วันเวลาปัจจุบัน 03 ส.ค. 2025, 19:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 98 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 07 เม.ย. 2011, 16:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
mes เขียน:
[ตั้งสติอยู่กับปัจจุบันย้อนดูตัวเองมั้ง

กวนคนไปทั่วทั้งเวป เขารำคาญกันทั่ว รู้ตัวไหม

เจ้า กาสร โฮฮับ

แล้วมันผิดกับที่ผมว่าไว้มั้ยล่ะ ตามนี้...
โฮฮับ เขียน:
ตลกดีครับ มาพูดมาเถียงกันเรื่องนิพพาน
กะอีแค่เจอความเห็นที่แทงใจดำ ก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี้ยงกันแล้ว
:b13:


อย่างนี้เขาไม่เรียกแทงใจดำ

แตเขาเรียกไปกวน เครื่องเดินคนอื่นเขา

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสต์ เมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 04:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
โฮฮับ เขียน:
mes เขียน:
[ตั้งสติอยู่กับปัจจุบันย้อนดูตัวเองมั้ง

กวนคนไปทั่วทั้งเวป เขารำคาญกันทั่ว รู้ตัวไหม

เจ้า กาสร โฮฮับ

แล้วมันผิดกับที่ผมว่าไว้มั้ยล่ะ ตามนี้...
โฮฮับ เขียน:
ตลกดีครับ มาพูดมาเถียงกันเรื่องนิพพาน
กะอีแค่เจอความเห็นที่แทงใจดำ ก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี้ยงกันแล้ว
:b13:


อย่างนี้เขาไม่เรียกแทงใจดำ

แตเขาเรียกไปกวน เครื่องเดินคนอื่นเขา

คุณเม็ดครับ อยากถามครับว่า คนที่ไม่มีสมองที่จะคิดคำพูด จะพูดอะไรแต่ละที
ก็ต้องไปหยิบยกคำของชาวบ้านมาพูด คุณว่ากับคำว่า กาสรเหมาะที่จะใช้กับใครครับ
คุณเม็ดจะด่าจะว่าผม ก็ตั้งใจเสียหน่อยซิครับ ทำให้ผมโกรธ ผลมันจะได้สมกับที่คุณตั้งใจ
นี่อะไรครับ แทนทีผมจะโกรธ กับต้องมาตลกขบขัน

อยากถามครับ เครื่องเดินที่คุณว่า มันแปลว่าอะไรครับ
มันเป็นภาษาทิเบตหรือภาษาอัลไตครับ
เป็นคนไทยหัดใช้ภาษาไทยให้ถูกกาละเทศะด้วยครับ

"เครื่องเดิน " ขำกลิ้งเลยครับ :b32:


โพสต์ เมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 05:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
ตั้งสติอยู่กับปัจจุบันย้อนดูตัวเองมั้ง

กวนคนไปทั่วทั้งเวป เขารำคาญกันทั่ว รู้ตัวไหม

เจ้า กาสร โฮฮับ

อันนี้ผมแยกประโยคมาตอบ จะได้เห็นว่า อยู่กับปัจจุบันเป็นอย่างไร
ที่คุณว่า กวนคนทั่วเวป เขารำคาญใครรำคาญเป็นอย่างไร

คุณเม็ดครับ อาการที่คุณบอกว่า คุณโดนกวน คุณรำคาญ
มันเป็นแบบนี้หรือครับ

mes เขียน:
[เอาเรื่องปราโมทย์
ไปถกกับผมที่นี่
http://fws.cc/whatisnippana/index.php?board=12.0
ถ้าตกลง ตอบด้วยจะไปตั้งกระทู้รอ

mes เขียน:
เชิญคุณโฮฮับตั้งกระทู้มาเลยว่าอะไร้ที่ปราโมทย์ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ที่โฮฮับจะขอชี้แจงแทน
[color][/color](นอมินี)[/color]

mes เขียน:
ขอเชิญ โฮฮับ เข้าไปสนทนาที่นี่

viewtopic.php?f=2&t=36813
ผมจะไปร่วมสนทนาด้วย
ท่านกรัชกายขึ้นรออยู่บนเวทีแล้ว

คุณเม็ดคุณไปพิจารณาดูใหม่ว่า
ใครควรจะรำคาญ แล้วใครกันแน่ที่ตามกวนชาวบ้านเขาครับ


โพสต์ เมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 09:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
พระพุทธเจ้าสอนเรื่องดับทุกข์ ท่านสอนวิธีไปนิพพาน
ท่านไม่ได้สอนว่า นิพพานเป็นอย่างไร
อ้นนี้สื่อให้รู้ว่าอ่านพระไตรปิฏกมาไม่ดีพอ

คนที่มาพร่ำเรื่องนิพพาน
ต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ มันล้วนเป็นกิเลสของผู้ที่พูด
พระพุทธเจ้า แค่มาบอกหนทางไป แต่บางคนยังไม่เคยไปดันรู้แล้วว่านิพพานเป็นเช่นไร
อันนี้ต้องยอมรับว่ามีกิเลสกันทุกคนแต่โฮฮับยังไม่รู้ปัญหาในวงศาสนาที่เกิดขึ้นทำให้มีการปรามาสพระอริยะโดยเจตนาก็ดีไม่เจตนาก็ดีเพราะความคิดยังตื้นอยู่ๆลๆ

บางครั้งการสนทนาของบุคคล มันก็อาจกลายเป็นวิจารณ์บันเทิงได้
ถ้าเรื่องที่สนทนาเป็นเรื่องที่ ผู้สนทนาไม่เคยสัมผัส อย่างเช่น คนตาบอดคุยกัน
ถึงเรื่องความงามของผู้หญิง คนหูหนวกคุยเรื่องเสียงเพลง

ดังนั้นคำว่ากาละเทศะ จึงเหมาะที่จะใช่ปรามการพูดคุยในกระทู้นี้
กาละ แปลว่า เวลา
เทศะแปลว่า สถานที่
ใช้กับโฮฮับก่อนเพราะโฮฮับความคิดยังไม่ถึงขั้นย้อนกลับไปดูคำตอบแรก
เวลาก็คือ ช่วงเวลาทีได้เป็นอรหันแล้ว
สถานที่คือ นิพพาน และผู้ที่เหมาะจะคุยเรื่องนิพพานก็คือ พระอรหันต์
มันถึงจะถูกทั้งสถานที่และเวลาครับ
เป็นคำตอบที่ผิด
mes เขียน:
ส่วนเรื่องแทงใจดำ เรื่องโกรธเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อย่ามาตอบสอดแทรกยั่วคนอื่นเขาสิ เรื่องเดียวกันนี้แล เพราะโฮฮับมีความคิดที่แคบมากแต่โฮหลงว่า มีมากแล้ว

ถ้าไปยั่ว ไปตั้งใจพูดจาแทงใจดำกวนใจเขา เขาก็ด่าเอา
สมควรอยู่

เพราะยังไม่มีใครถึงนิพพาน ถ้าถึงนิพพานคงเลิกด่า
อันนี้สื่อให้รู้ว่ายังไม่รู้เรื่องพระมหาปัฑกด่าว่าพระน้องชายชื่อท่านจูฬปัณฑกหรือพระพุทธองค์ทรงว่าพวกที่ทำผิดวินัยหรือพวกโมฆะบุรุษซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ เช่นโฮฮับก็มีอยู่

เมื่อยังไม่ถึงนิพพานก็คงจะคุยเรื่องนิพพานต่อไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละ

คงบังคับให้เลิกคุยเรื่องนิพพานไม่ได้
อ่านเฉยๆไม่ต้องเข้ามาตอบหรอก
และบังคับให้เข้ามาอ่านก็ไม่ได้
มีเจตนาอันใดเข้ามาอ่าน
[/color]

ก็ตามที่ผมบอกไว้ว่า พระพุทธเจ้าสอนวิธีไปนิพพาน
แต่คนพูดเรื่องนิพพาน ยังไม่รู้ถึงวิธีคือยังโกรธอยู่
แต่มาคุยแล้วว่านิพพานเป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้
นั่นเป็นเพราะความสำคัญผิดของโฮฮับว่าไม่มีคนรู้วิธีไป เพราะการรู้วิธีไป
กับการปฏิบัติให้เข้าถึงตัวปฏิเวธๆมันยากกว่ากันมากไม่งั้นคนบรรลุคงมีมากเหมือนสมัยพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ
เจอแบบโฮฮับคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว
:b9:

ถ้ามีคนหัวล้านมาขายยาปลูกผมและอวดอ้างสรรพคุณ คุณจะเชื่อมั้ยครับ
หรือคนตัวดำปี๋มาขายครีมกันแดด คุณจะซื้อหรือเปล่า
จะหัวล้านไม่ล้านผมก็ไม่ซื้อ เพราะผมไม่จำเป็นต้องใช้

บางครั้งบางคราว คนอื่นเขาไม่ได้ตั้งใจยั่วหรือเข้ามาเกรียนหรอกครับ
แสดงว่าโฮฮับตั้งใจ เจตนาไม่ดีนี่ ซ้ำความรู้ยังต้องหมั่นศึกษาให้มากกว่านี้
เพียงแต่เขาต้องการให้บุคคลนั้นๆ มีสติมองไปที่จิตที่ใจตัวเอง
ว่าทำได้มั้ยกับสิ่งที่ตัวเองพูด จะได้เลิกหลง เริ่มปฏิบัติหรือตั้งต้นใหม่
ไปทำให้พวกที่คิดว่าอนัตตาแปลว่าไม่มีตัวตนแปลความกันใหม่ให้ได้ก่อน ไปทำให้พวกไม่เอาสมถะไม่เอาฌาณไม่เอาสมาธิ ให้กลับตัวกลับใจให้ได้ก่อนเหอะ โฮฮับ

ความโกรธเป็นกิเลสที่มองง่ายที่สุด ถ้ายังมองไม่ออกก็เลิกพูดเรื่องธรรมได้แล้วครับ

การเกรียนชาวบ้านเขาไปทั่วแบบโฮโฮใช้จิตดวงไหนอยู่อกุศลจิตประเภทไหน

เราไปบังคับใครไม่ได้ แต่เราหาวิธีให้เขารู้ตัวได้ครับ
อยู่เฉยดีกว่าโฮ แบบโฮ ยังไม่ถึงขั้น
บางคนบอกกันตรงๆ เขาไม่เชื่อเราก็ต้องหากุศโลบายมาบอก
ตัวผู้บอกก็ต้องยอมถูกด่า ถูกปรามาสเสียหน่อย คิดแต่เพียงว่ามันเป็นกุศลครับ

อยู่เฉยๆดีกว่าโฮ สมองโฮยังคิดได้แค่หลักอ่อนๆแบบนี้แล้วมาบอกว่าตนคิดกุศลไม่แย้งกับคำข้างต้นของโฮหรือ แบบโฮยังแก้อะไรมิได้บารมียังอ่อนอยู่ จะพาเขาล่มกลางอ่าว ระวังไว้ด้วยอย่าหาว่าดูแคลนล่ะ
:b1:


โพสต์ เมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 11:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


คำตอบส่วนตัวของผมสำหรับคุณxxxหลังไมค์(ที่ส่งมาถาม)
ผู้ที่รู้จัก ทั้งรู้ทั้งเห็น อัตตาและอนัตตา จริงแล้วคือ พระอริยะเจ้าในระดับต่างๆกันครับ

และที่ถามเกี่ยวกับอนัตตาแปลว่า ไม่มีตัวตนนั้น มันก็จะมีพวกที่ยึดทิฐิไม่มีตัวตนกันไปเลยว่า ไม่มีตัวตนจริงๆ และพวกนี้หนักเข้าก็ ไม่สนใจบาปบุญคุณโทษ เพราะไม่มีตัวตนที่จะต้องรับผลกรรม ทำไมเขาจึงคิดว่าเขาไม่ได้รับผลกรรมเพราะเขาคิดว่าเขาไม่มีตัวตนที่จะต้องรับกรรม ก็จัดเป็นทิฐิอันตรายประเภทนึงที่คุณmes กล่าวไว้ข้างต้น

ปล เท่าที่อ่าน อนัตตาแปลว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา(ไม่ได้แปลว่าไม่มีตัวตน)

สัมเพธัมมาอนัตตาติ=จะแปลว่าธรรมทั้งหลายไม่มีตัวตนหรือ แปลแบบนี้ก็ตลกแล้วล่ะครับหลายพระสูตรรวนหมด เพราะธรรมนิยามสูตรมีอยู่...
ธาตุธรรมมีอยู่


โพสต์ เมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 12:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
หากว่าไม่สูญ แสดงว่าพระนิพพานของพระพุทธเจ้ายังอยู่ เช่นพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ เป็นฐานะที่ขัดกับกฎของพระไตรลักษณ์



ไม่ขัดกับกฏไตรลักษณ์ครับ แต่ถ้าคิดว่า ไม่มีพระพุทธเจ้าพระอรหันต์พระปัเจกพุทธเจ้า นี่สิครับขัด หลายๆพระสูตรแน่นอน ขัดกับพุทธอุทานอีกหลายๆคาถา


โพสต์ เมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 12:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอให้พบเมืองแก้วขอให้แคล้วบ่วงมาร...คำนี้เรามักจะได้ยินพระสงฆ์ท่านให้พร


หลักฐานคำว่าเมืองแก้วมีปรากฏอยู่ในอนาคตวงศ์
http://www.84000.org/anakot/kan4.html%20-


โพสต์ เมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 12:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


พระองค์จึงกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าเกล้ากระหม่อมฉันได้สดับฟังพระสัทธรรมของพระองค์ในกาลบัดนี้ พระองค์ทรงพระมหากรุณาตรัสพระสัทธรรมเทศนาสำแดงพระนิพพานอันเดียวเป็นที่สุดพระสัทธรรมอยู่แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าจะตัดเศียรเกล้า อันเป็นที่สุดแห่งสรีรกายแห่งข้าพเจ้า ออกกระทำสักการบูชาพระสัทธรรมเทศนาของสมเด็จพระพุทธองค์ก่อน ตรัสดังนั้นแล้ว พระเจ้าสังขจักรผู้มีอัธยาศัยอันยิ่ง จึงทรงอธิษฐานขอให้เล็บของพระองค์คมดังพระแสงดาบ เด็ดซึ่งพระศอให้ขาดแล้ววางไว้บนฝ่าพระหัตถ์ ตั้งปณิธานความปรารถนา ออกพระโอษฐ์ตรัสด้วยวาจาว่า ภนฺเต ภควา ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงศิริเป็นที่เฉลิมโลก เชิญพระองค์เสด็จเข้าสู่เมืองแก้วอันเกษมสานต์ คือพระอมตมหานิพพานอันสำราญก่อนข้าพระบาทเถิด ข้าพระบาทจะขอตามเสด็จไปสู่พระนิพพานอันสำราญต่อภายหลัง ด้วยข้าพระพุทธเจ้าได้ถวายเศียรเกล้าบูชาพระสัทธรรมเทศนาของพระองค์ในกาลบัดนี้ ในที่สุดขาดพระวาจาปณิธานปรารถนาลง พระบรมโพธิสัตว์ก็จุติจิตต์สิ้นชีวิตไปบังเกิดในดุสิตาสวรรค์เทวโลกฯ

ดูก่อนสำแดงสารีบุตร ครั้นเมื่อพระบรมโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรยเจ้าได้ตรัสเป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จึงมีพระองค์สูงได้ ๘๘ ศอก ด้วยผลทานที่เด็ดพระเศียรกระทำสักการบูชาพระสัทธรรม พระองค์ทรงพระรัศมีสิ้นทั้งกลางวันกลางคืนมิได้ขาดนั้น ด้วยผลอานิสงส์ที่พระองค์ทรงอุตสาหไปในมรรคาหนทาง ปรารถนาจะพบเห็นสมเด็จพระพุทธเจ้าจนพระโลหิตไหลออกจากพระบาท และพระชงฆ์ พระหัตถ์ พระอุระของพระองค์เมื่อเป็นบรมสังขจักรนั้นฯ อนึ่ง พระพุทธรัศมีของพระองค์แผ่ซ่านตลอดไปเบื้องบนจนถึงพรหมโลก เบื้องต่ำตลอดลงไปจนถึงมหาอเวจีนรก ด้วยผลอานิสงส์ที่พระองค์เด็ดพระเศียรออกกระทำสักการบูชาพระสัทธรรมโลหิตไหลออกจากพระเศียร อนึ่ง ในพระศาสนาพระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า บังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์นึกได้สำเร็จความปรารถนานั้น ด้วยผลอานิสงส์ที่พระองค์เสด็จไปตามมรรคหนทาง จะใคร่พบองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า ถ้วนถึง ๗ วันเป็นกำหนด จึงได้ประสพพบปะฯ

ดูก่อนสำแดงสารีบุตร ผู้เป็นพระยาธรรมของพระตถาคต ฝูงคนทั้งหลายที่มิได้เห็นรูปกายของพระตถาคตนี้ แล้วได้กระทำทานรักษาศีลจำเริญเมตตาภาวนาด้วยเดชะผลานิสงส์ ฝูงคนทั้งหลายเหล่านั้นจักได้บังเกิดทันพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระศรีอาริยะเมตไตรย อันจะมาบังเกิดเป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตฯ สำแดงมาด้วยเรื่องพระศรีอาริยเมตไตรยบรมโพธิสัตว์ ก็ยุติแต่เท่านี้ฯ



http://www.84000.org/anakot/kan1.html%20-


โพสต์ เมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 23:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
หากว่าไม่สูญ แสดงว่าพระนิพพานของพระพุทธเจ้ายังอยู่ เช่นพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ เป็นฐานะที่ขัดกับกฎของพระไตรลักษณ์


แรงโน้มถ่วงของโลก...เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง...ทุก ๆ สิ่งบนโลก...อยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก...เสมอ...เป็นธรรมชาติ

แล้วปรากฎการณ์นี้...จะยังเป็นธรรมชาติ...สำหรับมนุษย์อวกาศไหม??

ขณะที่มนุษย์อวกาศท่องอวกาศอยู่....แรงโน้มถ่วงก็ยังเป็นธรรมชาติในรัศมีที่มันมีอิทธิพลไปถึง...แต่..ไม่มีความหมายอะไรต่อมนุษย์อวกาศ...เพราะเขาพ้นจากรัศมีของมันไปแล้ว

กฎไตรลักษณ์ ก็เหมือนโลก..กฎแห่งกรรม...ก็เหมือนแรงโน้มถ่วง..มีจริง...แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับมนุษย์อวกาศ.....เลย


โพสต์ เมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 02:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ตรงๆ! ไม่ต้องตีความซ้ำ ไม่ต้องอุปมาอุปมัยๆลๆ.. ชัดเจน!

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก



มหาปชาบดีโคตมีเถริยาปทานที่ ๗
ว่าด้วยบุพจริยาของพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี



.......ในกาลก่อนที่พระพุทธเจ้าจะทรงพระ-
อนุญาต ดิฉันทั้งหลายได้ออกจากเรือนพร้อมด้วยพระแม่เจ้า เมื่อ
ดิฉันทั้งหลายออกจากภพนี้ไปสู่บุรีคือนิพพานอันอุดม ดิฉันทั้งหลาย
ก็จักไปพร้อมกับพระแม่เจ้าเหมือนกัน พระมหาปชาบดีโคตมีได้
กล่าวว่า เมื่อท่านทั้งหลายจะไปนิพพาน ดิฉันจักว่าอะไรได้เล่า.......

ส่วนหนึ่งจาก...อ่านทั้งหมดได้ที่.....
Quote Tipitaka:
[b] เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๔๔๗๑ - ๔๘๘๗. หน้าที่ ๑๙๓ - ๒๑๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0


พระสูตรที่ยกมาชัดเจนดีแล้ว พุทธศาสนิกชนไม่พึงปฏิเสธ ! ด้วยประการทั้งปวง (ไม่ต้องแปลซ้ำยิ่งบาลีเดิมๆยิ่งแน่น) ไม่ต้องตีสำนวนเป็นอุปมาอุปมัยใดๆทั้งสิ้น

ศพหลวงพ่อหลวงปู่....ยังอยู่....ใครปรามาสอะไรไว้เช่น...ติดนามติดรูป ติดนิมิต ยังนั้นยังนี้ ๆลๆ ยังกะตัวมัน(ผู้วิจารณ์)ไม่ติดอะไรเลยยังนั้นแหละ :b6: ใครอ่านกระทู้นี้ หากมีสำนึก(ย่อมรู้อยู่แก่ใจตน)พึงรีบไปขอขมาขมาตามที่พระไตรปิฏกมีบอกไว้ ด่วน! ก่อนที่จะตาย...:b8:
เพราะนรก รอ คุณอยู่... Onion_L ขอให้ทุกท่านจงเจริญธรรมฝ่ายขาวแต่โดยส่วนเดียวเทอญ :b8:


โพสต์ เมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 04:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แรงโน้มถ่วงของโลก...เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง...ทุก ๆ สิ่งบนโลก...อยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก...เสมอ...เป็นธรรมชาติ

แล้วปรากฎการณ์นี้...จะยังเป็นธรรมชาติ...สำหรับมนุษย์อวกาศไหม??

ขณะที่มนุษย์อวกาศท่องอวกาศอยู่....แรงโน้มถ่วงก็ยังเป็นธรรมชาติในรัศมีที่มันมีอิทธิพลไปถึง...แต่..ไม่มีความหมายอะไรต่อมนุษย์อวกาศ...เพราะเขาพ้นจากรัศมีของมันไปแล้ว

กฎไตรลักษณ์ ก็เหมือนโลก..กฎแห่งกรรม...ก็เหมือนแรงโน้มถ่วง..มีจริง...แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับมนุษย์อวกาศ.....เลย



:b1: อันนี้ แซวกบเล่น หากมีคนรู้เรื่องจักรวาล อวกาศ เขา งัดกบน้อยเละเลยนะนั่นหน่ะเปรียบเทียบแบบนี้
สู้ต่อไปเกโระ :b4:


เอาไปอีก youtube :b36:
[youtube]http://youtu.be/4NzGR1PUxyU?hd=1[/youtube]


โพสต์ เมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 06:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




Tat3_resize.jpg
Tat3_resize.jpg [ 82.34 KiB | เปิดดู 3443 ครั้ง ]
tongue

วิเคราะห์คำสอนของครูบาอาจารย์นี้ต้องระวังจิตกันให้มากนะครับ เผลอแว๊ปเดียวก็อาจไปประมาทจ้วงจาบท่าน เป็นอริยุวาตันตราย กั้นการปฏิบัติ กันมรรคกั้นผลเอาได้ วิจารณ์แล้วก็ต้องขอขมาทันทีนะครับ

นิพพาน เป็นธรรมธาตุพิเศษ เหนือกฏแห่งพระไตรลักษณ์ อาศัยพิจารณาตามกฏแห่งพระไตรลักษณ์แล้ว จึงจะเกิดเป็นธาตุบริสุทธิ์อันใหม่ที่เป็นอมตะ คือนิพพานธาตุ

ในปรมัตถธรรม อันประกอบด่วย จิต เจตสิ รูป และนิพพาน นั้น จิต เจตสิกและรูป เป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ แต่เมื่อมีอุปาทานความเห็นผิดว่าเป็น อัตตา ตัวกู ของกู เกิดขึ้น จิต เจตสิก และรูป จึงถูกทำให้เป็นเหตุและปัจจัย
ก่อให้เกิดสังขตะธรรม

ส่วนนิพพานนั้นเป็น อสังขตะธรรมโดยแท้ อยู่เหนือ อัตตา และ อนัตตา อันเป็นบัญญัติและเป็นของคู่อยู่

กึ่งกลางระหว่างอัตตาและอนัตตานั่นแหละคือ นิพพาน ซึ่งอาจแปลว่าไม่มีที่จะให้ยึดถือว่าเป็นอะไร

พยายามหาจุดกึ่งกลางระหว่างธาตุคู่ทั้งหลายซิครับ แล้วคุณจะได้รู้ว่านิพพานเป็น อัตตา หรือ อนัตตา หรือว่าเป็นอย่างไร

:b27:
:b8:
โพสต์ เมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 12:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ตรงๆ! ไม่ต้องตีความซ้ำ ไม่ต้องอุปมาอุปมัยๆลๆ.. ชัดเจน!

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก



มหาปชาบดีโคตมีเถริยาปทานที่ ๗
ว่าด้วยบุพจริยาของพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี



.......ในกาลก่อนที่พระพุทธเจ้าจะทรงพระ-
อนุญาต ดิฉันทั้งหลายได้ออกจากเรือนพร้อมด้วยพระแม่เจ้า เมื่อ
ดิฉันทั้งหลายออกจากภพนี้ไปสู่บุรีคือนิพพานอันอุดม ดิฉันทั้งหลาย
ก็จักไปพร้อมกับพระแม่เจ้าเหมือนกัน พระมหาปชาบดีโคตมีได้
กล่าวว่า เมื่อท่านทั้งหลายจะไปนิพพาน ดิฉันจักว่าอะไรได้เล่า.......

ส่วนหนึ่งจาก...อ่านทั้งหมดได้ที่.....
Quote Tipitaka:
[b] เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๔๔๗๑ - ๔๘๘๗. หน้าที่ ๑๙๓ - ๒๑๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0


พระสูตรที่ยกมาชัดเจนดีแล้ว พุทธศาสนิกชนไม่พึงปฏิเสธ ! ด้วยประการทั้งปวง (ไม่ต้องแปลซ้ำยิ่งบาลีเดิมๆยิ่งแน่น) ไม่ต้องตีสำนวนเป็นอุปมาอุปมัยใดๆทั้งสิ้น

ศพหลวงพ่อหลวงปู่....ยังอยู่....ใครปรามาสอะไรไว้เช่น...ติดนามติดรูป ติดนิมิต ยังนั้นยังนี้ ๆลๆ ยังกะตัวมัน(ผู้วิจารณ์)ไม่ติดอะไรเลยยังนั้นแหละ :b6: ใครอ่านกระทู้นี้ หากมีสำนึก(ย่อมรู้อยู่แก่ใจตน)พึงรีบไปขอขมาขมาตามที่พระไตรปิฏกมีบอกไว้ ด่วน! ก่อนที่จะตาย...:b8:
เพราะนรก รอ คุณอยู่... Onion_L ขอให้ทุกท่านจงเจริญธรรมฝ่ายขาวแต่โดยส่วนเดียวเทอญ :b8:

แล้วตกลงจะให้เชื่อใครกันครับ จะเชื่อหลวงปู่ จะเชื่อพระสุตรหรือเชื่อคุณ
มันพันลวันพันลเกจริงๆครับ

ฮะ ฮะ ฮ่า ศาสนาพุทธมีการขู่ด้วยหรือครับ ศาสนาพุทธมีการสาปแช่งด้วยหรือครับ
มีธรรมฝ่ายขาว ฝ่ายดำด้วย คุณหลับยู๋ผมว่าคุณคงอินกับหนังกำลังภายในมากไปนะครับ

มันไม่มีใครปรามาสใครหรอกครับ ผมเห็นมีแต่คุณเที่ยวปรามาสคนอื่น ข่มขู่คนอื่น
มิหน่ำซ่ำทำตัวเป็นพ่อมดหมอผีสาปแช่งคนอื่น ระวังของเข้าตัวนะครับ :b13:


โพสต์ เมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ตรงๆ! ไม่ต้องตีความซ้ำ ไม่ต้องอุปมาอุปมัยๆลๆ.. ชัดเจน!
ส่วนหนึ่งจาก...อ่านทั้งหมดได้ที่.....
Quote Tipitaka:
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๔๔๗๑ - ๔๘๘๗. หน้าที่ ๑๙๓ - ๒๑๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0


พระสูตรที่ยกมาชัดเจนดีแล้ว พุทธศาสนิกชนไม่พึงปฏิเสธ ! ด้วยประการทั้งปวง (ไม่ต้องแปลซ้ำยิ่งบาลีเดิมๆยิ่งแน่น) ไม่ต้องตีสำนวนเป็นอุปมาอุปมัยใดๆทั้งสิ้น

:

คุณหลับยู๋ ช่วยอธิบายมาหน่อยซิครับว่า นิพพานอันอุดม
มันเป็นอย่างไรครับ

จะบอกให้ครับรักที่จะโพสพระไตรปิฎก ตัวเองจะต้องอธิบายในสิ่งที่ตัวโพสได้ด้วย
ไม่ใช้ลากลิ้งแบบนี้ ทำแบบนี้ขาดความรับผิดชอบครับ
ผมลองเข้าไปดูเนื้อหามันยาวเป็นกิโล เป็นแบบนี้คนเขาจะรู้เรื่องมั้ย
หลับอยุ่ เขียน:
[พระสูตรที่ยกมาชัดเจนดีแล้ว พุทธศาสนิกชนไม่พึงปฏิเสธ ! ด้วยประการทั้งปวง (ไม่ต้องแปลซ้ำยิ่งบาลีเดิมๆยิ่งแน่น) ไม่ต้องตีสำนวนเป็นอุปมาอุปมัยใดๆทั้งสิ้น
:

ที่บอกไม่ต้องแปล ถามจริงคุณแปลได้หรือเปล่าครับ อย่าทำเนียน มั่วนิ่มซิครับ :b13:


โพสต์ เมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 19:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
:b1: อันนี้ แซวกบเล่น หากมีคนรู้เรื่องจักรวาล อวกาศ เขา งัดกบน้อยเละเลยนะนั่นหน่ะเปรียบเทียบแบบนี้
สู้ต่อไปเกโระ :b4:



หากจะเอาวิทย์..จ๋า ๆ..เลย..ก็ต้องยอมแพ้ :b13:

แต่อยากชวนท่าน...ไปเดินเล่นที่ หลุมดำ...รึดาวอังคาร์ก็ได้...

หากทำได้..จะรู้ว่า..วิทยาศาสตร์ของชาวโลก...ยังห่างไกลกับความจริงมากนัก...
:b32: :b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 98 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร