วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 20:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 176 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2013, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ช่วงนี้...มีกระทู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้มากมาย ...

smiley smiley smiley

พระพุทธองค์ไม่สุ่มสี่สุ่มห้าสอน...แม้แต่การใช้คำ...
การใช้คำ

"อนิจจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตสัญญา"
ก็เป็นคำที่ตรงต่อสภาวะ...

ถ้าคนที่ชินกับการท่องจำบัญญัติ หรือคนที่มักบริกรรม ย้ำเตือนบริกรรมบัญญัติ
เขาจะเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในแง่เหมือนเราเรียนหนังสือทางโลก
ซึ่งนั่นเป็นการปรุงแต่งสัญญาสังขาร...
ผลก็คือ...สุขที่ได้รับจากการปรุงแต่งสังขารที่เป็นบุญ/กุศล

ตรงนี้ เป็นการเข้าถึง สัญญาสังขาร ...
หรือเป็นการหมายรู้ ความหมายของคำ เทียบกับสภาวะธรรมอย่างหยาบ แบบร่าง
เหมือนกับว่า ถ้าเรายังไม่เคยเห็นครก แต่มีคนพูดถึงครก และอธิบายถึงครก และวาดรูปครกให้เราดู
ครกที่เราเข้าถึงอยู่นั้น เป็นการเข้าถึงแบบร่าง ...
การหมายรู้ (สัญญา) ในลักษณะนี้ ยังไม่ใช่ "อนิจจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตสัญญา" ตัวจริง
อารมณ์ที่เราสัมผัสกับ แบบร่าง
กับอารมณ์ที่ได้หยิบเอาครกจริง ๆ ขึ้นมาสัมผัสลูบคลำ...
ต้องเข้าใจว่า ... สองลักษณะนี้ เป็นคนละ อารมณ์สัญญาที่หมายรู้
เป็น การหมายรู้คนละอย่างกัน ...

การสัมผัสครกจริง ๆ และอารมณ์ที่ปรากฎจากการสัมผัสจริง ๆ นั่น
การหมายรู้ในอารมณ์ที่ปรากฎจริง ๆ นั้น เปรียบได้คือ "อนิจจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตสัญญา"

อนัตตา เป็นลักษณะหนึ่ง ที่ผู้ปฏิบัติ หมายรู้

ซึ่งมันก็จะต่างจาก การหมายรู้ บัญญัติ "อนัตตา"
การหมายรู้บัญญัติ ... มันเป็นการรู้ที่เหมือนเรา ตามอง และ เอามือเทียวลูบคลำกระดาษ
ลูบคลำจินตนาการ...

ส่วนการหมายรู้ "อนัตตสัญญา" เป็นการหมายรู้เพียงชั่วขณะ ... และเป็นไปในภาค "วิชชา"
....เมื่อเรากำหนดจิตอยู่กับ รูป/นาม...
สิ่งที่เราสัมผัสอยู่ก่อนหน้าคือ รูป/นาม ซึ่ง อนัตตา ไม่ใช่รูป/นาม
แต่เป็นการที่เราเข้าไปหมายรู้ในลักษณะที่ เมื่อ รูป/นาม ปรากฎเกิด-ดับ
...การเข้าไปหมายรู้...จึงเป็น "อนัตตสัญญา"

:b12:

อิอิ ...

อนุโมทนา มังกรน้อย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2013, 09:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ช่วงนี้...มีกระทู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้มากมาย ...

smiley smiley smiley
พระพุทธองค์ไม่สุ่มสี่สุ่มห้าสอน...แม้แต่การใช้คำ...
การใช้คำ

"อนิจจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตสัญญา"
ก็เป็นคำที่ตรงต่อสภาวะ...

เอกอนพูดดีมีชาติตระกูล แต่ถึงจะพูดดีอย่างไร ถ้าเราพูดลงลึกในรายละเอียด
แล้วเราพูดอ้างอิงสิ่งใดมันผิดไปจากประเด็นที่กล่าว พูดง่ายๆก็คือ "พูดได้แต่ทำไม่ได้"

อย่างเช่นว่ากล่าวคนอื่นในทำนองว่า คนพูดไม่ตรงต่อสภาวธรรม
แบบนี้มันจำเป็นอ่างเช่นที่เราจะต้องรุ้และเข้าเป็นอย่างดีเสียก่อน
มันถึงจะว่ากล่าวใครได้ ตัวอย่างเช่น....
เอกอนพูดว่า "อนิจจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตสัญญา"

เอกอนกำลังเข้าใจผิด คิดว่า คำพูดที่เอกอนกล่าวเป็นสภาวะ
ที่แท้แล้วไม่ใช่ การกล่าวลักษณะทั้งสามมันเป็นเพียงบัญญัติที่อธิบายให้เห็นในสภาวะธรรม
แต่มันไม่ใช่สภาวะธรรม ซึ่งสภาวะธรรมที่แท้ของบัญญัติทั้งสามนี้ก็คือ....เนวสัญญานาสัญญายตนะ

สภาวะธรรมนี้มันเป็นสภาวะธรรมเดียว แต่มันมีลักษณะสามประการในสภาวะเดียว
สภาวะนี้มันจะเป็นสัญญาก็ใช่หรือไม่เป็นสัญญาก็ใช่
(เรื่องนี้จะไว้ตั้งกระทู้)

ถ้าเอกอนบอกว่า "อนิจจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตาสัญญา" เอกอนบอกสามตัวนี้เป็น
สภาวะธรรม แบบนี้ผิดครับ เพราะทั้งสามมีสภาวะเพียงหนึ่ง และชื่อที่เรียกก็ไม่ใช่อย่างที่เอกอนเรียก
ที่เอกอนเรียกแบบนี้ เป็นเพราะยังไม่ถึงแก่นของสภาวะตัวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2013, 10:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ถ้าคนที่ชินกับการท่องจำบัญญัติ หรือคนที่มักบริกรรม ย้ำเตือนบริกรรมบัญญัติ
เขาจะเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในแง่เหมือนเราเรียนหนังสือทางโลก
ซึ่งนั่นเป็นการปรุงแต่งสัญญาสังขาร...
ผลก็คือ...สุขที่ได้รับจากการปรุงแต่งสังขารที่เป็นบุญ/กุศล..
ตรงนี้ เป็นการเข้าถึง สัญญาสังขาร ... .

อันนี้เอกอนกำลังวิจารณ์เขา ทั้งๆที่เอกอนไม่เข้าใจในสิ่งที่วิจารณ์
การบริกรรมย่อมทำได้ การที่จิตอยู่กับคำบริกรรมไม่ได้หมายถึง
การให้จิตตามเนื้อหาที่บริกรรม การบริกรรมเป็นเพียงให้จิตไม่สอดส่าย
เพื่อให้จิตมีสมาธิอยู่ที่กายใจตนเอง เมื่อจิตอยู่ที่กายใจก็จะมีความตั้งมั่น
เมื่อเกิดอารมณ์ใดขึ้นก็รู้ อารมณ์นั้นดับไปก็รู้ นี้แหละหนทางง่ายๆที่ทำให้เกิดปัญญา(ไตรลักษณ์)

เอกอนอย่าเข้าใจผิดว่า การตามรู้นั้นคือการตามรู้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
การตามรู้แท้จริงคือการตามรู้ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปของอารมณ์นั้นๆ
การเห็นการเกิดดับของอารมณ์บ่อยๆ จะทำให้จิตจดจำเอาไว้เป็นสัญญา
เป็นแบบนี้ มันเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดปัญญา(ญาน) ที่เรียกว่าไตรลักษณ์

eragon_joe เขียน:
หรือเป็นการหมายรู้ ความหมายของคำ เทียบกับสภาวะธรรมอย่างหยาบ แบบร่าง
เหมือนกับว่า ถ้าเรายังไม่เคยเห็นครก แต่มีคนพูดถึงครก และอธิบายถึงครก และวาดรูปครกให้เราดู
ครกที่เราเข้าถึงอยู่นั้น เป็นการเข้าถึงแบบร่าง ...
การหมายรู้ (สัญญา) ในลักษณะนี้ ยังไม่ใช่ "อนิจจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตสัญญา" ตัวจริง
อารมณ์ที่เราสัมผัสกับ แบบร่าง
กับอารมณ์ที่ได้หยิบเอาครกจริง ๆ ขึ้นมาสัมผัสลูบคลำ...
ต้องเข้าใจว่า ... สองลักษณะนี้ เป็นคนละ อารมณ์สัญญาที่หมายรู้
เป็น การหมายรู้คนละอย่างกัน ...

การสัมผัสครกจริง ๆ และอารมณ์ที่ปรากฎจากการสัมผัสจริง ๆ นั่น
การหมายรู้ในอารมณ์ที่ปรากฎจริง ๆ นั้น เปรียบได้คือ "อนิจจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตสัญญา"

เอกอนยังไม่เข้าใจธรรมเลยไปหยิบมาผิดๆ แล้วก็อธิบายผิดในธรรมที่ผิด
มันเลยไปกันใหญ่

สิ่งแรกที่ผิดก็คือ การหมายรู้ไม่ใช่หมายรู้ในอนิจจังสัญญา ทุกขังสัญญา อนัตตาสัญญา
ปุถุชนจะเอาสัญญามาหมายรู้ไม่ได้ ยิ่งถ้ายังไม่เป็นโสดาบันยังไม่มีปัญญา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอา
ไตรลักษณ์มาหมายรู้

สิ่งที่ปุถุชนหมายรู้ เขาหมายรู้คืออารมณ์ที่เรียกว่า...จิตสังขาร
เมื่อหมายรู้อารมณ์ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น โลภะ โทสะ โมหะ จะทำให้เกิดการระลึกรู้สัญญา
สัญญาที่ว่าก็คือ กุศลธรรมต่างๆ(สติ)

กรรมฐานของปุถุชนเอาสัญญามาหมายรู้ไม่ได้
ปุถุชนหมายรู้ได้แค่จิตสังขาร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2013, 10:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
อนัตตา เป็นลักษณะหนึ่ง ที่ผู้ปฏิบัติ หมายรู้

ซึ่งมันก็จะต่างจาก การหมายรู้ บัญญัติ "อนัตตา"
การหมายรู้บัญญัติ ... มันเป็นการรู้ที่เหมือนเรา ตามอง และ เอามือเทียวลูบคลำกระดาษ
ลูบคลำจินตนาการ...

ส่วนการหมายรู้ "อนัตตสัญญา" เป็นการหมายรู้เพียงชั่วขณะ ... และเป็นไปในภาค "วิชชา"
....เมื่อเรากำหนดจิตอยู่กับ รูป/นาม...
สิ่งที่เราสัมผัสอยู่ก่อนหน้าคือ รูป/นาม ซึ่ง อนัตตา ไม่ใช่รูป/นาม
แต่เป็นการที่เราเข้าไปหมายรู้ในลักษณะที่ เมื่อ รูป/นาม ปรากฎเกิด-ดับ
...การเข้าไปหมายรู้...จึงเป็น "อนัตตสัญญา"

การหมายรู้ในสภาวะ อนัตตา หรือจะหมายรู้บัญญัติ ที่เป็นอนัตตา. ..มันไม่ใช่และเป็นไปไม่ได้ทั้งคู่
การหมายรู้อนัตตาที่บัญญัติใครก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
แต่สิ่งที่นักปฏิบัติกำลังเข้าใจผิดก็คือ การหมายรู้อนัตตาที่เป็นสภาวะ
หมายรู้มีความหมายว่า การจำได้หมายรู้ในตัวสภาวะธรรมเรียกว่าสัญญา
ปุถุชนยังไม่มีสัญญาที่เป็นปัญญา จึงไม่มีอะไรให้หมายรู้

อริยบุคคลเท่านั้นจึงจะหมายรู้ปัญญาไตรลักษณ์ได้
แต่การหมายรู้ปัญญาไตรลักษณ์ของพระอริยะบุคคล
เราจะไม่เรียกสภาวะธรรมนั้นว่าสัญญา แต่เราเรียกว่า......เนวสัญญนาสัญญายตนะ
มันเป็นสัญญาเพื่อละสัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2013, 12:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มังกรน้อย
พิจารณาต่อไปว่า

อนัตตา มีสภาวะธรรมอย่างไร
จิตก็จะจำสภาวะของอนัตตา

อะไรเป็นเหตุปัจจัย ของอนัตตา

เหตุปัจจัยนั้น ก็เป็นเหตุปัจจัยเดียวกับอนัตตสัญญา

พิจารณาไปอีก
ก็จะเห็นความเกิด ความดับ ของอนัตตาด้วยปัญญานั้น ด้วยญาณนั้น

เจริญธรรม มังกรน้อย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2013, 12:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เป็นไร ท่านโฮ ...

ตามสบาย ...

การขยายความของท่านมันดูจะซับซ้อน
จนเอกอนจะทำความเข้าใจตามได้ไม่ทัน...น่ะ...

:b8: :b8: :b8:

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2013, 12:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
มังกรน้อย
พิจารณาต่อไปว่า

อนัตตา มีสภาวะธรรมอย่างไร
จิตก็จะจำสภาวะของอนัตตา

อะไรเป็นเหตุปัจจัย ของอนัตตา

เหตุปัจจัยนั้น ก็เป็นเหตุปัจจัยเดียวกับอนัตตสัญญา

พิจารณาไปอีก
ก็จะเห็นความเกิด ความดับ ของอนัตตาด้วยปัญญานั้น ด้วยญาณนั้น

เจริญธรรม มังกรน้อย


เมื่อถึงตรงนี้...
มันก็เห็น...แต่เพียง

สิ่งที่รู้ การเข้าไปรู้ และสิ่งที่ถูกรู้...น่ะ ท่าน

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2013, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
มังกรน้อย
พิจารณาต่อไปว่า

อนัตตา มีสภาวะธรรมอย่างไร
จิตก็จะจำสภาวะของอนัตตา

อะไรเป็นเหตุปัจจัย ของอนัตตา

เหตุปัจจัยนั้น ก็เป็นเหตุปัจจัยเดียวกับอนัตตสัญญา

พิจารณาไปอีก
ก็จะเห็นความเกิด ความดับ ของอนัตตาด้วยปัญญานั้น ด้วยญาณนั้น

เจริญธรรม มังกรน้อย


เมื่อถึงตรงนี้...
มันก็เห็น...แต่เพียง

สิ่งที่รู้ การเข้าไปรู้ และสิ่งที่ถูกรู้...น่ะ ท่าน

:b8: :b8: :b8:

มังกรน้อย
แน่ะ!
ข้าม shot ไปตอนจบล่ายไง :b6:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2013, 13:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พลังงานที่มีชีวิต...แต่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต
เวลาแสดงตัว..ก็ทำตัวเป้นโปรเจ็คเตอร์ฉายภาพออกมา

ที่ผู้อยู่ในสมมุติจะรับรู้ได้...ก็คือภาพที่พลังงานที่มีชีวิตฉายภาพออกมาเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2013, 18:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
อ้างคำพูด:
เมื่อถึงตรงนี้...
มันก็เห็น...แต่เพียง

สิ่งที่รู้ การเข้าไปรู้ และสิ่งที่ถูกรู้...น่ะ ท่าน

:b8: :b8: :b8:

มังกรน้อย
แน่ะ!
ข้าม shot ไปตอนจบล่ายไง :b6:


:b9: :b9: :b9:

อิอิ....

ถ้าท่านเช่นนั้นรู้ว่า นั่นเป็นตอนจบ... :b32:

แสดงว่าท่านเช่นนั้นก็ต้องรู้ว่า ลำดับระหว่างนั้น มันเป็นเช่นไร

:b22: :b22: :b22:

เอกอนเห็นว่า มันเป็นการเข้าสู่กระบวนการสังเคราะห์ธรรม สู่ธรรมธาตุ ... นะ
ส่วนลำดับรายละเอียด ... :b32: :b32: ตัวใครตัวเผือกล่ะ
เกินจะนำมากล่าว...

...

ซึ่ง มันจะเห็น การประชุมกันของธาตุ
ธาตุในนัยที่สังเคราะห์นี้ ก็จะเห็นแง่
ธรรมธาตุ ไม่ได้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ที่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยเพราะ (กาล)ผู้สังเกตุ

:b1:

โหยยยย พยายามอย่างสุดชีวิตแล้วน๊าาาาา

:b2: :b2: :b2:

ท่านเช่นนั้นมาชวนคุยอะไรย๊ากกกกยากกกก...

:b9: :b9: :b9:

แล้วเอกอนจะหาพระสูตรมากล่อมใจตัวเองได้มั๊ยเนี๊ยะ....

เอกอนยิ่งกลัวเห็นจนหลุดโค้งอยู่ด้วย... :b3: :b3:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2013, 03:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ไม่เป็นไร ท่านโฮ ...

ตามสบาย ...

การขยายความของท่านมันดูจะซับซ้อน
จนเอกอนจะทำความเข้าใจตามได้ไม่ทัน...น่ะ...

:b8: :b8: :b8:

:b1: :b1: :b1:

มันไม่ใช่ความซับซ้อน เพียงแต่สิ่งที่ผมพูดมันเป็นเหตุปัจจัยของสภาวะ
การที่เอกอนยังดูไม่ออกนั้นเป็นเพราะ เอกอนยังมองไม่เห็นสภาวะ
ดังนั้นสิ่งที่เอกอนกำลังเข้าใจว่า คำพูดของตนคือคำที่เป็นสภาวะ
มันไม่ใช่ เพราะถ้าใช่ เอกอนจะต้องมองออกว่า คำพูดของพี่โฮมันผิดหรือถูกอย่างไร

ทำไมพึ่โฮถึงได้บอกว่า ต้องมองออกว่าคำพูดของพี่โฮผิดถูกอย่างไร
นั้นเป็นเพราะ ถ้าเอกอนเชื่อมั่นว่าคำพูดความคิดเห็นตัวเองถูก
นั้นแสดงว่า เอกอนรู้ว่าสิ่งไหนถูก เมื่อเอกอนรู้ในสิ่งที่ถูก เอกอนต้องรู้ว่าสิ่งไหนผิดด้วย

แต่นี่เอกอนบอกว่า ไม่เข้าใจหรือทำความเข้าใจไม่ทัน
แสดงว่า เอกอนไม่ได้เข้าใจแต่ต้น แม้กระทั้งความเห็นของตนเอง


ความหมายของคำว่ารู้ นั้นคือการรู้สองอย่าง นั้นคือ รู้ถูกและรู้ผิด
แบบนี้เรียกว่า รู้ธรรมคู่เพื่อให้เกิดธรรมหนึ่งคือปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2013, 04:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
มังกรน้อย
พิจารณาต่อไปว่า
อนัตตา มีสภาวะธรรมอย่างไร
จิตก็จะจำสภาวะของอนัตตา

อนัตตาไม่ได้มีไว้พิจารณา อนัตตามีไว้เป็นหลักเป็นเครื่องมือในการพิจารณาธรรม
เขาเรียกว่าโยนิโสฯ
และเขาก็ไม่ได้เอาสภาวะอนัตตาไปพิจารณา สภาวะอนัตตาในสังขารมันไม่มี
เพราะสถาวะอนัตตาในสังขาร จะต้องเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

และการเอา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาไปเป็นหลักในการพิจารณาเราเรียกธรรมนั้นว่า
เนวสัญญานาสัญญายตนะ

แต่ในความเป็นจริง การปฏิบัติจะต้องปฏิบัติในเบื้องต้นเสียก่อน
นั้นคือ อย่าไปพิจารณาอะไร เพราะเรายังไม่มีสภาวะที่จะเอาไปเป็นหลักในการพิจารณา
สิ่งที่ต้องทำก็คือ การอยู่กับปัจจุบันอารมณ์เฝ้าดูการเกิดขึ้นและดับไปของอารมณ์
นี้แหล่ะเหตุแห่งปัญญา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ถ้าจะพูดลงลึกในสภาวะธรรม
การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปของอารมณ์ เป็นสภาวะธรรมเรียกว่า...สังขตะ
การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นเหตุทำให้เกิด อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เรียกโดยสภาวะธรรมว่าเตเนว

เตเนว เป็นศัพท์เฉพาะมันเป็นสภาวะธรรมที่เป็นปัญญา เหตุนี้จึงไม่คำแปลที่ตรงตัว
ต้องอาศัยปัญญาในการแปล ซึ่งผู้มีปัญญาหรือเคยเห็นสภาวะตัวนี้จึงจะเข้าใจ
ซึ่งโดยความหมายแล้ว มันเป็นคำเดียวกับ..."ไตรลักษณ์"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2013, 04:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:

อะไรเป็นเหตุปัจจัย ของอนัตตา

เหตุปัจจัยนั้น ก็เป็นเหตุปัจจัยเดียวกับอนัตตสัญญา

คนละเรื่องแล้ว

เหตุปัจจัยของอนัตตาคือ อริยมรรคมีองค์๘
ส่วนอนัตตสัญญา มันเป็นความจำได้หมายรู้ในบัญญัติ ไม่ใช่สภาวะธรรมของอนัตตา
เป็นเพียงสังขารขันธ์

เช่นนั้น เขียน:
พิจารณาไปอีก
ก็จะเห็นความเกิด ความดับ ของอนัตตาด้วยปัญญานั้น ด้วยญาณนั้น

เจริญธรรม มังกรน้อย

อนัตตาไม่เกิดดับ อนัตตาเป็นอสังขตะ

อนัตตาเป็นตัวรู้การเกิดดับ มันจึงไม่เกิดดับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2013, 14:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
เอกอนเห็นว่า มันเป็นการเข้าสู่กระบวนการสังเคราะห์ธรรม สู่ธรรมธาตุ ... นะ
ส่วนลำดับรายละเอียด ... :b32: :b32: ตัวใครตัวเผือกล่ะ
เกินจะนำมากล่าว...
...
ซึ่ง มันจะเห็น การประชุมกันของธาตุ
ธาตุในนัยที่สังเคราะห์นี้ ก็จะเห็นแง่
ธรรมธาตุ ไม่ได้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ที่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยเพราะ (กาล)ผู้สังเกตุ
แล้วเอกอนจะหาพระสูตรมากล่อมใจตัวเองได้มั๊ยเนี๊ยะ....
เอกอนยิ่งกลัวเห็นจนหลุดโค้งอยู่ด้วย... :b3: :b3:


โค้งนี้ อาจจะเป็นโค้งสุดท้าย ก็ได้นะมังกรน้อย ^ ^

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2013, 20:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
eragon_joe เขียน:
เอกอนเห็นว่า มันเป็นการเข้าสู่กระบวนการสังเคราะห์ธรรม สู่ธรรมธาตุ ... นะ
ส่วนลำดับรายละเอียด ... :b32: :b32: ตัวใครตัวเผือกล่ะ
เกินจะนำมากล่าว...
...
ซึ่ง มันจะเห็น การประชุมกันของธาตุ
ธาตุในนัยที่สังเคราะห์นี้ ก็จะเห็นแง่
ธรรมธาตุ ไม่ได้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ที่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยเพราะ (กาล)ผู้สังเกตุ
แล้วเอกอนจะหาพระสูตรมากล่อมใจตัวเองได้มั๊ยเนี๊ยะ....
เอกอนยิ่งกลัวเห็นจนหลุดโค้งอยู่ด้วย... :b3: :b3:


โค้งนี้ อาจจะเป็นโค้งสุดท้าย ก็ได้นะมังกรน้อย ^ ^


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 176 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร