วันเวลาปัจจุบัน 23 ก.ค. 2025, 04:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 134 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 04:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


มาดูกันอีกหน่อย ว่า มั่วแหลกมาตั้งแต่ไหน ?
มาบอกให้อีกหน่อย เดี๋ยวจะหาว่า ทอดทิ้งกัน


คุณ Love j กล่าวว่า
" ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ"

บอกให้ตรงๆ ว่า มั่วตั้งวแต่อ้าปาก มาเรยค่ะ

นี่แสดงความเขลาเบาปัญญา ที่ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดง ในมหาสติปํฎฐาน
สติปัฎฐาน ระลึกเป็นไป ในกาย เวทนา จิต และธรรม
ในปรมัตถ์อารมณ์ ที่เกิดขึ้น ตามที่ใดๆ เฉพาะหน้า ๆๆๆๆๆๆๆ
เป็นอารมณ์

และกาย เวทนา จิต ธรรม นี้ จะเป็นฐาน ของวิปัสสนา
วิปัสสนา ไม่ได้มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอารมณ์

แต่วิปัสสนา
มี
อนิจจลักษณะ
ทุกขลักษณะ
และอนัตตลักษณะ

ของกายเวทนาจิตธรรม ปรมัตถ์ ที่เกิดขึ้น เฉพาะหน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นอารมณ์

คุณพิจารณาอะไรของคุณค๊ะ ใครสอนคุณพิจารณามาตามแบบนั้น

คุณใช้วิธีตื้นๆ ไปลอกเอาบทย่อ จาก84000 มานิดๆหน่อยๆ
เอามาฝอยเป็นตุเป็นตะ
ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ สอน การปฎิบัติ ในมหาสติปัฎฐานเอาเสียเรย


เพราะฉะนั้น อารมณ์สมถะ ที่คุณ พยายามพล่ามพรรณา ประดิษฐ์ประดอยร้อยมาลัยบูชาครูนั้น
งานดีค่ะ สวยหรู แต่กลิ่นเหม็นคลุ้ง

เอาอารมณ์นั้น มาใช้ ปนมั่ว ส่งเดช ในสติปัฎฐานไม่ได้
เพราะคนละอารมณ์กัน และไม่เห็นตามสภาพปรมัตถ์ ธรรม ที่กำลังเกิด
เป็นอารมณ์จริงๆ

นี่แหละ แสดงให้เห็นความเขลาเบาปัญญา ตื้นเขิน ที่ขัดแย้งต่อพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง
ตั้งแต่ที่คุณ เริ่มอ้าปากแล้วหล่ะค่ะ


เรื่องสติ ที่บอกว่าตอนท้ายว่า เป็นสัมมาสติ
แต่นี้ก็มั่วไปแล้ว

เพราะ ปริยัติเพี้ยนจากที่พระพุทธองค์สอน ปฎิบัติเพี้ยน เป็นได้แต่
มิจฉาสติ มิจฉามรรค มิจฉาปฎิบัติเท่านั้นค่ะ

เห็นผิดๆ ทำผิดๆ ปฎิบัติผิดๆ ไม่ตรงตามพระธรรมที่ได้แสดงไว้ดีแล้วค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 04:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
การถกเถียงข้อธรรมมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย

s005

cool
คุณปฤษฎีคะตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
บอกไว้ว่าเกิดมานี้เพราะยังมีกิเลสอภิมหากิเลส
เดี๋ยวนี้ดับนับแสนล้านขณะจิตโดยไม่ต้องทำก็เกิดดับ
ถามหน่อยสิคะชั่วพริบตาเดียวนับได้1ล้านแสนครั้งนับยังไงคะ
ใครมันตาถั่วมองไม่ออกว่าตัวเองนับยังไงก็ได้ทีละ1คำตรงทีละ1ทาง
การโต้เถียงเกิดจากไม่มีปัญญาเข้าใจคำสอนเพราะไม่คิดตามคำสอนตรงทาง
ที่ทะเลาะกันเป็นแค่วาทะกรรมของคนมีกิเลสเอาความไม่รู้มาอวดกันแบบตาบอดคลำช้าง555
ผู้ที่ฟังคำสอนเข้าใจถูกกิเลสตัวเองแล้วเขาประกาศคำสอนโต้งๆก็ไม่ยยอมฟังเดี๋ยวนี้แสนล้านนับไม่ได้มีแล้ว
:b13:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 04:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
การถกเถียงข้อธรรมมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย

s005

cool
คุณปฤษฎีคะตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
บอกไว้ว่าเกิดมานี้เพราะยังมีกิเลสอภิมหากิเลส
เดี๋ยวนี้ดับนับแสนล้านขณะจิตโดยไม่ต้องทำก็เกิดดับ
ถามหน่อยสิคะชั่วพริบตาเดียวนับได้1ล้านแสนครั้งนับยังไงคะ
ใครมันตาถั่วมองไม่ออกว่าตัวเองนับยังไงก็ได้ทีละ1คำตรงทีละ1ทาง
การโต้เถียงเกิดจากไม่มีปัญญาเข้าใจคำสอนเพราะไม่คิดตามคำสอนตรงทาง
ที่ทะเลาะกันเป็นแค่วาทะกรรมของคนมีกิเลสเอาความไม่รู้มาอวดกันแบบตาบอดคลำช้าง555
ผู้ที่ฟังคำสอนเข้าใจถูกกิเลสตัวเองแล้วเขาประกาศคำสอนโต้งๆก็ไม่ยยอมฟังเดี๋ยวนี้แสนล้านนับไม่ได้มีแล้ว
:b13:
:b32: :b32:

นี่เป็นคำเตือน
ฟังพระพุทธพจน์
ก่อนจิตออกจากกายนี้
เพราะ1ล้านแสนครั้งเป็นทศพลญาณ
ลืมตาตื่นรู้เข้าใจตามคำสอนคือการมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
เพื่อให้ระลึกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ตรงสัจจะทีละ1ทางตามปกติที่กายใจตัวเองเท่านั้นที่กำลังมีด้วย
https://youtu.be/MYVZg-KbfPc
:b16:
:b20: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 05:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
การถกเถียงข้อธรรมมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย

s005

cool
คุณปฤษฎีคะตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
บอกไว้ว่าเกิดมานี้เพราะยังมีกิเลสอภิมหากิเลส
เดี๋ยวนี้ดับนับแสนล้านขณะจิตโดยไม่ต้องทำก็เกิดดับ
ถามหน่อยสิคะชั่วพริบตาเดียวนับได้1ล้านแสนครั้งนับยังไงคะ
ใครมันตาถั่วมองไม่ออกว่าตัวเองนับยังไงก็ได้ทีละ1คำตรงทีละ1ทาง
การโต้เถียงเกิดจากไม่มีปัญญาเข้าใจคำสอนเพราะไม่คิดตามคำสอนตรงทาง
ที่ทะเลาะกันเป็นแค่วาทะกรรมของคนมีกิเลสเอาความไม่รู้มาอวดกันแบบตาบอดคลำช้าง555
ผู้ที่ฟังคำสอนเข้าใจถูกกิเลสตัวเองแล้วเขาประกาศคำสอนโต้งๆก็ไม่ยยอมฟังเดี๋ยวนี้แสนล้านนับไม่ได้มีแล้ว



อะกุสๆๆๆ มันไม่สะลาสักที อะไร ? แผ่นเสียงตกร่อง แผ่นเสียงมี กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา ทีนี้มันตกร่อง อะกุสๆๆๆๆๆๆๆ ไม่สะลา :b32: ก็แนวๆคุณโรสแสนล้าน แสนโกฎิ แสน ส.เพลินจิต :b13: แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ แสนสาหัส

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 05:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
มาดูกันอีกหน่อย ว่า มั่วแหลกมาตั้งแต่ไหน ?
มาบอกให้อีกหน่อย เดี๋ยวจะหาว่า ทอดทิ้งกัน


คุณ Love j กล่าวว่า
" ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ"

บอกให้ตรงๆ ว่า มั่วตั้งวแต่อ้าปาก มาเรยค่ะ

นี่แสดงความเขลาเบาปัญญา ที่ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดง ในมหาสติปํฎฐาน
สติปัฎฐาน ระลึกเป็นไป ในกาย เวทนา จิต และธรรม
ในปรมัตถ์อารมณ์ ที่เกิดขึ้น ตามที่ใดๆ เฉพาะหน้า ๆๆๆๆๆๆๆ
เป็นอารมณ์

และกาย เวทนา จิต ธรรม นี้ จะเป็นฐาน ของวิปัสสนา
วิปัสสนา ไม่ได้มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอารมณ์

แต่วิปัสสนา
มี
อนิจจลักษณะ
ทุกขลักษณะ
และอนัตตลักษณะ

ของกายเวทนาจิตธรรม ปรมัตถ์ ที่เกิดขึ้น เฉพาะหน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นอารมณ์

คุณพิจารณาอะไรของคุณค๊ะ ใครสอนคุณพิจารณามาตามแบบนั้น

คุณใช้วิธีตื้นๆ ไปลอกเอาบทย่อ จาก84000 มานิดๆหน่อยๆ
เอามาฝอยเป็นตุเป็นตะ
ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ สอน การปฎิบัติ ในมหาสติปัฎฐานเอาเสียเรย


เพราะฉะนั้น อารมณ์สมถะ ที่คุณ พยายามพล่ามพรรณา ประดิษฐ์ประดอยร้อยมาลัยบูชาครูนั้น
งานดีค่ะ สวยหรู แต่กลิ่นเหม็นคลุ้ง

เอาอารมณ์นั้น มาใช้ ปนมั่ว ส่งเดช ในสติปัฎฐานไม่ได้
เพราะคนละอารมณ์กัน และไม่เห็นตามสภาพปรมัตถ์ ธรรม ที่กำลังเกิด
เป็นอารมณ์จริงๆ

นี่แหละ แสดงให้เห็นความเขลาเบาปัญญา ตื้นเขิน ที่ขัดแย้งต่อพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง
ตั้งแต่ที่คุณ เริ่มอ้าปากแล้วหล่ะค่ะ


เรื่องสติ ที่บอกว่าตอนท้ายว่า เป็นสัมมาสติ
แต่นี้ก็มั่วไปแล้ว

เพราะ ปริยัติเพี้ยนจากที่พระพุทธองค์สอน ปฎิบัติเพี้ยน เป็นได้แต่
มิจฉาสติ มิจฉามรรค มิจฉาปฎิบัติเท่านั้นค่ะ

เห็นผิดๆ ทำผิดๆ ปฎิบัติผิดๆ ไม่ตรงตามพระธรรมที่ได้แสดงไว้ดีแล้วค่ะ


คุณปรามาสผมด้วยคำที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล คำดูหมิ่นเหยียดหยาม ไม่ใช่อรรถ ไม่ใช่ธรรม อย่างนี้อ่ะหรอครับ ยิ่งพูดก็จะยิ่งผิดนะครับ ลองตอบข้อสงสัยผมสักข้อ
:b1:

โลกสวย : และกาย เวทนา จิต ธรรม นี้ จะเป็นฐาน ของวิปัสสนา วิปัสสนา ไม่ได้มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอารมณ์ แต่วิปัสสนามีอนิจจลักษณะ ทุกขลักษณะ และอนัตตลักษณะ

Love j. : อย่างนั้นวิปัสสนามีอนิจจลักษณะ ทุกขลักษณะ อนัตตลักษณะ ของอะไร


การพิจารณาถามด้วยปัญญา พิจารณาตอบด้วยปัญญา ด้วยวาจาสุภาพ สำรวมระวัง ก็คือ สุ จิ ปุ ลิ ที่คุณเคยหยิบยกขึ้นมากล่าวอ้าง ไม่ได้ประดิษประดอยเพื่อความสวยงาม แต่เป็นปกติของการใช้สติ พิจารณาถาม พิจารณาตอบ


แก้ไขล่าสุดโดย Love J. เมื่อ 05 มี.ค. 2019, 05:57, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 05:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
มาดูกันอีกหน่อย ว่า มั่วแหลกมาตั้งแต่ไหน ?
มาบอกให้อีกหน่อย เดี๋ยวจะหาว่า ทอดทิ้งกัน


คุณ Love j กล่าวว่า
" ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ"

บอกให้ตรงๆ ว่า มั่วตั้งวแต่อ้าปาก มาเรยค่ะ

นี่แสดงความเขลาเบาปัญญา ที่ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดง ในมหาสติปํฎฐาน
สติปัฎฐาน ระลึกเป็นไป ในกาย เวทนา จิต และธรรม
ในปรมัตถ์อารมณ์ ที่เกิดขึ้น ตามที่ใดๆ เฉพาะหน้า ๆๆๆๆๆๆๆ
เป็นอารมณ์

และกาย เวทนา จิต ธรรม นี้ จะเป็นฐาน ของวิปัสสนา
วิปัสสนา ไม่ได้มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอารมณ์

แต่วิปัสสนา
มี
อนิจจลักษณะ
ทุกขลักษณะ
และอนัตตลักษณะ

ของกายเวทนาจิตธรรม ปรมัตถ์ ที่เกิดขึ้น เฉพาะหน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นอารมณ์

คุณพิจารณาอะไรของคุณค๊ะ ใครสอนคุณพิจารณามาตามแบบนั้น

คุณใช้วิธีตื้นๆ ไปลอกเอาบทย่อ จาก84000 มานิดๆหน่อยๆ
เอามาฝอยเป็นตุเป็นตะ
ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ สอน การปฎิบัติ ในมหาสติปัฎฐานเอาเสียเรย


เพราะฉะนั้น อารมณ์สมถะ ที่คุณ พยายามพล่ามพรรณา ประดิษฐ์ประดอยร้อยมาลัยบูชาครูนั้น
งานดีค่ะ สวยหรู แต่กลิ่นเหม็นคลุ้ง

เอาอารมณ์นั้น มาใช้ ปนมั่ว ส่งเดช ในสติปัฎฐานไม่ได้
เพราะคนละอารมณ์กัน และไม่เห็นตามสภาพปรมัตถ์ ธรรม ที่กำลังเกิด
เป็นอารมณ์จริงๆ

นี่แหละ แสดงให้เห็นความเขลาเบาปัญญา ตื้นเขิน ที่ขัดแย้งต่อพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง
ตั้งแต่ที่คุณ เริ่มอ้าปากแล้วหล่ะค่ะ


เรื่องสติ ที่บอกว่าตอนท้ายว่า เป็นสัมมาสติ
แต่นี้ก็มั่วไปแล้ว

เพราะ ปริยัติเพี้ยนจากที่พระพุทธองค์สอน ปฎิบัติเพี้ยน เป็นได้แต่
มิจฉาสติ มิจฉามรรค มิจฉาปฎิบัติเท่านั้นค่ะ

เห็นผิดๆ ทำผิดๆ ปฎิบัติผิดๆ ไม่ตรงตามพระธรรมที่ได้แสดงไว้ดีแล้วค่ะ


คุณปรามาสผมด้วยคำที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล คำดูหมิ่นเหยียดหยาม ไม่ใช่อรรถ ไม่ใช่ธรรม อย่างนี้อ่ะหรอครับ
:b1:


คุณหวังจะให้คนยกย่องอย่างเดียวหรือไง คิกๆๆ มันผิดหลักธรรมนะ (โลกธรรม 8)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 05:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
มาดูกันอีกหน่อย ว่า มั่วแหลกมาตั้งแต่ไหน ?
มาบอกให้อีกหน่อย เดี๋ยวจะหาว่า ทอดทิ้งกัน


คุณ Love j กล่าวว่า
" ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ"

บอกให้ตรงๆ ว่า มั่วตั้งวแต่อ้าปาก มาเรยค่ะ

นี่แสดงความเขลาเบาปัญญา ที่ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดง ในมหาสติปํฎฐาน
สติปัฎฐาน ระลึกเป็นไป ในกาย เวทนา จิต และธรรม
ในปรมัตถ์อารมณ์ ที่เกิดขึ้น ตามที่ใดๆ เฉพาะหน้า ๆๆๆๆๆๆๆ
เป็นอารมณ์

และกาย เวทนา จิต ธรรม นี้ จะเป็นฐาน ของวิปัสสนา
วิปัสสนา ไม่ได้มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอารมณ์

แต่วิปัสสนา
มี
อนิจจลักษณะ
ทุกขลักษณะ
และอนัตตลักษณะ

ของกายเวทนาจิตธรรม ปรมัตถ์ ที่เกิดขึ้น เฉพาะหน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นอารมณ์

คุณพิจารณาอะไรของคุณค๊ะ ใครสอนคุณพิจารณามาตามแบบนั้น

คุณใช้วิธีตื้นๆ ไปลอกเอาบทย่อ จาก84000 มานิดๆหน่อยๆ
เอามาฝอยเป็นตุเป็นตะ
ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ สอน การปฎิบัติ ในมหาสติปัฎฐานเอาเสียเรย


เพราะฉะนั้น อารมณ์สมถะ ที่คุณ พยายามพล่ามพรรณา ประดิษฐ์ประดอยร้อยมาลัยบูชาครูนั้น
งานดีค่ะ สวยหรู แต่กลิ่นเหม็นคลุ้ง

เอาอารมณ์นั้น มาใช้ ปนมั่ว ส่งเดช ในสติปัฎฐานไม่ได้
เพราะคนละอารมณ์กัน และไม่เห็นตามสภาพปรมัตถ์ ธรรม ที่กำลังเกิด
เป็นอารมณ์จริงๆ

นี่แหละ แสดงให้เห็นความเขลาเบาปัญญา ตื้นเขิน ที่ขัดแย้งต่อพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง
ตั้งแต่ที่คุณ เริ่มอ้าปากแล้วหล่ะค่ะ


เรื่องสติ ที่บอกว่าตอนท้ายว่า เป็นสัมมาสติ
แต่นี้ก็มั่วไปแล้ว

เพราะ ปริยัติเพี้ยนจากที่พระพุทธองค์สอน ปฎิบัติเพี้ยน เป็นได้แต่
มิจฉาสติ มิจฉามรรค มิจฉาปฎิบัติเท่านั้นค่ะ

เห็นผิดๆ ทำผิดๆ ปฎิบัติผิดๆ ไม่ตรงตามพระธรรมที่ได้แสดงไว้ดีแล้วค่ะ


คุณปรามาสผมด้วยคำที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล คำดูหมิ่นเหยียดหยาม ไม่ใช่อรรถ ไม่ใช่ธรรม อย่างนี้อ่ะหรอครับ
:b1:


คุณหวังจะให้คนยกย่องอย่างเดียวหรือไง คิกๆๆ มันผิดหลักธรรมนะ (โลกธรรม 8)


ผมหวังคำจริง เป็นอรรถเป็นธรรมครับ ผิดก็ยอมรับปรับแก้ ฝากแปะคำถามด้วย

โลกสวย : และกาย เวทนา จิต ธรรม นี้ จะเป็นฐาน ของวิปัสสนา วิปัสสนา ไม่ได้มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอารมณ์ แต่วิปัสสนามีอนิจจลักษณะ ทุกขลักษณะ และอนัตตลักษณะ

Love j. : อย่างนั้นวิปัสสนามีอนิจจลักษณะ ทุกขลักษณะ อนัตตลักษณะ ของอะไร


สุ จิ ปุ ลิ

" ไม่ว่าจะใช้บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต หรือใช้เป็นเครื่องระลึกของสติ
หากทำให้มากเจริญให้มากย่อมระงับบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น
บาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดมี
ย่อมรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่นและให้เจริญยิ่ง >>> เจตสิกที่เป็นไปเพื่อมรรค"

เราใช้ชีวิตประจำวันเราอยู่กับคำบริกรรมพุทโธ ไม่ส่งจิตไปหลงเพลินผัสสะทางอายตนะ
เพลินกับรูป รส กลิ่น เสียง กายสัมผัส ธรรมารมณ์อันเป็นเหตุให้เกิดความ พอใจ ไม่พอใจ
เกิด ความโลภ โกรธ หลง เกิดอกุศลกรรม เมื่อปฏิบัติอย่างนี้ เจตสิกที่เป็นข้างสมุทัย
ก็เสื่อม เจตสิกข้างมรรคก็เจริญ

เราระลึกถึงพุทโธเนือง ๆ เผลอไปในอารมณ์ได ระลึกถึงพุทโธ ได้ก็อาศัยสติอุเบกขานั้น
พิจารณา ความเผลอ เผลอโลภ เผลอโกรธ เผลอหลง ก็อาศัยสตินั้นพิจารณาว่า
เหล่านั้นเป็นอารมณ์หยาบละอารมณ์เหล่านั้นจิตก็ยินดีอยู่กับพุทโธ เจตสิกที่เป็นข้างสมุทัย
ก็เสื่อม เจตสิกข้างมรรคก็เจริญ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 07:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ท่านทั้งหลายจงเห็นความ
เกียจคร้านโดยความเป็นภัย และเห็นการ
ปรารภความเพียรโดยเป็นทางเกษม แล้วจง
ปรารภความเพียรเถิด นี้เป็นคำสั่งสอนของ
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงเห็น
ความวิวาทโดยความเป็นภัย และเห็นความ
ไม่วิวาทโดยเป็นทางเกษม แล้วจงกล่าววาจา
อ่อนหวานอันสมัครสมานกันเถิด นี้เป็นคำสั่ง
สอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย
จงเห็นความประมาทโดยความเป็นภัย และ
เห็นความไม่ประมาทโดยเป็นทางเกษม แล้ว
จงเจริญมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
เถิด นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้ง -
หลาย.


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love j กล่าวว่า
ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ""""""

แต่ๆๆๆๆ

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
"สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมอง เพราะจิต
เศร้าหมอง สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว"

โอย...... ไม่รู้จะพูดยังไงดี กะคำกล่าวเลอะเทอะ ของคุณ Love j
จิตบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว แล้วยังมาเศร้าหมอง ทำกิจอะไร
5555
คุณ Love j นี่เป้นตัวอย่าง คนที่ไม่เรียนพระปริยัติ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว
เรย มโน ไปเลอะเทอะว่า จิตบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว
ก็ขอชมแระกันน๊ะค๊ะ เพราะอยากได้แต่คำชม สรรเสริญ


โอว....มานเป็น มโน สุดยอด มหามโน มั๊กๆๆ น้อค๊ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 17:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
มาดูกันอีกหน่อย ว่า มั่วแหลกมาตั้งแต่ไหน ?
มาบอกให้อีกหน่อย เดี๋ยวจะหาว่า ทอดทิ้งกัน


คุณ Love j กล่าวว่า
" ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ"

บอกให้ตรงๆ ว่า มั่วตั้งวแต่อ้าปาก มาเรยค่ะ

นี่แสดงความเขลาเบาปัญญา ที่ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดง ในมหาสติปํฎฐาน
สติปัฎฐาน ระลึกเป็นไป ในกาย เวทนา จิต และธรรม
ในปรมัตถ์อารมณ์ ที่เกิดขึ้น ตามที่ใดๆ เฉพาะหน้า ๆๆๆๆๆๆๆ
เป็นอารมณ์

และกาย เวทนา จิต ธรรม นี้ จะเป็นฐาน ของวิปัสสนา
วิปัสสนา ไม่ได้มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอารมณ์

แต่วิปัสสนา
มี
อนิจจลักษณะ
ทุกขลักษณะ
และอนัตตลักษณะ

ของกายเวทนาจิตธรรม ปรมัตถ์ ที่เกิดขึ้น เฉพาะหน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นอารมณ์

คุณพิจารณาอะไรของคุณค๊ะ ใครสอนคุณพิจารณามาตามแบบนั้น

คุณใช้วิธีตื้นๆ ไปลอกเอาบทย่อ จาก84000 มานิดๆหน่อยๆ
เอามาฝอยเป็นตุเป็นตะ
ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ สอน การปฎิบัติ ในมหาสติปัฎฐานเอาเสียเรย


เพราะฉะนั้น อารมณ์สมถะ ที่คุณ พยายามพล่ามพรรณา ประดิษฐ์ประดอยร้อยมาลัยบูชาครูนั้น
งานดีค่ะ สวยหรู แต่กลิ่นเหม็นคลุ้ง

เอาอารมณ์นั้น มาใช้ ปนมั่ว ส่งเดช ในสติปัฎฐานไม่ได้
เพราะคนละอารมณ์กัน และไม่เห็นตามสภาพปรมัตถ์ ธรรม ที่กำลังเกิด
เป็นอารมณ์จริงๆ

นี่แหละ แสดงให้เห็นความเขลาเบาปัญญา ตื้นเขิน ที่ขัดแย้งต่อพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง
ตั้งแต่ที่คุณ เริ่มอ้าปากแล้วหล่ะค่ะ


เรื่องสติ ที่บอกว่าตอนท้ายว่า เป็นสัมมาสติ
แต่นี้ก็มั่วไปแล้ว

เพราะ ปริยัติเพี้ยนจากที่พระพุทธองค์สอน ปฎิบัติเพี้ยน เป็นได้แต่
มิจฉาสติ มิจฉามรรค มิจฉาปฎิบัติเท่านั้นค่ะ

เห็นผิดๆ ทำผิดๆ ปฎิบัติผิดๆ ไม่ตรงตามพระธรรมที่ได้แสดงไว้ดีแล้วค่ะ


คุณปรามาสผมด้วยคำที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล คำดูหมิ่นเหยียดหยาม ไม่ใช่อรรถ ไม่ใช่ธรรม อย่างนี้อ่ะหรอครับ
:b1:


คุณหวังจะให้คนยกย่องอย่างเดียวหรือไง คิกๆๆ มันผิดหลักธรรมนะ (โลกธรรม 8)


ผมหวังคำจริง เป็นอรรถเป็นธรรมครับ ผิดก็ยอมรับปรับแก้ ฝากแปะคำถามด้วย

โลกสวย : และกาย เวทนา จิต ธรรม นี้ จะเป็นฐาน ของวิปัสสนา วิปัสสนา ไม่ได้มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอารมณ์ แต่วิปัสสนามีอนิจจลักษณะ ทุกขลักษณะ และอนัตตลักษณะ

Love j. : อย่างนั้นวิปัสสนามีอนิจจลักษณะ ทุกขลักษณะ อนัตตลักษณะ ของอะไร


สุ จิ ปุ ลิ

" ไม่ว่าจะใช้บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต หรือใช้เป็นเครื่องระลึกของสติ
หากทำให้มากเจริญให้มากย่อมระงับบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น
บาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดมี
ย่อมรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่นและให้เจริญยิ่ง >>> เจตสิกที่เป็นไปเพื่อมรรค"

เราใช้ชีวิตประจำวันเราอยู่กับคำบริกรรมพุทโธ ไม่ส่งจิตไปหลงเพลินผัสสะทางอายตนะ
เพลินกับรูป รส กลิ่น เสียง กายสัมผัส ธรรมารมณ์อันเป็นเหตุให้เกิดความ พอใจ ไม่พอใจ
เกิด ความโลภ โกรธ หลง เกิดอกุศลกรรม เมื่อปฏิบัติอย่างนี้ เจตสิกที่เป็นข้างสมุทัย
ก็เสื่อม เจตสิกข้างมรรคก็เจริญ

เราระลึกถึงพุทโธเนือง ๆ เผลอไปในอารมณ์ได ระลึกถึงพุทโธ ได้ก็อาศัยสติอุเบกขานั้น
พิจารณา ความเผลอ เผลอโลภ เผลอโกรธ เผลอหลง ก็อาศัยสตินั้นพิจารณาว่า
เหล่านั้นเป็นอารมณ์หยาบละอารมณ์เหล่านั้นจิตก็ยินดีอยู่กับพุทโธ เจตสิกที่เป็นข้างสมุทัย
ก็เสื่อม เจตสิกข้างมรรคก็เจริญ




rolleyes

Love j เพราะคุณไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติตามพุทธวิชา เอาสมถะ มาปนมั่ว กับสติปัฎฐาน
เรยเขลาเบาปัญญา

ไม่รู้ว่า วิปัสสนา ในมหาสติปัฎฐาน ไม่ได้มีกายเวทนาจิตธรรม เป็นอารมณ์

แต่ มี อนิจจลักษณ ทุกขลัษณะ อนัตตลักษณะ ในไตรลักษณะ ที่เกิด จาก กาย เวทนา จิต และธรรม เป็นอารมณ์

รับแต่ความรู้สึก ล้วนๆ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึงไหว อย่างใดอย่างหนี่ง

โดยไม่มีภาพเข้ามาปะปนกับความรู้สึก
ไม่ได้มีภาพของ กายเวทนาจิต นิมิตต่างๆ มาปะปนกับความรู้สึก

และ สติปัฎฐาน ก็ยัง มีนิพพาน เป็นอารมณ์ ได้ ด้วยอนิจจลักษณะ ของรูปและนาม

พื้นฐานตามปริยัติ แค่นี้ คุณ ก็ไม่รู้ 5555 rolleyes

เพราะไม่ได้เรียนปริยัติ
เรยไม่รู้ว่า ต้องปฎิบัติไปตามที่พระพุทธองค์สอน ไปทางไหน ได้แต่ สุ จิ ปุ ลิ
เพราะไม่รู้ซ้าอีก ว่า

สุ จิ ปุ ลิ เป้นแค่ หัวใจนักปราชญ์ ไม่ใช่หัวใจพระอริยะบุคคล พระอรหันต์

เพราะไม่รู้จัก ปฎิจจสมุบาท 12 อาการ ทั้งเกิด และดับ
อวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัย วิญญาน เป็นปัจจัยให้เกิดนาม รูป ...

หัวใจพระอริยะ คือ อริยะมรรค เดินตามคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
สิ้นสุดด้วยอรหันต์

ท่องมาได้อย่างสวยสด ร้อยเป็นพวงมาลัยแสนสวย

แต่ แค่ หัวใจนักปราช์ ยังบ่เคยฮู้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J กล่าวอย่าเต็มภาคภูมิ ว่า

"ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ"""""""


555 คุณ Love j เข้าใจคำว่า สัมมาสติ ผิดๆๆๆๆๆ หมดเรย

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาปริยัติ ตามที่พระพุทธองค์ได้ทรงสอน

เพราะสติ มีทั้งมิจฉาสติ และสัมมาสติ

ผู้ที่ไม่เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรมอย่างคุณ เรย หลงผิดๆๆ
รู้ผิดๆๆๆ เข้าใจผิดๆๆๆ
คิดว่าที่ตัวเองพร่ำเพ้อ ออกมาแค่นั้น เป้น สัมมาสติ


ไม่รู้ว่า สัมมาสติ คือโสภณเจตสิก ที่ทำกิจ ระลึกในอารมณ์ เป็นไปพร้อมโสภณ เจตสิก

ไม่รู้ว่า สติเจตสิก จะเกิดขึ้นได้ ต้องเกิดพร้อมกับโสภณเจตสิก 18 ดวง

เป็น อัญมัญญปัจจัย ที่ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน

ไม่อย่างนั้น เรียกว่า มิจฉาสติ ตรึกนึกไปอย่างมิจฉาสติ

ได้แต่พูดสัมมาสติๆๆๆ

แต่ไม่รู้ว่า อะไรคือสัมมาสติ ตามที่พระพุทธองค์แสดง

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาปริยัติตามพระพุทธองค์

พื้นฐานเรื่องสติ ของคุณ ยังตื้นเขินมาก น้อค๊ะ rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เอามาให้ฟังกันอีกที น๊ะค๊ะ

Love j กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า

ว่า

ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ""""""

แต่ๆๆๆๆ

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
"สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมอง เพราะจิต
เศร้าหมอง สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว"

โอย...... ไม่รู้จะพูดยังไงดี กะคำกล่าวเลอะเทอะ ของคุณ Love j
จิตบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว แล้วสัตว์บริสุทธิ์ อย่างคุณ ยังมาเศร้าหมอง ทำกิจอะไร น้อค๊ะ

5555
คุณ Love j นี่เป้นตัวอย่าง คนที่ไม่เรียนพระปริยัติ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว
เรย มโน ไปเลอะเทอะว่า จิตบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว

ก็ขอชม อีกที แระกันน๊ะค๊ะ เพราะอยากได้แต่คำชม สรรเสริญ rolleyes


โอว....มานเป็น มโน สุดยอด มหามโน มั๊กๆๆ น้อค๊ะ rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 21:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
เอามาให้ฟังกันอีกที น๊ะค๊ะ

Love j กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า

ว่า

ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ""""""

แต่ๆๆๆๆ

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
"สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมอง เพราะจิต
เศร้าหมอง สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว"

โอย...... ไม่รู้จะพูดยังไงดี กะคำกล่าวเลอะเทอะ ของคุณ Love j
จิตบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว แล้วสัตว์บริสุทธิ์ อย่างคุณ ยังมาเศร้าหมอง ทำกิจอะไร น้อค๊ะ

5555
คุณ Love j นี่เป้นตัวอย่าง คนที่ไม่เรียนพระปริยัติ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว
เรย มโน ไปเลอะเทอะว่า จิตบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว

ก็ขอชม อีกที แระกันน๊ะค๊ะ เพราะอยากได้แต่คำชม สรรเสริญ rolleyes


โอว....มานเป็น มโน สุดยอด มหามโน มั๊กๆๆ น้อค๊ะ rolleyes



ท่านเลิฟเจพูดถูกแล้ว

จิตผ่องแผ้วบริสุทธิ์ คือ พุทโธ กิริยาจิตที่ถึงความเบิกบานพ้นจากสมมติกิเลสของปลอม ผู้เข้าถึงจิตแห่งพุทธะย่อมรู้ได้ ความบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิงด้วยปัญญาตามพระศาสดานั้น

โดยความนี้เมื่อเห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม ก็พุทโธ คือ กิริยาจิตที่ถึงความเป็นผู้รู้

แม้จิตเดินเข้าสู่โคตรภูญาณ น้อมลงมรรคก็ดี น้อมไปหาผลก็ดี เพื่อตัดชำระล้างสำรอกออกซึ่งการเอาใจเข้ายึดครองสิ่งมั้งปวง ก็ชื่อว่า พุทโธ คือ กิริยาจิตที่ถึงความเป็นผู้ตื่นจากสมมติกิเลสของปลอม

ขออนุโมทนาท่านเจ ความแยบคายดีแล้วครับ

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 22:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:
เอามาให้ฟังกันอีกที น๊ะค๊ะ

Love j กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า

ว่า

ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ""""""

แต่ๆๆๆๆ

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
"สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมอง เพราะจิต
เศร้าหมอง สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว"

โอย...... ไม่รู้จะพูดยังไงดี กะคำกล่าวเลอะเทอะ ของคุณ Love j
จิตบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว แล้วสัตว์บริสุทธิ์ อย่างคุณ ยังมาเศร้าหมอง ทำกิจอะไร น้อค๊ะ

5555
คุณ Love j นี่เป้นตัวอย่าง คนที่ไม่เรียนพระปริยัติ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว
เรย มโน ไปเลอะเทอะว่า จิตบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว

ก็ขอชม อีกที แระกันน๊ะค๊ะ เพราะอยากได้แต่คำชม สรรเสริญ rolleyes


โอว....มานเป็น มโน สุดยอด มหามโน มั๊กๆๆ น้อค๊ะ rolleyes



ท่านเลิฟเจพูดถูกแล้ว

จิตผ่องแผ้วบริสุทธิ์ คือ พุทโธ กิริยาจิตที่ถึงความเบิกบานพ้นจากสมมติกิเลสของปลอม ผู้เข้าถึงจิตแห่งพุทธะย่อมรู้ได้ ความบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิงด้วยปัญญาตามพระศาสดานั้น

โดยความนี้เมื่อเห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม ก็พุทโธ คือ กิริยาจิตที่ถึงความเป็นผู้รู้

แม้จิตเดินเข้าสู่โคตรภูญาณ น้อมลงมรรคก็ดี น้อมไปหาผลก็ดี เพื่อตัดชำระล้างสำรอกออกซึ่งการเอาใจเข้ายึดครองสิ่งมั้งปวง ก็ชื่อว่า พุทโธ คือ กิริยาจิตที่ถึงความเป็นผู้ตื่นจากสมมติกิเลสของปลอม

ขออนุโมทนาท่านเจ ความแยบคายดีแล้วครับ




โอ้วว..... cry cry cry cry ซาบซึ้งซะเนี่ยกระไร


จิตพุทโธ เป็นผู้เข้าถึง พุทธะ

เป็น ผุ้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิงด้วยปัญญาตามพระศาสดานั้น

อย่างนี้ ก็ต้อง

ประกอบด้วยทศพลญาณ 10

โดยเฉพาะ อสาธารณญาณ 6 ที่มีเฉพาะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

ไม่มีในพระสาวกองค์ใดๆๆ ไม่มีในพระอรหันต์องค์ใดๆ

โอว........

สุดยอด มหามโน อย่างแยบคาย ของคุณแค่อากาศ ซะจน ไม่มีใครสามารถจับได้

พระพุทธเจ้าบังเกิดแล้ว ถึงสองพระองค์ ในสมัยพระสมณโคดม

แซงหน้าพระศรีอาริยเมตไตรไป เรย


สงสัยอากาศร้อน ทำสติแตกไป หนนึงแร๊ว

คราวนี้ ไปอเวจี เรย

นี่แหละตัวอย่าง ของคนที่ไม่เรียนพระปริยัติ ไม่เรียนพระอภิธรรม
ไม่ศึกษาพระไตรปิฎก
เรยเขลาเบาปัญญา อย่างไม่รู้จะกล่าวเช่นไร จึงเหมาะสมน๊ะค๊ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 00:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
เอามาให้ฟังกันอีกที น๊ะค๊ะ

Love j กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า

ว่า

ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ""""""

แต่ๆๆๆๆ

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
"สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมอง เพราะจิต
เศร้าหมอง สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว"

โอย...... ไม่รู้จะพูดยังไงดี กะคำกล่าวเลอะเทอะ ของคุณ Love j
จิตบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว แล้วสัตว์บริสุทธิ์ อย่างคุณ ยังมาเศร้าหมอง ทำกิจอะไร น้อค๊ะ

5555
คุณ Love j นี่เป้นตัวอย่าง คนที่ไม่เรียนพระปริยัติ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว
เรย มโน ไปเลอะเทอะว่า จิตบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว

ก็ขอชม อีกที แระกันน๊ะค๊ะ เพราะอยากได้แต่คำชม สรรเสริญ rolleyes


โอว....มานเป็น มโน สุดยอด มหามโน มั๊กๆๆ น้อค๊ะ rolleyes


โลกสวย : พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
"สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมอง เพราะจิต เศร้าหมอง สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว"
Love j . : ผมกล่าวขัดแย้งคำของพระพุทธเจ้าตรงไหน

โลกสวย : คุณ Love j นี่เป้นตัวอย่าง คนที่ไม่เรียนพระปริยัติ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว
เรย มโน ไปเลอะเทอะว่า จิตบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว
Love j. : คำกล่าวของผมเลอะเทอะอย่างไร ผมไม่เคยบอกว่าจิตของผมบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ผมกล่าวว่า
การบริกรรมพุทโธ ระลึกถึงพุทโธ สามารถชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว

โลกสวย : ก็ขอชม อีกที แระกันน๊ะค๊ะ เพราะอยากได้แต่คำชม สรรเสริญ
Love j. : อาศัยอะไรจึงกล่าวหาว่าผมอยากได้คำชมสรรเสริญ

โลกสวย : โอว....มานเป็น มโน สุดยอด มหามโน มั๊กๆๆ น้อค๊ะ
Love j. : คำของผมเป็นมโนของผม เป็นความตริตรึกของผมจากการอ่านพระธรรมคำสอน หากสงสัยในความเห็นของผมว่าผิด ผมก็รับฟังพร้อมผมอธิบายได้ ว่าที่เห็นอย่างนี้ พูดอย่างนี้ เพราะคำสอนกล่าวอย่างนี้ ๆ พิจารณาตามก็เห็นว่าจริงอย่างนี้ ๆ เพราะคำที่ผมพูด พูดด้วยสติ อิงอรรถ อิงธรรม
Love j. : แม้ผมเห็นผิดจริงผมก็พร้อมยอมรับปรับแก้ พร้อมรับคำตำหนิ ติเตียน


Love j : ผมสงสัยว่าคุณโลกสวยจะกล่าวตู่ผมด้วยคำที่ไม่เป็นความจริง แต่งคำสอนขึ้นมาเองที่ทั้งที่ไม่เป็นจริง ไม่สอดคล้องกับคำสอนแต่อวดอ้างคำสอน มโนเองอย่างไมสนอรรถ ธรรม เพื่อมายกตัวเองว่ามีปัญญา ข่มคนอื่นให้ไม่มีปัญญา หากที่ผมปรามาสไม่จริงก็ชี้แจงแก้ข้อสงสัยของผม

1. Love : โลกสวยกล่าวว่า ,ปริยัติญาณ , ปริยัติสัจญาณ , ปฏิบัติญาณ , ปฏิเวธญาณ , ต้องศึกษาปริญัติให้เกิดปริยัติญาณ ปริยัติสัจญาณจึงจะเกิดปฏิบัติญาณ ปฏิเวธญาณ อ้างอิงมาจากไหน ตำราปิฏกใด

2. Love : โลกสวยกล่าวว่า วิปัสสนาไม่ได้มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอามรมณ์ มีแต่อนิจลักษณะ ทุกขลักษณะ อนัตตลักษณะ ขอถามว่าเป็นลักษณะของอะไร มีเกิดดับเป็นอารมณ์ แล้วอะไรที่เกิดดับ มีความทุกขเป็นอารมณ์แล้วอะไรที่ทุกข์ มีความไม่ใช่ตัวใช่ตนเป็นอามรมณ์อะไรที่ไม่ใช่ตัวใช่ตน


3. Love : สมถะไม่ใช่พุทธวิชชา มีคำสอนของพระพุทธเจ้ามากมายกล่าวถึง สมถะ สอนให้เพียรเจริญ สมถ วิปัสสนา แม้การเจริญโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ก็เป็นการเจริญ สมถะ วิปัสสนา จะปฏิเสธว่าสมถะไม่ใช่พุทธวิชาได้อย่างไร


แก้ไขล่าสุดโดย Love J. เมื่อ 06 มี.ค. 2019, 00:42, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 134 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร