วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 12:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 215 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 02:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เช่นนั้นกล่าวว่า...แม้ฟังคำจริง แล้วให้คนอื่นคิดได้ไหม
:b12:
ตอบว่า...ใครฟังคำจริงแล้วก็คิดถูกตามได้ก็เริ่มดีได้ค่ะ...
ก็ฟังคือจิตได้ยิน...คิดคือจิตคิดนึกจำหลังจิตเห็นดับ...
ฟังไม่ใช่คิด...ฟังไม่ใช่เสียง...ได้ยินไม่ใช่คิดนึก...
พูดคือคิดออกเสียง...พูดไม่มีเสียงคือคิดในใจ...
ฟังคือรู้เสียงแล้วจำคำแล้วเข้าใจความหมาย...
จิตเป็นประธานรู้แจ้งสิ่งที่ปรากฏใครใคร่ทำ...
อย่างไร...ตถาคตไม่เคยห้ามแต่ทรงบอก...
ความจริงให้เข้าใจเพื่อให้คิดถูกตามได้...
ชวนคนฟังนี่มันยากมากเพราะว่าผู้ที่...
จะตั้งใจฟังจริงๆมีไม่มากแปลว่า...
ไม่ใช่เหตุปัจจัยที่สะสมมาไงคะ...
:b13: :b13:

ตอบว่า...ใครฟังคำจริงแล้วก็คิดถูกตามได้ก็เริ่มดีได้ค่ะ.
V
นั่นไง ก็ยังต้องคิดเอง

rolleyes
ยืนยันว่าถ้าฟังคำสอนเข้าใจตรงคำจริงๆขณะนั้นไม่ได้คิดเอง
เป็นการคิดตามเสียงเข้าใจความหมายปรุงโสภณเจตสิกค่ะ
เพราะกำลังระลึกตามคำสอนได้ตรงคำไม่ใช่คิดเองนะคะ
การฟังคำจริงตถาคตไม่ใช่ฟังครั้งเดียวแล้วรู้เลยนะคะ
ปัญญาอาจแทรกได้ทีละนิดอาจแค่1ครั้ง/กิเลส50ไรงี้
แปลว่าปัญญาเกิดท่ามกลางอกุศลของตนขณะเข้าใจ
พิสูจน์ได้ว่าเพราะพึ่งคิดตามด้วยมีกาลามสูตร10ค่ะ
ไม่ใช่อ่านจับต้นชนปลายไม่ถูกตัวจริงของธัมมะ
แต่เป็นการประจักษ์ความจริงทีละ1ตรงคำตรง
ความจริงทีละ1ขณะจริงๆที่กำลังฟังตรงที่ตนมี
เพราะสติ+ปัญญาที่เกิดขณะกำลังเข้าใจรู้แจ้ง
สิ่งที่กำลังมีจริงๆตรงตามที่กำลังรู้ตามเสียงนั้น
:b4: :b4:


บัดนี้ ไม่ต้องคิดถูกตาม
เปลี่ยนคำพูดใหม่ เป็น ประจักษ์ความจริงทีละ 1 ตรงคำตรง

นี่ๆ Rosarin

โยนิโสมนสิการ ก็ไม่ต้องล่ะ เด๋วจะเกิดอกุศล

ฟังก็พอ ไม่ต้องโยนิโสฯ
แม้กาลามสูตร ก็ใช้ไม่ได้ เพราะต้องคิดอยู่
ความคิดไม่ต้องใช้ เพราะคิดเอง ผิดทันที........

ตามสบายนะ ปัญญา มีเองได้ ไม่ต้องผ่านการคิดพิจารณา :b17: :b17: :b17:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 04:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เช่นนั้นกล่าวว่า...แม้ฟังคำจริง แล้วให้คนอื่นคิดได้ไหม
:b12:
ตอบว่า...ใครฟังคำจริงแล้วก็คิดถูกตามได้ก็เริ่มดีได้ค่ะ...
ก็ฟังคือจิตได้ยิน...คิดคือจิตคิดนึกจำหลังจิตเห็นดับ...
ฟังไม่ใช่คิด...ฟังไม่ใช่เสียง...ได้ยินไม่ใช่คิดนึก...
พูดคือคิดออกเสียง...พูดไม่มีเสียงคือคิดในใจ...
ฟังคือรู้เสียงแล้วจำคำแล้วเข้าใจความหมาย...
จิตเป็นประธานรู้แจ้งสิ่งที่ปรากฏใครใคร่ทำ...
อย่างไร...ตถาคตไม่เคยห้ามแต่ทรงบอก...
ความจริงให้เข้าใจเพื่อให้คิดถูกตามได้...
ชวนคนฟังนี่มันยากมากเพราะว่าผู้ที่...
จะตั้งใจฟังจริงๆมีไม่มากแปลว่า...
ไม่ใช่เหตุปัจจัยที่สะสมมาไงคะ...
:b13: :b13:

ตอบว่า...ใครฟังคำจริงแล้วก็คิดถูกตามได้ก็เริ่มดีได้ค่ะ.
V
นั่นไง ก็ยังต้องคิดเอง

rolleyes
ยืนยันว่าถ้าฟังคำสอนเข้าใจตรงคำจริงๆขณะนั้นไม่ได้คิดเอง
เป็นการคิดตามเสียงเข้าใจความหมายปรุงโสภณเจตสิกค่ะ
เพราะกำลังระลึกตามคำสอนได้ตรงคำไม่ใช่คิดเองนะคะ
การฟังคำจริงตถาคตไม่ใช่ฟังครั้งเดียวแล้วรู้เลยนะคะ
ปัญญาอาจแทรกได้ทีละนิดอาจแค่1ครั้ง/กิเลส50ไรงี้
แปลว่าปัญญาเกิดท่ามกลางอกุศลของตนขณะเข้าใจ
พิสูจน์ได้ว่าเพราะพึ่งคิดตามด้วยมีกาลามสูตร10ค่ะ
ไม่ใช่อ่านจับต้นชนปลายไม่ถูกตัวจริงของธัมมะ
แต่เป็นการประจักษ์ความจริงทีละ1ตรงคำตรง
ความจริงทีละ1ขณะจริงๆที่กำลังฟังตรงที่ตนมี
เพราะสติ+ปัญญาที่เกิดขณะกำลังเข้าใจรู้แจ้ง
สิ่งที่กำลังมีจริงๆตรงตามที่กำลังรู้ตามเสียงนั้น
:b4: :b4:


บัดนี้ ไม่ต้องคิดถูกตาม
เปลี่ยนคำพูดใหม่ เป็น ประจักษ์ความจริงทีละ 1 ตรงคำตรง

นี่ๆ Rosarin

โยนิโสมนสิการ ก็ไม่ต้องล่ะ เด๋วจะเกิดอกุศล

ฟังก็พอ ไม่ต้องโยนิโสฯ
แม้กาลามสูตร ก็ใช้ไม่ได้ เพราะต้องคิดอยู่
ความคิดไม่ต้องใช้ เพราะคิดเอง ผิดทันที........

ตามสบายนะ ปัญญา มีเองได้ ไม่ต้องผ่านการคิดพิจารณา :b17: :b17: :b17:

wink
:b32:
ถ้าปัญญามีก็คงไม่เกิดแล้วค่ะ
ถ้าไม่หมดกิเลสไม่เรียกตรัสรู้
เพราะยังไม่ใช่เถระวาทะ
ที่พูดว่าเถรวาทเถรตรง
คือมีความมั่นคงในคำ
ของพระพุทธเจ้าแล้ว
จะไม่กลับคำใดๆทั้งสิ้น
เห็นแค่สี1สีเตะตาดับแล้ว
เช่นนั้นมีปัญญาแล้วนั้น
แปลว่ารู้ว่า1สีนั้นสีอะไร
ตถาคตคนเดียวในจักวาล
ที่รู้แล้วและตรัสรู้ความจริงของเห็น
ตนไม่ได่เห็นแค่สีเชื่อสิ่งที่ตนคิดหรือ
สติปัฏฐานจะเกิดต้องรู้ชัดตรงครบ8-9รูปเดี๋ยวนี้ค่ะ
ต้องก่อนกะพริบตานะคะปัญญารู้แล้วคิดเองได้คือตถาคต
แต่ที่ตนไปท่องบัญญัติคำได้น่ะไม่ใช่สติแต่เป็นขาดสติแล้ว
รู้ตรงวิถีจิตครบ6ทางก่อนดับไปเป็นปัญญารู้ละตัวตนไม่ใช่คิด
เพราะคิดเป็นจิตคิดนึกแล้วถอนกิเลสของเห็นออกตอนไหนคะ
ก็ที่กะพริบตาแล้วจึงรู้ว่าเห็นที่กำลังเห็นคือจิตเห็นอันใหม่แล้ว
ตอนตื่นรู้ความจริงมีครบการประชุมรวมกันต้องลืมตาดูตามปกติ
ณ ที่ตั้งที่ฐานกายครบ6โลกคือทันทุกขณะก่อนดับคือเดี๋ยวนี้มีแล้ว
ก่อนกะพริบตาต้องทันรูปที่กำลังปรากฏครบ6โลกมีแล้วนี่คิดเองมีมิจฉาทิฏฐิ
คิดตามดูสิคะ...ที่กำลังเห็นไม่ได้ทำ/คิดก็ไม่ต้องทำเพราะคิดเห็นเป็นคนที่เห็นคือคิดแล้วถูกมั๊ยจ๊ะ
รู้ยังว่าต้องคิดตามถึงจะรู้ว่าเริ่มคิดถูกตัวตนยังไม่ถึงสติปัฏฐานนะคะถ้ายังคิดเองจะไม่เคยตรง
เพราะเห็นที่ตนกำลังเห็นมันคลาดเคลื่อนจากคำสอนของตถาคตทันทีที่ไม่เข้าใจถูกตามอยู่
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 05:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยพูดไปครั้งแล้ว ซ้ำอีกที

อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


คุณโรสพูดถูกแล้ว คิกๆๆ เห็นพูดจริงอยู่ประโยคเดียวนี่แหละ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 06:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เคยพูดไปครั้งแล้ว ซ้ำอีกที

อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


คุณโรสพูดถูกแล้ว คิกๆๆ เห็นพูดจริงอยู่ประโยคเดียวนี่แหละ

Kiss
ย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ปัญญาไม่เพิ่ม
เพราะขาดฟัง
คำตถาคตอยู่
ลืมว่าตนไม่รู้
กำลังเห็นผิด
คลาดเคลื่อน
ไม่ตรงจริงอยู่
เดี๋ยวนี้ทันทีมี
กิเลสเพราะ
ลืมตัวขาดฟัง
ลืมระลึกตาม
ที่กายกำลังมี
ไม่พึ่งคำตถาคต
จากสุตมยปัญญา
จึงไม่รู้เกิดบ่อยๆ
คือเหตุที่ตนเคย
ทำหรือสะสมมาคือ
ไม่พึ่งคำสอนจากฟัง
มีแต่คิดไปทำ
คิดไปแสวงหา
หาเจอไหมคะ
กิเลสที่กำลังมี
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 08:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เคยพูดไปครั้งแล้ว ซ้ำอีกที

อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


คุณโรสพูดถูกแล้ว คิกๆๆ เห็นพูดจริงอยู่ประโยคเดียวนี่แหละ

Kiss
ย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ปัญญาไม่เพิ่ม
เพราะขาดฟัง
คำตถาคตอยู่
ลืมว่าตนไม่รู้
กำลังเห็นผิด
คลาดเคลื่อน
ไม่ตรงจริงอยู่
เดี๋ยวนี้ทันทีมี
กิเลสเพราะ
ลืมตัวขาดฟัง
ลืมระลึกตาม
ที่กายกำลังมี
ไม่พึ่งคำตถาคต
จากสุตมยปัญญา
จึงไม่รู้เกิดบ่อยๆ
คือเหตุที่ตนเคย
ทำหรือสะสมมาคือ
ไม่พึ่งคำสอนจากฟัง
มีแต่คิดไปทำ
คิดไปแสวงหา
หาเจอไหมคะ
กิเลสที่กำลังมี
:b32:


เรื่องกิเลสตาม คคห. คุณโรส ต้องเป็นคนพิการ ตาบอด หูหนวก อิอิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 08:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เคยพูดไปครั้งแล้ว ซ้ำอีกที

อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


คุณโรสพูดถูกแล้ว คิกๆๆ เห็นพูดจริงอยู่ประโยคเดียวนี่แหละ

Kiss
ย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ปัญญาไม่เพิ่ม
เพราะขาดฟัง
คำตถาคตอยู่
ลืมว่าตนไม่รู้
กำลังเห็นผิด
คลาดเคลื่อน
ไม่ตรงจริงอยู่
เดี๋ยวนี้ทันทีมี
กิเลสเพราะ
ลืมตัวขาดฟัง
ลืมระลึกตาม
ที่กายกำลังมี
ไม่พึ่งคำตถาคต
จากสุตมยปัญญา
จึงไม่รู้เกิดบ่อยๆ
คือเหตุที่ตนเคย
ทำหรือสะสมมาคือ
ไม่พึ่งคำสอนจากฟัง
มีแต่คิดไปทำ
คิดไปแสวงหา
หาเจอไหมคะ
กิเลสที่กำลังมี
:b32:


ศรัทธาผิดที่..ก็ฟังผิดคน

คนผิด..ก็พูดผิด...คนไปฟัง..ก็เลยฟังผิด..รู้ทีละคำก็ผิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เคยพูดไปครั้งแล้ว ซ้ำอีกที

อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


คุณโรสพูดถูกแล้ว คิกๆๆ เห็นพูดจริงอยู่ประโยคเดียวนี่แหละ

Kiss
ย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ปัญญาไม่เพิ่ม
เพราะขาดฟัง
คำตถาคตอยู่
ลืมว่าตนไม่รู้
กำลังเห็นผิด
คลาดเคลื่อน
ไม่ตรงจริงอยู่
เดี๋ยวนี้ทันทีมี
กิเลสเพราะ
ลืมตัวขาดฟัง
ลืมระลึกตาม
ที่กายกำลังมี
ไม่พึ่งคำตถาคต
จากสุตมยปัญญา
จึงไม่รู้เกิดบ่อยๆ
คือเหตุที่ตนเคย
ทำหรือสะสมมาคือ
ไม่พึ่งคำสอนจากฟัง
มีแต่คิดไปทำ
คิดไปแสวงหา
หาเจอไหมคะ
กิเลสที่กำลังมี
:b32:


ศรัทธาผิดที่..ก็ฟังผิดคน

คนผิด..ก็พูดผิด...คนไปฟัง..ก็เลยฟังผิด..รู้ทีละคำก็ผิด

:b12:
เอ้างั้นรู้คิดตามหลายๆคำก็ได้

คิดตามนะ...กำลังเห็น...ไม่ใช่ได้ยิน
เห็นดับแต่ไม่รู้ว่าดับเพราะมีอย่างอื่นปน
กิเลสตนคือไม่รู้ว่าเห็นแค่สี+แสงอย่างเดียว
ดูที่กายตัวเองสิได้ยินแล้วเห็นก็ยังเห็นกิเลสตนไหมคะ :b13:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 21:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เคยพูดไปครั้งแล้ว ซ้ำอีกที

อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


คุณโรสพูดถูกแล้ว คิกๆๆ เห็นพูดจริงอยู่ประโยคเดียวนี่แหละ

Kiss
ย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ปัญญาไม่เพิ่ม
เพราะขาดฟัง
คำตถาคตอยู่
ลืมว่าตนไม่รู้
กำลังเห็นผิด
คลาดเคลื่อน
ไม่ตรงจริงอยู่
เดี๋ยวนี้ทันทีมี
กิเลสเพราะ
ลืมตัวขาดฟัง
ลืมระลึกตาม
ที่กายกำลังมี
ไม่พึ่งคำตถาคต
จากสุตมยปัญญา
จึงไม่รู้เกิดบ่อยๆ
คือเหตุที่ตนเคย
ทำหรือสะสมมาคือ
ไม่พึ่งคำสอนจากฟัง
มีแต่คิดไปทำ
คิดไปแสวงหา
หาเจอไหมคะ
กิเลสที่กำลังมี
:b32:


เรื่องกิเลสตาม คคห. คุณโรส ต้องเป็นคนพิการ ตาบอด หูหนวก อิอิ

ทุกคำในพระไตรปิฎกต้องรู้ตรงๆซึ่งหน้าเดี๋ยวนี้คือทันที
ถ้าไม่ทันและไม่รู้แปลว่าความจริงปรากฏกับอวิชชาของเรานั้นเอง
จนกว่าจะตั้งต้นใหม่ทุกครั้งตามเวลาใหม่ที่เกิดจิตขณะใหม่คือ
ที่กำลังกะพริบตาคือเห็นอันเก่าสะสมกิเลสแล้วหลงยึดรูปที่เห็น
ลืมระลึกรู้ตามคำสอนตรงกับสิ่งที่กำลังปรากฏให้จิตรู้แปลว่า
ต้องกำลังรู้ว่าอะไรที่กำลังปรากฏให้จิตรู้ชัดตรงจริงตรงขณะ
ที่ยังไม่ดับเพราะที่กะพริบตาแล้วคิดไม่ได้น่านหล่ะอวิชชาไม่รู้
:b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2018, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เคยพูดไปครั้งแล้ว ซ้ำอีกที

อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


คุณโรสพูดถูกแล้ว คิกๆๆ เห็นพูดจริงอยู่ประโยคเดียวนี่แหละ

Kiss
ย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ปัญญาไม่เพิ่ม
เพราะขาดฟัง
คำตถาคตอยู่
ลืมว่าตนไม่รู้
กำลังเห็นผิด
คลาดเคลื่อน
ไม่ตรงจริงอยู่
เดี๋ยวนี้ทันทีมี
กิเลสเพราะ
ลืมตัวขาดฟัง
ลืมระลึกตาม
ที่กายกำลังมี
ไม่พึ่งคำตถาคต
จากสุตมยปัญญา
จึงไม่รู้เกิดบ่อยๆ
คือเหตุที่ตนเคย
ทำหรือสะสมมาคือ
ไม่พึ่งคำสอนจากฟัง
มีแต่คิดไปทำ
คิดไปแสวงหา
หาเจอไหมคะ
กิเลสที่กำลังมี
:b32:


เรื่องกิเลสตาม คคห. คุณโรส ต้องเป็นคนพิการ ตาบอด หูหนวก อิอิ

ทุกคำในพระไตรปิฎกต้องรู้ตรงๆซึ่งหน้าเดี๋ยวนี้คือทันที
ถ้าไม่ทันและไม่รู้แปลว่าความจริงปรากฏกับอวิชชาของเรานั้นเอง
จนกว่าจะตั้งต้นใหม่ทุกครั้งตามเวลาใหม่ที่เกิดจิตขณะใหม่คือ
ที่กำลังกะพริบตาคือเห็นอันเก่าสะสมกิเลสแล้วหลงยึดรูปที่เห็น
ลืมระลึกรู้ตามคำสอนตรงกับสิ่งที่กำลังปรากฏให้จิตรู้แปลว่า
ต้องกำลังรู้ว่าอะไรที่กำลังปรากฏให้จิตรู้ชัดตรงจริงตรงขณะ
ที่ยังไม่ดับเพราะที่กะพริบตาแล้วคิดไม่ได้น่านหล่ะอวิชชาไม่รู้
:b55: :b55: :b55:


พระไตรปิฎกที่คนไทยอ่านกันอยู่นั่น เขาแปลจากบาลีออกมาเป็นภาษาไทยๆแล้ว เออ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2018, 11:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เคยพูดไปครั้งแล้ว ซ้ำอีกที

อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


คุณโรสพูดถูกแล้ว คิกๆๆ เห็นพูดจริงอยู่ประโยคเดียวนี่แหละ

Kiss
ย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ปัญญาไม่เพิ่ม
เพราะขาดฟัง
คำตถาคตอยู่
ลืมว่าตนไม่รู้
กำลังเห็นผิด
คลาดเคลื่อน
ไม่ตรงจริงอยู่
เดี๋ยวนี้ทันทีมี
กิเลสเพราะ
ลืมตัวขาดฟัง
ลืมระลึกตาม
ที่กายกำลังมี
ไม่พึ่งคำตถาคต
จากสุตมยปัญญา
จึงไม่รู้เกิดบ่อยๆ
คือเหตุที่ตนเคย
ทำหรือสะสมมาคือ
ไม่พึ่งคำสอนจากฟัง
มีแต่คิดไปทำ
คิดไปแสวงหา
หาเจอไหมคะ
กิเลสที่กำลังมี
:b32:


เรื่องกิเลสตาม คคห. คุณโรส ต้องเป็นคนพิการ ตาบอด หูหนวก อิอิ

ทุกคำในพระไตรปิฎกต้องรู้ตรงๆซึ่งหน้าเดี๋ยวนี้คือทันที
ถ้าไม่ทันและไม่รู้แปลว่าความจริงปรากฏกับอวิชชาของเรานั้นเอง
จนกว่าจะตั้งต้นใหม่ทุกครั้งตามเวลาใหม่ที่เกิดจิตขณะใหม่คือ
ที่กำลังกะพริบตาคือเห็นอันเก่าสะสมกิเลสแล้วหลงยึดรูปที่เห็น
ลืมระลึกรู้ตามคำสอนตรงกับสิ่งที่กำลังปรากฏให้จิตรู้แปลว่า
ต้องกำลังรู้ว่าอะไรที่กำลังปรากฏให้จิตรู้ชัดตรงจริงตรงขณะ
ที่ยังไม่ดับเพราะที่กะพริบตาแล้วคิดไม่ได้น่านหล่ะอวิชชาไม่รู้
:b55: :b55: :b55:


พระไตรปิฎกที่คนไทยอ่านกันอยู่นั่น เขาแปลจากบาลีออกมาเป็นภาษาไทยๆแล้ว เออ

Kiss
:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้าทรงตรัสให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ค่ะ
การรู้ต้องเข้าใจตามปกติยังไม่ต้องไปทำอะไรนะเข้าใจคำนี้ก่อน
ภาษาไทยเอาบาลีสันสกฤตมาใช้ทับศัพท์แต่แปลไม่ตรงภาษานั้น
เช่นปฏิบัติแปลงมาจากคำว่าปะติปัตติ/คนไทยเปลี่ยนปตัวหลังเป็นบ
แล้วเอามาใช้ตรงคำว่าปฏิบัติที่แปลว่ามีตัวตนคนไปทำถูกไหมคะทีนี้
เทียบกับอันนี้นะ...ปะติแปลว่าเฉพาะ...ปัตติแปลว่าถึง...บาลีภาษาตปท.
แปลจากหลังมาหน้าและคำสอนเป็นกิจของปัญญาไม่ใช่มีตัวคนไปทำและ
ปัญญามีทางเกิดทางเดียวคือใช้จิตได้ยินเพียรฟังเพื่อสังขารขันธ์ปรุงกุศลจิต
ปะติปัตติ=ปะติบัตติ=ปฏิบัติ=สติปัญญากำลังระลึกตามคำสอนจนถึงเฉพาะตนในคำที่กำลังฟัง...
:b11:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2018, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เคยพูดไปครั้งแล้ว ซ้ำอีกที

อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


คุณโรสพูดถูกแล้ว คิกๆๆ เห็นพูดจริงอยู่ประโยคเดียวนี่แหละ

Kiss
ย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ปัญญาไม่เพิ่ม
เพราะขาดฟัง
คำตถาคตอยู่
ลืมว่าตนไม่รู้
กำลังเห็นผิด
คลาดเคลื่อน
ไม่ตรงจริงอยู่
เดี๋ยวนี้ทันทีมี
กิเลสเพราะ
ลืมตัวขาดฟัง
ลืมระลึกตาม
ที่กายกำลังมี
ไม่พึ่งคำตถาคต
จากสุตมยปัญญา
จึงไม่รู้เกิดบ่อยๆ
คือเหตุที่ตนเคย
ทำหรือสะสมมาคือ
ไม่พึ่งคำสอนจากฟัง
มีแต่คิดไปทำ
คิดไปแสวงหา
หาเจอไหมคะ
กิเลสที่กำลังมี
:b32:


เรื่องกิเลสตาม คคห. คุณโรส ต้องเป็นคนพิการ ตาบอด หูหนวก อิอิ

ทุกคำในพระไตรปิฎกต้องรู้ตรงๆซึ่งหน้าเดี๋ยวนี้คือทันที
ถ้าไม่ทันและไม่รู้แปลว่าความจริงปรากฏกับอวิชชาของเรานั้นเอง
จนกว่าจะตั้งต้นใหม่ทุกครั้งตามเวลาใหม่ที่เกิดจิตขณะใหม่คือ
ที่กำลังกะพริบตาคือเห็นอันเก่าสะสมกิเลสแล้วหลงยึดรูปที่เห็น
ลืมระลึกรู้ตามคำสอนตรงกับสิ่งที่กำลังปรากฏให้จิตรู้แปลว่า
ต้องกำลังรู้ว่าอะไรที่กำลังปรากฏให้จิตรู้ชัดตรงจริงตรงขณะ
ที่ยังไม่ดับเพราะที่กะพริบตาแล้วคิดไม่ได้น่านหล่ะอวิชชาไม่รู้
:b55: :b55: :b55:


พระไตรปิฎกที่คนไทยอ่านกันอยู่นั่น เขาแปลจากบาลีออกมาเป็นภาษาไทยๆแล้ว เออ

Kiss
:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้าทรงตรัสให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ค่ะ
การรู้ต้องเข้าใจตามปกติยังไม่ต้องไปทำอะไรนะเข้าใจคำนี้ก่อน
ภาษาไทยเอาบาลีสันสกฤตมาใช้ทับศัพท์แต่แปลไม่ตรงภาษานั้น
เช่นปฏิบัติแปลงมาจากคำว่าปะติปัตติ/คนไทยเปลี่ยนปตัวหลังเป็นบ
แล้วเอามาใช้ตรงคำว่าปฏิบัติที่แปลว่ามีตัวตนคนไปทำถูกไหมคะทีนี้
เทียบกับอันนี้นะ...ปะติแปลว่าเฉพาะ...ปัตติแปลว่าถึง...บาลีภาษาตปท.
แปลจากหลังมาหน้าและคำสอนเป็นกิจของปัญญาไม่ใช่มีตัวคนไปทำและ
ปัญญามีทางเกิดทางเดียวคือใช้จิตได้ยินเพียรฟังเพื่อสังขารขันธ์ปรุงกุศลจิต
ปะติปัตติ=ปะติบัตติ=ปฏิบัติ=สติปัญญากำลังระลึกตามคำสอนจนถึงเฉพาะตนในคำที่กำลังฟัง...
:b11:
:b4: :b4:


มั่วแล้วคุณโรส กรัชกายว่า คุณไปเรียนไปศึกษาเถอะครับ อิอิ จะได้เป็นไก่มีสำนัก ไม่ยังงั้นจะเป็นมวยทะเล มวยวัดอายผู้รู้เขาเปล่าๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2018, 18:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เคยพูดไปครั้งแล้ว ซ้ำอีกที

อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


คุณโรสพูดถูกแล้ว คิกๆๆ เห็นพูดจริงอยู่ประโยคเดียวนี่แหละ

Kiss
ย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ปัญญาไม่เพิ่ม
เพราะขาดฟัง
คำตถาคตอยู่
ลืมว่าตนไม่รู้
กำลังเห็นผิด
คลาดเคลื่อน
ไม่ตรงจริงอยู่
เดี๋ยวนี้ทันทีมี
กิเลสเพราะ
ลืมตัวขาดฟัง
ลืมระลึกตาม
ที่กายกำลังมี
ไม่พึ่งคำตถาคต
จากสุตมยปัญญา
จึงไม่รู้เกิดบ่อยๆ
คือเหตุที่ตนเคย
ทำหรือสะสมมาคือ
ไม่พึ่งคำสอนจากฟัง
มีแต่คิดไปทำ
คิดไปแสวงหา
หาเจอไหมคะ
กิเลสที่กำลังมี
:b32:


ศรัทธาผิดที่..ก็ฟังผิดคน

คนผิด..ก็พูดผิด...คนไปฟัง..ก็เลยฟังผิด..รู้ทีละคำก็ผิด

:b12:
เอ้างั้นรู้คิดตามหลายๆคำก็ได้

คิดตามนะ...กำลังเห็น...ไม่ใช่ได้ยิน
เห็นดับแต่ไม่รู้ว่าดับเพราะมีอย่างอื่นปน
กิเลสตนคือไม่รู้ว่าเห็นแค่สี+แสงอย่างเดียว
ดูที่กายตัวเองสิได้ยินแล้วเห็นก็ยังเห็นกิเลสตนไหมคะ :b13:
:b4: :b4:


คำพระสอน...

"เรื่องลูก จงรักเมื่อเรามีลมปราณ ทำหน้าที่ของพ่อแม่ให้สมบูรณ์
และคิดไว้เสมอว่าเราต้องตายเขาต้องตาย มีอะไรที่เราจะเป็นทุกข์เพื่อเขา เมื่อเราหรือเขาตาย
หัดวางหัดคิดหัดยับยั้งใจ ค่อยคิดค่อยทำค่อย ๆ อบรมตัวเอง
อย่าหวังวาจาของคนอื่นอบรม ทำอย่างนั้นเอาตัวไม่รอด ต้องคอยจับผิดตัวเอง คอยลงโทษตัวเอง คอยเป็นโจทก์ฟ้องตัวเอง
เอาธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นตุลาการ จงถือธรรมเป็นสำคัญ อย่าถือคนถ้ายังติดคนก็จะไม่ถึงธรรม

ถ้าถึงธรรมก็พ้นจากการติดคน ถ้าติดคน ติดยศของคน ติดฐานะของคน ติดศักดิ์ศรีของคน ไม่มีอะไรดี เราก็ไม่เข้าถึงธรรม
ทุกอย่างที่ทำไปควรปรารภธรรมอย่าเห็นแก่คน เรื่องการต้อนรับก็มุ่งเอาธรรมเป็นสำคัญ ทำไปด้วยใคร่ครวญพิจารณาไปด้วย
จงเข้าใจว่าทุกอย่างที่ทำไปเป็นเรื่องของชาวโลกแต่ก็เป็นธรรม คือการทรงตัวของชาวโลก ถ้าเรายังเกิดเราก็ต้องทุกข์อย่างนี้
อะไรทำให้ทุกข์ เพราะความอยาก ทำให้ทุกข์ ถ้าเราไม่อยากเราก็ไม่ทุกข์ ที่เราทุกข์ก็เพราะชาติก่อนเราไม่หมดอยาก
และชาตินี้เราก็ยังอยาก เมื่อไรความอยากสิ้นไปเมื่อนั้นก็ถึงนิพพาน"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2018, 19:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำพระสอน..

"การตั้งอารมณ์พระนิพพานที่ถูก ต้องพิจารณาเข้าหาทุกข์ของการทำงานให้มาก โดยเห็นโทษของการมีขันธ์ ๕ เป็นเหตุให้ต้องทำงาน จุดนี้จักทำให้เกิดนิพพิทาญาณในงาน ทำให้ละขันธ์ ๕ ได้ง่าย ดังนั้นวิปัสสนาญาณ ๙ ต้องหมั่นทบทวนพิจารณาให้จิตรู้ความจริงแล้วยอมรับ และให้คอยระวังอารมณ์เศร้าหมองหดหู่ จักต้องลงตัวธรรมดาจนชิน เป็นสังขารุเบกขาญาณให้ได้ (หมายความว่า เห็นการทำงานทางโลกไม่เที่ยง ทำให้เกิดทุกข์ เป็นของธรรมดา จิตพร้อมที่จะปล่อยวางงานทุกชนิดได้ทันทีเมื่อกายพัง จิตพร้อมไปนิพพานได้เสมอ รู้ลม รู้ตาย รู้นิพพาน คือทางลัดที่จำเป็นจะต้องซ้อมและพร้อมอยู่เสมอ)"

:b8: :b8: :b8:

จะรอแต่ฟัง...หากไม่รู้จักพิจารณามาสอนตน..จะไม่ทันกินนะครับ..คุณรส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2018, 19:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำพระสอน..

"พิจารณาทุกข์ให้มาก ๆ จักได้เข้าถึงอริยมรรค อริยผลเบื้องสูงได้โดยไว
เหตุการณ์ของโลกไม่เที่ยง ชีวิตต่อไปก็จักเสี่ยงต่ออันตราย และความตายมากยิ่งขึ้น
พึงทำความไม่ประมาทให้เกิดขึ้นกับจิตเอาไว้เสมอ ให้มีความรู้สึกว่าความตายสามารถจักเกิดขึ้นกับร่างกายเสมอ และพยายามรักษาอารมณ์มุ่งหวังตั้งใจไปพระนิพพานเอาไว้ให้อยู่ประจำจิตใจอยู่เสมอ พร้อมกับพิจารณาทุกข์ของการมีร่างกายให้มาก แล้วมองทุกอย่างลงกฎของธรรมดาเข้าไว้ จิตจักเป็นสุขด้วยการยอมรับนับถือกฎของธรรมดานั้น"


:b8: :b8: :b8:

มั่น..ขยัน..พิจารณาให้มากมาก...อย่ารอแต่ตอนฟังอย่างเดียว..นะคุณรส

วันๆหนึ่ง...จะฟังได้กี่นาทีกี่ชั่วโมง..แต่การพิจารณาทำได้เยอะกว่า..เห็นอะไร..ได้ยินอะไรก็รู้จักนำมาพิจารณา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2018, 20:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำพระสอน..

"พิจารณาทุกข์ให้มากแล้ว จิตจักตัดกิเลสได้เร็ว ชีวิตที่เห็นอยู่ในเวลานี้ อย่าคิดว่ามีความมั่นคง
ที่สุดร่างกายนี้ก็จักอนัตตาไป พิจารณาร่างกายหรือขันธ์ ๕ เป็นสื่อความทุกข์ทั้งหมด จิตจักได้คลายความเกาะติดในสักกายทิฏฐิ (ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับร่างกายหรือขันธ์ ๕) เช่น เมื่อทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยกายเหนื่อยใจ ก็จงพิจารณาเข้าหาทุกข์ในอริยสัจ เนื่องจากการมีขันธ์ ๕ เป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ แล้วรักษากำลังใจว่า ต่อไปจักไม่มาเกิดเพื่อเป็นทาสของขันธ์ ๕ ให้ต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจอีก"


:b8: :b8: :b8:

พิจารณาให้เห็นทุกข์...จากสิ่งที่กำลังทำอยู่...อย่ามั่วรอแต่เฉพาะตอนฟังอย่างเดียว..นะคุณรส..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 215 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร