วันเวลาปัจจุบัน 07 มิ.ย. 2025, 15:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2013, 07:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ไม่มีอะไร นอกเหนือไปจาก รูป นาม อีกแล้วครับ ท่านอโศกะ

สิ่งใดไม่เป็นรูป สิ่งนั้นก็ต้้องเป็นนาม
สิ่งใดไม่เป็นนาม สิงนั้นก็ต้องเป็นรูป

อนัตตา เป็นรูป หรือ .................. ไม่ใช่
อนัตตา เป็นนาม หรือ ................ ไม่ใช่

อนัตตา ก็เลยไม่ใช่องค์ธรรม (คือ อนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงๆ นั่นเอง)

อ้างคำพูด:
ในกาลครั้งนั้น พระเจ้ามิลินท์จึงตรัสถามปัญหาต่อพระนาคเสนยิ่งขึ้นไปว่า
" ข้าแต่พระเจ้าเป็นเจ้า ธรรมดาผู้จะสนทนากัน เมื่อไม่รู้จักนามและโคตรของกันและกันเสียก่อน เรื่องสนทนาก็จะไม่มีขึ้นเรื่องที่พูดกันก็จักไม่มั่นคง เพราะฉะนั้นโยมจึงขอถามพระผู้เป็นเจ้าว่า พระผู้เป็นเจ้าชื่ออะไร? "
พระนาคเสนตอบว่า
" ขอถวายพระพร เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายเรียกอาตมภาพว่า นาคเสน ส่วนมารดาบิดาเรียกอาตมภาพว่า นาคเสนก็มีวีรเสนก็มี สุรเสนก็มี สีหเสนก็มี ก็แต่ว่าชื่อที่เพื่อนพรหมจารีเรียกอาตมภาพว่า " นาคเสน " นี้ เพียงเป็นแต่ชื่อบัญญัติขึ้น เพื่อให้เข้าใจกันได้เท่านั้น ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนผู้ใดจะอยู่ในชื่อนั้น "
ลำดับนั้น พระเจ้ามิลินท์จึงตรัสขึ้นว่า
" ขอให้ชาวโยนกทั้ง ๕๐๐ นี้และพระภิกษุสงฆ์ ๘ หมื่นองค์นี้ จงฟังถ้อยคำของข้าพเจ้าเถิด พระนาคเสนนี้กล่าวว่า เพื่อนพรหมจรรย์เรียกอาตมาภาพว่า " นาคเสน " ก็แต่ว่าไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนอันใดอยู่ในคำว่า " นาคเสน " นั้น ดังนี้ ข้าแต่พระนาคเสน ถ้าไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขาอยู่แล้ว บุคคลเหล่าใดถวายบาตร จีวร อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค และวัตถุที่เก็บเภสัชไปแล้ว บุญกุศลก็ต้องไม่มีแก่บุคคลเหล่านั้นน่ะซิ ผู้ใดผู้หนึ่งคิดว่า จะฆ่าพระผู้เป็นเจ้า โทษปาณาติบาตก็เป็นอันไม่มีน่ะซิ ถ้าบุคคลตัวตนเราเขาไม่มีอยู่แล้ว ก็ใครเล่าจะถวายจีวร อาหาร ที่อยู่ ยา และที่ใส่ยา แก่พระผู้เป็นเจ้า ใครเล่าจะบริโภคสิ่งเหล่านั้น ใครเล่ารักษาศีล ใครเล่ารู้ไปในพระไตรปิฏก ใครเล่าเจริญภาวนา ใครเล่ากระทำให้แจ้งซึ่งมรรคผล นิพพาน ใครเล่ากระทำปาณาติบาต ใครเล่ากระทำอทินนาทาน ใครเล่าประพฤติกาเมสุมิจฉาจาร ใครเล่ากล่าวมุสาวาท ใครเล่าดื่มสุราเมรัย ใครเล่ากระทำอนันตริยกรรมทั้ง ๕ เพราะฉะนั้น ถ้าสัตว์บุคคลตัวตนไม่มีแล้ว กุศลก็ต้องไม่มี อกุศลก็ต้องไม่มีผู้ทำหรือผู้ให้ทำซึ่งกรรมดีกรรมชั่วก็ต้องไม่มีผลแห่งกรรมดีกรรมชั่วก็ต้องไม่มี ข้าแต่พระนาคเสน ผู้ใดฆ่าพระผู้เป็นเจ้าโทษปาณาติบาตก็ไม่มีแก่ผู้นั้น เมื่อถืออย่างนั้นก็เป็นอันว่าอาจารย์ของพระผู้เป็นเจ้าก็ไม่มีอุปัชฌาย์ของพระผู้เป็นเจ้าก็ไม่มี อุปสมบทของพระผู้เป็นเจ้าก็ไม่มี คำใดที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้ว่า พวกเพื่อนพรหมจรรย์เรียกอาตมภาพว่า " นาคเสน " อะไรเป็นนาคเสนในคำนั้น เมื่อโยมถามพระผู้เป็นเจ้าอยู่อย่างนี้ พระผู้เป็นได้ยินเสียงถามอยู่หรือไม่ ? "

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2013, 22:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s006
อ้างคำพูด:
ไม่มีอะไร นอกเหนือไปจาก รูป นาม อีกแล้วครับ ท่านอโศกะ

สิ่งใดไม่เป็นรูป สิ่งนั้นก็ต้้องเป็นนาม
สิ่งใดไม่เป็นนาม สิงนั้นก็ต้องเป็นรูป

อนัตตา เป็นรูป หรือ .................. ไม่ใช่
อนัตตา เป็นนาม หรือ ................ ไม่ใช่

อนัตตา ก็เลยไม่ใช่องค์ธรรม (คือ อนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงๆ นั่นเอง)

Onion_L
อนัตตา ไม่มีอยู่จริง....คำพูดและความเห็นอย่างนี้น่าเป็นห่วงมากนะครับ คุณ โกวิท ตัวอย่างที่คุณคัดมาประกอบนั้นพระพุทธองค์ทรงแสดงให้เห็นว่าความเป็นอัตตา ไม่มีอยู่จริง ต่างหาก ลองพิจารณาดูให้ดีๆนะครับ
s002
อนัตตา มีอยู่จริง มันเป็นนามธรรมมีแต่ชื่อ รู้ได้แต่สภาวะ ถ้าไม่มีอยู่จริงพระบรมศาสดา คงไม่ตรัสว่า

"สัพเพ ธัมมา อนัตตา"

อนัตตา เป็นกุญแจ หรือสะพานที่จะทอดข้ามนำจิตบุคคลเข้าสู่พระนิพพาน

ประตูเข้าพระนิพพานมี 3 ประตู คือ ประตูอนิจจัง ....ประตูทุกขัง และประตูอนัตตา

ถ้าปฏิเสธว่าอนัตตาไม่มี อนิจจัง ทุกขัง ก็จะหายไปด้วย เพราะว่า อนิจัง ทุกขัง ก็เป็นธรรมะสภาวะเช่นเดียวกับ อนัตตา

อนัตตาไม่มีอยู่จริง ความในอนัตตลักขณะสูตรทั้งหมดก็ใช้ไม่ได้ละซิ ท่านโกวิท

s006 :b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2013, 03:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
ไม่มีอะไร นอกเหนือไปจาก รูป นาม อีกแล้วครับ ท่านอโศกะ

สิ่งใดไม่เป็นรูป สิ่งนั้นก็ต้้องเป็นนาม
สิ่งใดไม่เป็นนาม สิงนั้นก็ต้องเป็นรูป

อนัตตา เป็นรูป หรือ .................. ไม่ใช่
อนัตตา เป็นนาม หรือ ................ ไม่ใช่

อนัตตา ก็เลยไม่ใช่องค์ธรรม (คือ อนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงๆ นั่นเอง)

คุณโกวิทครับ การจะพูดถึงองค์ธรรม บุคคลนั้นจะต้องดูสภาวะธรรมเป็น มันถึงจะเข้าใจ
เรื่องของธรรม และเรื่องขององค์ธรรม

อนัตตาเป็นธรรมที่มีจริงและยิ่งใหญ่ที่สุดในธรรมชาติ สิ่งนี้เป็นพระอภิธรรมแท้ๆ

อนัตตาถ้าเป็นอนัตตาของสังขตะธรรม มันก็เป็นแค่องค์ธรรม
แต่ถ้าเป็นอนัตตาของอสังขตธรรม มันจะเป็นตัวธรรมแท้ๆ โดยปราศจากองค์ธรรม

อสังขตธรรม อนัตตาธรรม นิพพาน ล้วนแล้วแต่เป็นสภาวะธรรมเดียวกัน
มันเป็นที่สิ้นสุดแห่งองค์ธรรมทั้งหมด มันจึงเป็นธรรมสุดท้ายของพระอภิธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2013, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


คุณอโศก กำลังว่า

อนัตตา เป็น นามธรรม

นามธรรม ต้องรู้อารมณ์ (ยกเว้น นิพพาน เท่านั้น เป็นนาม ที่ไม่รู้อารมณ์)

ท่านอโศกะจัดอนัตตา เป็น นามธรรม

ก็ยกไปทั้งพวกเลยสิ

อนิจจัง ก็เป็นนามธรรม
ทุกขัง ก็เป็นนามธรรม

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2013, 10:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็หมายถึงขันธ์ 5 นั่นแหละครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2013, 10:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ไม่มีอะไร นอกเหนือไปจาก รูป นาม อีกแล้วครับ ท่านอโศกะ

สิ่งใดไม่เป็นรูป สิ่งนั้นก็ต้้องเป็นนาม
สิ่งใดไม่เป็นนาม สิงนั้นก็ต้องเป็นรูป

อนัตตา เป็นรูป หรือ .................. ไม่ใช่
อนัตตา เป็นนาม หรือ ................ ไม่ใช่

อนัตตา ก็เลยไม่ใช่องค์ธรรม (คือ อนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงๆ นั่นเอง)


ผมว่า อนัตตา เป็นทั้งรูป และเป็นทั้งนาม ในสภาวะที่อาศัยเหตุ อนัตตาจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ นั่นเอง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2013, 13:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
คุณอโศก กำลังว่า

อนัตตา เป็น นามธรรม

นามธรรม ต้องรู้อารมณ์ (ยกเว้น นิพพาน เท่านั้น เป็นนาม ที่ไม่รู้อารมณ์)

ท่านอโศกะจัดอนัตตา เป็น นามธรรม

ก็ยกไปทั้งพวกเลยสิ

อนิจจัง ก็เป็นนามธรรม
ทุกขัง ก็เป็นนามธรรม

:b12: :b12: :b12:
คุณโกวิท ติดความหมายของนาม ว่าคือสิ่งที่ไปรู้รูป

แต่นาม รู้นาม ก็มีเยอะแยะ เคยภาวนาดูบ้างไหมครับ นามปัญญา นามเวทนา นามอุทธัจจะ...ความคิดนึกทั้งหลาย ก็ เป็น นามธรรม ความเป็น อัตตา อนัตตา ก็เป็นนามธรรม นามธรรมคือสิ่งทั้งปวงที่พ้นจาก รูป 28 นิพพานก็ถืออว่าเป็นนามธรรม แต่สภาวะของนิพพานนั้น พ้นจากความเป็น รูป-นาม

onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2013, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


คุณ อโศกะ กำลังเข้าใจว่า

อนัตตา เป็น นามธรรม
และ นิพพาน ไม่ใช่ นามธรรม

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2013, 04:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
คุณอโศก กำลังว่า

อนัตตา เป็น นามธรรม

นามธรรม ต้องรู้อารมณ์ (ยกเว้น นิพพาน เท่านั้น เป็นนาม ที่ไม่รู้อารมณ์)

ท่านอโศกะจัดอนัตตา เป็น นามธรรม

ก็ยกไปทั้งพวกเลยสิ

อนิจจัง ก็เป็นนามธรรม
ทุกขัง ก็เป็นนามธรรม

นิพพานในลักษณะของนิพพานธาตุ มีสองลักษณะนั้นก็คือ....
สอุปาทิเสสนิพานและอนุปาทิเสสนิพาน

อยากให้คุณโกวิท พิจารณา ในส่วนของสอุปาทิเสสนิพพานครับ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์
ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว
มีสังโยชน์ในภพนี้สิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นย่อมเสวย
อารมณ์ทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่

เพราะความที่อินทรีย์ ๕ เหล่าใดเป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย
อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอยังตั้งอยู่นั่นเทียว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่ง
โมหะ ของภิกษุนั้น นี้เราเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ


นี้เป็นส่วนหนึ่งเพื่ออ้างอิง แต่การดูพระสูตรควรดูให้จบทั้งพระสูตรครับ
เอาลิ้งมาวางครับ........ธาตุสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 242&Z=5274


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2013, 07:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8570


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
คุณอโศก กำลังว่า

อนัตตา เป็น นามธรรม

นามธรรม ต้องรู้อารมณ์ (ยกเว้น นิพพาน เท่านั้น เป็นนาม ที่ไม่รู้อารมณ์)

ท่านอโศกะจัดอนัตตา เป็น นามธรรม

ก็ยกไปทั้งพวกเลยสิ

อนิจจัง ก็เป็นนามธรรม
ทุกขัง ก็เป็นนามธรรม

ขอบคุณโพสต์นี้ มีความเห็นตรงกันครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2013, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


คุณโกวิท ติดความหมายของนาม ว่าคือสิ่งที่ไปรู้รูป

นาม ไม่ใช่สิ่งที่ไปรู้รูปอย่างเดียว
แต่นาม เป็นธรรมชาติที่ รู้อารมณ์

ให้ดูอารมณ์6 (อารมณ์6 รวม รูป จิต เจตสิก นิพพาน ไปด้วย ไม่ใช่รู้แต่รูปอย่างเดียว)

http://www.dharma-gateway.com/ubasika/nina/abhidham-17.htm


.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2013, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สภาวะนิพพาน พ้นจากรูปนาม

พูดว่า พ้นจากขันธ์ ดีกว่านะครับ

มันมีภาษาบาลีรองรับ ว่า ขันธวิมุตติ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2013, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
คุณ อโศกะ กำลังเข้าใจว่า

อนัตตา เป็น นามธรรม
และ นิพพาน ไม่ใช่ นามธรรม

:b12: :b12: :b12:
แต่สภาวะของนิพพานนั้น พ้นจากความเป็น รูป-นาม
:b7: :b1: :b1:
พิจารณาดูให้ดีๆนะครับ เพราะทำตัวหนาไว้ คิดไว้ล่วงหน้าแล้วด้วยว่าต้องมีคนท้วงติงโดยไม่พิจารณา
:b41: grin


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2013, 21:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
สภาวะนิพพาน พ้นจากรูปนาม

พูดว่า พ้นจากขันธ์ ดีกว่านะครับ

มันมีภาษาบาลีรองรับ ว่า ขันธวิมุตติ

cool
มันยังมีคำที่ดีกว่านี้อีกคือ

อสังขตัง

อสังขาร

ไม่ปรุง หรือหมด หรือ พ้น จากความปรุงแต่ง

onion onion onion :b12: :b16: :b1: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 11:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เคยได้ยินแต่ วิสังขาร ครับ

พ้นการ การปรุงแต่ง

หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับการปรุงแต่ง


อสังขตะ ...................... ก็คือ พ้นจากการเกิดดับ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร