วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 09:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 280 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 26 ก.ย. 2016, 09:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
นิ่งกาย นิ่งใจ หรือสงบกายสงบใจยังไม่เป็นเลยกรัชกาย แล้วอย่างนี้จะป่วยการพูดศัพท์แสงบัญญัติธรรมะไปให้มากมายใยกัน

ปัญหาลูกศิษย์ก็ยังแก้ไม่ได้เที่ยวยกไปถามคนโน้นคนนี้ให้เปรอะไปหมด

ดูปัญหาของศิษย์ที่ถามมาก็แสดงว่าคนสอนก็ไม่ได้ชี้แนะสอนหลักการภาวนาให้ปล่อยให้ศิษย์ค้นหาเอาเองมันจึงเต็มไปด้วยปัญหาให้ต้องช่วยแก้อยู่ร่ำไป ทำไมไม่รู้จักสอนให้เขาพึงตัวเองได้ มีหลักในการแกไขปัญหาด้วยตนเองล่ะ กรัชกาย
s006


โพสต์ เมื่อ: 26 ก.ย. 2016, 10:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
นิ่งกาย นิ่งใจ หรือสงบกายสงบใจยังไม่เป็นเลยกรัชกาย แล้วอย่างนี้จะป่วยการพูดศัพท์แสงบัญญัติธรรมะไปให้มากมายใยกัน

ปัญหาลูกศิษย์ก็ยังแก้ไม่ได้เที่ยวยกไปถามคนโน้นคนนี้ให้เปรอะไปหมด

ดูปัญหาของศิษย์ที่ถามมาก็แสดงว่าคนสอนก็ไม่ได้ชี้แนะสอนหลักการภาวนาให้ปล่อยให้ศิษย์ค้นหาเอาเองมันจึงเต็มไปด้วยปัญหาให้ต้องช่วยแก้อยู่ร่ำไป ทำไมไม่รู้จักสอนให้เขาพึงตัวเองได้ มีหลักในการแกไขปัญหาด้วยตนเองล่ะ กรัชกาย
s006


ไปไม่เป็น :b1:

ลูกศิษย์อีกแระ คิกๆๆ เดี๋ยวได้ไป ชม. ฟาดด้วยหางกะเบนให้หลังลาย แล้วเอาเกลือทา บอกไม่จำว่าไม่ใช่ศิษย์ไม่ใช่ศิษย์ไม่ใช่ศิษย์ :b1:


ลองแหย่อีกทีสิจะว่าไง ดู

อ้างคำพูด:
ช่วงหลังๆนี้มีอาการผิดปกติกับตัวเองค่ะ คือมีอาการขนลุกตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนนั่งสมาธิเป็นหนักมาก ขออนุญาต เล่าเป็นข้อๆดังนี้นะคะ
อาการที่เกิด
1.บ่อยครั้งขนลุกบริเวณขาซ้าย
เป็นบ่อยค่ะอาการนี้ (เป็นมานาน)

2.อาการขนหัวลุก เสียวท้ายทอยมาก เริ่มมาเป็นช่วงหลังๆมานี่เองค่ะ เกิดชัดครั้งแรก ตอนไปร่วมพิธีไหว้ครูที่นึง เป็นพิธีใหญ่พอสมควร พอเริ่มพิธี เท่านั้นเองก็ขนหัวลุกซู่ ลุกจนเสียวต้นคอ และบริเวณท้ายทอยมาก พอซักพัก นั่งร้องไห้แบบไม่ทราบสาเหตุค่ะ ร้องแบบสะอึกสะอื้น งงตัวเองนะคะว่า ร้องไห้ทำไม อายก็อายค่ะ แต่ฝืนตัวเองไม่ได้เลย อยู่ในพิธี เป็นอยู่แบบนี้ ทั้งขนหัวลุกและร้องไห้ 3 - 4 รอบสลับกันไปจนจบพิธีอาการก็หายค่ะ นี่คือครั้งแรกค่ะ

แต่ที่จะถามต่อคือ มาช่วง นี้ 3-4 วัน ก่อนที่จะโพสถามนี่ อาการกลับมาค่ะ แต่หนักและถี่แรงกว่าปกติ คือเริ่มต้นจากอยู่ๆ ก็ขนลุกน้อยๆทั้งตัวบ้าง ขนลุกบริเวณขาซ้ายบ้าง เป็นอย่างงี้ทั้งวันค่ะ (ปกตินานๆทีแต่ครั้งนี้เป็นตลอดวัน)

แต่ที่หนักสุด พอมานั่งสมาธิ (ปกตินั่งสมาธิเกือบทุกวันไม่เคยมีอาการขนหัวลุกหรือเสียวต้นคอเลย) อยู่ๆคราวนี้พอเริ่มนั่งเริ่มกำหนด ไม่ถึงนาที อาการขนหัวลุก เสียวต้นคอ -ท้ายทอย มาหนักมาก กำหนดอย่างอื่นไม่ได้เลย เลยกำหนดไปที่อาการนี้ คือ ขนลุกหนอ เสียวท้ายทอยหนอ อยู่แบบนี้ พอหายซักพัก ก็ไปกำหนดท้องพองยุบ หรือกำหนดตามจิตเราที่ไปกระทบปกติ เดี๋ยวอาการขนหัวลุกก็มาแทรกอีก เป็นอย่างนี้สลับไป สังเกตุตัวเองว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา เวลาใช้ชีวิตปกติก็ขนลุกตลอดเวลา ทั้งวัน แต่ไม่แรง พอวันที่ 2 นั่งสมาธิใหม่ก็ขนหัวลุกอีก อาการจะแรงช่วงนั่งสมาธิค่ะ กังวลมาก ไม่รู้ไปทำไรผิดเข้ารึเปล่า ใครรู้ช่วยบอก หรือแก้อาการทีค่ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 01 ต.ค. 2016, 07:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ปัญญา สติ สมาธิ_resize_resize.jpg
ปัญญา สติ สมาธิ_resize_resize.jpg [ 43.75 KiB | เปิดดู 2223 ครั้ง ]
onion
ต้องสอนเขาให้รู้เรื่องผลของสมาธิว่า ใครทำสมาธิแล้วต้องเจอและผ่านด่านเหล่านี้ไปให้ได้จึงจะถึงความสงบจริงๆ

1.ปีติ....ยกวิชาการเรื่องปีติมาขยายความว่าปีติมีกี่อย่าง มีอาการอย่างไร
2.ปัสสัทธิ ยกวิชาการในตำรามาอธิบาย
3.นิมิต ยกวิชาการในตำรามาอธิบาย
4.ฌาณ ยกวิชาการในตำรามาอธิบาย

เมื่อเจอแล้วให้ใช้สูตรสำเร็จนี้แก้ไข

"นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา"

ถ้ามันจะเถียงว่าก็จิตมันยังฟุ้งยังเสวยอารมณ์อยู่จะให้นิ่งได้อย่างไร ก็ให้บอกไปว่า

จิตฟุ้ง ก็ให้รู้ว่าจิตฟุ้ง(สติ+สัมปชัญญะ กลับมา)

จิตเสวยอารมณ์ใด ก็ให้รู้ว่าจิตเสวยอารมณ์นั้น เช่น สงสัย
ก็ให้รู้ว่าสงสัย เป็นต้น

ให้เรียกสติปัญญากลับมาให้รู้ทันและสังเกตปัจจุบันอารมณ์เสมอๆ อย่าลืมหลักภาวนาอันนี้
:b38:
โพสต์ เมื่อ: 02 ต.ค. 2016, 06:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
กรัชกายนี่เป็นนักเรียนที่ดื้อ อวดรู้และเกเร

อยากรู้.....สอนให้รู้แล้วแต่ไม่ยอมมาอ่าน ไม่ยอมมาฟัง ไม่ยอมมารับใส่ใจหรือสนใจ
:b7:


โพสต์ เมื่อ: 02 ต.ค. 2016, 07:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อโสกะ..นิ่งรู้ได้นานขนาดไหน?..

หลังนิ่งรู้...แล้วนี้...มีปรากฏการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง?


โพสต์ เมื่อ: 04 ต.ค. 2016, 06:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




กระบวนการทำงานของมรรค 8_100.1 Kb (2).jpg
กระบวนการทำงานของมรรค 8_100.1 Kb (2).jpg [ 69.17 KiB | เปิดดู 2206 ครั้ง ]
ทางออกสู่นิพพาน2_resize.jpg
ทางออกสู่นิพพาน2_resize.jpg [ 41.02 KiB | เปิดดู 2205 ครั้ง ]
กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะ..นิ่งรู้ได้นานขนาดไหน?..

หลังนิ่งรู้...แล้วนี้...มีปรากฏการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง?

:b27:
ครั้งละ 1 ชั่วโมงโดยเฉลี่ย

ถ้าสัปปายะดีก็ เกือบ 2 ชั่วโมงหรือมากกว่า

หลังนิ่งรู้ งานก็น้อยลงจนเหมือนไม่มีงานทำ
บางครั้งก็ต้องไปพักรออยู่ที่

"ไม่มีอะไร"

ยิ่งนานวันยิ่งหางานทำได้น้อยลงไปทุกที เลยมี

"ไม่มีอะไร" เป็นเครื่องอยู่ที่ชัดยิ่งอยู่ได้นานยิ่งขึ้นทุกทีครับ
onion
ส่วนที่นิ่งรู้ นิ่งสังเกต จนไปเจออะไรที่พิสดารพันลึกนั้นมันเคยเกิดมานานครั้งหนึ่งแล้ว แล้วยังไม่เกิดใหม่อีก
:b44:
โพสต์ เมื่อ: 04 ต.ค. 2016, 07:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณคับ..ที่ตอบตามจริง..


โพสต์ เมื่อ: 04 ต.ค. 2016, 07:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผลของสมถะ...กับ...ผลของวิปัสสนาญาณ..

ต่างกันนิดเดียว....ถ้ายืนอยู่ข้างสมถะ

แต่จะแตกต่างกันมาก..เมื่อยืนอยู่ฝั่งวิปัสสนาญาณ..

ที่อโสกะ..พบว่า..

"ยิ่งนานวันยิ่งหางานทำได้น้อยลงไปทุกที เลยมี "ไม่มีอะไร" เป็นเครื่องอยู่ที่ชัดยิ่งอยู่ได้นานยิ่งขึ้นทุกทีครับ.."

นี้ชัดเจนครับ...


โพสต์ เมื่อ: 04 ต.ค. 2016, 07:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกอย่าง..ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น..

ไม่มีอะไรเสีย...คับ


โพสต์ เมื่อ: 04 ต.ค. 2016, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามจริงๆเถอะนะทั้งกบทั้งอโศกะ เคยทำไหม สมถกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน น่า

ถามแบบกำปั้นทุบดิน

1. เคย

2. ไม่เคย

ตอบตรงไปตรงมาตามนั้น :b14: เคยก็เคย ไม่เคยก็ไม่เคย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 04 ต.ค. 2016, 17:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ถามจริงๆเถอะนะทั้งกบทั้งอโศกะ เคยทำไหม สมถกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน น่า

ถามแบบกำปั้นทุบดิน

1. เคย

2. ไม่เคย

ตอบตรงไปตรงมาตามนั้น :b14: เคยก็เคย ไม่เคยก็ไม่เคย

:b12:
1.


โพสต์ เมื่อ: 04 ต.ค. 2016, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามจริงๆเถอะนะทั้งกบทั้งอโศกะ เคยทำไหม สมถกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน น่า

ถามแบบกำปั้นทุบดิน

1. เคย

2. ไม่เคย

ตอบตรงไปตรงมาตามนั้น :b14: เคยก็เคย ไม่เคยก็ไม่เคย

:b12:
1.


เคยทำแบบไหนขอรับ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 05 ต.ค. 2016, 07:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามจริงๆเถอะนะทั้งกบทั้งอโศกะ เคยทำไหม สมถกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน น่า

ถามแบบกำปั้นทุบดิน

1. เคย

2. ไม่เคย

ตอบตรงไปตรงมาตามนั้น :b14: เคยก็เคย ไม่เคยก็ไม่เคย

:b12:
1.


เคยทำแบบไหนขอรับ :b14:

:b38:
สมถะกรรมฐาน
1.หนอ ตามแบบท่านอาจารย์มหาสีสยาดอ
2.พุทโธ ตามแบบพระปาอีสาณ
3.ท่องคาถาปลุกพระ ตามตัวอย่างเพื่อนวัยรุ่น
4.ท่องคาถาเป็นคาบๆ ตามวิธีของหลวงวิจิตรวาทการ
5.นับลมหายใจ ตามที่เคยได้ยินคนเขาคุยกัน
6.กำหนดความเต้นตอดในกาย ตามแบบเจ้ามาวหลวง พระอาจารย์อริยวังโส (ไตยใหญ่)
7.กสิณไฟ ตามตำรากรรมฐาน 40
8.กำหนดรู้การเต้นของชีพจร คิดค้นเอาเอง
9.ท่องอนัตตาตามลมหายใจเข้าออก.....ตามปัจจุบันอารมณ์
ตามแบบหลวงพ่อธี
10.อานาปานสติ ตามอานาปานสติสูตร 16 ขั้นตอน
11.กำหนดปัจจุบันอารมณ์ ตามภัทเทกรัตคาถา
12.กำหนดรู้กระแสสั่นสะเทือนในกายแล้วขยายไปทั่วร่าง
ตามแนวทางท่านโกเอ็นก้า
ลองมาเยอะ แต่มาได้จิตเป็นหนึ่งจาก
คาถาปลุกพระ
ท่องคาถาเป็นคาบๆ
หนอ
กำหนดชีพจร

วิปัสสนาภาวนา
1.เจริญสติปัฏฐาน 4 ตามสติปัฏฐานสูตร
2.กำหนดลมหายใจเข้าออกจนจิตรวมดีแล้ว ยกสติปัญญาขึ้นดู สังเกต พิจารณาปัจจุบันอารมณ์
3.กำหนดชีพจรจนชัดทั้งตัวแล้ว ยกสติปัญญาขึ้น ดู สังเกต
ปัจจุบันอารมณ์ (ไม่มีพิจารณา คือไม่ให้มีคิดนึก ให้มีแต่ รู้ อย่างเดียว)
4.นั่งเฉยๆจนปรมัตถธรรมมาเอหิปัสสิโกคือเรียกจิตไปดูจึงให้สติปัญญาไปรู้และสังเกตธรรมเหล่านั้นไปตามกำลังแห่งเหตุและปัจจัย
5.ลงท้ายทุกวันนี้ได้คำสรุปวิธีเจริญวิปัสสนาภาวนาไว้ว่า

"สำรวมกายใจมานิ่งรู้ นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา"......อันนี้เป็นอย่างสั้น ล่าสุด

อย่างยาวก่อนจะมาถึงตรงนี้ สรุปวิธีเจริญวิปัสสนาภาวนาไว้ว่า
งานและหน้าที่ของชาวพุทธ
"สำรวมกายใจมานิ่งรู้ นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์
จนละความเห็นผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้องว่ากายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส"

หัวใจวิปัสสนาภาวนา
"ใจปัญญา อย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตะบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย
กูจะถอย หรือตายดับ ไปจากใจ"

ทั้งหมดที่กล่าวมาคือประสบการณ์ธรรมที่ได้รู้และทำมาตั้งแต่เด็กจนถึงวันนี้

ส่วนเรื่องผลปฏิบัตินั้น เมื่อกำหนดรูปแบบวิธีปฏิบัติของตนเองไว้ชัดแล้ว ก็ลงมือทำจริง มีสติระลึกรู้อยู่กับหลักปฏิบัตินี้ไม่ลืมไม่หลงออกนอกทาง ปรากฏว่า ไตรลักษณ์เขาชัดขึ้นๆเองโดยธรรมจนทำให้ญาณ 16 เขาดำเนินไปได้ด้วยดี
เป็นอริยสัจ 4 สติปัฏฐาน 4 มรรค 8 ไปโดยอัตโนมัติ น่าอัศจรรย์ใจ ผลสุดท้ายสรุปง่ายๆทุกวันนี้มี

"ไม่มีอะไร"

เป็นเครื่องอยู่ ที่เข้าถึงง่าย เข้าถึงได้ไว จนเกือบจะดั่งใจแล้ว

ท่านว่าถ้ามันเข้าถึงได้ดั่งใจจนเป็นธรรมชาติใหม่ของชีวิตมันย่อมจะไม่หลงทำกาลกิริยาตาย
เอวัง
:b36:
onion


โพสต์ เมื่อ: 05 ต.ค. 2016, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามจริงๆเถอะนะทั้งกบทั้งอโศกะ เคยทำไหม สมถกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน น่า

ถามแบบกำปั้นทุบดิน

1. เคย

2. ไม่เคย

ตอบตรงไปตรงมาตามนั้น :b14: เคยก็เคย ไม่เคยก็ไม่เคย

:b12:
1.


เคยทำแบบไหนขอรับ :b14:

:b38:
สมถะกรรมฐาน
1.หนอ ตามแบบท่านอาจารย์มหาสีสยาดอ
2.พุทโธ ตามแบบพระปาอีสาณ
3.ท่องคาถาปลุกพระ ตามตัวอย่างเพื่อนวัยรุ่น
4.ท่องคาถาเป็นคาบๆ ตามวิธีของหลวงวิจิตรวาทการ
5.นับลมหายใจ ตามที่เคยได้ยินคนเขาคุยกัน
6.กำหนดความเต้นตอดในกาย ตามแบบเจ้ามาวหลวง พระอาจารย์อริยวังโส (ไตยใหญ่)
7.กสิณไฟ ตามตำรากรรมฐาน 40
8.กำหนดรู้การเต้นของชีพจร คิดค้นเอาเอง
9.ท่องอนัตตาตามลมหายใจเข้าออก.....ตามปัจจุบันอารมณ์
ตามแบบหลวงพ่อธี
10.อานาปานสติ ตามอานาปานสติสูตร 16 ขั้นตอน
11.กำหนดปัจจุบันอารมณ์ ตามภัทเทกรัตคาถา
12.กำหนดรู้กระแสสั่นสะเทือนในกายแล้วขยายไปทั่วร่าง
ตามแนวทางท่านโกเอ็นก้า
ลองมาเยอะ แต่มาได้จิตเป็นหนึ่งจาก
คาถาปลุกพระ
ท่องคาถาเป็นคาบๆ
หนอ
กำหนดชีพจร

วิปัสสนาภาวนา
1.เจริญสติปัฏฐาน 4 ตามสติปัฏฐานสูตร
2.กำหนดลมหายใจเข้าออกจนจิตรวมดีแล้ว ยกสติปัญญาขึ้นดู สังเกต พิจารณาปัจจุบันอารมณ์
3.กำหนดชีพจรจนชัดทั้งตัวแล้ว ยกสติปัญญาขึ้น ดู สังเกต
ปัจจุบันอารมณ์ (ไม่มีพิจารณา คือไม่ให้มีคิดนึก ให้มีแต่ รู้ อย่างเดียว)
4.นั่งเฉยๆจนปรมัตถธรรมมาเอหิปัสสิโกคือเรียกจิตไปดูจึงให้สติปัญญาไปรู้และสังเกตธรรมเหล่านั้นไปตามกำลังแห่งเหตุและปัจจัย
5.ลงท้ายทุกวันนี้ได้คำสรุปวิธีเจริญวิปัสสนาภาวนาไว้ว่า

"สำรวมกายใจมานิ่งรู้ นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา"......อันนี้เป็นอย่างสั้น ล่าสุด

อย่างยาวก่อนจะมาถึงตรงนี้ สรุปวิธีเจริญวิปัสสนาภาวนาไว้ว่า
งานและหน้าที่ของชาวพุทธ
"สำรวมกายใจมานิ่งรู้ นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์
จนละความเห็นผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้องว่ากายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส"

หัวใจวิปัสสนาภาวนา
"ใจปัญญา อย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตะบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย
กูจะถอย หรือตายดับ ไปจากใจ"

ทั้งหมดที่กล่าวมาคือประสบการณ์ธรรมที่ได้รู้และทำมาตั้งแต่เด็กจนถึงวันนี้

ส่วนเรื่องผลปฏิบัตินั้น เมื่อกำหนดรูปแบบวิธีปฏิบัติของตนเองไว้ชัดแล้ว ก็ลงมือทำจริง มีสติระลึกรู้อยู่กับหลักปฏิบัตินี้ไม่ลืมไม่หลงออกนอกทาง ปรากฏว่า ไตรลักษณ์เขาชัดขึ้นๆเองโดยธรรมจนทำให้ญาณ 16 เขาดำเนินไปได้ด้วยดี
เป็นอริยสัจ 4 สติปัฏฐาน 4 มรรค 8 ไปโดยอัตโนมัติ น่าอัศจรรย์ใจ ผลสุดท้ายสรุปง่ายๆทุกวันนี้มี

"ไม่มีอะไร"

เป็นเครื่องอยู่ ที่เข้าถึงง่าย เข้าถึงได้ไว จนเกือบจะดั่งใจแล้ว

ท่านว่าถ้ามันเข้าถึงได้ดั่งใจจนเป็นธรรมชาติใหม่ของชีวิตมันย่อมจะไม่หลงทำกาลกิริยาตาย
เอวัง
:b36:
onion



เอามันทุกอย่าง แต่เอาดีไม่ได้สักอย่าง :b32: กบต่างดาว นี่แหละเหวี่ยงแหของจริง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 05 ต.ค. 2016, 17:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
กรัชกายเอาดีอะไรได้แล้วบ้างล่ะเล่าให้ฟังหน่อยสิ
ทำอะไรมา ไปถึงไหน ได้อะไรมาบ้างที่เป็นชิ้นเป็นอัน
เป็นที่มั่นใจว่าไม่หลงทำกาลกิริยาตายแล้วไปอบายภูมิ
s006


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 280 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร