วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 09:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 39, 40, 41, 42, 43, 44, 45 ... 62  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 13 พ.ค. 2014, 01:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 20:15
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บักเงิบ โฮฮับไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ
เขาแค่ตามไปจองล้างจองผลาญผมใน pantip เท่านั้นเอง ในนาม user 740999

ว่างก็แวะไปทักทายได้ครับ


โพสต์ เมื่อ: 13 พ.ค. 2014, 05:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cantona_z เขียน:
บักเงิบ โฮฮับไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ
เขาแค่ตามไปจองล้างจองผลาญผมใน pantip เท่านั้นเอง ในนาม user 740999

ว่างก็แวะไปทักทายได้ครับ


ขอบคุณนะครับ ที่แจ้งความเคลื่อนไหวของพี่โฮให้ทราบ :b8:

ถ้ายังวนๆเวียนๆอยู่ที่นั่น ก็คงจะเข้ามาเหล่ๆแถวๆนี้แน่ คิกๆๆ เข้าไปบ่อยครับพันทิพ แต่สมัครสมาชิกยากหน่อย ต้องยื่นยันนั่นนี่หลายครั้งหลายหน

ฝากเพลงนี้ให้เขาด้วย :b32:

http://www.youtube.com/watch?v=cxwTKlGeJuw

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 13 พ.ค. 2014, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทำไมนิวรณ์ถึงเกิด??

:b38:
นิวรณ์ธรรมเกิดเพราะ กิเลส ตัณหา อวิชชา อนุสัย

มองอีกทาง เพราะอัตตา ผัสสะ สัญญา อินทรีย์ โมหะ อวิชชา

ตอบตามที่คิดได้ไม่ค้นตำราครับ
:b12:



เกิดมาแล้วจะทำยังไง แก้ไขยังไง นี่ก็ถามอโศกจากใจ ไม่ได้ค้นตำราถามนะ :b14:

:b8:
นิวรณ์ธรรม มี 5 อย่าง เกิดขึ้นมาแล้วย่อมกางกั้นขัดขวางมิให้ถึงความดี จะแก้ไขอย่างไร? นี่เป็นประเด็นสำคัญของกระทู้นี้เลยทีเดียว จึงยินดีอย่างยิ่งที่่จะตอบครับ

นิวรณ์ธรรมทั้ง 5 สยบ หรือกลบบัง ข่มทับได้ด้วย สมถะภาวนา ขุดถอนออกได้ด้วยวิปัสสนาภาวนา
:b39:
มีต่อ
:b41:
การจะศึกษาเพื่อให้รู้ถึงวิธีขจัดหรือเอาชนะนิวรณ์ 5 ได้นั้น ต้องศึกษาแบบเรียนไปปฏิบัติไปจึงจะได้ผล เพราะผู้ศึกษาต้องได้สัมผัสนิวรณ์ 5 ตัวจริงที่เกิดขึ้นในกาย ใจ ของตนเอง แล้วนำเอาหลักทฤษฎี วิธีปฏิบัติที่ได้รับการแนะนำมาลงมือพิสูจน์ความจริงไปด้วยทันที จึงจะเข้าใจซาบซึ้งในวิธีปฏิบัติและวิธีแก้ไขนิวรณ์ 5

เบื้องต้นพึงควรเรียนรู้หลักและวิธีปฏิบัติที่สำคัญก่อน

ดังได้เกริ่นไว้ก่อนแล้วว่า
"นิวรณ์ธรรมทั้ง 5 สยบ หรือกลบบัง ข่มทับได้ด้วย สมถะภาวนา ขุดถอนออกได้ด้วยวิปัสสนาภาวนา"

คู่ปรับของนิวรณ์ 5 คือ สมาธิ หรือ สมถะภาวนา แต่การจะแก้ไขนิวรณ์ธรรมทั้ง 5 ให้สำเร็จ เบ็ดเสร็จถาวรจะต้องใช้ทั้งสมถะและวิปัสสนาภาวนา ควบคู่และสลับสับเปลี่ยนกันไปตามสถานการณ์จริงของนิวรณ์ธรรมที่เกิดขึ้น จะไปกำหนดว่าให้ใช้แต่สมถะภาวนาหรือวิปัสสนาภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวไม่ได้

สำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ ให้เริ่มต้นกรุยทางด้วยการทำสมาธิก่อน โดยจะใช้วิธีทำสมาธิตามกรรมฐาน 40 อย่างอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือกรรมฐานประยุกต์อื่นๆที่คิดค้นกันขึ้นมาในยุคหลังๆ เช่นการทำอานาปานสติควบคู่ไปกับพุทธานุสติ บริกรรมพุทโธ ตามลมหายใจเข้าออก หรือบริกรรม หนอ ตามกิริยา อาการ ความรู้สึก สัมผัสต่างๆ หรือนับเลข 1 - 2 - 3.......ตามลมหายใจเข้าออก หรือท่องสัมมาอรหัง เพ่งพุทธรูป เลือกเอาที่เหมาะสมกับจริตนิสัยวาสนาของตน

เมื่อลงมือนั่งทำสมาธิจริงๆแล้วย่อมจะได้พบเจอกับนิวรณ์ธรรมเฉพาะตัวขึ้นมากั้นขวางและฝึกฝนตนเองทันที สังเกตได้เช่น คนที่ติดสุขสบายกลัวความทุกข์ลำบาก มักจะเจอกับ กามฉันทะ พยาบาทนิวรณ์ มีเจ็บ ปวด ทุกข์ สุข ลำบาก สบาย ร้อน หนาว ยุงกัดแมลงไต่ตอม

คนที่เรียนรู้หลักทฤษฎีมาเยอะอาจเจออุทธัจจะนิวรณ์ ความฟุ้งซ่าน คิดมาก

คนที่มีโมหะมากอาจเจอถีนะมิทธะนิวรณ์

คนที่ไม่ค่อยรู้อะไรหรือรู้มากเกินไป หรือรู้ไม่จริง รู้แต่ทฤษฎีไม่เคยสัมผัสความจิงอาจเจอกับ วิจิกิจฉานิวรณ์ ร่วมกับอุทธัจจะนิวรณ์ ดังนี้เป็นต้น

จะเจอกับนิวรณ์อะไรก็ตาม ก็ขอให้เพียงแต่ให้มีสติสัมปชัญญะมั่นคงในกรรมฐานที่ตนใช้หรือกำหนดบริกรรม ไม่ช้านิวรณ์ทั้งหลายจะถูกแทรกแซง สยบ กลบบังไปด้วยกรรมฐานที่ผู้ปฏิบัติหรือผู้ศึกษาผูกจิต ผูกสติไว้

เมื่อจิตหรือสติปัญญาตั้งมั่นอยู่กับองค์กรรมฐานได้ดีแน่วแน่ นิวรณ์ธรรมทั้งหลายสงบรำงับลง สมาธิก็จะยกขึ้นสู่ความเป็นฌาณไปตามลำดับจนถึงฌาณ 4 มี ปีติ ปัสสัทธิ นิมิตเป็นผลพลอยได้หรือกลายเป็นนิวรณ์ระดับละเอียดอ่อนกั้นขวาง

ในระหว่างการทำสมาธิ ผู้ศึกษาอาจได้พบกับของเก่าหรือทุนเดิมของตน ผู้มีนิสัยเป็นนักสมถะล้วนๆ ก็จะเจริญไปในกรรมฐานจนถึงฌาณ

ผู้มีนิสัยเป็นนักสมถะผสมวิปัสสนา ก็อาจเกิดการสยบและพิจารณานิวรณ์สลับกันไปมา คือมีการสยบกลบบังและขุดถอนนิวรณ์ธรรมไปพร้อมๆกัน

ผู้มีอุปนิสัยเป็นนักวิปัสสนาภาวนามาก่อน ก็อาจ พอได้สมาธิควรแก่งานก็ลงมือเจริญปัญญาสังเกตพิจารณานิวรณ์จนเห็นไตรลักษณ์เกิดญาณวิปัสสนาภาวนาเจริญต่อขึ้นไปด้วย ขุดถอนนิวรณ์ธรรมไปด้วย ก็เป็นได้

หลักการในช่วงแรกๆที่จำง่ายๆคือ

"นิ่งอยู่(กับอารมณ์) เป็นสมถะภาวนา...

เมื่อไรก็ตามจิต(สติปัญญา)นิ่งเกาะอยู่กับอารมณ์ เมื่อนั้นสมาธิจะเจริญ

[size=200]"นิ่งรู้(อารมณ์) เป็นวิปัสสนาภาวนา"


เมื่อไรก็ตามจิต(สติปัญญา)นิ่งรู้หรือสังเกตอารมณ์อยู่ เมื่อนั้น ปัญญา วิปัสสนาปัญญาจะเจริญ[/size]
:b36:
ยังมีต่อ



ก่อนต่อ ช่วยบอกความหมาย สมถภาวนา กับ วิปัสสนาภาวนา อะไรนี่หน่อยนะครับ

หมายถึงยังไง ภาวนา เนี่ย :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 13 พ.ค. 2014, 14:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทำไมนิวรณ์ถึงเกิด??

:b38:
นิวรณ์ธรรมเกิดเพราะ กิเลส ตัณหา อวิชชา อนุสัย

มองอีกทาง เพราะอัตตา ผัสสะ สัญญา อินทรีย์ โมหะ อวิชชา

ตอบตามที่คิดได้ไม่ค้นตำราครับ
:b12:



เกิดมาแล้วจะทำยังไง แก้ไขยังไง นี่ก็ถามอโศกจากใจ ไม่ได้ค้นตำราถามนะ :b14:

:b8:
นิวรณ์ธรรม มี 5 อย่าง เกิดขึ้นมาแล้วย่อมกางกั้นขัดขวางมิให้ถึงความดี จะแก้ไขอย่างไร? นี่เป็นประเด็นสำคัญของกระทู้นี้เลยทีเดียว จึงยินดีอย่างยิ่งที่่จะตอบครับ

นิวรณ์ธรรมทั้ง 5 สยบ หรือกลบบัง ข่มทับได้ด้วย สมถะภาวนา ขุดถอนออกได้ด้วยวิปัสสนาภาวนา
:b39:
มีต่อ
:b41:
การจะศึกษาเพื่อให้รู้ถึงวิธีขจัดหรือเอาชนะนิวรณ์ 5 ได้นั้น ต้องศึกษาแบบเรียนไปปฏิบัติไปจึงจะได้ผล เพราะผู้ศึกษาต้องได้สัมผัสนิวรณ์ 5 ตัวจริงที่เกิดขึ้นในกาย ใจ ของตนเอง แล้วนำเอาหลักทฤษฎี วิธีปฏิบัติที่ได้รับการแนะนำมาลงมือพิสูจน์ความจริงไปด้วยทันที จึงจะเข้าใจซาบซึ้งในวิธีปฏิบัติและวิธีแก้ไขนิวรณ์ 5

เบื้องต้นพึงควรเรียนรู้หลักและวิธีปฏิบัติที่สำคัญก่อน

ดังได้เกริ่นไว้ก่อนแล้วว่า
"นิวรณ์ธรรมทั้ง 5 สยบ หรือกลบบัง ข่มทับได้ด้วย สมถะภาวนา ขุดถอนออกได้ด้วยวิปัสสนาภาวนา"

คู่ปรับของนิวรณ์ 5 คือ สมาธิ หรือ สมถะภาวนา แต่การจะแก้ไขนิวรณ์ธรรมทั้ง 5 ให้สำเร็จ เบ็ดเสร็จถาวรจะต้องใช้ทั้งสมถะและวิปัสสนาภาวนา ควบคู่และสลับสับเปลี่ยนกันไปตามสถานการณ์จริงของนิวรณ์ธรรมที่เกิดขึ้น จะไปกำหนดว่าให้ใช้แต่สมถะภาวนาหรือวิปัสสนาภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวไม่ได้

สำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ ให้เริ่มต้นกรุยทางด้วยการทำสมาธิก่อน โดยจะใช้วิธีทำสมาธิตามกรรมฐาน 40 อย่างอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือกรรมฐานประยุกต์อื่นๆที่คิดค้นกันขึ้นมาในยุคหลังๆ เช่นการทำอานาปานสติควบคู่ไปกับพุทธานุสติ บริกรรมพุทโธ ตามลมหายใจเข้าออก หรือบริกรรม หนอ ตามกิริยา อาการ ความรู้สึก สัมผัสต่างๆ หรือนับเลข 1 - 2 - 3.......ตามลมหายใจเข้าออก หรือท่องสัมมาอรหัง เพ่งพุทธรูป เลือกเอาที่เหมาะสมกับจริตนิสัยวาสนาของตน

เมื่อลงมือนั่งทำสมาธิจริงๆแล้วย่อมจะได้พบเจอกับนิวรณ์ธรรมเฉพาะตัวขึ้นมากั้นขวางและฝึกฝนตนเองทันที สังเกตได้เช่น คนที่ติดสุขสบายกลัวความทุกข์ลำบาก มักจะเจอกับ กามฉันทะ พยาบาทนิวรณ์ มีเจ็บ ปวด ทุกข์ สุข ลำบาก สบาย ร้อน หนาว ยุงกัดแมลงไต่ตอม

คนที่เรียนรู้หลักทฤษฎีมาเยอะอาจเจออุทธัจจะนิวรณ์ ความฟุ้งซ่าน คิดมาก

คนที่มีโมหะมากอาจเจอถีนะมิทธะนิวรณ์

คนที่ไม่ค่อยรู้อะไรหรือรู้มากเกินไป หรือรู้ไม่จริง รู้แต่ทฤษฎีไม่เคยสัมผัสความจิงอาจเจอกับ วิจิกิจฉานิวรณ์ ร่วมกับอุทธัจจะนิวรณ์ ดังนี้เป็นต้น

จะเจอกับนิวรณ์อะไรก็ตาม ก็ขอให้เพียงแต่ให้มีสติสัมปชัญญะมั่นคงในกรรมฐานที่ตนใช้หรือกำหนดบริกรรม ไม่ช้านิวรณ์ทั้งหลายจะถูกแทรกแซง สยบ กลบบังไปด้วยกรรมฐานที่ผู้ปฏิบัติหรือผู้ศึกษาผูกจิต ผูกสติไว้

เมื่อจิตหรือสติปัญญาตั้งมั่นอยู่กับองค์กรรมฐานได้ดีแน่วแน่ นิวรณ์ธรรมทั้งหลายสงบรำงับลง สมาธิก็จะยกขึ้นสู่ความเป็นฌาณไปตามลำดับจนถึงฌาณ 4 มี ปีติ ปัสสัทธิ นิมิตเป็นผลพลอยได้หรือกลายเป็นนิวรณ์ระดับละเอียดอ่อนกั้นขวาง

ในระหว่างการทำสมาธิ ผู้ศึกษาอาจได้พบกับของเก่าหรือทุนเดิมของตน ผู้มีนิสัยเป็นนักสมถะล้วนๆ ก็จะเจริญไปในกรรมฐานจนถึงฌาณ

ผู้มีนิสัยเป็นนักสมถะผสมวิปัสสนา ก็อาจเกิดการสยบและพิจารณานิวรณ์สลับกันไปมา คือมีการสยบกลบบังและขุดถอนนิวรณ์ธรรมไปพร้อมๆกัน

ผู้มีอุปนิสัยเป็นนักวิปัสสนาภาวนามาก่อน ก็อาจ พอได้สมาธิควรแก่งานก็ลงมือเจริญปัญญาสังเกตพิจารณานิวรณ์จนเห็นไตรลักษณ์เกิดญาณวิปัสสนาภาวนาเจริญต่อขึ้นไปด้วย ขุดถอนนิวรณ์ธรรมไปด้วย ก็เป็นได้

หลักการในช่วงแรกๆที่จำง่ายๆคือ

"นิ่งอยู่(กับอารมณ์) เป็นสมถะภาวนา...

เมื่อไรก็ตามจิต(สติปัญญา)นิ่งเกาะอยู่กับอารมณ์ เมื่อนั้นสมาธิจะเจริญ

[size=200]"นิ่งรู้(อารมณ์) เป็นวิปัสสนาภาวนา"


เมื่อไรก็ตามจิต(สติปัญญา)นิ่งรู้หรือสังเกตอารมณ์อยู่ เมื่อนั้น ปัญญา วิปัสสนาปัญญาจะเจริญ[/size]
:b36:
ยังมีต่อ



ก่อนต่อ ช่วยบอกความหมาย สมถภาวนา กับ วิปัสสนาภาวนา อะไรนี่หน่อยนะครับ

หมายถึงยังไง ภาวนา เนี่ย :b10:

cool
กรัชกายอย่าเพิ่งแทรกถาม อดทน ข่มใจ ทำตัวเป็นเด็กดีสักพัก ให้จบถ้อยกระบวนธรรมตอนนี้เสียก่อนค่อยถามนะ
:b4:


โพสต์ เมื่อ: 13 พ.ค. 2014, 15:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


smiley smiley
ดังได้มอบเครื่องมือที่จะต้องใช้สลับกันไปมาตลอดเวลาแห่งการชำระนิวรณ์ธรรมออกจากใจไว้อย่างย่อให้จำง่ายว่า

"นิ่งอยู่"..เป็นสมาธิ หรือ สมถะภาวนา

"นิ่งรู้" ..เป็นวิปัสสนาภาวนา


การชำระนิวรณ์ธรรม ก็ต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับนิวรณ์ธรรม ซึ่งจะเกิดขึ้นเสมอกับผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมทุกๆคน นิวรณ์จะเกิดขึ้นตอนนั่งสมาธิปฏิบัติภาวนาหรือในเวลาชีวิตปกติก็ตาม ถ้ามีสติระลึกรู้ทันได้โอกาสและเวลาเปิดให้ ก็ชำระกันทันที เพราะมันคือกระบวนการของสติปัฏฐาน 4 หรือวิปัสสนาภาวนาในชีวิตประจำวันนั่นเอง แต่ที่จะชำระได้เป็นกอบเป็นกำต้องไป โยนิโสมนสิการ ตั้งใจทำงานชำระนิวรณ์ธรรมนี้โดยตรงอย่างต่อเนื่องในห้องกรรมฐานหรือสถานภาวนาที่เหมาะสมสะดวกถูกจริตนิสัยวาสนาของตน

นิวรณ์ธรรมก็คือกิเลส อนุสัย ตัณหา อัตตา ภาระ ขยะ ที่อยู่ในจิตนั่นเองเป็นงานที่นักภาวนาทุกคนต้องชำระกันอยู่แล้ว จึงไม่ต้องห่วงว่าเป็นการแยกมาปฏิบัติธรรมพิเศษอะไรอีก ในที่นี้เราเพียงแต่ยกมาพูดกันเป็นพิเศษ เน้นหนักลงไปให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้น

เมื่อสำรวมกายใจ มานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์อยู่หรือเริ่มต้นภาวนานั้นหากกิเลสนิวรณ์ตัวใดมาผุดปรากฏให้รู้ก็พึงเอาเครื่องมือที่ให้มาใช้ทันที เบื้องต้น ให้นิ่งอยู่กับอารมณ์กรรมฐานสู้นิวรณ์ไปก่อน นิวรณ์บางอย่างอาจหายไปโดยเร็ว แต่ถ้าไปเจอนิวรณ์ตัวใหญ่ เหมือนขยะชิ้นใหญ่ เป็นเจ้ากรรมนายเวรเฉพาะตัวของเรา ทีนี้ต้องใช้เครื่องมือทั้ง 2 เพราะเฉพาะกรรมฐานอาจเอาไม่อยู่ ตัดนิวรณ์ไม่ได้ ก็ให้

วางกรรมฐาน เอาสติปัญญามานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันนิวรณ์อันนั้น ซึ่งจะทรงอยู่และก่ออารมณ์ลูกหลานงอกขึ้นมามากมาย สติต้องตามให้ทัน ปัญญาต้องคอยสังเกตจึงจะทัน ทุกขัง อนิจจังอนัตตา ของอารมณ์เหล่านั้น

ถ้าจะเอาสมถะผสมวิปัสสนามาชำระ ก็ให้มีความตั้งใจกำหนดใจไว้นิดๆว่า ไม่ว่าจะเกิดอารมณ์อย่างไร ปรวนแปรไปอย่างไร จะรักษาใจไว้ไม่ให้มีปฏิกิริยาตอบโต้ ยินดี ยินร้าย ไปกับอารมณ์เหล่านั้น
ทำอย่างนี้ไปไม่ช้าอารมณ์ทั้งหมดเหล่านั้นก็จะดับไปเปลี่ยนไปตามกฏแห่งไตรลักษณ์

ถ้าจะขุดถอนด้วยวิปัสสนาภาวนาล้วนๆ ซึ่งถ้าถอนได้อารมณ์และนิวรณ์อย่างนั้นจะไม่กลับมากวนใจได้อีก
ก็ให้เพียงแต่ปรับความตั้งใจนิดเดียวว่า

จะปล่อยให้สติปัญญาทำงานไปเองตามธรรมชาติ นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ไปจนตลอดสาย จนหมดกำลังแห่งเหตุและปัจจัยของอารมณ์นั้นๆไปเองตามธรรม

ตรงนี้สำคัญเพราะแยกออกมาจากสมถะล้วนๆ หรือสมถะผสมวิปัสสนา มาเป็นวิปัสสนาภาวนาล้วนๆ

ธรรมชาติของกิเลส ตัณหา อัตตา อนุสัย นิวรณ์ธรรมทั้งปวง ที่จะมาปรากฏขึ้นให้รู้ให้เห็นในจิตของใครนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามกฏแห่งกรรม สิ่งใดใครได้ทำไว้อย่างไร เขาก็จะมาปรากฏเป็นวิบากให้คนผู้นั้นรับเสมอ ในรูปแบบต่างๆ เปรียบเหมือนขยะในใจ ที่ท่านเรียกว่า อนุสัย ....สงบ มีเวลาเมื่อไหร่ เขาก็จะฟุ้งกระจายออกมาให้รู้เห็นตามลำดับและน้ำหนักแห่งกรรมของผู้นั้น

งานของผู้ปฏิบัติภาวนา ก็คือชำระอนุสัย หรือขยะใจให้หมดจด

อนุสัยกิเลสเบาบาง จางไป หมดไปได้เท่าไหร่ มรรค ผล นิพพาน และอมตะสุขก็ใกล้เข้ามามากเท่านั้น
:b36:
นี่ก็ได้บรรยายให้รู้ถึงเครื่องมือหลักและวิธีชำระนิวรณ์ธรรมมาพอเป็นสังเขป ส่วนจะเจาะลึกลงไปในแง่มุมไหนคงต้องแล้วแต่จะมีผู้สนใจถามและสนทนา

หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ แง่คิด ทัศนะ มุมมอง เป็นอีก 1 ธรรมทัศนะให้มิตรสหายในลานธรรมจักรได้พิจารณากัน เป็นของขัวญวันวิสาขะบูชา ปุณมี ปี 2557 มอบให้กับทุกท่านทุกคนนะครับ
:b8:


โพสต์ เมื่อ: 15 พ.ค. 2014, 06:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




buddha2_resize.gif
buddha2_resize.gif [ 37.14 KiB | เปิดดู 3698 ครั้ง ]
:b8:
ผ่านพ้นวันวิสาขะ ปุณมี เป็นดิถีอันเลิศในแดนหล้า
ที่จะทำมรรคผล ให้เกิดมา ในดวงตาดวงใจใครทุกคน
พฤษภา เวลานี้ ดีทั่วถ้วน ครบกระบวนอุตุ และอาหาร
ใครเร่งเพียรเร่งเวลา เร่งทำการ ก็จักผ่านหลุดพ้น จนถึงดี

ขอฝากหมู่มวลมิตรคิดให้หนัก อย่าหย่อนพักความเพียร พึงเร่งรี่
เพลานี้เป็นเวลาที่แสนดี สำหรับที่จะเจริญวิปัสสนา
ขอวิมุติหลุดพ้นจงเกิดขึ้น ในเดือนอันสดชื่นชุ่มฉ่ำนี้
ขอมวลมิตรทุกท่านจงโชคดี พบธรรมที่ปิดอบาย หายทุกขภัย

:b8:
:b36:
โพสต์ เมื่อ: 20 พ.ค. 2014, 20:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20:
นิวรณ์ธรรมสำคัญ คือฟุ้งคิด สิ่งกวนจิตรูจักดีกันทั่วหน้า
ถึงวันนี้คงรู้จักซึ่งมรรคา ที่จะลาความฟุ้งคิด ปลิดทิ้งไป

เริ่มต้นนับจับชีพจรให้เห็นชัด แล้วก็มัดจิตกับลมเข้าออกไว้
คิดนึกเกิดขึ้นมารู้เร็วไว แล้วกลับไปอยู่กับลมเพื่อบ่มธรรม
จะมีอารมณ์ใดจรให้รู้ กลับไปอยู่กับลมให้แม่นมั่น
ลมสงบเหลือน้อยเมื่อไรกัน เข้าถึงฌาณก็จะพ้นวนฟุ้งคิด

ครึ่งชั่วโมงไม่ถึงตรึงนิวรณ์ ไม่เดือดร้อนสงบใสในดวงจิต
ได้อย่างนี้กันใหทั่วนะมวลมิตร จะได้ปิดกระทู้แล้วอำลา
:b8:
:b29:


โพสต์ เมื่อ: 20 พ.ค. 2014, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b20:
นิวรณ์ธรรมสำคัญ คือฟุ้งคิด สิ่งกวนจิตรูจักดีกันทั่วหน้า
ถึงวันนี้คงรู้จักซึ่งมรรคา ที่จะลาความฟุ้งคิด ปลิดทิ้งไป

เริ่มต้นนับจับชีพจรให้เห็นชัด แล้วก็มัดจิตกับลมเข้าออกไว้
คิดนึกเกิดขึ้นมารู้เร็วไว แล้วกลับไปอยู่กับลมเพื่อบ่มธรรม
จะมีอารมณ์ใดจรให้รู้ กลับไปอยู่กับลมให้แม่นมั่น
ลมสงบเหลือน้อยเมื่อไรกัน เข้าถึงฌาณก็จะพ้นวนฟุ้งคิด

ครึ่งชั่วโมงไม่ถึงตรึงนิวรณ์ ไม่เดือดร้อนสงบใสในดวงจิต
ได้อย่างนี้กันใหทั่วนะมวลมิตร จะได้ปิดกระทู้แล้วอำลา
:b8:
:b29:



เคยได้ยินแต่หมอจีนแมะชีพจรตรวจโรค แต่จับชีพจรกำจัดนิวรณ์ เพิ่งเคยได้ยินเนี่ยะ อโศกนี่ไม่ธรรมดานิ :b32:

จะลาไปไหนขอรับท่านอโศก :b31:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 20 พ.ค. 2014, 20:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b20:
นิวรณ์ธรรมสำคัญ คือฟุ้งคิด สิ่งกวนจิตรูจักดีกันทั่วหน้า
ถึงวันนี้คงรู้จักซึ่งมรรคา ที่จะลาความฟุ้งคิด ปลิดทิ้งไป

เริ่มต้นนับจับชีพจรให้เห็นชัด แล้วก็มัดจิตกับลมเข้าออกไว้
คิดนึกเกิดขึ้นมารู้เร็วไว แล้วกลับไปอยู่กับลมเพื่อบ่มธรรม
จะมีอารมณ์ใดจรให้รู้ กลับไปอยู่กับลมให้แม่นมั่น
ลมสงบเหลือน้อยเมื่อไรกัน เข้าถึงฌาณก็จะพ้นวนฟุ้งคิด

ครึ่งชั่วโมงไม่ถึงตรึงนิวรณ์ ไม่เดือดร้อนสงบใสในดวงจิต
ได้อย่างนี้กันใหทั่วนะมวลมิตร จะได้ปิดกระทู้แล้วอำลา
:b8:
:b29:



เคยได้ยินแต่หมอจีนแมะชีพจรตรวจโรค แต่จับชีพจรกำจัดนิวรณ์ เพิ่งเคยได้ยินเนี่ยะ อโศกนี่ไม่ธรรมดานิ :b32:

จะลาไปไหนขอรับท่านอโศก :b31:

:b36:
ถ้าสัมผัสรู้ชีพจรชัดได้ด้วยสติปัญญาในเวลาไม่ถึงนาที การสยบนิวรณ์ 5 นี้จักไม่เป็นของยากเลย
:b8:
ลองพิสูจน์ดูสิ
คุยแนะกันมาเยอะแล้วนะเรื่องนี้ :b38:


โพสต์ เมื่อ: 20 พ.ค. 2014, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b20:
นิวรณ์ธรรมสำคัญ คือฟุ้งคิด สิ่งกวนจิตรูจักดีกันทั่วหน้า
ถึงวันนี้คงรู้จักซึ่งมรรคา ที่จะลาความฟุ้งคิด ปลิดทิ้งไป

เริ่มต้นนับจับชีพจรให้เห็นชัด แล้วก็มัดจิตกับลมเข้าออกไว้
คิดนึกเกิดขึ้นมารู้เร็วไว แล้วกลับไปอยู่กับลมเพื่อบ่มธรรม
จะมีอารมณ์ใดจรให้รู้ กลับไปอยู่กับลมให้แม่นมั่น
ลมสงบเหลือน้อยเมื่อไรกัน เข้าถึงฌาณก็จะพ้นวนฟุ้งคิด

ครึ่งชั่วโมงไม่ถึงตรึงนิวรณ์ ไม่เดือดร้อนสงบใสในดวงจิต
ได้อย่างนี้กันใหทั่วนะมวลมิตร จะได้ปิดกระทู้แล้วอำลา
:b8:
:b29:



เคยได้ยินแต่หมอจีนแมะชีพจรตรวจโรค แต่จับชีพจรกำจัดนิวรณ์ เพิ่งเคยได้ยินเนี่ยะ อโศกนี่ไม่ธรรมดานิ :b32:

จะลาไปไหนขอรับท่านอโศก :b31:

:b36:
ถ้าสัมผัสรู้ชีพจรชัดได้ด้วยสติปัญญาในเวลาไม่ถึงนาที การสยบนิวรณ์ 5 นี้จักไม่เป็นของยากเลย
:b8:
ลองพิสูจน์ดูสิ
คุยแนะกันมาเยอะแล้วนะเรื่องนี้ :b38:



ไม่ธรรมดาๆ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 03 มิ.ย. 2014, 22:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
มีโอกาสได้ทบทวนภาคปฏิบัติทำใจให้สงัดสงบจากนิวรณ์ทั้ง 5 ทำให้ยิ่งได้รู้ชัดว่างานหลักเฉพาะหน้าของผู้ที่ปารถนาจะเข้าถึงความตายโดยไม่พลั้งสติ ต้องชำนาญชำนิที่จะสงบนิวรณ์ธรรมให้ได้ภายในไม่กี่เสี้ยววินาที จึงจะมีโอกาสรอดจากอบาย หรือเข้าถึงจุดหมายด่านแรกในทางธรรม

การสงบนิวรณ์ได้ต้องให้เป็นอาจินต์กรรมทำได้คล่องเสมอจึงปลอดภัย จึงขอให้อย่ากลัวสมาธิและฌาณ เพราะนั่นคือตัวสัมมาถ้าไม่ติดยึดในเอกักคตาและสุขแห่งฌาณ ทุกท่านควรทำได้จึงจะไม่เสียทีที่เป็นพุทธบุตร ครับ
smiley


โพสต์ เมื่อ: 04 มิ.ย. 2014, 07:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
มีโอกาสได้ทบทวนภาคปฏิบัติทำใจให้สงัดสงบจากนิวรณ์ทั้ง 5 ทำให้ยิ่งได้รู้ชัดว่างานหลักเฉพาะหน้าของผู้ที่ปารถนาจะเข้าถึงความตายโดยไม่พลั้งสติ ต้องชำนาญชำนิที่จะสงบนิวรณ์ธรรมให้ได้ภายในไม่กี่เสี้ยววินาที จึงจะมีโอกาสรอดจากอบาย หรือเข้าถึงจุดหมายด่านแรกในทางธรรม

การสงบนิวรณ์ได้ต้องให้เป็นอาจินต์กรรมทำได้คล่องเสมอจึงปลอดภัย จึงขอให้อย่ากลัวสมาธิและฌาณ เพราะนั่นคือตัวสัมมาถ้าไม่ติดยึดในเอกักคตาและสุขแห่งฌาณ ทุกท่านควรทำได้จึงจะไม่เสียทีที่เป็นพุทธบุตร ครับ




สวัสดีขอรับท่านอโศก :b8:

จ้องแต่จะตายนะครับ :b1:

หายไปหลายวัน นึกว่าไม่สบาย ทีแท้ก็ไปทบทวนภาคปฏิบัติอะไรที่ว่านัั่นเอง นิวรณ์ใช้สมาธิระดับไหนกดทับมันไว้ครับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 04 มิ.ย. 2014, 08:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
มีโอกาสได้ทบทวนภาคปฏิบัติทำใจให้สงัดสงบจากนิวรณ์ทั้ง 5 ทำให้ยิ่งได้รู้ชัดว่างานหลักเฉพาะหน้าของผู้ที่ปารถนาจะเข้าถึงความตายโดยไม่พลั้งสติ ต้องชำนาญชำนิที่จะสงบนิวรณ์ธรรมให้ได้ภายในไม่กี่เสี้ยววินาที จึงจะมีโอกาสรอดจากอบาย หรือเข้าถึงจุดหมายด่านแรกในทางธรรม

การสงบนิวรณ์ได้ต้องให้เป็นอาจินต์กรรมทำได้คล่องเสมอจึงปลอดภัย จึงขอให้อย่ากลัวสมาธิและฌาณ เพราะนั่นคือตัวสัมมาถ้าไม่ติดยึดในเอกักคตาและสุขแห่งฌาณ ทุกท่านควรทำได้จึงจะไม่เสียทีที่เป็นพุทธบุตร ครับ
smiley

:b38: :b39:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 04 มิ.ย. 2014, 09:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
มีโอกาสได้ทบทวนภาคปฏิบัติทำใจให้สงัดสงบจากนิวรณ์ทั้ง 5 ทำให้ยิ่งได้รู้ชัดว่างานหลักเฉพาะหน้าของผู้ที่ปารถนาจะเข้าถึงความตายโดยไม่พลั้งสติ ต้องชำนาญชำนิที่จะสงบนิวรณ์ธรรมให้ได้ภายในไม่กี่เสี้ยววินาที จึงจะมีโอกาสรอดจากอบาย หรือเข้าถึงจุดหมายด่านแรกในทางธรรม

การสงบนิวรณ์ได้ต้องให้เป็นอาจินต์กรรมทำได้คล่องเสมอจึงปลอดภัย จึงขอให้อย่ากลัวสมาธิและฌาณ เพราะนั่นคือตัวสัมมาถ้าไม่ติดยึดในเอกักคตาและสุขแห่งฌาณ ทุกท่านควรทำได้จึงจะไม่เสียทีที่เป็นพุทธบุตร ครับ
smiley

:b38: :b39:



เช่นนั้นนี่ ใครพูดถึง สติ ปัญญา บารมี เอกักคตา จิต สมาธิ มนสิการ โยนิโสมนสิกา ฯลฯ เออออไปกับเขาหมดเลยนะขอรับ ไม่ถามไม่ไถ่ที่มาที่ไปบ้างเลย คิกๆๆ :b32:

อย่าง่นี้ซี่อโศกถึงได้หลอกเอาได้ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 04 มิ.ย. 2014, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
มีโอกาสได้ทบทวนภาคปฏิบัติทำใจให้สงัดสงบจากนิวรณ์ทั้ง 5 ทำให้ยิ่งได้รู้ชัดว่างานหลักเฉพาะหน้าของผู้ที่ปารถนาจะเข้าถึงความตายโดยไม่พลั้งสติ ต้องชำนาญชำนิที่จะสงบนิวรณ์ธรรมให้ได้ภายในไม่กี่เสี้ยววินาที จึงจะมีโอกาสรอดจากอบาย หรือเข้าถึงจุดหมายด่านแรกในทางธรรม

การสงบนิวรณ์ได้ต้องให้เป็นอาจินต์กรรมทำได้คล่องเสมอจึงปลอดภัย จึงขอให้อย่ากลัวสมาธิและฌาณ เพราะนั่นคือตัวสัมมาถ้าไม่ติดยึดในเอกักคตาและสุขแห่งฌาณ ทุกท่านควรทำได้จึงจะไม่เสียทีที่เป็นพุทธบุตร ครับ
smiley

:b38: :b39:



เช่นนั้นนี่ ใครพูดถึง สติ ปัญญา บารมี เอกักคตา จิต สมาธิ มนสิการ โยนิโสมนสิกา ฯลฯ เออออไปกับเขาหมดเลยนะขอรับ ไม่ถามไม่ไถ่ที่มาที่ไปบ้างเลย คิกๆๆ :b32:

อย่าง่นี้ซี่อโศกถึงได้หลอกเอาได้ :b13:


ไม่ต้องถามครับ
อโศกะ แสดงถูกในหลักการข้อนี้ ก็นั่งจิบกาแฟ อ่านไปเรื่อยๆ ครับ

คำศัพท์ต่างๆ เหล่านั้นเช่นนั้นทราบ ไม่ต้องถามครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 39, 40, 41, 42, 43, 44, 45 ... 62  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร