วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 05:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 86 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2013, 10:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
ขออนุญาติออกความเห็นค่ะ
ในกามาวจรจิตนั้น
จิตคนเป็นอย่างไร จิตสัตว์เดรัจฉานก็เป็นอย่างนั้น แต่พระโพธิสัตว์ในครั้งที่เกิดเป็นสัตว์นั้นมีธัมมสัญญา
ซึ่งต่างจากสัตว์เดรัจฉานทั่วๆ ไป
บอกว่าคนมีสติรู้ร้อนรู้หนาว หมาก็รู้ร้อนรู้หนาว แล้วหมาก็ไล่โจรขโมยของวัดก็เป็นการทำความดีของมัน
แต่คนต่างจากสัตว์คือ คนสามารถรู้ได้ว่า อะไรคือ รูป อะไรคือ นาม ค่ะ


ขออนุญาติแสดงความเห็นต่อยอดจากคุณโสมอุษา นะคะ

สัตว์เดรัจฉาน และสัตว์มนุษย์ มีความต่างกันที่ สติปัญญา
ในสัตว์เดรัจฉาน มีสติปัญญาในระดับแค่สัญชาติญาณ...ดังนั้นสัตว์มีขีดจำกัดในการพัฒนาปัญญา
เช่น สัตว์สุนัขสามารถนำมาฝึกพัฒนาปัญญาได้ระดับหนึ่ง เป็นต้น จึงไม่อาจพัฒนาปัญญาได้ถึงระดับ มรรค ผล นิพพาน

แต่ในสัตว์มนุษย์ มีสติปัญญาในระดับที่สามารถพัฒนาให้อยู่เหนือสัญชาติญาณได้...เรียกว่าไม่มีขีดจำกัดในด้านการพัฒนาสติปัญญา จนถึงขั้นเป็นพุทธะ..

สัตว์มนุษย์จึงมีความพิเศษกว่าสัตว์เดรัจฉาน ตรงที่สามารถพัฒนาสติปัญญาได้แบบไม่มีขีดจำกัดนั่นเอง..

:b41:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


แก้ไขล่าสุดโดย ปลีกวิเวก เมื่อ 23 ก.ย. 2013, 08:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2013, 13:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
eragon_joe เขียน:
คนเมายาบ้า...มีสติมั๊ย...

:b10: :b10: :b10:

คนกำลังเสพเมถุน...มีสติ...รึเปล่า

:b10: :b10: :b10:

....

:b7: :b7: :b7:


เอกอนจะยกตัวอย่างให้ดูเป็นเชิงเปรียบเทียบ

เราสวดมนต์หรือท่องอาขยาน ได้แต่ต้นจนจบโดยไม่ติดขัด

เอกอนว่า แบบนี้เป็นสติหรือเปล่า

เอกอนลองคิดดูก่อน เอาไว้เข้ามาบอก


เอาเป็นว่า สมัยก่อนพ่อเคยให้สวดชินบัญชร

0 ตอนที่ยังท่องไม่ได้ ถ้าเหม่อ ขาดสติ ตาดูกระดาษ แต่ใจลอย ก็ไปไหนไม่ได้เรย
1 ตอนที่ยังท่องไม่ได้ เอกอนก็ต้อง พยายามตั้งสติไว้กับบทสวด คือ ตาดูบทสวด
2 พอเริ่มจำได้นิด ๆ เอกอนก็ ตั้งสติไว้กับบทสวด คือ ท่อนวรรคที่กำลังท่อง เพื่อขึ้นวรรคต่อไปได้อย่างถูกต้องต่อเนื่อง
3 พอมันจำได้จนคล่องแล้ว เอกอนก็ท่องไปได้ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างอัตโนมัติ...

แบบที่ 0 ... พ่อบอกว่า ไม่มีสติ
แบบที่ 1 น่ะ พอจะเห็นการทำงานของ สติ อยู่
แบบที่ 2 ก็พอจะเห็นการทำงานของ สติ อยู่
แต่ แบบที่ 3 ... มันเป็นไปโดยอัตโนมัติน่ะ ... เริ่มต้นปุ๊บก็ ปุ๊ดๆๆๆๆ ไป ไปรู้ว่าจบก็ตอนที่ขึ้น
"อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ธัมมานุภาเวนะ ชิตา ริสังโฆ
สัทธัมมานุภาวะ ปาลิโต ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะ ราโย
จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ " น่ะ
ไม่ได้ต้องใช้สติเหมือนอย่างแบบแรกกับแบบที่ 2 :b6: :b6: :b6:

อย่างการลืมของ ลืมโน่นลืมนี่ พ่อก็บอกว่า "ไม่มีสติ"
ซึ่งเอกอนมองว่า การกระทำอะไรไปอย่าง "ลืมตัว" นั่นคือ การ ขาดสติ ไม่มีสติ

ในวันหนึ่งที่เอกอนคิดว่าเอกอนเข้าใจคำว่า "สติ" เพราะ เหมือนเราต้องคอยกระตุ้นเตือนตัวเอง
กับการทำอะไร ๆ เพื่อให้ได้ผลออกมาตามที่หมายเอาไว้
แต่เมื่อถึงวันหนึ่ง เอกอนไม่ต้องใช้สติอย่างที่เคย
เพราะบางอย่าง เมื่อเราทำจนเคยชิน เราไม่ได้ต้องตั้ง สติ เหมือนอย่างที่เคยต้องทำ น่ะ...
แล้วเราลืมหลงมั๊ย มันก็ไม่ได้ลืมหลง ... ไม่ได้ขาดความยังคิด ...
คือ เมื่อถึงวันหนึ่ง มันเป็นความเคยชิน
เหมือนเราไม่ได้ต้องใช้ สติ จะบอกว่าเอกอน ขาดสติ ได้มั๊ยล่ะ
ขาดสติ แต่ เรื่องต่าง ๆ ในการดำรงชีวิต มันก็ยังดำเนินไปอย่างเหมาะสมน่ะ...

ดังนั้น เรื่องการออกความเห็นในเรื่อง สติ เอกอนจึงขอเว้นไว้
เพราะ ดูจากความเห็นหลาย ๆ ท่าน
เอกอนก็ดูจะไม่ค่อยเข้าใจมันสักเท่าไรแล้ว...ล่ะ

:b1: :b1: :b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 06 ก.ย. 2013, 20:33, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2013, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


http://abhidhamonline.org/boss_files/sangaha/62.htm

http://buddhiststudy.tripod.com/ch11.htm

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2013, 18:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s006
โฮฮับ กล่าว
อ้างคำพูด:
ปุถุชนรู้ได้เพียงสภาพธรรมที่เป็นบัญญัติ

ส่วนสภาวะธรรมสามารถรู้ได้แต่อริยชน

:b26:
คุณโฮฮับกำลังแสดงเรื่องที่ผิดธรรมแล้วนะครับ

สภาวธรรม....นั้น รู้ได้ทั้งปุถุชนและ อริยชน เพียงแต่ปุถุชน รู้ไปตาม สมมุติ บัญญัติ สัญญาและอุปาทานของตนเอง

ส่วนอริยชนนั้นรู้ สภาวธรรมตามความเป็นจริง

ตัวอย่างเช่น ความเจ็บ ปวด ทุกข์ สุข ดีใจ เสียใจ ร้อน หนาว เย็น อุ่น เป็นสภาวธรรม ที่ทั้งปุถุชนและอริยชนรู้ได้ สัมผัสได้

แต่ปุถุชนจะมีอัตตา+มานะทิฏฐิ เป็นตัวตอบโต้กับสภาวธรรมเหล่านั้น จึงเกิดความยินดี ยินร้าย อภิชฌาและโทมนัสสังกับสภาวธรรมเหลานั้น

ส่วนอริยชน ที่ยังไม่ถึงอรหัตผล จะ มีมานะทิฏฐิ เป็นตัวตอบโต้ จึงยังจะมียินดี ยินร้าย อภิชฌาและโทมนัสสังกับสภาวธรรมเหลานั้น แต่ มีความละเอียดอ่อนลึกซึ้งกว่าที่ปุถุชนมี


สำหรับพระอรหันต์แล้ว สัมผัส ทั้งหมด สภาวธรรมทั้งหลายจะเป็นเพียง....."สักแต่ว่า"
:b38:
:b3:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2013, 03:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
เอาเป็นว่า สมัยก่อนพ่อเคยให้สวดชินบัญชร
0 ตอนที่ยังท่องไม่ได้ ถ้าเหม่อ ขาดสติ ตาดูกระดาษ แต่ใจลอย ก็ไปไหนไม่ได้เรย
1 ตอนที่ยังท่องไม่ได้ เอกอนก็ต้อง พยายามตั้งสติไว้กับบทสวด คือ ตาดูบทสวด
2 พอเริ่มจำได้นิด ๆ เอกอนก็ ตั้งสติไว้กับบทสวด คือ ท่อนวรรคที่กำลังท่อง เพื่อขึ้นวรรคต่อไปได้อย่างถูกต้องต่อเนื่อง
3 พอมันจำได้จนคล่องแล้ว เอกอนก็ท่องไปได้ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างอัตโนมัติ...

แบบที่ 0 ... พ่อบอกว่า ไม่มีสติ
แบบที่ 1 น่ะ พอจะเห็นการทำงานของ สติ อยู่
แบบที่ 2 ก็พอจะเห็นการทำงานของ สติ อยู่
แต่ แบบที่ 3 ... มันเป็นไปโดยอัตโนมัติน่ะ ... เริ่มต้นปุ๊บก็ ปุ๊ดๆๆๆๆ ไป ไปรู้ว่าจบก็ตอนที่ขึ้น

ไม่ได้ต้องใช้สติเหมือนอย่างแบบแรกกับแบบที่ 2 :b6: :b6: :b6:

ที่ถามเกอนไปก็เพื่อจะยกตัวย่างให้ดู จะได้แยกแยะกระบวนการที่ทำให้เกิดสติได้ถูก

สิ่งที่ผมถามหมายถึง หมายถึงบุคคลที่จำบทสวดมนต์ได้หมดแล้ว แบบว่าไม่ต้องเปิดหนังสือ
คนที่จำบทสวดมนต์ได้ทุกตัว ก็คือคนนั้นรู้แล้ว

คนที่ยังจำบทสวดมนต์ไม่ได้ นับว่ายังไม่รู้
คนที่จำไม่ได้หรือยังไม่รู้ ย่อมไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิดสติ

สำหรับคนที่จำบทสวดมนต์ได้หมดแล้ว และเริ่มท่องบทสวดมนต์

....ถ้าเขาท่องไปโดยไม่ติดขัด แบบนี้ยังไม่ต้องอาศัยสติมาช่วย คือยังไม่เกิดสติ
เขาไม่ได้ใช้สติในการสวดมนต์........สิ่งที่เขาใช้ก็การตามรู้หรือรู้
เราเรียกการตามรู้นั้นว่า สัมปชัญญะ จนเกิดเป็นสมาธิในการท่องบทสวดมนต์


...แต่ถ้าเขาท่องแล้วเกิดติดขัด นั้นแสดงว่า เขากำลังหลงไปคิดเรื่องอื่น
แบบนี้จึงต้องอาศัยการระลึกรู้หรือสติมาช่วย ให้กลับมาอยู่ในบทสวดมนต์
สติจะเกิดได้หรือจะนำมาใช้กับจิตที่เกิดโมหะ(หลง)เท่านั้น
สติไม่มีความจำเป็นสำหรับ จิตของผู้ที่มีสมาธิดีแล้ว
แต่ถ้าจิตขาดสมาธิสติจึงมีความจำเป็น


ความสำคัญเราต้องคำนึ่งถึง ......เจตนาต่ออะไร
หมายความว่า สิ่งที่เรากำลังกระทำคืออะไร

ในกรณียังจำบทสวดมนต์ไม่ได้ เจตนาไม่ใช่การท่องบทสวดมนต์
แต่เจตนาอยู่ที่....การจำบทสวดมนต์
สติจะเกิดได้เราต้องรู้เจตนาของการกระทำด้วย



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2013, 04:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
อย่างการลืมของ ลืมโน่นลืมนี่ พ่อก็บอกว่า "ไม่มีสติ"
ซึ่งเอกอนมองว่า การกระทำอะไรไปอย่าง "ลืมตัว" นั่นคือ การ ขาดสติ ไม่มีสติ

ต้องแยกบัญญัติให้ดีกับบัญญัติหลงกับลืม

หลงหรือโมหะ นั้นหมายถึงจิตมีการจำได้หมายรู้แล้ว มีเจตนาต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว
ในขณะหนึ่งจิตไปเจตนากับสิ่งอื่นซ้ำขึ้นมา แบบนี้เรียกว่า จิตหลงต่อเจตนาแรก

ส่วนคำว่า....ลืม นั้นหมายถึงจิตไม่ได้มีเจตนาต่อสิ่งที่มากระทบ ยังไม่ได้เกิดความจำได้หมายรู้

ที่เอกอนถามว่า คนเมายาบ้า มีสติมั้ย
คนเมายาบ้าย่อมไม่สามารถทำให้เกิดสติได้ เพราะจิตของคนเมาย่อมขาดเจตนาต่อการกระทำ
ไม่มีความจำได้หมายรู้ในสิ่งที่กระทำ คือกระทำอะไรไม่รู้ จิตขาดเจตนาต่อสิ่งใด ย่อมไม่สามารถ
ทำให้เกิดสติต่อสิ่งนั้น
.....คนเมายา เมาเหล้า เขาเรียกว่า....ลืม ไม่เรียกว่าหลง



ส่วนในกรณีของคนเสพเมถุน ก็ต้องดูว่า สาเหตุแห่งการเสพเมถุนนั้น
อย่าคิดว่า การเสพเมถุน จะเป็นเรื่องไม่ดีเป็นอกุศล

การเสพเมถุนเกิดจากจิตที่เป็นกุศลก็มีเป็นอกุศลก็มี การเสพเมถุนเป็นเพียงกายสังขาร
จะดูต้องดูที่จิต

ถ้าการเสพเมถุนอันเป็นกายสังขาร มันเกิดจากจิตที่เป็นกุศล เช่นเกิดจากความรัก
การเสพเมถุนนั้นย่อมไม่ต้องอาศัยสติ และการกระทำนั้นไม่เป็นเหตุให้เกิดสติ

แต่ถ้าการเสพเมถุนอันเกิดจากจิตที่เป็นอกุศล
เช่นไปล่วงละเมิดข่มขืนเขาหรือเสพโดยการผิดศีลฯลฯ แบบนี้จึงจะเกิดสติได้
แต่อย่าลืมว่า บุคคลนั้นจะต้องมีความจำได้หมายรู้ในเรื่องของศีลธรรมมาก่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2013, 04:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ในวันหนึ่งที่เอกอนคิดว่าเอกอนเข้าใจคำว่า "สติ" เพราะ เหมือนเราต้องคอยกระตุ้นเตือนตัวเอง
กับการทำอะไร ๆ เพื่อให้ได้ผลออกมาตามที่หมายเอาไว้
แต่เมื่อถึงวันหนึ่ง เอกอนไม่ต้องใช้สติอย่างที่เคย
เพราะบางอย่าง เมื่อเราทำจนเคยชิน เราไม่ได้ต้องตั้ง สติ เหมือนอย่างที่เคยต้องทำ น่ะ...
แล้วเราลืมหลงมั๊ย มันก็ไม่ได้ลืมหลง ... ไม่ได้ขาดความยังคิด ...
คือ เมื่อถึงวันหนึ่ง มันเป็นความเคยชิน
เหมือนเราไม่ได้ต้องใช้ สติ จะบอกว่าเอกอน ขาดสติ ได้มั๊ยล่ะ
ขาดสติ แต่ เรื่องต่าง ๆ ในการดำรงชีวิต มันก็ยังดำเนินไปอย่างเหมาะสมน่ะ...

ดังนั้น เรื่องการออกความเห็นในเรื่อง สติ เอกอนจึงขอเว้นไว้
เพราะ ดูจากความเห็นหลาย ๆ ท่าน
เอกอนก็ดูจะไม่ค่อยเข้าใจมันสักเท่าไรแล้ว...ล่ะ

:b1: :b1: :b1:

จำไว้สั้นๆว่า สติเป็นเพียงเครื่องมือ ถ้าจิตรู้อยู่กับสิ่งที่เจตนา สติก็ไม่มีความจำเป็น
แต่โดยธรรมชาติ จิตจะไม่อยู่นิ่ง
จิตไม่สามารถอยู่กับเจตนาใดเจตนาหนึ่งได้นานๆ จึงจำเป็นต้องอาศัยสติมาช่วย
ให้จิตอยู่กับเจตนานั้นๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2013, 04:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

จำไว้สั้นๆว่า สติเป็นเพียงเครื่องมือ ถ้าจิตรู้อยู่กับสิ่งที่เจตนา สติก็ไม่มีความจำเป็น
แต่โดยธรรมชาติ จิตจะไม่อยู่นิ่ง
จิตไม่สามารถอยู่กับเจตนาใดเจตนาหนึ่งได้นานๆ จึงจำเป็นต้องอาศัยสติมาช่วย
ให้จิตอยู่กับเจตนานั้นๆ




:b1: นึกถึงภาพคนนอนเรียงๆกันดูก้อนเมฆที่ลอยไปลอยมาบนท้องฟ้า คนหนึ่งว่าเหมือนกระต่าย คนหนึ่งก็เถียงว่า ไม่ใช่เหมือนกระต่าย เหมือนภูเขาต่างหาก อีกคนก็เถียงว่า ไม่ใช่ทั้งกระต่าย-ภูเขา เหมือนแกะต่างหาก ฯลฯ :b1: นี่แหละธรรมะในจินตนาการ ยกเอาศัพท์ธรรมเขามา เช่น สติ เจตนา จิต เป็นต้น แล้วก็คิดวาดภาพกันไปพร่ำพรรณนากันไป :b9:

ยังยากอีกนาน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2013, 20:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


grin
รู้มากนี่มันมีเรื่องที่จะต้องถกเถียง มีแง่มุมที่จะต้องซักไซ้ไล่เรียงกั้นอีกนานนะครับกว่าจะลงตัวเป็นความเห็นถูกต้องตรงกั้น อันเดียวกัน

รู้น้อยเกินไปก็กลายเป็น......เอ๋อ.......อ้าปากหวอฟังเขาสนทนาธรรมกันไม่รู้เรื่อง.......ได้ยินบาลีมาแต่ละคำนี่เหมือนคนไทย ไปฟังชาวเอธิโอเปียพูดอะไรให้ฟัง เลยพาลท้อถอย เบื่อหน่ายในการศึกษาเรียนรู้ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า คนฟังก็รำคาญ คนสอนก็รำคาญ เพราะมันคุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง

เราคงน่าจะมาเจาะลึก และขยายกว้างกันในเรื่อง "รู้พอดีๆ คือ รู้ที่แก่นสาร"กันให้มากๆดีกว่าไหมครับ

:b12: :b12:
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2013, 14:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ผังทางไปนิพพาน_0001_resize_resize.jpg
ผังทางไปนิพพาน_0001_resize_resize.jpg [ 39.93 KiB | เปิดดู 3304 ครั้ง ]
:b8:
"รู้พอดีๆ คือรู้ที่แก่นสาร พระนิพพานไม่ไกล ใช้เวลาไม่นาน ขอเชิญทุกท่าน ชวนกันพิจารณา"
:b27:
รู้พอดีๆ......คือรู้ขนาดไหน?

ถ้าเป็นพอดี ตามพื้นฐานของแต่ละคนนั้น คงจะมีพอดีที่แตกต่างกันไปตาม ประสบการณ์ กรรม วิบาก บุญ วาสนา บารมีของแต่ละท่านแต่ละคน

แต่ถ้าเป็นพอดีตามหลักกลางๆ การรู้เรื่องของพุทธศาสนา และวิชาของพระพุทธเจ้านั้น ควรจะรู้อะไรบ้าง สักกี่เรื่องดีจึงจะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติ จนเอาตัวเอาใจเข้าถึงมรรค ผล นิพพาน ได้

มีภาพทางไปนิพพานให้ทุกท่านลองพิจารณาว่า รู้เท่าที่สรุปมาในภาพนั้นจะเพียงพอหรือไม่สำหรับการเดินทางไปสู่พระนิพพาน

เชิญพิจารณาครับ

:b8:
onion onion onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2013, 09:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b40:
สติ + สมาธิ ....กับ....ปัญญานี่เขาทำงานร่วมกัน เป็นคู่กันอยู่ตลอดเวลาอุปมาเหมือนวัวเทียมเกวียน

สติ+สมาธิเป็นวัวตัวซ้าย

ปัญญาเป็นวัวตัวขวา

จิต เป็นผู้ขับเกวียน

ถ้าเน้นสติ+สมาธิมาก เหมือนเร่งแต่วัวตัวซ้าย ถ้าวัวตัวขวาตามไม่ทัน เกวียนก็จะหมุนไปตกข้างทางด้านขวา

ในทำนองกลับกัน ถ้าเน้นปัญญามาก สติ+สมาธิตามไม่ทัน ก็เหมือนเร่งวัวตัวขวาจนวัวตัวซ้ายตามไม่ทัน ผลก็ทำให้เกวียนหมุนไปทางซ้าย เกวียนเลยวิ่งไม่ตรงทาง

ถ้าจะบังคับวัวให้ลากเกวียนขันธ์ 5 นี้ไปบนเส้นทางสายกลางคือมรรคมีองค์ 8 ต้องฉลาดในการบังคับวัวที่เทียมเกวียน ให้เหมาะสมกับสภาพของทาง

รู้จักดึงและเร่งวัว ตัวขวาและซ้ายให้เลี้ยว ซ้าย ขวา หรือเดินตรง ให้พอเหมาะพอดี ได้สัดส่วน สมดุลย์ จึงจะพาเกวียนไปได้ตลอดรอดฝั่ง

จึงขอให้เน้นทั้ง สติ+สมาธิ และ ปัญญาไปพร้อมๆกัน เด้อ บอกบอกต่อกันไปด้วยเน้อ

:b11:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 86 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร