสายเดียวที่ไม่มีทางแยกให้เลี้ยวออกนอกเส้นทางได้เมื่อถึงจุดหมายจึงรู้ได้นั่นเอง
อย่างน้อยๆนะ ข้าพเจ้าก็คิดว่าได้อยู่บนเส้นทางนั้นแล้ว และกำลังหันซ้าย หันขวา หันหน้า หันหลังอยู่นะ

:b32: :b16: :b20: :b12:
onion onion onion

ยังปลอบใจตนเองเหรอว่าได้เดินบนทางสายกลางแล้ว. ท่านเพียงศึกษาเส้นทางเท่านั้นยังไม่ได้ก้าวเดินบนทางสายกลางเลย เพราะท่านยังงงๆกับเส้นทางตรงหน้า. ทางสายกลางไม่ใช่นึกจะเดินก็เดินได้เลย มันต้องเริ่มจากความเห็นที่ถูกก่อน จะต้องถูกจริงๆตามคำสอนไม่ใช่ถูกตามความคิดของตนเอง

onion onion onion
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

:b12:
ข้าพเจ้าขอแย้งกลับว่าในนิพพานย่อมไม่มีจิต
สัมมาสมาธิเป็นหนึ่งในอริยมรรคแปดประการ
ทางเดินของจิตเข้าสู่อริยะคืออริยสัจกะมรรค
เมื่อถึงที่หมายปลายทางแล้วทางเดินย่อมหมดไปนะ
:b16: :b4:
:b20: :b20:
คุณไม่เคยพบพระนิพพานคุณไม่รู้หรอก ผมถามง่ายๆขณะที่ยังไม่ตายอะไรไปรับรู้พระนิพพาน

ปัญญาไตร่ตรองที่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าไง
ก็อริยสัจจ์กับอริยมรรคเป็นทางเดินของจิตทางตรง
ทางสายกลางไงที่ต้องนำจิตเข้าสู่ความเป็นอริยชน
พระอภิธรรมยังทรงตรัสรายละเอียดแยกไว้ชัดเจน
อ่านด้วยตาเปล่าก็มองเห็นแต่ตาปัญญาจะเข้าใจไหม
ว่าจิต เจตสิก รูป นิพพาน คนละอันกัน นิพพานว่างนะ
ไต่บันไดขึ้นชั้นบนถึงชั้นบนแล้วบันไดก็ไม่ต้องใช้จ้ะ
:b32: :b32:
ท่องจำมาก็ประมาณนี้ แต่เอาเถอะผมเองก็ยังไม่ใช่อรหันต์ เพียงแค่สัมผัสรสของกระแสนิพพานมาก็ยังไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ก็พอรู้รสชาติที่เขาว่า. มันว่าง

ทู่ท่องหรา หึหึ หุหุ 55555 ตรงทางหน่อยทางสายกลางทางเดียว
เข้าใจถูกเป็นปัญญาที่เกิดจากสัมมาทิฐิข้อแรกในอริยมรรคนะ
:b16: :b39:

หุหุ หึหึ 55555 ผิดเต็มๆเดินสะดุดขาตัวเองหัวทิ่มเลยเน๊าะ ตกตั้งแต่ท่องเลยนะ ท่องได้ก็ยังตอบผิด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50649
:b32:

ตรงไหนมิทราบที่ว่าผิด

bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

ผิดแล้วไม่อยากจะจำเลยอ่ะนะ จิตเป็นจิตเกิดพร้อมกับเจตสิกและรูปไม่ใช่นิพพานนะ 555
สัมมาสมาธิเป็นกุศลกรรมมีการเกิด-ดับ นิพพานไม่มีทั้งกุศลและอกุศล นิพพานเที่ยง 555
นิพพานไม่สูญ นิพพานเป็นสูญญตา ใครน๊าชอบบอกว่าตัวเองเป็นสูญญตาไหงตอบผิด หุหุ
:b32: :b32: :b32:
เอาเถอะถกเถียงกันมามากเรื่องแบบนี้ อานาปานสติบริบูรณ์ที่ทำให้เข้าถึงวิมุติ. คงยังไม่รู้จักผมก็ไม่ยากจะสาธยายให้พิศดารไปกว่านี้บอกไปก็ได้แต่คิด. ลองดูบทอธิฐานความเพียรนั้นแหล่ะจะถึงบางอ้อ!


การที่มีจิตตอบอะไร ทำอะไร ไม่ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ก็คือลุกนั่งจากเก้าอี้แล้วตกจากเก้าอี้เพราะนั่งไม่ระวัง
เรียกว่า ตกหลุมว่างอากาศคนละอันกับตกหลุมอวกาศนะ ตกหลุมอากาศลงไปกองกะพิ้นก็เจ็บก้นจริงไปม๊ะ
:b32: :b32: :b32:
กลับไปดู คห เก่าๆที่ผมยกตัวอย่างเรื่องฌานทั้ง9ระดับที่สำเร็ยเป็นอริยะบุคคลได้ซิ จะรู้ว่านิพพานมีอยู่ในสมาธิทั้ง9ระดับ. อ่านเยอะๆ. อย่าติดแต่ อจ สุจินต์แสดงธรรมเลย จะได้เข้าใจความหมายที่ผมกล่าว

ติดดีในคำสอนแล้วคิดถูก ก็ยังดีกว่าท่องแล้วตอบผิดตอบถูก
นิพพานที่เค้าหมายถึงคือนิพพานจริงๆที่สิ้นกิเลสแล้วว่างไปหมด
สัมมาสมาธิเป็นเจตสิกที่เกิดกับจิตนะจ๊ะที่ยังเกิด-ดับอยู่ จะๆจิง จริงๆไหม 555
:b32: :b32: :b32:

อ้อ แล้วคำว่า วิมุติ กับ สูญญตา เป็นสภาวะธรรมที่เกิดกับจิตผู้สิ้นกิเลส
เล่นลิ้น เล่นคำ เอาคำมาใช้ผิดๆถูก แล้วก็ว่าตัวเองถึงสูญญตา
มันแม่นอีหลีจั่งซั่นคือจั่งเจ้าคึดบ้อ
แปลว่ามันใช่จริงอย่างนั้นเหมือนที่ท่านคิดเหรอ
ใครก็เขียนได้ วิมุติ สูญญตา นิพพานน่ะ
แต่ที่พอจะคิดไตร่ตรองตามคำสอนแล้วเกิดปัญญาน่่ะ
ค้นคิดพิจารณามากกว่านี้หน่อยสัก100เท่าค่อยตอบ
:b16:
อ่าฮ่อย อ่าฮ่าย อ่าฮ้อย 555 คิดก่อนเขียนน๊า
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาจะกระแทกแดกดันหรือซ้ำเติมต่อท่านผู้ใด ขอให้เข้าใจเพราะคิดตรงๆ
พระธรรมคำสอนตรงความจริงไม่เคยเปลี่ยน ที่เพี๊ยนไปเพราะจิตที่ไม่มีปัญญาเข้าใจ
ก็เลยสงสัยหยิบยกมากล่าวอย่างนั้นอย่างนี้ ที่สมควรจริงๆคือระวังความคิดให้มาก
ถ้าไม่มั่นใจควรเงียบไว้ก่อนดีกว่า เลียบๆเคียงๆ ข้างๆ คูๆ ถูๆ ไถๆ มันไม่สมควร
:b1:
สำหรับท่านทู่ ข้าพเจ้าก็แค่เตือนสติท่าน ไตร่ตรองในคำสอนให้มากกว่านี้จะถามอ.สุจินต์ดีไหม
ส่วนข้าพเจ้าไม่มีความสงสัยในคำสอนเลยแม้แต่น้อยเลยไม่ต้องถามใคร สงสัยแต่การปฏิบัติของตัวเอง
เวลาติดขัดก็จะค้นคว้าศึกษาตามตำราและเว็บต่างๆเพิ่มเติม ไม่จำเป็นต้องจำทุกคำในพระไตรปิฎก
เพราะขณะที่จิตไม่ได้แยบคายพิจารณาสภาพธรรมที่กำลังหมดไปตลอดเวลาก็คือไม่เข้าใจคำสอนเลย
มีแต่ความคิดความจำเรื่องราวและคำที่เป็นสภาพธัมมะที่ยังไม่ปรากฏแก่จิตแล้วก็สงสัยแมนบ่(ใช่ไหม)
อย่างน้อยถ้าได้เคยฟังคำสอนของครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้จริงแล้ว พอถึงจริงๆจะไม่ถามใคร เพราะรู้แล้ว
:b27: :b11:
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 13:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาจะกระแทกแดกดันหรือซ้ำเติมต่อท่านผู้ใด ขอให้เข้าใจเพราะคิดตรงๆ
พระธรรมคำสอนตรงความจริงไม่เคยเปลี่ยน ที่เพี๊ยนไปเพราะจิตที่ไม่มีปัญญาเข้าใจ
ก็เลยสงสัยหยิบยกมากล่าวอย่างนั้นอย่างนี้ ที่สมควรจริงๆคือระวังความคิดให้มาก
ถ้าไม่มั่นใจควรเงียบไว้ก่อนดีกว่า เลียบๆเคียงๆ ข้างๆ คูๆ ถูๆ ไถๆ มันไม่สมควร
:b1:
สำหรับท่านทู่ ข้าพเจ้าก็แค่เตือนสติท่าน ไตร่ตรองในคำสอนให้มากกว่านี้จะถามอ.สุจินต์ดีไหม
ส่วนข้าพเจ้าไม่มีความสงสัยในคำสอนเลยแม้แต่น้อยเลยไม่ต้องถามใคร สงสัยแต่การปฏิบัติของตัวเอง
เวลาติดขัดก็จะค้นคว้าศึกษาตามตำราและเว็บต่างๆเพิ่มเติม ไม่จำเป็นต้องจำทุกคำในพระไตรปิฎก
เพราะขณะที่จิตไม่ได้แยบคายพิจารณาสภาพธรรมที่กำลังหมดไปตลอดเวลาก็คือไม่เข้าใจคำสอนเลย
มีแต่ความคิดความจำเรื่องราวและคำที่เป็นสภาพธัมมะที่ยังไม่ปรากฏแก่จิตแล้วก็สงสัยแมนบ่(ใช่ไหม)
อย่างน้อยถ้าได้เคยฟังคำสอนของครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้จริงแล้ว พอถึงจริงๆจะไม่ถามใคร เพราะรู้แล้ว
:b27: :b11:
:b13:
ว่างๆไปดูเรื่องฌานบ้างนะพระองค์กล่าวนั้นคือนิพพานอะไร. และนิพพานล้วนมาจากการทำสมาธิที่บริบูรณแล้วทั้งนั้น. จะอธิบายอย่างไรคุณคงไม่เข้าใจหรอกเพราะยังไม่เคยเจอหรือประจักษ์นิพพานในมโนถวาร ว่างๆศึกษาพุทธวจนบ้างนะเรื่องอภิธรรมที่คุณเรียนมามันมีในบาลีสยามรัฐมั้ย นักอภิธรรมใหญ่หลายท่านทิ้งตำราที่เรียนมาหลายคนแล้วนะ อภิธรรมตามพุทธวจนะเขาก็มีนะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ก็กระทู้ว่า "ทางสายกลาง" แต่ถกเถียงกันไปถึงเรื่องคุณสมบัติของพระโสดาบัน ผมก็เลยสะกิดสัมปชัญญะของผู้สนทนาให้กลับมาสู่เรื่องทางสายกลางจริงๆด้วยวิธีนี้ ไม่ได้มุ่งมาชี้ผิดชี้ถูกใครหรอกครับคุณกบ
:b13:


ก็ผู้สนทนา...เขาว่า..อย่างนี้ไม่ใช่คุณสมบัติอริยะ..แล้วก็ยกคุณสมบัติอริยะมา

กระผมก็สะกิดเขาให้มาสู่ทาง...นี้ครับ..ว่าอาการที่ว่าไม่ใช่อริยะที่เขาว่านั้นมันไม่ถูกตรงกับที่เขายกธรรมมา...นะซิ

ใยอโสกะ..จึงมุ่งไปแต่ทางสายกลางที่เป็นบัญญัติ....ไม่มาดูสายกลางของผู้กำลังหลง..ละคับ

นอกเสียจากว่า..อโสกะเห็นว่า..นั้นถูกต้องแล้ว..อโสกะจึงไม่พูดจาอะไร

มีหลายกรณี..ที่ Bigtoo ทำแปลก ๆ .แต่อโสกะก็เงียบ..ไม่ตักไม่เตือน...เหมือนมองไม่เห็น..อิอิ

รึว่า....ชอบจนลำเอียง...ละคับ..อโสกะ

:b9: :b9: :b9:

:b12:
ผมสังเกตดูแล้วและเห็นว่า bigto ยังมีอะไรเด็ดๆดีๆซ่อนอยู่ในคำพูดโดยที่ คุณกบและน้องRossarin ยังมองไม่เห็นความปารถนาดีที่ซ่อนอยู่ในนั้น ผมจึงลองดูต่อไปอีกสักนิด แต่เมื่อเห็นว่าเรื่องมันจะไปไกลเกินกว่าชื่อกระทู้มากแล้ว จึงสะกิดท้วงติงมาให้เกิด สัมปชัญญะครับ
:b11:

:b6:
ตามทัศนะที่เป็นความเห็นตรงทางสายกลางที่อริยชนใช้เดินทางเดียวคืออริยสัจจ์สี่+อริยมรรค์แปด
เป็นการใช้หลักธัมมะที่เข้าถึงความละเอียดจากจิตตภาวนาทั้งด้านจิตที่สงบและจิตที่ไตร่ตรองธัมมะ
ทรงความรู้ที่สามารถแยกความแตกต่างของจิตฝ่ายดีที่เป็นกุศลจิตและจิตฝ่ายไม่ดีที่เป็นอกุศลจิตได้
ซึ่งเป็นจิตที่รู้ความจริง โดยแยกแยะจิตฝ่ายดีและจิตฝ่ายไม่ดี แล้วพยายามผลักดันจิตให้ยกระดับจิตดี
ให้มีอำนาจเหนือจิตฝ่ายไม่ดี จนเป็นกำลังฝ่ายดีฟาดฟันกิเลส เพราะกิเลสขี้เยี่ยวราดรดบนหัวใจมานาน
เมื่ออริยชนที่สามารถยกระดับจิตให้พ้นทางเลี่ยงเมืองเข้าสู่ช่องทางที่เป็นทางตรงของทางสายกลางแล้ว
ก็เหมือนเดินถูกทางแน่นอน แม้จะหยุดพักระหว่างทางบ้างหรือเดินเร็วเดินช้าหรือวิ่งก็อยู่ในเส้นทางแล้ว
เพราะเป็นทางสายเอกสายเดียวที่ไม่มีทางแยกให้เลี้ยวออกนอกเส้นทางได้เมื่อถึงจุดหมายจึงรู้ได้นั่นเอง
อย่างน้อยๆนะ ข้าพเจ้าก็คิดว่าได้อยู่บนเส้นทางนั้นแล้ว และกำลังหันซ้าย หันขวา หันหน้า หันหลังอยู่นะ

:b32: :b16: :b20: :b12:
onion onion onion

ยังปลอบใจตนเองเหรอว่าได้เดินบนทางสายกลางแล้ว. ท่านเพียงศึกษาเส้นทางเท่านั้นยังไม่ได้ก้าวเดินบนทางสายกลางเลย เพราะท่านยังงงๆกับเส้นทางตรงหน้า. ทางสายกลางไม่ใช่นึกจะเดินก็เดินได้เลย มันต้องเริ่มจากความเห็นที่ถูกก่อน จะต้องถูกจริงๆตามคำสอนไม่ใช่ถูกตามความคิดของตนเอง

onion onion onion
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

:b12:
ข้าพเจ้าขอแย้งกลับว่าในนิพพานย่อมไม่มีจิต
สัมมาสมาธิเป็นหนึ่งในอริยมรรคแปดประการ
ทางเดินของจิตเข้าสู่อริยะคืออริยสัจกะมรรค
เมื่อถึงที่หมายปลายทางแล้วทางเดินย่อมหมดไปนะ
:b16: :b4:
:b20: :b20:
คุณไม่เคยพบพระนิพพานคุณไม่รู้หรอก ผมถามง่ายๆขณะที่ยังไม่ตายอะไรไปรับรู้พระนิพพาน

ปัญญาไตร่ตรองที่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าไง
ก็อริยสัจจ์กับอริยมรรคเป็นทางเดินของจิตทางตรง
ทางสายกลางไงที่ต้องนำจิตเข้าสู่ความเป็นอริยชน
พระอภิธรรมยังทรงตรัสรายละเอียดแยกไว้ชัดเจน
อ่านด้วยตาเปล่าก็มองเห็นแต่ตาปัญญาจะเข้าใจไหม
ว่าจิต เจตสิก รูป นิพพาน คนละอันกัน นิพพานว่างนะ
ไต่บันไดขึ้นชั้นบนถึงชั้นบนแล้วบันไดก็ไม่ต้องใช้จ้ะ
:b32: :b32:
ท่องจำมาก็ประมาณนี้ แต่เอาเถอะผมเองก็ยังไม่ใช่อรหันต์ เพียงแค่สัมผัสรสของกระแสนิพพานมาก็ยังไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ก็พอรู้รสชาติที่เขาว่า. มันว่าง

ทู่ท่องหรา หึหึ หุหุ 55555 ตรงทางหน่อยทางสายกลางทางเดียว
เข้าใจถูกเป็นปัญญาที่เกิดจากสัมมาทิฐิข้อแรกในอริยมรรคนะ
:b16: :b39:

หุหุ หึหึ 55555 ผิดเต็มๆเดินสะดุดขาตัวเองหัวทิ่มเลยเน๊าะ ตกตั้งแต่ท่องเลยนะ ท่องได้ก็ยังตอบผิด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50649
:b32:

ตรงไหนมิทราบที่ว่าผิด

bigtoo เขียน:
สัมมาสมาธิที่บริบูรณ์คือดินแดนพระนิพพานเลยล่ะ

ผิดแล้วไม่อยากจะจำเลยอ่ะนะ จิตเป็นจิตเกิดพร้อมกับเจตสิกและรูปไม่ใช่นิพพานนะ 555
สัมมาสมาธิเป็นกุศลกรรมมีการเกิด-ดับ นิพพานไม่มีทั้งกุศลและอกุศล นิพพานเที่ยง 555
นิพพานไม่สูญ นิพพานเป็นสูญญตา ใครน๊าชอบบอกว่าตัวเองเป็นสูญญตาไหงตอบผิด หุหุ
:b32: :b32: :b32:
เอาเถอะถกเถียงกันมามากเรื่องแบบนี้ อานาปานสติบริบูรณ์ที่ทำให้เข้าถึงวิมุติ. คงยังไม่รู้จักผมก็ไม่ยากจะสาธยายให้พิศดารไปกว่านี้บอกไปก็ได้แต่คิด. ลองดูบทอธิฐานความเพียรนั้นแหล่ะจะถึงบางอ้อ!


การที่มีจิตตอบอะไร ทำอะไร ไม่ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ก็คือลุกนั่งจากเก้าอี้แล้วตกจากเก้าอี้เพราะนั่งไม่ระวัง
เรียกว่า ตกหลุมว่างอากาศคนละอันกับตกหลุมอวกาศนะ ตกหลุมอากาศลงไปกองกะพิ้นก็เจ็บก้นจริงไปม๊ะ
:b32: :b32: :b32:
กลับไปดู คห เก่าๆที่ผมยกตัวอย่างเรื่องฌานทั้ง9ระดับที่สำเร็ยเป็นอริยะบุคคลได้ซิ จะรู้ว่านิพพานมีอยู่ในสมาธิทั้ง9ระดับ. อ่านเยอะๆ. อย่าติดแต่ อจ สุจินต์แสดงธรรมเลย จะได้เข้าใจความหมายที่ผมกล่าว

ติดดีในคำสอนแล้วคิดถูก ก็ยังดีกว่าท่องแล้วตอบผิดตอบถูก
นิพพานที่เค้าหมายถึงคือนิพพานจริงๆที่สิ้นกิเลสแล้วว่างไปหมด
สัมมาสมาธิเป็นเจตสิกที่เกิดกับจิตนะจ๊ะที่ยังเกิด-ดับอยู่ จะๆจิง จริงๆไหม 555
:b32: :b32: :b32:

อ้อ แล้วคำว่า วิมุติ กับ สูญญตา เป็นสภาวะธรรมที่เกิดกับจิตผู้สิ้นกิเลส
เล่นลิ้น เล่นคำ เอาคำมาใช้ผิดๆถูก แล้วก็ว่าตัวเองถึงสูญญตา
มันแม่นอีหลีจั่งซั่นคือจั่งเจ้าคึดบ้อ
แปลว่ามันใช่จริงอย่างนั้นเหมือนที่ท่านคิดเหรอ
ใครก็เขียนได้ วิมุติ สูญญตา นิพพานน่ะ
แต่ที่พอจะคิดไตร่ตรองตามคำสอนแล้วเกิดปัญญาน่่ะ
ค้นคิดพิจารณามากกว่านี้หน่อยสัก100เท่าค่อยตอบ
:b16:
อ่าฮ่อย อ่าฮ่าย อ่าฮ้อย 555 คิดก่อนเขียนน๊า
:b32: :b32: :b32:
พูดดีจังเลย เป็นอันว่าเอาไว้ก่อนดีมั้ยท่านเองไปคอยดูว่าท่านใดเป็นอรหันต์ก่อนดีมั้ย. อย่าไปแนะนำผิดนะเดียวจะเฌรคำ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 14:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสริน. ท่านเคยอ่านพุทธวจนบ้างมั้ย พระองค์กล่าวว่าชนเหล่าใดทำให้มากเจริญให้มากอานาปานสติ ชนเหล่านั้นก็หวังได้อรหัตถ์ผล. แต่อจ ท่านบอกว่าอานาปานสติไม่เหมาะแก่คนอย่างเราๆ. และพระศาสดาบอกว่าการบรรลุธรรมนั้นต้องอาศัยสมาธิระดับปฐมฌานขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุดแต่ อจ จารย์ท่านไม่ให้ทำสมาธิ. ท่านไม่แปลกใจบ้างเหรอกับสิางที่ท่าเรียนรู้มา. คนที่เขาจะไปปฎิบัติธรรมที่ไหนก็ถามว่าจะไปทำไม. แล้วทีมาที่สำนักท่านให้มาได้มันก็แปลกนะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
bigtoo เขียน:
คุณโรสริน. ท่านเคยอ่านพุทธวจนบ้างมั้ย พระองค์กล่าวว่าชนเหล่าใดทำให้มากเจริญให้มากอานาปานสติ ชนเหล่านั้นก็หวังได้อรหัตถ์ผล. แต่อจ ท่านบอกว่าอานาปานสติไม่เหมาะแก่คนอย่างเราๆ. และพระศาสดาบอกว่าการบรรลุธรรมนั้นต้องอาศัยสมาธิระดับปฐมฌานขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุดแต่ อจ จารย์ท่านไม่ให้ทำสมาธิ. ท่านไม่แปลกใจบ้างเหรอกับสิางที่ท่าเรียนรู้มา. คนที่เขาจะไปปฎิบัติธรรมที่ไหนก็ถามว่าจะไปทำไม. แล้วทีมาที่สำนักท่านให้มาได้มันก็แปลกนะ

ขอบพระคุณที่แนะนำสั่งสอน สอนตัวเองให้เลิกท่องได้ซะก่อนค่อยมาคุยกันนะ คนละแนวกันท่านกบบอก หุหุ
:b11:
Rosarin เขียน:
Kiss
เมื่อหลวงตาพระมหาบัวมรณภาพลง หลวงปู่ลีค่ะเป็นผู้ดำเนินงานทองคำเข้าคลังหลวงแทนจนสำเร็จ
ในเมื่อข้าพเจ้าได้ยกคำที่เป็นพระธรรมโอวาทท่านมาแล้ว ผู้ที่ไม่ใช่คนอีสานก็จะไม่เข้าใจ จึงควรแปล
Rosarin เขียน:
Kiss
พระธรรมโอวาท (วิกกีพีเดีย/หลวงปู่ลี กุสลธโล)

"...บ่ทันนาน คั่นจิตเป็นปัจจุบันอยู่ฮั่น บ่เห็นหนึ่งต้องแนวหนึ่งหละ มันซิเกิดเฮ็ดให้มันเป็นปัจจุบัน อดีตที่ล่วงมาแล้ว ก็อย่าไปคำนึงเลย มันก็ออกไปจากปัจจุบันนั่นหละ อนาคตคือกัน มันออกไปจากปัจจุบันนี่ละ อย่าไปคำนึงมันเลย คุมมันเข้า เบิ่ง ให้เบิ่งหัวใจเจ้าของนั่นละ อย่าไปเบิ่งหัวใจผู้อื่น... คั่นคุมเจ้าของแท้ๆ ต้องเห็น คั่นพิจารณาสภาพร่างกายก็พิจารณาอยู่ฮั่น แต่พื้นเท้ามาศีรษะ แต่ศีรษะลงมาพื้นเท้า ให้พิจารณาอยู่ฮั่น เอาแหมะ ๒๔ ชั่วโมงนี่ บ่ให้มันปากมาเลย ต้องเกิดแน่... อันนี้หัวใจมันแลนอยู่นำโลกนำสงสารพุ่น มันบ่ปักมั่น แล้วซิเห็นหยังฮั่น คือกินข้าวเนี่ย กินนอนอยู่ ย้ายไปนั่น นอนอยู่ก็ไปฮั่น นอนก็ไปนี่ เลยบ่อิ่มจักที นี่เรื่องมัน เอ้า พิจารณามันซี คั่นคุมเข้าแท้ๆ มันซิต้องจับได้เงื่อน เดี๋ยวมันซิเกิดอันนั้นเกิดอันนี่โลด นี่เฮ็ดจริงทำจริงมันต้องรู้จริง... ไอ้ พิจารณาโตนี่ละ โตสำคัญ ถ้าหากว่าได้จับจุดได้ละ เออ มันซิออกอุทานบัดทีนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อริยสัจทั้งนั้น... คั่นตีแตกอริยสัจนี่ได้แล้ว ฮ่วย! กราบพระพุทธเจ้ากราบครูอาจารย์ โอ๊ย มันก็กราบอยู่จังซั่นหละ หมดคืนหละ นี่ เพิ่นเว่าจริงเฮ็ดจริง มันซิประมวลมาหมดดอก อันพระพุทธเจ้าเพิ่นเห็นนะ มันซิมาเกิดจากใจเฮานี่ละ... ให้พากันเร่งความพากความเพียร..."
:b8: :b16:
มีใครต้องการคำแปลบ้างไหมคะภาษาอีสานถ้าต้องการจะแปลให้
:b17: :b16:
:b39:

"...ไม่นานนัก ถ้าจิตเป็นปัจจุบันอยู่นั่น ไม่เห็นอันหนึ่ง ต้องแนวหนึ่งหละ มันจะเกิดทำให้มันเป็นปัจจุบัน อดีตที่
ล่วงมาแล้ว ก็อย่าไปคำนึงเลย มันก็ออกไปจากปัจจุบันนั่นหละ อนาคตเหมือนกัน มันก็ออกไปจากปัจจุบันนี่ละ
อย่าไปคำนึงถึงมันเลย คุมมันเข้า ดู ให้ดูที่หัวใจตัวเองนั่นละ อย่าไปดูหัวใจคนอื่น... ถ้าคุมตัวเองจริงๆ
ต้องเห็น ถ้าพิจารณาสภาพร่างกายก็พิจารณาอยู่อย่างนั้น แต่พื้นเท้ามาศรีษะ แต่ศรีษะลงมาพื้นเท้า
ให้พิจารณาอยู่อย่างนั้น เอาเลยตลอด 24 ชั่วโมง นี่ ไม่ให้มันพูดออกเลย ต้องเกิดแน่...อันนี้หัวใจ
มันวิ่งออกไปวุ่นอยู่แต่กับโลกกับสงสารโน่น มันไม่มีหลักมั่นคง แล้วจะเห็นอะไรนั่น เหมือนกินข้าวเลย
กินคือนอนอยู่ ย้ายไปนั่น นอนอยู่ก็ไปที่นั่น นอนอยู่ก็ไปที่นี่ ไม่รู้จักอิ่มสักที นี่เรื่องมัน
เอ้า พิจารณามันสิ ถ้าคุมมันได้จริงๆ มันก็ต้องจับเงื่อนปมที่ผูกไว้ได้ แล้วมันก็จะเกิดอันนั้นอันนี้ให้เห็น
นี่เฮ็ดจริงทำจริงก็ต้องรู้จริง...ไอ้ที่พิจารณาตัวนี้ละตัวสำคัญ ถ้าหากว่าจับจุดได้แล้ว เออ มันจะอุทานออกมาทีนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อริยสัจทั้งนั้น... ถ้าตีแตกอริยสัจนี่ได้แล้ว ห้วย! กราบพระพุทธเจ้า
กราบครูอาจารย์ โอ๊ย มันก็กราบอยู่อย่างนั้นหล่ะ ทั้งคืนหล่ะ นี่ ท่านพูดจริง ทำจริงก็จะประมวลมาหมดดอก
อันที่พระพุทธเจ้าท่านเห็นนะ มันจะเกิดจากใจเรานี่ละ... ให้พากันเร่งความพากเพียร..."
:b8: :b8: :b8:
:b39:

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50611&p=376022#p376022
:b42:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
bigtoo เขียน:
คุณโรสริน. ท่านเคยอ่านพุทธวจนบ้างมั้ย พระองค์กล่าวว่าชนเหล่าใดทำให้มากเจริญให้มากอานาปานสติ ชนเหล่านั้นก็หวังได้อรหัตถ์ผล. แต่อจ ท่านบอกว่าอานาปานสติไม่เหมาะแก่คนอย่างเราๆ. และพระศาสดาบอกว่าการบรรลุธรรมนั้นต้องอาศัยสมาธิระดับปฐมฌานขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุดแต่ อจ จารย์ท่านไม่ให้ทำสมาธิ. ท่านไม่แปลกใจบ้างเหรอกับสิางที่ท่าเรียนรู้มา. คนที่เขาจะไปปฎิบัติธรรมที่ไหนก็ถามว่าจะไปทำไม. แล้วทีมาที่สำนักท่านให้มาได้มันก็แปลกนะ

ขอบพระคุณที่แนะนำสั่งสอน สอนตัวเองให้เลิกท่องได้ซะก่อนค่อยมาคุยกันนะ คนละแนวกันท่านกบบอก หุหุ
:b11:
Rosarin เขียน:
Kiss
เมื่อหลวงตาพระมหาบัวมรณภาพลง หลวงปู่ลีค่ะเป็นผู้ดำเนินงานทองคำเข้าคลังหลวงแทนจนสำเร็จ
ในเมื่อข้าพเจ้าได้ยกคำที่เป็นพระธรรมโอวาทท่านมาแล้ว ผู้ที่ไม่ใช่คนอีสานก็จะไม่เข้าใจ จึงควรแปล
Rosarin เขียน:
Kiss
พระธรรมโอวาท (วิกกีพีเดีย/หลวงปู่ลี กุสลธโล)

"...บ่ทันนาน คั่นจิตเป็นปัจจุบันอยู่ฮั่น บ่เห็นหนึ่งต้องแนวหนึ่งหละ มันซิเกิดเฮ็ดให้มันเป็นปัจจุบัน อดีตที่ล่วงมาแล้ว ก็อย่าไปคำนึงเลย มันก็ออกไปจากปัจจุบันนั่นหละ อนาคตคือกัน มันออกไปจากปัจจุบันนี่ละ อย่าไปคำนึงมันเลย คุมมันเข้า เบิ่ง ให้เบิ่งหัวใจเจ้าของนั่นละ อย่าไปเบิ่งหัวใจผู้อื่น... คั่นคุมเจ้าของแท้ๆ ต้องเห็น คั่นพิจารณาสภาพร่างกายก็พิจารณาอยู่ฮั่น แต่พื้นเท้ามาศีรษะ แต่ศีรษะลงมาพื้นเท้า ให้พิจารณาอยู่ฮั่น เอาแหมะ ๒๔ ชั่วโมงนี่ บ่ให้มันปากมาเลย ต้องเกิดแน่... อันนี้หัวใจมันแลนอยู่นำโลกนำสงสารพุ่น มันบ่ปักมั่น แล้วซิเห็นหยังฮั่น คือกินข้าวเนี่ย กินนอนอยู่ ย้ายไปนั่น นอนอยู่ก็ไปฮั่น นอนก็ไปนี่ เลยบ่อิ่มจักที นี่เรื่องมัน เอ้า พิจารณามันซี คั่นคุมเข้าแท้ๆ มันซิต้องจับได้เงื่อน เดี๋ยวมันซิเกิดอันนั้นเกิดอันนี่โลด นี่เฮ็ดจริงทำจริงมันต้องรู้จริง... ไอ้ พิจารณาโตนี่ละ โตสำคัญ ถ้าหากว่าได้จับจุดได้ละ เออ มันซิออกอุทานบัดทีนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อริยสัจทั้งนั้น... คั่นตีแตกอริยสัจนี่ได้แล้ว ฮ่วย! กราบพระพุทธเจ้ากราบครูอาจารย์ โอ๊ย มันก็กราบอยู่จังซั่นหละ หมดคืนหละ นี่ เพิ่นเว่าจริงเฮ็ดจริง มันซิประมวลมาหมดดอก อันพระพุทธเจ้าเพิ่นเห็นนะ มันซิมาเกิดจากใจเฮานี่ละ... ให้พากันเร่งความพากความเพียร..."
:b8: :b16:
มีใครต้องการคำแปลบ้างไหมคะภาษาอีสานถ้าต้องการจะแปลให้
:b17: :b16:
:b39:

"...ไม่นานนัก ถ้าจิตเป็นปัจจุบันอยู่นั่น ไม่เห็นอันหนึ่ง ต้องแนวหนึ่งหละ มันจะเกิดทำให้มันเป็นปัจจุบัน อดีตที่
ล่วงมาแล้ว ก็อย่าไปคำนึงเลย มันก็ออกไปจากปัจจุบันนั่นหละ อนาคตเหมือนกัน มันก็ออกไปจากปัจจุบันนี่ละ
อย่าไปคำนึงถึงมันเลย คุมมันเข้า ดู ให้ดูที่หัวใจตัวเองนั่นละ อย่าไปดูหัวใจคนอื่น... ถ้าคุมตัวเองจริงๆ
ต้องเห็น ถ้าพิจารณาสภาพร่างกายก็พิจารณาอยู่อย่างนั้น แต่พื้นเท้ามาศรีษะ แต่ศรีษะลงมาพื้นเท้า
ให้พิจารณาอยู่อย่างนั้น เอาเลยตลอด 24 ชั่วโมง นี่ ไม่ให้มันพูดออกเลย ต้องเกิดแน่...อันนี้หัวใจ
มันวิ่งออกไปวุ่นอยู่แต่กับโลกกับสงสารโน่น มันไม่มีหลักมั่นคง แล้วจะเห็นอะไรนั่น เหมือนกินข้าวเลย
กินคือนอนอยู่ ย้ายไปนั่น นอนอยู่ก็ไปที่นั่น นอนอยู่ก็ไปที่นี่ ไม่รู้จักอิ่มสักที นี่เรื่องมัน
เอ้า พิจารณามันสิ ถ้าคุมมันได้จริงๆ มันก็ต้องจับเงื่อนปมที่ผูกไว้ได้ แล้วมันก็จะเกิดอันนั้นอันนี้ให้เห็น
นี่เฮ็ดจริงทำจริงก็ต้องรู้จริง...ไอ้ที่พิจารณาตัวนี้ละตัวสำคัญ ถ้าหากว่าจับจุดได้แล้ว เออ มันจะอุทานออกมาทีนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อริยสัจทั้งนั้น... ถ้าตีแตกอริยสัจนี่ได้แล้ว ห้วย! กราบพระพุทธเจ้า
กราบครูอาจารย์ โอ๊ย มันก็กราบอยู่อย่างนั้นหล่ะ ทั้งคืนหล่ะ นี่ ท่านพูดจริง ทำจริงก็จะประมวลมาหมดดอก
อันที่พระพุทธเจ้าท่านเห็นนะ มันจะเกิดจากใจเรานี่ละ... ให้พากันเร่งความพากเพียร..."
:b8: :b8: :b8:
:b39:

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50611&p=376022#p376022
:b42:
ไปถามกบดูนะชอบท่องอะไร รู้สึกว่าคุณก็เห็นดีเห็นชอบกับการท่องคาถาเงินล้านนะ. หลงตามๆกันพวกเดียวกัน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 21:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 21:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว




ช่วงนี้...ช๊อบ...ชอบ

ทางสายกลาง....ทางสายกลาง

rolleyes rolleyes rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
bigtoo เขียน:
คุณโรสริน. ท่านเคยอ่านพุทธวจนบ้างมั้ย พระองค์กล่าวว่าชนเหล่าใดทำให้มากเจริญให้มากอานาปานสติ ชนเหล่านั้นก็หวังได้อรหัตถ์ผล. แต่อจ ท่านบอกว่าอานาปานสติไม่เหมาะแก่คนอย่างเราๆ. และพระศาสดาบอกว่าการบรรลุธรรมนั้นต้องอาศัยสมาธิระดับปฐมฌานขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุดแต่ อจ จารย์ท่านไม่ให้ทำสมาธิ. ท่านไม่แปลกใจบ้างเหรอกับสิางที่ท่าเรียนรู้มา. คนที่เขาจะไปปฎิบัติธรรมที่ไหนก็ถามว่าจะไปทำไม. แล้วทีมาที่สำนักท่านให้มาได้มันก็แปลกนะ

ขอบพระคุณที่แนะนำสั่งสอน สอนตัวเองให้เลิกท่องได้ซะก่อนค่อยมาคุยกันนะ คนละแนวกันท่านกบบอก หุหุ
:b11:
Rosarin เขียน:
Kiss
เมื่อหลวงตาพระมหาบัวมรณภาพลง หลวงปู่ลีค่ะเป็นผู้ดำเนินงานทองคำเข้าคลังหลวงแทนจนสำเร็จ
ในเมื่อข้าพเจ้าได้ยกคำที่เป็นพระธรรมโอวาทท่านมาแล้ว ผู้ที่ไม่ใช่คนอีสานก็จะไม่เข้าใจ จึงควรแปล
Rosarin เขียน:
Kiss
พระธรรมโอวาท (วิกกีพีเดีย/หลวงปู่ลี กุสลธโล)

"...บ่ทันนาน คั่นจิตเป็นปัจจุบันอยู่ฮั่น บ่เห็นหนึ่งต้องแนวหนึ่งหละ มันซิเกิดเฮ็ดให้มันเป็นปัจจุบัน อดีตที่ล่วงมาแล้ว ก็อย่าไปคำนึงเลย มันก็ออกไปจากปัจจุบันนั่นหละ อนาคตคือกัน มันออกไปจากปัจจุบันนี่ละ อย่าไปคำนึงมันเลย คุมมันเข้า เบิ่ง ให้เบิ่งหัวใจเจ้าของนั่นละ อย่าไปเบิ่งหัวใจผู้อื่น... คั่นคุมเจ้าของแท้ๆ ต้องเห็น คั่นพิจารณาสภาพร่างกายก็พิจารณาอยู่ฮั่น แต่พื้นเท้ามาศีรษะ แต่ศีรษะลงมาพื้นเท้า ให้พิจารณาอยู่ฮั่น เอาแหมะ ๒๔ ชั่วโมงนี่ บ่ให้มันปากมาเลย ต้องเกิดแน่... อันนี้หัวใจมันแลนอยู่นำโลกนำสงสารพุ่น มันบ่ปักมั่น แล้วซิเห็นหยังฮั่น คือกินข้าวเนี่ย กินนอนอยู่ ย้ายไปนั่น นอนอยู่ก็ไปฮั่น นอนก็ไปนี่ เลยบ่อิ่มจักที นี่เรื่องมัน เอ้า พิจารณามันซี คั่นคุมเข้าแท้ๆ มันซิต้องจับได้เงื่อน เดี๋ยวมันซิเกิดอันนั้นเกิดอันนี่โลด นี่เฮ็ดจริงทำจริงมันต้องรู้จริง... ไอ้ พิจารณาโตนี่ละ โตสำคัญ ถ้าหากว่าได้จับจุดได้ละ เออ มันซิออกอุทานบัดทีนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อริยสัจทั้งนั้น... คั่นตีแตกอริยสัจนี่ได้แล้ว ฮ่วย! กราบพระพุทธเจ้ากราบครูอาจารย์ โอ๊ย มันก็กราบอยู่จังซั่นหละ หมดคืนหละ นี่ เพิ่นเว่าจริงเฮ็ดจริง มันซิประมวลมาหมดดอก อันพระพุทธเจ้าเพิ่นเห็นนะ มันซิมาเกิดจากใจเฮานี่ละ... ให้พากันเร่งความพากความเพียร..."
:b8: :b16:
มีใครต้องการคำแปลบ้างไหมคะภาษาอีสานถ้าต้องการจะแปลให้
:b17: :b16:
:b39:

"...ไม่นานนัก ถ้าจิตเป็นปัจจุบันอยู่นั่น ไม่เห็นอันหนึ่ง ต้องแนวหนึ่งหละ มันจะเกิดทำให้มันเป็นปัจจุบัน อดีตที่
ล่วงมาแล้ว ก็อย่าไปคำนึงเลย มันก็ออกไปจากปัจจุบันนั่นหละ อนาคตเหมือนกัน มันก็ออกไปจากปัจจุบันนี่ละ
อย่าไปคำนึงถึงมันเลย คุมมันเข้า ดู ให้ดูที่หัวใจตัวเองนั่นละ อย่าไปดูหัวใจคนอื่น... ถ้าคุมตัวเองจริงๆ
ต้องเห็น ถ้าพิจารณาสภาพร่างกายก็พิจารณาอยู่อย่างนั้น แต่พื้นเท้ามาศรีษะ แต่ศรีษะลงมาพื้นเท้า
ให้พิจารณาอยู่อย่างนั้น เอาเลยตลอด 24 ชั่วโมง นี่ ไม่ให้มันพูดออกเลย ต้องเกิดแน่...อันนี้หัวใจ
มันวิ่งออกไปวุ่นอยู่แต่กับโลกกับสงสารโน่น มันไม่มีหลักมั่นคง แล้วจะเห็นอะไรนั่น เหมือนกินข้าวเลย
กินคือนอนอยู่ ย้ายไปนั่น นอนอยู่ก็ไปที่นั่น นอนอยู่ก็ไปที่นี่ ไม่รู้จักอิ่มสักที นี่เรื่องมัน
เอ้า พิจารณามันสิ ถ้าคุมมันได้จริงๆ มันก็ต้องจับเงื่อนปมที่ผูกไว้ได้ แล้วมันก็จะเกิดอันนั้นอันนี้ให้เห็น
นี่เฮ็ดจริงทำจริงก็ต้องรู้จริง...ไอ้ที่พิจารณาตัวนี้ละตัวสำคัญ ถ้าหากว่าจับจุดได้แล้ว เออ มันจะอุทานออกมาทีนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อริยสัจทั้งนั้น... ถ้าตีแตกอริยสัจนี่ได้แล้ว ห้วย! กราบพระพุทธเจ้า
กราบครูอาจารย์ โอ๊ย มันก็กราบอยู่อย่างนั้นหล่ะ ทั้งคืนหล่ะ นี่ ท่านพูดจริง ทำจริงก็จะประมวลมาหมดดอก
อันที่พระพุทธเจ้าท่านเห็นนะ มันจะเกิดจากใจเรานี่ละ... ให้พากันเร่งความพากเพียร..."
:b8: :b8: :b8:
:b39:

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50611&p=376022#p376022
:b42:
ไปถามกบดูนะชอบท่องอะไร รู้สึกว่าคุณก็เห็นดีเห็นชอบกับการท่องคาถาเงินล้านนะ. หลงตามๆกันพวกเดียวกัน

:b16:
http://m.youtube.com/watch?v=nN2sCvo_KuM
จิตที่ฉลาดหรือโง่อยู่กะเรานะทู่ ถ้ายังมิหายสงสัยนะจ๊ะ
:b12:
ที่จะแวะฟังเพลงบ้างก็ไม่ได้ทำให้ปัญญาที่รู้ที่เข้าใจมันลดน้อยลงนะจ๊ะ
:b13: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 95 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร