วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 08:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 91 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2014, 21:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เพราะไปติดยึดแน่นอยูในคำว่าชีวิตคือธรรมะนั่นแหละจึงทำให้กรัชกายวนอยู่กับสิ่งที่กว้างๆ ไม่เจาะลึกลงไปหาสมุทัยหรือเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงได้สักที น่าเสียดาย

เจาะลึกลงไปในชีวิต อันประกอบด้วยรูปและนามนี้ซิ
สมุทัยเหตุทุกข์มันเป็นนามธรรมปรากฏให้รู้ในจิต พึงพินิจให้ถี่ถ้วน
wink



เอาอีกแล้วไปรูปนาม ไปกายใจอีกแล้ว ปัดโธ่ รูปนาม รวมกันก็ชีวิต กายใจ ร่วมกันก็ชีวิต คิกๆๆ

grin
ลองวิเคราะห์ แยกแยะไอ้ก้อนชีวิตที่กรัชกายยังติดแน่นอยู่นี้ซิ ว่ามันประกอบขึ้นด้วยอะไรบ้าง
:b32:



น่ารำคาญ คิกๆ วิเคราะห์เดี่ยวได้เลอะเทอะกันใหญ่อีก

ก็ขนาด ร่างกาย กาย รูป โต่ๆ ยังว่ากันสะเละ แล้วจะไปวิเคราะห์แยกแยะ เป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อนตึง นั่นนี่ ไปกันใหญ่ เตลิดกู่ไม่กลับล่ะที่นี้


นี่ขนาดเอามาให้ดูว่า ธรรมดาชีวิตมันเป็นยังไงยังไม่เข้าใจ :b13: พิจารณาดูนะขอรับ เอาแค่ตรงเน้นสีกับที่ขีดเส้นใต้ก็พอ


ชีวิต หรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 08:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อใจยอมรับโดยไม่สงสัยแล้วว่า ชีวิต คือ ธรรม ธรรมคือชีวิต ก็ก้าวไปที่ (เน้นประโยคสุดท้าย)

(สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ

สพฺเพ สงฺขารา ทุกขาติ)

สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ สิ่ง (ธรรม) ทั้งปวง ไม่ใช่อัตตา (มันเป็นอนัตตา) ตำราท่านว่าไว้ชัดแล้ว แต่คนเข้าใจผิดเอง

พูดตามสำนวนที่อโศกพูดบ่อยๆ กูนั่น กูนี่ มันไม่่ใช่กู กูไม่มี (อัตตาไม่มี) เป็นความข้าใจผิดของคน เมื่อรู้ว่าเข้าใจชีวิต (กายใจ, รูปนาม) ผิด คือเข้าใจว่าเป็นเรา เป็นเขา ก็เข้าใจเสียให้ถูก กูที่ว่า ก็จบ

แต่คุณอโศกเห็นชีวิตไม่่ใช่ธรรม เห็นชีวิตเกินธรรม ทำนองเคยยกตัวอย่าง ฝรั่งทำเกิน :b13: ก็เกิดปัญหา จึงท่องอะไรต่ออะไรดังว่า

อย่างที่บอกว่า ธรรม (ธัมม์) ศัพท์เดียวโดดๆ ใช้เรียกสรรพสิ่งทั้งมีชีวิตไม่มีชีวิตในโลกว่า "ธรรม" ได้ทั้งหมด

แต่ถ้าจะแยกเรียกเป็นแง่ด้าน ท่านก็แยกเป็น โลกิยธรรม โลกุตรธรรม กุศลธรรม อกุศลธรรม บัญญัติธรรม...แล้วก็อธิบายเป็นเรื่องๆ เป็นแง่เป็นด้านไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 11:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เพราะไปติดยึดแน่นอยูในคำว่าชีวิตคือธรรมะนั่นแหละจึงทำให้กรัชกายวนอยู่กับสิ่งที่กว้างๆ ไม่เจาะลึกลงไปหาสมุทัยหรือเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงได้สักที น่าเสียดาย

เจาะลึกลงไปในชีวิต อันประกอบด้วยรูปและนามนี้ซิ
สมุทัยเหตุทุกข์มันเป็นนามธรรมปรากฏให้รู้ในจิต พึงพินิจให้ถี่ถ้วน
wink



เอาอีกแล้วไปรูปนาม ไปกายใจอีกแล้ว ปัดโธ่ รูปนาม รวมกันก็ชีวิต กายใจ ร่วมกันก็ชีวิต คิกๆๆ

grin
ลองวิเคราะห์ แยกแยะไอ้ก้อนชีวิตที่กรัชกายยังติดแน่นอยู่นี้ซิ ว่ามันประกอบขึ้นด้วยอะไรบ้าง
:b32:



น่ารำคาญ คิกๆ วิเคราะห์เดี่ยวได้เลอะเทอะกันใหญ่อีก

ก็ขนาด ร่างกาย กาย รูป โต่ๆ ยังว่ากันสะเละ แล้วจะไปวิเคราะห์แยกแยะ เป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อนตึง นั่นนี่ ไปกันใหญ่ เตลิดกู่ไม่กลับล่ะที่นี้


นี่ขนาดเอามาให้ดูว่า ธรรมดาชีวิตมันเป็นยังไงยังไม่เข้าใจ :b13: พิจารณาดูนะขอรับ เอาแค่ตรงเน้นสีกับที่ขีดเส้นใต้ก็พอ


ชีวิต หรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

:b7:
แล้วพบละยังว่าอะไร เป็นเหตุให้กระบวนการที่เรียกว่าก้อนชีวิตนี้มันดำเนินไป หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่รู้จบ

แล้วพบหรือยังว่า วิธีที่จะทำให้กระบวนการแห่งชีวิตอันไม่รู้จบนี้มันสิ้นสุดยุติลงโดยเ
ด็ดขาด แล้วได้พิสูจน์วิธีการนั้นมาเพียงพอจนได้เสวยผลเป็นความสุขเย็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหรือยัง

:b6:
:b25:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 12:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เพราะไปติดยึดแน่นอยูในคำว่าชีวิตคือธรรมะนั่นแหละจึงทำให้กรัชกายวนอยู่กับสิ่งที่กว้างๆ ไม่เจาะลึกลงไปหาสมุทัยหรือเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงได้สักที น่าเสียดาย

เจาะลึกลงไปในชีวิต อันประกอบด้วยรูปและนามนี้ซิ
สมุทัยเหตุทุกข์มันเป็นนามธรรมปรากฏให้รู้ในจิต พึงพินิจให้ถี่ถ้วน
wink



เอาอีกแล้วไปรูปนาม ไปกายใจอีกแล้ว ปัดโธ่ รูปนาม รวมกันก็ชีวิต กายใจ ร่วมกันก็ชีวิต คิกๆๆ

grin
ลองวิเคราะห์ แยกแยะไอ้ก้อนชีวิตที่กรัชกายยังติดแน่นอยู่นี้ซิ ว่ามันประกอบขึ้นด้วยอะไรบ้าง
:b32:



น่ารำคาญ คิกๆ วิเคราะห์เดี่ยวได้เลอะเทอะกันใหญ่อีก

ก็ขนาด ร่างกาย กาย รูป โต่ๆ ยังว่ากันสะเละ แล้วจะไปวิเคราะห์แยกแยะ เป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อนตึง นั่นนี่ ไปกันใหญ่ เตลิดกู่ไม่กลับล่ะที่นี้


นี่ขนาดเอามาให้ดูว่า ธรรมดาชีวิตมันเป็นยังไงยังไม่เข้าใจ :b13: พิจารณาดูนะขอรับ เอาแค่ตรงเน้นสีกับที่ขีดเส้นใต้ก็พอ


ชีวิต หรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

:b7:
แล้วพบละยังว่าอะไร เป็นเหตุให้กระบวนการที่เรียกว่าก้อนชีวิตนี้มันดำเนินไป หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่รู้จบ

แล้วพบหรือยังว่า วิธีที่จะทำให้กระบวนการแห่งชีวิตอันไม่รู้จบนี้มันสิ้นสุดยุติลงโดยเ
ด็ดขาด แล้วได้พิสูจน์วิธีการนั้นมาเพียงพอจนได้เสวยผลเป็นความสุขเย็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหรือยัง

:b6:
:b25:



ควรทำความเข้าใจเบื้องต้นให้นิ่งก่อน แล้วค่อยก้าวต่อไป ถ้าเบื้องต้นยังไม่เข้าใจ แล้วไปทำก็เสียแรงงานเสียเวลาเปล่า ฟุ้งเปล่าๆ :b1:

อโศกยอมรับไปหนึ่งข้อแล้วนะขอรับ ว่าชีวิต (หมดทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ยะคือธรรม) ต่อไปขั้นที่สองนี่

อ้างคำพูด:
ชีวิตหรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตาม[u]กฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกันไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน



อโศกรับได้มั้ยขอรับน่ะ :b1: :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 12:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เพราะไปติดยึดแน่นอยูในคำว่าชีวิตคือธรรมะนั่นแหละจึงทำให้กรัชกายวนอยู่กับสิ่งที่กว้างๆ ไม่เจาะลึกลงไปหาสมุทัยหรือเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงได้สักที น่าเสียดาย

เจาะลึกลงไปในชีวิต อันประกอบด้วยรูปและนามนี้ซิ
สมุทัยเหตุทุกข์มันเป็นนามธรรมปรากฏให้รู้ในจิต พึงพินิจให้ถี่ถ้วน
wink



เอาอีกแล้วไปรูปนาม ไปกายใจอีกแล้ว ปัดโธ่ รูปนาม รวมกันก็ชีวิต กายใจ ร่วมกันก็ชีวิต คิกๆๆ

grin
ลองวิเคราะห์ แยกแยะไอ้ก้อนชีวิตที่กรัชกายยังติดแน่นอยู่นี้ซิ ว่ามันประกอบขึ้นด้วยอะไรบ้าง
:b32:



น่ารำคาญ คิกๆ วิเคราะห์เดี่ยวได้เลอะเทอะกันใหญ่อีก

ก็ขนาด ร่างกาย กาย รูป โต่ๆ ยังว่ากันสะเละ แล้วจะไปวิเคราะห์แยกแยะ เป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อนตึง นั่นนี่ ไปกันใหญ่ เตลิดกู่ไม่กลับล่ะที่นี้


นี่ขนาดเอามาให้ดูว่า ธรรมดาชีวิตมันเป็นยังไงยังไม่เข้าใจ :b13: พิจารณาดูนะขอรับ เอาแค่ตรงเน้นสีกับที่ขีดเส้นใต้ก็พอ


ชีวิต หรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

:b7:
แล้วพบละยังว่าอะไร เป็นเหตุให้กระบวนการที่เรียกว่าก้อนชีวิตนี้มันดำเนินไป หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่รู้จบ

แล้วพบหรือยังว่า วิธีที่จะทำให้กระบวนการแห่งชีวิตอันไม่รู้จบนี้มันสิ้นสุดยุติลงโดยเ
ด็ดขาด แล้วได้พิสูจน์วิธีการนั้นมาเพียงพอจนได้เสวยผลเป็นความสุขเย็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหรือยัง

:b6:
:b25:



ควรทำความเข้าใจเบื้องต้นให้นิ่งก่อน แล้วค่อยก้าวต่อไป ถ้าเบื้องต้นยังไม่เข้าใจ แล้วไปทำก็เสียแรงงานเสียเวลาเปล่า ฟุ้งเปล่าๆ :b1:

อโศกยอมรับไปหนึ่งข้อแล้วนะขอรับ ว่าชีวิต (หมดทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ยะคือธรรม) ต่อไปขั้นที่สองนี่

อ้างคำพูด:
ชีวิตหรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตาม[u]กฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกันไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน



อโศกรับได้มั้ยขอรับน่ะ :b1: :b10:

:b12: :b12: :b12:
รับได้ซิ เล่นอ้างปฏิจจสมุปบาทมาสำทับด้วยนี่

แต่อย่ามัวอ้อมค่ายพิไรรำพันอยู่เลย จับตัวเหตุให้เกิดปฏิจจสมุปบาทออกมาตีแผ่เลยเร็วๆ บอกวิธีปฏิบัติที่จะเอาตัวเหตุออกมาด้วย อย่ามีแต่ทฤษฎีให้คิดเอาเอง


:b12: :b12: :b12:
grin
s002
:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เพราะไปติดยึดแน่นอยูในคำว่าชีวิตคือธรรมะนั่นแหละจึงทำให้กรัชกายวนอยู่กับสิ่งที่กว้างๆ ไม่เจาะลึกลงไปหาสมุทัยหรือเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงได้สักที น่าเสียดาย

เจาะลึกลงไปในชีวิต อันประกอบด้วยรูปและนามนี้ซิ
สมุทัยเหตุทุกข์มันเป็นนามธรรมปรากฏให้รู้ในจิต พึงพินิจให้ถี่ถ้วน
wink



เอาอีกแล้วไปรูปนาม ไปกายใจอีกแล้ว ปัดโธ่ รูปนาม รวมกันก็ชีวิต กายใจ ร่วมกันก็ชีวิต คิกๆๆ

grin
ลองวิเคราะห์ แยกแยะไอ้ก้อนชีวิตที่กรัชกายยังติดแน่นอยู่นี้ซิ ว่ามันประกอบขึ้นด้วยอะไรบ้าง
:b32:



น่ารำคาญ คิกๆ วิเคราะห์เดี่ยวได้เลอะเทอะกันใหญ่อีก

ก็ขนาด ร่างกาย กาย รูป โต่ๆ ยังว่ากันสะเละ แล้วจะไปวิเคราะห์แยกแยะ เป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อนตึง นั่นนี่ ไปกันใหญ่ เตลิดกู่ไม่กลับล่ะที่นี้


นี่ขนาดเอามาให้ดูว่า ธรรมดาชีวิตมันเป็นยังไงยังไม่เข้าใจ :b13: พิจารณาดูนะขอรับ เอาแค่ตรงเน้นสีกับที่ขีดเส้นใต้ก็พอ


ชีวิต หรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

:b7:
แล้วพบละยังว่าอะไร เป็นเหตุให้กระบวนการที่เรียกว่าก้อนชีวิตนี้มันดำเนินไป หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่รู้จบ

แล้วพบหรือยังว่า วิธีที่จะทำให้กระบวนการแห่งชีวิตอันไม่รู้จบนี้มันสิ้นสุดยุติลงโดยเ
ด็ดขาด แล้วได้พิสูจน์วิธีการนั้นมาเพียงพอจนได้เสวยผลเป็นความสุขเย็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหรือยัง

:b6:
:b25:



ควรทำความเข้าใจเบื้องต้นให้นิ่งก่อน แล้วค่อยก้าวต่อไป ถ้าเบื้องต้นยังไม่เข้าใจ แล้วไปทำก็เสียแรงงานเสียเวลาเปล่า ฟุ้งเปล่าๆ :b1:

อโศกยอมรับไปหนึ่งข้อแล้วนะขอรับ ว่าชีวิต (หมดทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ยะคือธรรม) ต่อไปขั้นที่สองนี่

อ้างคำพูด:
ชีวิตหรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตาม[u]กฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกันไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน



อโศกรับได้มั้ยขอรับน่ะ :b1: :b10:

:b12: :b12: :b12:
รับได้ซิ เล่นอ้างปฏิจจสมุปบาทมาสำทับด้วยนี่

แต่อย่ามัวอ้อมค่ายพิไรรำพันอยู่เลย จับตัวเหตุให้เกิดปฏิจจสมุปบาทออกมาตีแผ่เลยเร็วๆ บอกวิธีปฏิบัติที่จะเอาตัวเหตุออกมาด้วย อย่ามีแต่ทฤษฎีให้คิดเอาเอง




อ้างคำพูด:
รับได้ซิ เล่นอ้างปฏิจจสมุปบาทมาสำทับด้วยนี่


กลัวปฏิจจสมุปบาท คิกๆๆ เวรกรรม

ชีวิตมันเป็นยังงั้น รู้ยังงี้ก่อน จำให้แม่นจำนานๆน่ะ :b13:

ขั้นต้นเมื่อรู้ธรรมดาของชีวิตมันเป็นยังงั้น กูนั่น กููนี่ กูโน่น กูโน้น ที่อโศกพร่ำพูดเป็นบทกลอนก็จางคลาย เพราะชีวิตเป็นอนัตตา :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนสองตอนนี้

อ้างคำพูด:

ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดอื่นอีกนอกจากขันธ์ ๕ ไม่ว่าจะแฝงอยู่ในขันธ์ ๕ หรืออยู่ต่างหากจากขันธ์ ๕ ที่จะมาเป็นเจ้าของหรือควบคุมขันธ์ ๕ ให้ ชีวิต ดำเนินไป ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครอบถ้วนเพียงพอ



ชีวิตหรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตาม[u]กฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกันไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน


ต่อเนื่องจากนั้น

ในภาวะเช่นนี้ ชีวิต จึงเป็นไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์ คือ อยู่ในภาวะแห่ง อนิจจตา ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เกิดดับเสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา
อนัตตตา ไม่มีส่วนใดที่มีที่เป็นตัวตนแท้จริง และไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัว จะเข้ายึดครองเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาให้เป็นไปตามความปรารถนาของตนจริงจังไม่ได้
ทุกขตา ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัวอยู่ทุกขณะ และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้และยึดติดถือมั่น



อโศกรับได้ไหม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 09 ก.พ. 2014, 13:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 13:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เพราะไปติดยึดแน่นอยูในคำว่าชีวิตคือธรรมะนั่นแหละจึงทำให้กรัชกายวนอยู่กับสิ่งที่กว้างๆ ไม่เจาะลึกลงไปหาสมุทัยหรือเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงได้สักที น่าเสียดาย

เจาะลึกลงไปในชีวิต อันประกอบด้วยรูปและนามนี้ซิ
สมุทัยเหตุทุกข์มันเป็นนามธรรมปรากฏให้รู้ในจิต พึงพินิจให้ถี่ถ้วน
wink



เอาอีกแล้วไปรูปนาม ไปกายใจอีกแล้ว ปัดโธ่ รูปนาม รวมกันก็ชีวิต กายใจ ร่วมกันก็ชีวิต คิกๆๆ

grin
ลองวิเคราะห์ แยกแยะไอ้ก้อนชีวิตที่กรัชกายยังติดแน่นอยู่นี้ซิ ว่ามันประกอบขึ้นด้วยอะไรบ้าง
:b32:



น่ารำคาญ คิกๆ วิเคราะห์เดี่ยวได้เลอะเทอะกันใหญ่อีก

ก็ขนาด ร่างกาย กาย รูป โต่ๆ ยังว่ากันสะเละ แล้วจะไปวิเคราะห์แยกแยะ เป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อนตึง นั่นนี่ ไปกันใหญ่ เตลิดกู่ไม่กลับล่ะที่นี้


นี่ขนาดเอามาให้ดูว่า ธรรมดาชีวิตมันเป็นยังไงยังไม่เข้าใจ :b13: พิจารณาดูนะขอรับ เอาแค่ตรงเน้นสีกับที่ขีดเส้นใต้ก็พอ


ชีวิต หรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

:b7:
แล้วพบละยังว่าอะไร เป็นเหตุให้กระบวนการที่เรียกว่าก้อนชีวิตนี้มันดำเนินไป หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่รู้จบ

แล้วพบหรือยังว่า วิธีที่จะทำให้กระบวนการแห่งชีวิตอันไม่รู้จบนี้มันสิ้นสุดยุติลงโดยเ
ด็ดขาด แล้วได้พิสูจน์วิธีการนั้นมาเพียงพอจนได้เสวยผลเป็นความสุขเย็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหรือยัง

:b6:
:b25:



ควรทำความเข้าใจเบื้องต้นให้นิ่งก่อน แล้วค่อยก้าวต่อไป ถ้าเบื้องต้นยังไม่เข้าใจ แล้วไปทำก็เสียแรงงานเสียเวลาเปล่า ฟุ้งเปล่าๆ :b1:

อโศกยอมรับไปหนึ่งข้อแล้วนะขอรับ ว่าชีวิต (หมดทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ยะคือธรรม) ต่อไปขั้นที่สองนี่

อ้างคำพูด:
ชีวิตหรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตาม[u]กฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกันไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน



อโศกรับได้มั้ยขอรับน่ะ :b1: :b10:

:b12: :b12: :b12:
รับได้ซิ เล่นอ้างปฏิจจสมุปบาทมาสำทับด้วยนี่

แต่อย่ามัวอ้อมค่ายพิไรรำพันอยู่เลย จับตัวเหตุให้เกิดปฏิจจสมุปบาทออกมาตีแผ่เลยเร็วๆ บอกวิธีปฏิบัติที่จะเอาตัวเหตุออกมาด้วย อย่ามีแต่ทฤษฎีให้คิดเอาเอง




อ้างคำพูด:
รับได้ซิ เล่นอ้างปฏิจจสมุปบาทมาสำทับด้วยนี่


กลัวปฏิจจสมุปบาท คิกๆๆ เวรกรรม

ชีวิตมันเป็นยังงั้น รู้ยังงี้ก่อน จำให้แม่นจำนานๆน่ะ :b13:

ขั้นต้นเมื่อรู้ธรรมดาของชีวิตมันเป็นยังงั้น กูนั่น กููนี่ กูโน่น กูโน้น ที่อโศกพร่ำพูดเป็นบทกลอนก็จางคลาย เพราะชีวิตเป็นอนัตตา :b1:

:b12: :b12: :b12:
คิดเอาเองง่ายๆ ก็ดูเหมือนว่า กู มันจะจางคลาย

แต่มันไม่ได้คลายจางไปเลยสักนิดเลยนะกรัชกาย.......ไอ้ที่อ่านปุ๊ปโต้ตอบปั๊ปเนียะ มัน.....กู.....พาทำทั้งสิ้น ลองพิจารณาดูเข้าไปข้างในจิตใจตนเองให้ดีๆตอนนี้สิ ใคร สั่งให้โต้ตอบ


กูพี่......(สักกายทิฏฐิ)

กูน้อง......(มานะทิฏฐิ)

ความปารถนาช่วยผู้อื่นให้พ้นจากความไม่รู้ อวิชชา.........(เมตตาและกรุณา)

อัตโนมัติในจิตที่โต้ตอบธรรมไปด้วยความอาจหาญ........(บรรลือสีหนาท โดยธรรม)

ฯลฯ
wink
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 13:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ก่อนสองตอนนี้

อ้างคำพูด:

ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดอื่นอีกนอกจากขันธ์ ๕ ไม่ว่าจะแฝงอยู่ในขันธ์ ๕ หรืออยู่ต่างหากจากขันธ์ ๕ ที่จะมาเป็นเจ้าของหรือควบคุมขันธ์ ๕ ให้ ชีวิต ดำเนินไป ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครอบถ้วนเพียงพอ



ชีวิตหรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตาม[u]กฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกันไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน


ต่อเนื่องจากนั้น

ในภาวะเช่นนี้ ชีวิต จึงเป็นไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์ คือ อยู่ในภาวะแห่ง อนิจจตา ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เกิดดับเสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา
อนัตตตา ไม่มีส่วนใดที่มีที่เป็นตัวตนแท้จริง และไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัว จะเข้ายึดครองเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาให้เป็นไปตามความปรารถนาของตนจริงจังไม่ได้
ทุกขตา ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัวอยู่ทุกขณะ และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้และยึดติดถือมั่น



อโศกรับได้ไหม

:b11: :b11: :b11:
มันก็แค่ทฤษฎีที่นักวิชาการใหญ่เอามาย้ำๆแล้วย้ำอีก

อ่าน ศึกษา ทดสอบมาจนพรุนอีกแล้วเช่นกัน ตอนนี้มันเลยไปถึงขั้นสัมผัสตัวอนัตตาจริงๆแล้วด้วยซ้ำไป

กรัชกายลองตั้งใจปฏิบัติจริงๆอย่างต่อเนื่องให้ผ่านกำแพงนิวรณ์ธรรมให้ได้ภายใน 3 - 5 วัน หลังจากนั้นจะได้สัมผัสปรมัตถธรรม (สภาวะที่ไม่มีคำอธิบายแต่รู้ตรงที่ใจ) แล้วจะรู้ชัด ซาบซึ้งถึง ความเป็นอนัตตา หรือ จิตใจไม่มีกูคอยสั่งและบงการ มันเป็นสุขอย่างยิ่ง เป็นนิพพานหลอก ก่อนจะได้เข้าถึงนิพพานจริง

ลองมาาตั้งใจจริงจนได้ชิมสิ

:b36: :b36: :b36:
:b38: :b38: :b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เพราะไปติดยึดแน่นอยูในคำว่าชีวิตคือธรรมะนั่นแหละจึงทำให้กรัชกายวนอยู่กับสิ่งที่กว้างๆ ไม่เจาะลึกลงไปหาสมุทัยหรือเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงได้สักที น่าเสียดาย

เจาะลึกลงไปในชีวิต อันประกอบด้วยรูปและนามนี้ซิ
สมุทัยเหตุทุกข์มันเป็นนามธรรมปรากฏให้รู้ในจิต พึงพินิจให้ถี่ถ้วน
wink



เอาอีกแล้วไปรูปนาม ไปกายใจอีกแล้ว ปัดโธ่ รูปนาม รวมกันก็ชีวิต กายใจ ร่วมกันก็ชีวิต คิกๆๆ

grin
ลองวิเคราะห์ แยกแยะไอ้ก้อนชีวิตที่กรัชกายยังติดแน่นอยู่นี้ซิ ว่ามันประกอบขึ้นด้วยอะไรบ้าง
:b32:



น่ารำคาญ คิกๆ วิเคราะห์เดี่ยวได้เลอะเทอะกันใหญ่อีก

ก็ขนาด ร่างกาย กาย รูป โต่ๆ ยังว่ากันสะเละ แล้วจะไปวิเคราะห์แยกแยะ เป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อนตึง นั่นนี่ ไปกันใหญ่ เตลิดกู่ไม่กลับล่ะที่นี้


นี่ขนาดเอามาให้ดูว่า ธรรมดาชีวิตมันเป็นยังไงยังไม่เข้าใจ :b13: พิจารณาดูนะขอรับ เอาแค่ตรงเน้นสีกับที่ขีดเส้นใต้ก็พอ


ชีวิต หรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

:b7:
แล้วพบละยังว่าอะไร เป็นเหตุให้กระบวนการที่เรียกว่าก้อนชีวิตนี้มันดำเนินไป หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่รู้จบ

แล้วพบหรือยังว่า วิธีที่จะทำให้กระบวนการแห่งชีวิตอันไม่รู้จบนี้มันสิ้นสุดยุติลงโดยเ
ด็ดขาด แล้วได้พิสูจน์วิธีการนั้นมาเพียงพอจนได้เสวยผลเป็นความสุขเย็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหรือยัง

:b6:
:b25:



ควรทำความเข้าใจเบื้องต้นให้นิ่งก่อน แล้วค่อยก้าวต่อไป ถ้าเบื้องต้นยังไม่เข้าใจ แล้วไปทำก็เสียแรงงานเสียเวลาเปล่า ฟุ้งเปล่าๆ :b1:

อโศกยอมรับไปหนึ่งข้อแล้วนะขอรับ ว่าชีวิต (หมดทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ยะคือธรรม) ต่อไปขั้นที่สองนี่

อ้างคำพูด:
ชีวิตหรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตาม[u]กฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกันไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน



อโศกรับได้มั้ยขอรับน่ะ :b1: :b10:

:b12: :b12: :b12:
รับได้ซิ เล่นอ้างปฏิจจสมุปบาทมาสำทับด้วยนี่

แต่อย่ามัวอ้อมค่ายพิไรรำพันอยู่เลย จับตัวเหตุให้เกิดปฏิจจสมุปบาทออกมาตีแผ่เลยเร็วๆ บอกวิธีปฏิบัติที่จะเอาตัวเหตุออกมาด้วย อย่ามีแต่ทฤษฎีให้คิดเอาเอง




อ้างคำพูด:
รับได้ซิ เล่นอ้างปฏิจจสมุปบาทมาสำทับด้วยนี่


กลัวปฏิจจสมุปบาท คิกๆๆ เวรกรรม

ชีวิตมันเป็นยังงั้น รู้ยังงี้ก่อน จำให้แม่นจำนานๆน่ะ :b13:

ขั้นต้นเมื่อรู้ธรรมดาของชีวิตมันเป็นยังงั้น กูนั่น กููนี่ กูโน่น กูโน้น ที่อโศกพร่ำพูดเป็นบทกลอนก็จางคลาย เพราะชีวิตเป็นอนัตตา :b1:

:b12: :b12: :b12:
คิดเอาเองง่ายๆ ก็ดูเหมือนว่า กู มันจะจางคลาย

แต่มันไม่ได้คลายจางไปเลยสักนิดเลยนะกรัชกาย.......ไอ้ที่อ่านปุ๊ปโต้ตอบปั๊ปเนียะ มัน.....กู.....พาทำทั้งสิ้น ลองพิจารณาดูเข้าไปข้างในจิตใจตนเองให้ดีๆตอนนี้สิ ใคร สั่งให้โต้ตอบ


กูพี่......(สักกายทิฏฐิ)

กูน้อง......(มานะทิฏฐิ)

ความปารถนาช่วยผู้อื่นให้พ้นจากความไม่รู้ อวิชชา.........(เมตตาและกรุณา)

อัตโนมัติในจิตที่โต้ตอบธรรมไปด้วยความอาจหาญ........(บรรลือสีหนาท โดยธรรม)

ฯลฯ



คิกๆๆ เอาแระๆ บรรลือสีหนาทแระ คิดไปคิดมาพี่บ้าง น้องบ้าง (เอาแต่่พี่แต่นอ้งมา ทำไมไม่เอามาทั้งครอบครัวเลยล่ะครับ ) เดี๋ยวก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์จนได้ คิกๆ เมืองไทยมีเยอะนะ ทำอย่างอโศก คืออย่างอโศก คิดไปคิดมาเป็นอรหันต์เฉยเลย :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:



กรัชกายลองตั้งใจปฏิบัติจริงๆอย่างต่อเนื่องให้ผ่านกำแพงนิวรณ์ธรรมให้ได้ภายใน 3 - 5 วัน หลังจากนั้นจะได้สัมผัสปรมัตถธรรม (สภาวะที่ไม่มีคำอธิบายแต่รู้ตรงที่ใจ) แล้วจะรู้ชัด ซาบซึ้งถึง ความเป็นอนัตตา หรือ จิตใจไม่มีกูคอยสั่งและบงการ มันเป็นสุขอย่างยิ่ง เป็นนิพพานหลอก ก่อนจะได้เข้าถึงนิพพานจริง

ลองมาาตั้งใจจริงจนได้ชิมสิ[/b][/color]



อ้างคำพูด:
กรัชกายลองตั้งใจปฏิบัติจริงๆอย่างต่อเนื่องให้ผ่านกำแพงนิวรณ์ธรรมให้ได้ภายใน 3 - 5 วัน



นิวรณ์อีกแระ คลิปเณรที่ถูกนิวรณ์ครอบงำจนแทบหงายท้อง เราก็ถามวิธีผ่านนิวรณ์ แต่อโศก บอกให้ปลุกไปอาบน้ำ กินข้าวกินปลา ฯลฯ

ตกลงผ่านนิวรณ์ของอโศก แค่เดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำแล้วกลับมากินข้าว ผ่านนิวรณ์ได้แล้วหรือขอรับบอโศก :b9:

ยิ่งพูดๆยิ่งสนทนากัน เหมือนจะหลุดๆแล้วนะขอรับคุณอโศก เดี๋ยวเอาถุงดำคลุมหัวไม่ให้หายใจเลยเอ้า :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เสียเวลาจินๆ :b1: อาบน้ำกินนมนอนฟังเพลงดีกว่า คิกๆๆ

http://www.youtube.com/watch?v=lzhaLSO-lEo

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 13:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เพราะไปติดยึดแน่นอยูในคำว่าชีวิตคือธรรมะนั่นแหละจึงทำให้กรัชกายวนอยู่กับสิ่งที่กว้างๆ ไม่เจาะลึกลงไปหาสมุทัยหรือเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงได้สักที น่าเสียดาย

เจาะลึกลงไปในชีวิต อันประกอบด้วยรูปและนามนี้ซิ
สมุทัยเหตุทุกข์มันเป็นนามธรรมปรากฏให้รู้ในจิต พึงพินิจให้ถี่ถ้วน
wink



เอาอีกแล้วไปรูปนาม ไปกายใจอีกแล้ว ปัดโธ่ รูปนาม รวมกันก็ชีวิต กายใจ ร่วมกันก็ชีวิต คิกๆๆ

grin
ลองวิเคราะห์ แยกแยะไอ้ก้อนชีวิตที่กรัชกายยังติดแน่นอยู่นี้ซิ ว่ามันประกอบขึ้นด้วยอะไรบ้าง
:b32:



น่ารำคาญ คิกๆ วิเคราะห์เดี่ยวได้เลอะเทอะกันใหญ่อีก

ก็ขนาด ร่างกาย กาย รูป โต่ๆ ยังว่ากันสะเละ แล้วจะไปวิเคราะห์แยกแยะ เป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อนตึง นั่นนี่ ไปกันใหญ่ เตลิดกู่ไม่กลับล่ะที่นี้


นี่ขนาดเอามาให้ดูว่า ธรรมดาชีวิตมันเป็นยังไงยังไม่เข้าใจ :b13: พิจารณาดูนะขอรับ เอาแค่ตรงเน้นสีกับที่ขีดเส้นใต้ก็พอ


ชีวิต หรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

:b7:
แล้วพบละยังว่าอะไร เป็นเหตุให้กระบวนการที่เรียกว่าก้อนชีวิตนี้มันดำเนินไป หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่รู้จบ

แล้วพบหรือยังว่า วิธีที่จะทำให้กระบวนการแห่งชีวิตอันไม่รู้จบนี้มันสิ้นสุดยุติลงโดยเ
ด็ดขาด แล้วได้พิสูจน์วิธีการนั้นมาเพียงพอจนได้เสวยผลเป็นความสุขเย็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหรือยัง

:b6:
:b25:



ควรทำความเข้าใจเบื้องต้นให้นิ่งก่อน แล้วค่อยก้าวต่อไป ถ้าเบื้องต้นยังไม่เข้าใจ แล้วไปทำก็เสียแรงงานเสียเวลาเปล่า ฟุ้งเปล่าๆ :b1:

อโศกยอมรับไปหนึ่งข้อแล้วนะขอรับ ว่าชีวิต (หมดทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ยะคือธรรม) ต่อไปขั้นที่สองนี่

อ้างคำพูด:
ชีวิตหรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตาม[u]กฎแห่งปฏิจจสมุปบาท ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกันไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน



อโศกรับได้มั้ยขอรับน่ะ :b1: :b10:

:b12: :b12: :b12:
รับได้ซิ เล่นอ้างปฏิจจสมุปบาทมาสำทับด้วยนี่

แต่อย่ามัวอ้อมค่ายพิไรรำพันอยู่เลย จับตัวเหตุให้เกิดปฏิจจสมุปบาทออกมาตีแผ่เลยเร็วๆ บอกวิธีปฏิบัติที่จะเอาตัวเหตุออกมาด้วย อย่ามีแต่ทฤษฎีให้คิดเอาเอง




อ้างคำพูด:
รับได้ซิ เล่นอ้างปฏิจจสมุปบาทมาสำทับด้วยนี่


กลัวปฏิจจสมุปบาท คิกๆๆ เวรกรรม

ชีวิตมันเป็นยังงั้น รู้ยังงี้ก่อน จำให้แม่นจำนานๆน่ะ :b13:

ขั้นต้นเมื่อรู้ธรรมดาของชีวิตมันเป็นยังงั้น กูนั่น กููนี่ กูโน่น กูโน้น ที่อโศกพร่ำพูดเป็นบทกลอนก็จางคลาย เพราะชีวิตเป็นอนัตตา :b1:

:b12: :b12: :b12:
คิดเอาเองง่ายๆ ก็ดูเหมือนว่า กู มันจะจางคลาย

แต่มันไม่ได้คลายจางไปเลยสักนิดเลยนะกรัชกาย.......ไอ้ที่อ่านปุ๊ปโต้ตอบปั๊ปเนียะ มัน.....กู.....พาทำทั้งสิ้น ลองพิจารณาดูเข้าไปข้างในจิตใจตนเองให้ดีๆตอนนี้สิ ใคร สั่งให้โต้ตอบ


กูพี่......(สักกายทิฏฐิ)

กูน้อง......(มานะทิฏฐิ)

ความปารถนาช่วยผู้อื่นให้พ้นจากความไม่รู้ อวิชชา.........(เมตตาและกรุณา)

อัตโนมัติในจิตที่โต้ตอบธรรมไปด้วยความอาจหาญ........(บรรลือสีหนาท โดยธรรม)

ฯลฯ



คิกๆๆ เอาแระๆ บรรลือสีหนาทแระ คิดไปคิดมาพี่บ้าง น้องบ้าง (เอาแต่่พี่แต่นอ้งมา ทำไมไม่เอามาทั้งครอบครัวเลยล่ะครับ ) เดี๋ยวก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์จนได้ คิกๆ เมืองไทยมีเยอะนะ ทำอย่างอโศก คืออย่างอโศก คิดไปคิดมาเป็นอรหันต์เฉยเลย :b13:

:b42:
นี่แสดงว่ายังไม่ได้อ่านเรื่องชาวสวนปลูกมะม่วง หรืออ่านแบบลวกๆเกินไปไม่เห็นความสำคัญของเรื่องพื้นฐานง่ายๆทางธรรม กลับไปอ่านโดยพินิจพิเคราะห์ ไป๊ อย่าหยาบ อย่าลวกๆ ไม่ดี
:b7:
เรื่องครอบครัวของกูพี่กูน้องเคยเอามาเล่าให้ฟังแล้ว ตอนนั้นกรัชกายมัวไปโรมรันพันตูกับโฮฮับเสียจนไม่ได้ลืมหูลืมตา นี่โฮฮับเขาเมตตาเปิดช่องว่างให้ถึงได้คุยกันมันส์ๆอย่างนี้นะ
555555555
ครอบครัวกูพี่กูน้อง

สักกายทิฏฐิเป็นพ่อ

วิจิกิจฉาเป็นแม่

แต่งงานกันแล้วได้ลูกออกมา เป็น ตัณหา 108

ทั้งพ่อแม่ลูกผสมพันธุ์กันมั่วตามวิสัยเดรัจฉาน เกิดหลานออกมาอีก 1,500 ลบ 108 ลบ 2 =1,390 ตัว

เราจึงได้คำพูดที่ว่า "กิเลส พันห้า ตัณหา 108 "มาจนทุกวันนี้ (นี่เล่าให้ฟังเป็นอุปมาอุปมัยแบบลูกทุ่งนะ)

ทีนี้พ่อนักวิชาการกรัชกาย คนฉลาด จะสู้กับใครล่ะ ถึงจะง่ายและชนะ ลองใช้หัวแม่มือตรองดูนะ.....ได้ผลเป็นอย่างไรก็เอามาเล่าสู่กันฟังด้วย เทียบดูด้วยว่ามันจะเหมือนและตรงกับคำสรุปของอโศกะที่ว่า

งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

สำรวมกายใจ มานิ่งรู้่ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์

จนละความเหฺ็นผิดว่า กาย ใจ นี้ เป็น อัตตา ตัวกู ของกู

พอกพูน(โอปนยิโก)ความเห็นถูกต้องว่า กายใจ นี้ เป็น อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู

ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


หัวใจวิปัสสนาภาวนา(เอามาใช้ตอนที่พบอุปาทานว่าใจเป็นกู เป็นเรา)

ใจปัญญา อย่ายอมใจเป็นกู

นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา

ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันนติ มิยอมถอย

ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย(เหยาะแหยะ)

กูจะถอย หรือตายดับไปจากใจ (ใจไม่มีกูนั่งสั่งเรียกว่าใจเป็น อนัตตา)

onion onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 13:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:



กรัชกายลองตั้งใจปฏิบัติจริงๆอย่างต่อเนื่องให้ผ่านกำแพงนิวรณ์ธรรมให้ได้ภายใน 3 - 5 วัน หลังจากนั้นจะได้สัมผัสปรมัตถธรรม (สภาวะที่ไม่มีคำอธิบายแต่รู้ตรงที่ใจ) แล้วจะรู้ชัด ซาบซึ้งถึง ความเป็นอนัตตา หรือ จิตใจไม่มีกูคอยสั่งและบงการ มันเป็นสุขอย่างยิ่ง เป็นนิพพานหลอก ก่อนจะได้เข้าถึงนิพพานจริง

ลองมาาตั้งใจจริงจนได้ชิมสิ[/b][/color]



อ้างคำพูด:
กรัชกายลองตั้งใจปฏิบัติจริงๆอย่างต่อเนื่องให้ผ่านกำแพงนิวรณ์ธรรมให้ได้ภายใน 3 - 5 วัน



นิวรณ์อีกแระ คลิปเณรที่ถูกนิวรณ์ครอบงำจนแทบหงายท้อง เราก็ถามวิธีผ่านนิวรณ์ แต่อโศก บอกให้ปลุกไปอาบน้ำ กินข้าวกินปลา ฯลฯ

ตกลงผ่านนิวรณ์ของอโศก แค่เดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำแล้วกลับมากินข้าว ผ่านนิวรณ์ได้แล้วหรือขอรับบอโศก :b9:

ยิ่งพูดๆยิ่งสนทนากัน เหมือนจะหลุดๆแล้วนะขอรับคุณอโศก เดี๋ยวเอาถุงดำคลุมหัวไม่ให้หายใจเลยเอ้า :b13:

:b25:
งั้นแน่จริง กรัชกายลองบอกวิธี(ของกรัชกายเอง)มาดูซิว่าผ่านนิวรณ์ 5 ได้อย่างไร อย่าไปเอาอารมณ์คนอื่นมาเล่านะ
:b31:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 13:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เสียเวลาจินๆ :b1: อาบน้ำกินนมนอนฟังเพลงดีกว่า คิกๆๆ

http://www.youtube.com/watch?v=lzhaLSO-lEo

:b12: :b12: :b12:
เหนื่อยและก็หิวเป็นเหมือนกันหรือกรัชกาย

เห็นทุกขัง....อนิจจังและอนัตตา ในการสนทนาธรรมครั้งนี้ไหม?

ไม่มีการเสียเวลา ไม่มีอะไรสูญเปล่า กรรมหรือการกระทำครั้งนี้ถูกบันทึกไว้ในสัญญาของกรัชกายทุกถ้อยคำและตัวหนังสือ ที่กรัชกายไม่บันทึกไว้โดยลวกๆแล้ว คอยสังเกตดูให้ดี

อีกไม่นาน หลายคำพูดที่อโศกะพูด จะกลายเป็นคำพูดของกรัชกาย

:b4: :b4: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 91 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร