วันเวลาปัจจุบัน 08 มิ.ย. 2025, 06:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 87 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เก็บมาฝากเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธรูป

ในชั้นอรรถกถาจารย์ท่านกล่าวไว้หลายที่ ทั้งส่วนของพระวินัยและพระสูตร แสดงว่า มีการยอมรับเรื่องพระ
ปฏิมากันมาเป็นพันปีแล้ว

ในเบื้องต้น พระอรรถกถาจารย์ท่านได้อธิบายธรรมไว้เพื่อเข้าใจง่ายขึ้น และในยุคอรรถกถาจารย์ ยังถือได้
ว่าไกล้ชิดพุทธกาลมากกว่ายุคนี้ พระอรรถกถาจารย์ผู้รจนาก็ต้องเป็นบุคคลที่คณะสงฆ์ในยุคนั้นยอมรับ
หากมีข้อที่ผิดพลาดสมควรแก้ไข ต้องมีคณะสงฆ์ในยุคนั้นแก้ไขแล้ว หรือ คัดค้านกันมาบ้างให้รู้

มาดูที่พระอรรถกถาจารย์ท่านพูดถึงพระพุทธรูปครับ (บางส่วน)

อรรถกถา พระวินัยปิฎก จุลวรรค

ชนทั้งหลายสร้างสถูปแล้ว ให้ภิกษุรับผ้าจำนำพรรษา. ธรรมดาสถูป
ไม่ใช่เสนาสนะ พึงโอนให้ภิกษุผู้จำพรรษาที่ต้นไม้หรือมณฑปซึ่งใกล้สถูปนั้น
รับไป.
ภิกษุนั้นพึงปรนนิบัติเจดีย์. แม้ในต้นโพธิ์ เรือนโพธิ์ เรือนปฏิมา
ร้านไม้กวาด ร้านเก็บไม้ เวจกุฎี ซุ้มประตู กุฎีน้ำ โรงน้ำ และโรงไม้สีไฟ
ก็มีนัยเหมือนกัน.

ตรงนี้กล่าวถึงเรื่อนปฏิมา ก็ได้แก่วิหารที่ตั้งพระปฏิมา หรือ พระพุทธรูปนั่นเอง



อรรถกถา พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์

ถามว่า ต่อมา เมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วชนเหล่าใด
ทำลายเจดีย์ ทำลายต้นโพธิ์ ประทุษร้ายพระบรมธาตุ กรรมอะไรจะเกิดแก่
ชนเหล่านั้น ?

ตอบว่า (การทำเช่นนั้น) เป็นกรรมหนัก เสมอด้วยอนันตริยกรรม.
แต่การตัดกิ่งไม้โพธิ์ที่ขึ้นเบียดพระสถูปที่บรรจุพระธาตุ หรือพระปฏิมา ควร
ทำ แม้ถ้าพวกนกจับที่กิ่งโพธิ์นั้นถ่ายอุจจาระรดพระเจดีย์ ก็ควรตัดเหมือน
กัน. ก็เจดีย์ที่บรรจุพระสรีรธาตุสำคัญกว่าบริโภคเจดีย์ (เจดีย์ที่บรรจุเครื่อง
ใช้สอยของพระพุทธเจ้า). แม้รากโพธิ์ที่งอกออกไปทำลายพื้นที่ ที่ทั้งเจดีย์
จะตัดทิ้งก็ควร ส่วนกิ่งโพธิ์กิ่งใดขึ้นเบียดเรือนโพธิ์ จะตัดกิ่งโพธิ์นั้นเพื่อ
รักษาเรือน (โพธิ์) ไม่ควร. ด้วยว่า เรือนมีไว้เพื่อต้นโพธิ์ ไม่ใช่ต้นโพธิ์มี
ไว้เพื่อประโยชน์แก่เรือน แม้ในเรือนอาสนะก็มีนัยนี้เหมือนกัน. ก็ในเรือน
อาสนะใด เขาบรรจุพระบรมธาตุไว้ เพื่อจะรักษาเรือนอาสนะนั้น จะตัดกิ่ง
โพธิ์เสียก็ได้. เพื่อการบำรุงต้นโพธิ์จะตัดกิ่งที่ค้อมลง หรือที่ (เนื้อ) เสีย
ออกไปก็ควรเหมือนกัน. แม้บุญก็ได้ เหมือนในการปฏิบัติพระสรีระของ
พระผู้มีพระภาคเจ้า.


ตรงนี้กล่าวถึงเรื่องการทำอนันตริยกรรมข้อว่า ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ใจความย่อเป็น
การวินิจฉัยว่า เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ข้อนี้จะพึงมีได้หรือ ถามตอบจนมาถึงตรงที่ยกมาให้อ่าน

ใจความในที่นี้ ผมนำมาให้เห็นว่า มีเรื่องพระปฏิมากันมานาน และเป็นที่ยอมรับกัน เพราะถ้าไม่ยอมรับ
ในเรื่องนี้ ก็คงมีปัญหาคัดค้านกันไว้ในอรรถกถาเป็นแน่

ข้อสังเกตเรื่องนี้ ถ้าพระปฏิมาจัดอยู่ในเจดีย์ชนิดหนึ่ง การทำลายพระพุทธรูป จัดเป็นอนันตริยกรรม แต่
ถ้าไม่ใช่ ก็รอดพ้นไป ฉะนั้น อย่าไปเสี่ยงที่จะทำลาย (ดูการตีความว่าพระพุทธรูปคือเจดีย์ของพระ
อรรถกถาจารย์ ในอรรถกถาต่อไป)

อรรถกถา พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ

อนึ่ง เมื่อพระพุทธเจ้าพระองค์ไร ๆ อื่น แม้ปรินิพพาน
แล้ว การทำความเคารพยำเกรง อุทิศสถานที่ประสูติ ที่ตรัสรู้ ที่ประกาศ
พระธรรมจักรและสถานที่ปรินิพพาน หรือเจดีย์ คือ พระปฏิมา [พระ-
พุทธรูป] ก็เป็นไปเหมือนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
. รัตนะที่เสมอด้วยพระตถา-
คต แม้เพราะอรรถว่าทำให้เกิดความเคารพยำเกรง ย่อมไม่มีด้วยประการฉะนี้.

จากอรรถกถานี้ ชี้ให้เห็นคือ
๑.พระพุทธองค์ตรัสเรื่องเจดีย์ที่นับเนื่องในการประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรมจักร และ ปรินิพพาน ไว้ แต่
รัตนะที่จะทำให้ย่ำเกรงเสมอด้วยพระพุทธเจ้าจริงๆไม่มี แม้จะทำการอุทิศในสถานที่ที่ปรากฎใน
อรรถกถานี้

๒.พระอรรถกถาจารย์ท่านยอมรับว่าพระปฏิมาหรือพระพุทธรูปนั้น คือเจดีย์ชนิดหนึ่ง จากข้อความที่ว่า
หรือเจดีย์ คือ พระปฏิมา

อรรถกถาต่อไปนี้แปลก ทำปฏิมารูปช้าง แต่เป็นช้างโพธิสัตว์ นำย่อมาแค่บางส่วน เรื่องยาวพอสมควร
ขออนุญาตย่อลงมา

อรรถกถามาตุโปสกชาดก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก

พระโพธิสัตว์ได้ ถวายปวัตตทานนั้นแด่ฤาษีเหล่านั้น.
พระราชาทรงรับสั่งให้สร้างรูปปฏิมา
อันสำเร็จด้วยศิลามีรูปเท่าพระโพธิสัตว์แล้ว
ได้ให้มหาสักการะเป็นไป. ประ-
ชาชนชาวชมพูทวีป ประชุมกันเป็นประจำปี ได้ทำการฉลองช้าง.
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงประกาศสัจจะ
ทั้งหลาย ประชุมชาดกว่า พระราชาในกาลนั้น ได้เป็นพระอานนท์
บุรุษชั่วได้เป็นพระเทวทัต นายหัตถาจารย์ได้เป็นพระสารีบุตร นางช้าง
นั้นได้เป็นพระนางมหามายาเทวี ส่วนช้างเชือกประเสริฐ ซึ่งเลี้ยงดู
มารดา คือเรานั่นเอง ผู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.


ถ้าอ่านพบ จะนำมาลงให้อ่านเพื่อประดับสติปัญญาต่อไปครับ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 10:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 21:59
โพสต์: 234

สิ่งที่ชื่นชอบ: ในตัวเอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บันไดขั้นสุดท้าย จะถึงได้เมื่อเริ่มเดินจากขั้นที่หนึ่ง

ทุกคนที่เป็นพุทธบริษัทธิ์ยุคนี้ ก่อนจะถึงระดับภูมิจิตชั้นประณีต
ก็ต้องเริ่มจากการ กราบพระพุทธรูปมาก่อนด้วยกันทั้งนั้น

การอธิษฐาน อ้อนวอน ขอโน่นขอนี่ จากพระพุทธรูปต่างหากที่ควรระวังและละเว้น

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ในยุคนี้ ยังจะมีคนเห็นดีเห็นงามกับการไม่กราบพระพุทธรูปได้

พระครูบาอาจารย์มากมายทั้งหลายในแผ่นดิน ที่เป็นที่เคารพ และมีปฏิปทาอันสะอาด
พวกท่านเหล่านั้นก็ยังกราบพระพุทธรูปอยู่ และไม่เคยสอนให้ใครเลิกกราบพระพุทธรูป

เพียงแต่สอนว่า หากต้องการยกระดับภูมิจิตให้สูงขึ้น ก็อย่ากราบด้วยความงมงาย
และอาศัยเพียงแค่พระพุทธรูปเป็นที่พึ่ง แต่ต้องปฏิบัติธรรมสำหรับจะมีธรรมในใจตน
เป็นที่พึ่งของตน เพราะที่พึ่งชนิดนี้ เป็นที่พึ่งที่แท้จริงกว่า พระพุทธรูปอันเป็นที่พึ่งภายนอก

และพึงปฏิบัติเพื่อเข้าถึงพุทธภาวะอันที่พระพุทธองค์เข้าถึงให้ได้ เมื่อนั้นบุคคลก็จะพบ
กับพระพุทธเจ้าที่แท้จริงอีกครั้ง ซึ่งก็คือพระพุทธเจ้าพระองค์ธรรมนั่นเอง

และถึงแม้ว่า บุคคลจะเข้าถึงพระพุทธเจ้าชนิดไหน ความเคารพในพระพุทธองค์ก็จะยังคงอยู่
การกราบพระพุทธรูปเพื่อแสดงความเคารพ ยังจะมีอะไรต้องเสียหาย ต้องมาถกเถียง
หรือการแสดงความเคารพพระพุทธองค์ คือการกระทำที่ไม่สมควร

ถ้าเป็นอย่างนั้น ชาวบ้านทั้งหลาย ผู้ปราถนาเครื่องยึดเหนี่ยวใจ จะให้เขาเคารพ
อะไรและจะเคารพพระธรรมโดยตรงได้ยังไง เพราะบุคคลจะเคารพพระธรรมได้อย่างแท้จริง
คนนั้นต้องมีความเชื่อและศรัทธาในตัวพระพุทธองค์มาก่อน เพราะศรัทธาในตัวพระองค์
จึงสนใจที่จะศึกษาหลักธรรมซึ่งพระองค์นำมาสอน

ไม่มีทางเป็นไปได้ที่คนจะมามีหลักธรรม มีคุณธรรม โดยไม่ได้เริ่มต้นจากการก้มกราบ
พระพุทธรูปมาก่อน คนที่แม้แต่พระพุทธรูปยังไม่กราบ คนอย่างนั้นจะไปมีคุณธรรมอะไรได้

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 11:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จางบาง เขียน:
พระครูบาอาจารย์มากมายทั้งหลายในแผ่นดิน ที่เป็นที่เคารพ และมีปฏิปทาอันสะอาด
พวกท่านเหล่านั้นก็ยังกราบพระพุทธรูปอยู่ และไม่เคยสอนให้ใครเลิกกราบพระพุทธรูป onion



ก็ถ้าท่านสอน บทบสรุปคงจะออกมาอย่างพระเกษมนี่ไง คนต่อต้าน grin

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 11:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กามโภคี เขียน:
เก็บมาฝากเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธรูป

ในชั้นอรรถกถาจารย์ท่านกล่าวไว้หลายที่ ทั้งส่วนของพระวินัยและพระสูตร แสดงว่า มีการยอมรับเรื่องพระปฏิมากันมาเป็นพันปีแล้ว



อ่อ คือคุณจะเอาเรื่องระยะเวลามาข่มขู่กรรโชก ทับถมผมใช่มั้ยครับ งั้นผมจะเอาเวลามากระซวกคุณบ้างนะ

พระพุทธรูปองค์แรกถูกสร้างขึ้นหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปริณิพพานไปแล้วเป็นเวลา 400 พรรษา(ปี)
โดยพระอริยะชาวกรีกรูปหนึ่ง ซึ่งพวกกรีกนี่นิยมบูชารูปปั้นเทพเจ้า ซีอุส วีนัส อะไรเทือกนั้นด้วยความคุ้นเคยต่อวัฒนธรรมของประเทศตน แล้วท่านก็กราบของท่านมาอย่างนั้น สร้างความเข้าใจผิดๆให้ลูกศิษย์ลูกหาเรื่อยมา

สมัยแรกๆ นั้นรูปปั้นพระพุทธรูปไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่พระด้วยกัน เพราะผิดหลักคำสอน อีกทั้งพุทธบริษัทผู้ศึกษาธรรมนั้นก็ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่เนื่องจากยังมีพุทธบริษัทจำนวนมากที่ขาดความ
เข้าใจเรื่องนี้ จึงหันไปกราบรูปปั้นที่เรียกว่าพระพุทธรูปด้วยความงมงาย ทางฝ่ายธรรมเองก็ทัดทานต่อ
เรื่องนี้ไม่ไหว เพราะมีผู้ที่ยังขาดความเข้าใจเป็นจำนวนมาก จึงได้ปล่อยปละละเลยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เพราะคิดเอาเองว่างมงายนิดหน่อยไม่น่าจะเสียหายอะไรหรอกมั้ง จึงปล่อยเขาไป พระครูบา
อาจารย์ทุกท่านที่มีชื่อเสียงในอดีต ท่านก็พยายามสอนไม่ให้ยึดติดกับพระพุทธรูปมาโดยตลอด แต่จริงๆ
พระเหล่านั้นรู้มั้ยครับว่าการกราบรูปปั้นเป็นสิ่งผิด ท่านก็รู้และอาจจะอยากให้เลิกกราบเลิกศรัทธารูปปั้น
ด้วยซำไป แต่ท่านเหล่านั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงให้คนเลิกกราบเลิกศรัทธารูปปั้น เพราะเรื่องความศเชื่อความ
ศรัทธานี่มันห้ามยาก เพราะคนมันงมงายจนเป็นกมลสันดารซะแล้ว ท่านจึงสอนได้แค่เพียงไม่ให้ยึดติด
ไม่ให้พึ่งพระพุทธรูป เพราะถ้าลองห้ามกราบห้ามบูชารูปปั้นพระพุทธรูปดูซิ่ จะได้เจองานเข้าอย่างพระ
เกษมไง โดนต่อต้านอย่างรุนแรงทันควัน

สรุป ที่มาของปัญหาก็มาจากพระชาวกรีกเมื่อพันกว่าปีก่อนนั่นล่ะ ที่สร้างปัญหาจนถึงปัจจุบัน ทำให้คน
เขางมงายเพราะความเข้าใจผิด

ฮากลิ้งน่ะข๊ะ กลิ้งไปกลิ้งมา ต้วหมุนติ้วๆข๊ะ แต่ก็ยังฮาอยู่ดีข๊ะ :b28: :b29: :b29:

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 11:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 20:18
โพสต์: 90


 ข้อมูลส่วนตัว




emotion_Msn023[1].gif
emotion_Msn023[1].gif [ 14.4 KiB | เปิดดู 5891 ครั้ง ]
ปลงซะ เขียน:
จางบาง เขียน:
พระครูบาอาจารย์มากมายทั้งหลายในแผ่นดิน ที่เป็นที่เคารพ และมีปฏิปทาอันสะอาด
พวกท่านเหล่านั้นก็ยังกราบพระพุทธรูปอยู่ และไม่เคยสอนให้ใครเลิกกราบพระพุทธรูป onion



ก็ถ้าท่านสอน บทบสรุปคงจะออกมาอย่างพระเกษมนี่ไง คนต่อต้าน grin




นั่นสิครับ...ครูบาอาจารย์ที่เป็นอริยสงฆ์มากมายท่านก็ยังกราบไหว้พุทธรูปแต่ท่านก็ยังสามารถธรรมลุธรรมตัดกิเลสได้ ไม่เหมือนใครบางคนบอกว่าตัวเองไม่นับถือพุทธรูปแต่กิเลสกลับท่วมหัวจนล้นออกมา เที่ยวกัดคนนั้นคนนี้ไปทั่ว เห็นแล้วน่าสมเพสเวทธนาจริงๆ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


โดยส่วนตัวการกราบพระพุทธเป็นสิ่งที่สมควรกราบอย่างยิ่ง ไม่มีเหตุผลไหนที่ควรจะปฏิเสธ เหมือนมีโต๊ะหมุ่บูชา มีตัวแทนของพุทธเจ้า และมีตัวแทนพระสงฆเจ้า ให้กราบไหว้บูชา ยิ่งมนุษย์เราเปนปุถุชนยังต้องเวียนว่ายตายเกิิด หากยังไม่ถึงโมกขธรรม การกราบไหว้เปนสิ่งที่ควรทำ แม้หมดกิเลสก้สมควรที่ต้องทำ
พระพุทธรุปเท่าที่ทราบมาไม่ใช่จะสร้างกันง่ายๆ ต้องให้ช่างที่ฝีมือสร้างขึ้น ผ่านการทำพิธีปลุกเสกขึ้นเพื่อ
ให้ดูศักดิ์สิทธิ และที่สำคัญต้องมีคนใจบุญนำมาถวายและทำพิธีอัญเชิญเข้าโบสโดยเจ้าอาวาสที่วัดนั้น มีหลายขั้นตอนสำคัญ อีกอย่างพระประธานที่วัดที่กราบ หากคนไปทำบุญได้กราบไหว้ย่อมเปนมงคล ยิ่งกราบไหว้มากยิ่งศักดิสิทธิมากไปด้วย เปนอามิสบูชาคือกราบตัวของพระองค์ ถึงมีพระในใจไว้ไหว้แล้ว และนอกจากนี้พระพุทธรุปที่คนชอบกราบไหว้มักจะเทพเทวามาสิงสถิตย์เพื่อดูแลรักษาและอวยพรให้
คือการปฏิบัติบุชาหรือพุทธานุสสติ แต่ว่าก้ควรมีอามิชบูชาไว้ปฏิบัติเช่นกัน ซึ้งเทั้งข้างนอกซึ้งทั้งข้างใน
ไม่ใช่เรื่องที่ควรละเลย หรือไม่ควร แต่ต้องทำทุกครั้งที่ทำวัตรสวดมนต์ หรือเวลาเข้าไปทำบุญหรือนั่งสมาธิ

ขอแนะอีกอย่าง หน้าที่ชาวพุทธง่ายๆ มี อาราธนาศีลเป็น แผ่เมตตาเป็นกราบพระเป็น
ข้อสุดท้ายที่หมายถึงกราบเบญจางคฯต่อตัวแทนของพระพุทธองค์อันได้แก่พระพุทธรุปต่างๆ่ แหละครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


กามโภคี เขียน:
เก็บมาฝากเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธรูป


คุณปลงฯ เข้าใจข้อความข้างบนไหมครับ ไม่ได้ระบุถึงใครเลย ฉะนั้นการที่คุณกล่าวว่า

ปลงซะ เขียน:
อ่อ คือคุณจะเอาเรื่องระยะเวลามาข่มขู่กรรโชก ทับถมผมใช่มั้ยครับ


ใครไปข่มขู่คุณเหรอครับ ใครไปทับถมคุณ ไปบอกกับคนนั้นซิครับ


ปลงซะ เขียน:
พระพุทธรูปองค์แรกถูกสร้างขึ้นหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปริณิพพานไปแล้วเป็นเวลา 400 พรรษา(ปี)
ดยพระอริยะชาวกรีกรูปหนึ่ง ซึ่งพวกกรีกนี่นิยมบูชารูปปั้นเทพเจ้า ซีอุส วีนัส อะไรเทือกนั้นด้วยความคุ้นเคยต่อวัฒนธรรมของประเทศตน แล้วท่านก็กราบของท่านมาอย่างนั้น สร้างความเข้าใจผิดๆให้ลูกศิษย์ลูกหาเรื่อยมา


ตกลงว่าพระอริยะหรือเปล่าครับที่สร้างพระพุทธรูป

พระอริยะทั่วไปท่านคงทราบดีว่าอะไรควรไม่ควร อะไรเหมาะควรแก่คำสอนในพระศาสนา อะไรควรละ
อะไรควรสอน ถ้าท่านเป็นพระอริยะแล้วทำพระพุทธรูป ผมคงต้องอนุโมทนากับท่านนะครับ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 13:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อินทรีย์5 เขียน:
การปฏิบัติบุชาหรือพุทธานุสสติ แต่ว่าก้ควรมีอามิชบูชาไว้ปฏิบัติเช่นกัน ซึ้งเทั้งข้างนอกซึ้งทั้งข้างใน
ไม่ใช่เรื่องที่ควรละเลย หรือไม่ควร แต่ต้องทำทุกครั้งที่ทำวัตรสวดมนต์ หรือเวลาเข้าไปทำบุญหรือนั่งสมาธิ


เหมือนการดูแลพ่อแม่เลย นอกจากจะระลึกนึกถึงแล้ว ก็ต้องส่งข้าวส่งน้ำเลี้ยงดู

ได้ทั้งปฏิบัติบูชาและอามิสบูชา

ขอบคุณใน คห. ครับ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แสงธรรม14 เขียน:
ปลงซะ เขียน:
จางบาง เขียน:
พระครูบาอาจารย์มากมายทั้งหลายในแผ่นดิน ที่เป็นที่เคารพ และมีปฏิปทาอันสะอาด
พวกท่านเหล่านั้นก็ยังกราบพระพุทธรูปอยู่ และไม่เคยสอนให้ใครเลิกกราบพระพุทธรูป onion



ก็ถ้าท่านสอน บทบสรุปคงจะออกมาอย่างพระเกษมนี่ไง คนต่อต้าน grin




นั่นสิครับ...ครูบาอาจารย์ที่เป็นอริยสงฆ์มากมายท่านก็ยังกราบไหว้พุทธรูปแต่ท่านก็ยังสามารถธรรมลุธรรมตัดกิเลสได้


อุ๊ว...คุณแสงธรรม14 ครับ คุณเมายาหรือว่าหน้ามืดครับ ผมอ้างอิง คห ของคุณจางบางในประเด็นที่ว่า พระท่านสอน หรือไม่สอน สาธุชน ในเรื่องการกราบรูปปั้น

แต่คุณเอาผมมาอ้างอิงแล้วพาออกนอกประเด็นพยายามจะโยงประเด็นไปทางพระอาจารย์นั่นนี่กราบพระ ดียังงั้นดีอย่างงี้ เพื่อที่จะหาช่องทางเอาพระอาจารย์นั่นนี่มาบังหน้า ผมขอเตือนสติคุณว่าตอนนี้คุณกำลังคุยกับผมและผมก็กำลังคุยกับคุณ ผมไม่ได้คุยกับพระอาจารย์ที่ไหน เพราะฉนั้นพยายามอย่าโยงไปเรื่องพระอาจารย์ของคุณนะจ๊ะ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงคุณภาพการทำงานของสมองที่ด้อยไร้ประสิทธภาพของคุณ ผมขอบอกว่าหน้ามิอายนะข๊ะๆ กิ๊วๆ :b28:


แสงธรรม14 เขียน:
ไม่เหมือนใครบางคนบอกว่าตัวเองไม่นับถือพุทธรูปแต่กิเลสกลับท่วมหัวจนล้นออกมา เที่ยวกัดคนนั้นคนนี้ไปทั่ว เห็นแล้วน่าสมเพสเวทธนาจริงๆ


อุ๊ว...จุ๊ย์ๆๆ แบบนี้ใครน่าสมเพชเวทนากันแน่น๊า หาว่าเขาแยกเขี้ยวใส่ แต่ตัวเองแขวะเขาใหญ่เลย แถมแขวะดันแขวะไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดี รูปภาพดันแขวะไปโดนตัวเองซะได้ นี่ๆ ทีหลังคิดจะแขวะกันน่ะนะ จะขอบอกให้ว่า พยายามรวมรวมสติให้น้ำในสมองของคุณมันเท่ากันซะก่อนนะครับแล้วใช้สติพิจารณาบทความและประเด็นให้ดี เอาให้แน่ใจซะก่อนว่าเขาคุยกันเรื่องอะไร แล้วค่อยบรรจงแขวะ เพราะถ้าแขวะแบบหมาเมายาเบื่อ มันอาจจะเจ็บตัวกลับไปได้นะจ๊ะ เพราะอาจโดนกระซวกไส้ กระซวดตับเอาไปทำตับหวานน่ะจ๊ะ

รูปภาพบ๊ะ มันช่างฮาจริง ฮากลิ้งอย่าบอกใคร กลิ้งไปกลิ้งมา ต้วหมุนติ้วๆข๊ะ แต่ก็ยังฮาอยู่ดีข๊ะ :b13: :b9: :b32:

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กามโภคี เขียน:
กามโภคี เขียน:
เก็บมาฝากเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธรูป


คุณปลงฯ เข้าใจข้อความข้างบนไหมครับ ไม่ได้ระบุถึงใครเลย ฉะนั้นการที่คุณกล่าวว่า

ปลงซะ เขียน:
อ่อ คือคุณจะเอาเรื่องระยะเวลามาข่มขู่กรรโชก ทับถมผมใช่มั้ยครับ


ใครไปข่มขู่คุณเหรอครับ ใครไปทับถมคุณ ไปบอกกับคนนั้นซิครับ


อ้าว พูดงี้แสดงว่าจะไม่รับผิดชอบล่ะสิ่ ก็คุณไปก๊อบข้อความเขามาคุณจะมาปฏิเสธความรับผิดชอบหน้าตาเฉย ไม่อายจิตสำนึกของตัวเองบ้างเหรอครับ เอาเขามาประจาน พอมีคนไม่เห็นด้วยคุณก็ให้ไปลงที่ต้นสังกัด นี่ถ้าผมจะไปบอกต้นสังกัดผมก็ต้องไปแสดง คห ที่เวบต้าสังกัดดิ่ครับ อันนี้ผมกำลังอลยู่ที่เวบธรรมจักรครับ แล้วคุณไปเอาเขามาอ้าง เวลาผมจะแสดง คห ใดๆ เกี่ยวกับบทความ ก็ที่นี่แหละครับ ถูกแล้ว และคุณมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการที่คุณไปก๊อบเขามาครับ ต้องแก้ต่างให้เขาด้วย ไม่ใช่ทำตัวเหมือนปลาไหล ถ้าเป็นอย่างนี้ทีหลังก็อย่าไปก๊อบข้อความใครมาชุ่ยๆครับ


กามโภคี เขียน:
ปลงซะ เขียน:
พระพุทธรูปองค์แรกถูกสร้างขึ้นหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปริณิพพานไปแล้วเป็นเวลา 400 พรรษา(ปี)
ดยพระอริยะชาวกรีกรูปหนึ่ง ซึ่งพวกกรีกนี่นิยมบูชารูปปั้นเทพเจ้า ซีอุส วีนัส อะไรเทือกนั้นด้วยความคุ้นเคยต่อวัฒนธรรมของประเทศตน แล้วท่านก็กราบของท่านมาอย่างนั้น สร้างความเข้าใจผิดๆให้ลูกศิษย์ลูกหาเรื่อยมา


ตกลงว่าพระอริยะหรือเปล่าครับที่สร้างพระพุทธรูป

พระอริยะทั่วไปท่านคงทราบดีว่าอะไรควรไม่ควร อะไรเหมาะควรแก่คำสอนในพระศาสนา อะไรควรละ
อะไรควรสอน ถ้าท่านเป็นพระอริยะแล้วทำพระพุทธรูป ผมคงต้องอนุโมทนากับท่านนะครับ


อ้าวให้ตายเหอะ พุดโธ่เอ๊ย นี่ขนดชัดเจนขนาดนี้ยังไม่เข้าใจต้องย้อนกลับมาถามผมอีก ผมก็อธิบายไว้แล้วว่าพระชาวกรีกเป็นคนสร้าพระพุทธรูป คุณใช้สติหน่อยสิครับ อ่านดูใหม่หลายรอบก็ได้ครับจะได้เข้าใจซะที ว๊า ส่วนเรื่ออนุโมนานั่นน่ะมันเรื่องของคุณครับ คุณอยากหน้ามืดหรืออะไรมันก็เรื่องของคุณนะจ๊ะ

บ๊ะ มันช่างฮาจริง :b28:

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 14:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลงซะ เขียน:
อ้าว พูดงี้แสดงว่าจะไม่รับผิดชอบล่ะสิ่ ก็คุณไปก๊อบข้อความเขามาคุณจะมาปฏิเสธความรับผิดชอบหน้าตาเฉย ไม่อายจิตสำนึกของตัวเองบ้างเหรอครับ เอาเขามาประจาน พอมีคนไม่เห็นด้วยคุณก็ให้ไปลงที่ต้นสังกัด นี่ถ้าผมจะไปบอกต้นสังกัดผมก็ต้องไปแสดง คห ที่เวบต้าสังกัดดิ่ครับ อันนี้ผมกำลังอลยู่ที่เวบธรรมจักรครับ แล้วคุณไปเอาเขามาอ้าง เวลาผมจะแสดง คห ใดๆ เกี่ยวกับบทความ ก็ที่นี่แหละครับ ถูกแล้ว และคุณมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการที่คุณไปก๊อบเขามาครับ ต้องแก้ต่างให้เขาด้วย ไม่ใช่ทำตัวเหมือนปลาไหล ถ้าเป็นอย่างนี้ทีหลังก็อย่าไปก๊อบข้อความใครมาชุ่ยๆครับ


คุณพูดถึงอะไรครับ ผมไม่เข้าใจเลย ผมงงจริงๆ
และผมเอาใครมาประจาน

ปลงซะ เขียน:
อ้าวให้ตายเหอะ พุดโธ่เอ๊ย นี่ขนดชัดเจนขนาดนี้ยังไม่เข้าใจต้องย้อนกลับมาถามผมอีก ผมก็อธิบายไว้แล้วว่าพระชาวกรีกเป็นคนสร้าพระพุทธรูป คุณใช้สติหน่อยสิครับ อ่านดูใหม่หลายรอบก็ได้ครับจะได้เข้าใจซะที ว๊า
บ๊ะ มันช่างฮาจริง :b28:


คุณบอกว่าพระอริยะสร้างนะครับ ผมก็เลยอนุโมทนา เพราะเรื่องหลุดพ้นหรือไม่ ผมเชื่อว่าพระอริยะท่านไม่หลอกให้หลงผิด ในเมื่อพระอริยะสร้าง ผมก็มีเหตุผลสมควรแล้วครับ

ปลงซะ เขียน:
พระพุทธรูปองค์แรกถูกสร้างขึ้นหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปริณิพพานไปแล้วเป็นเวลา 400 พรรษา(ปี)
โดยพระอริยะชาวกรีกรูปหนึ่ง ซึ่งพวกกรีกนี่นิยมบูชารูปปั้นเทพเจ้า ซีอุส วีนัส อะไรเทือกนั้นด้วยความคุ้นเคยต่อวัฒนธรรมของประเทศตน แล้วท่านก็กราบของท่านมาอย่างนั้น สร้างความเข้าใจผิดๆให้ลูกศิษย์ลูกหาเรื่อยมา


อ้างอิงมาให้ดูครับ ผมคิดว่าถ้าท่านผู้สร้างเป็นพระอริยะ เราก็นับถือตามได้
เลยถามย้ำไปว่าจริงไหม ก็เท่านั้นเอง

กรุณาอย่าพูดแบบกระทบกระแทก เพราะวาจาเช่นนั้นบ่งบอกตัวคุณเอง

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 20:18
โพสต์: 90


 ข้อมูลส่วนตัว




emotion_Msn046[1].gif
emotion_Msn046[1].gif [ 13.95 KiB | เปิดดู 5867 ครั้ง ]
ปลงซะ เขียน:
[quote="สรุป ที่มาของปัญหาก็มาจากพระชาวกรีกเมื่อพันกว่าปีก่อนนั่นล่ะ ที่สร้างปัญหาจนถึงปัจจุบัน ทำให้คน
เขางมงายเพราะความเข้าใจผิด


คุณอย่ามากล่าวโทษมั่วสิครับ....เขาสร้างพุทธรูปมาก็เพื่อให้คนบูชาไม่ใช่ให้มาทะเละกัน...ไอ้ที่ทะเละกันอ่ะคนมันบ้าสร้างกระแสขึ้นมาโดยไร้เหตุ....ไม่มองสภาพของความเป็นจริง ที่บอกว่าชาวพุทธไม่รู้จักศึกษาไม่ไตรปิฏกถามหน่อยชาวพุทธไม่รู้จริงหรือไม่สนใจกันแน่.....ผมละเบื่อจริงๆพวกที่ชอบคิดไปเอง เอยเอง แล้วก็คิดว่าคนอื่นเป็นอย่างตัวเองคิด... :b7: :b7:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 15:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กามโภคี เขียน:
ปลงซะ เขียน:
อ้าว พูดงี้แสดงว่าจะไม่รับผิดชอบล่ะสิ่ ก็คุณไปก๊อบข้อความเขามาคุณจะมาปฏิเสธความรับผิดชอบหน้าตาเฉย ไม่อายจิตสำนึกของตัวเองบ้างเหรอครับ เอาเขามาประจาน พอมีคนไม่เห็นด้วยคุณก็ให้ไปลงที่ต้นสังกัด นี่ถ้าผมจะไปบอกต้นสังกัดผมก็ต้องไปแสดง คห ที่เวบต้าสังกัดดิ่ครับ อันนี้ผมกำลังอลยู่ที่เวบธรรมจักรครับ แล้วคุณไปเอาเขามาอ้าง เวลาผมจะแสดง คห ใดๆ เกี่ยวกับบทความ ก็ที่นี่แหละครับ ถูกแล้ว และคุณมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการที่คุณไปก๊อบเขามาครับ ต้องแก้ต่างให้เขาด้วย ไม่ใช่ทำตัวเหมือนปลาไหล ถ้าเป็นอย่างนี้ทีหลังก็อย่าไปก๊อบข้อความใครมาชุ่ยๆครับ


คุณพูดถึงอะไรครับ ผมไม่เข้าใจเลย ผมงงจริงๆ
และผมเอาใครมาประจาน


พุดโธ่เอ๊ย นี่ขนดชัดเจนขนาดนี้ยังไม่เข้าใจอีก งงต่อไปแล้วกันนะ อนิจจา

กามโภคี เขียน:
ปลงซะ เขียน:
อ้าวให้ตายเหอะ พุดโธ่เอ๊ย นี่ขนดชัดเจนขนาดนี้ยังไม่เข้าใจต้องย้อนกลับมาถามผมอีก ผมก็อธิบายไว้แล้วว่าพระชาวกรีกเป็นคนสร้าพระพุทธรูป คุณใช้สติหน่อยสิครับ อ่านดูใหม่หลายรอบก็ได้ครับจะได้เข้าใจซะที ว๊า
บ๊ะ มันช่างฮาจริง :b28:


คุณบอกว่าพระอริยะสร้างนะครับ ผมก็เลยอนุโมทนา เพราะเรื่องหลุดพ้นหรือไม่ ผมเชื่อว่าพระอริยะท่านไม่หลอกให้หลงผิด ในเมื่อพระอริยะสร้าง ผมก็มีเหตุผลสมควรแล้วครับ


กามโภคี เขียน:
ปลงซะ เขียน:
พระพุทธรูปองค์แรกถูกสร้างขึ้นหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปริณิพพานไปแล้วเป็นเวลา 400 พรรษา(ปี)
โดยพระอริยะชาวกรีกรูปหนึ่ง ซึ่งพวกกรีกนี่นิยมบูชารูปปั้นเทพเจ้า ซีอุส วีนัส อะไรเทือกนั้นด้วยความคุ้นเคยต่อวัฒนธรรมของประเทศตน แล้วท่านก็กราบของท่านมาอย่างนั้น สร้างความเข้าใจผิดๆให้ลูกศิษย์ลูกหาเรื่อยมา


อ้างอิงมาให้ดูครับ ผมคิดว่าถ้าท่านผู้สร้างเป็นพระอริยะ เราก็นับถือตามได้
เลยถามย้ำไปว่าจริงไหม ก็เท่านั้นเอง

กรุณาอย่าพูดแบบกระทบกระแทก เพราะวาจาเช่นนั้นบ่งบอกตัวคุณเอง



ก็ถึงบอกไงครับว่าจะหลับหูหลับตาอนุโมทนาต่อไป ก็เรื่องของคุณครับ แล้วผมไปกระทบกรแทกคุณตอนไหนครับ อย่ามาใส่ร้ายกันหน้าตาเฉยสิครับ เพราะมันบ่งบอกถึงความไร้ศักยภาพของคุณนะจ๊ะ

ฮามั่กนะข๊ะ :b32:

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แสงธรรม14 เขียน:
ปลงซะ เขียน:
[quote="สรุป ที่มาของปัญหาก็มาจากพระชาวกรีกเมื่อพันกว่าปีก่อนนั่นล่ะ ที่สร้างปัญหาจนถึงปัจจุบัน ทำให้คน
เขางมงายเพราะความเข้าใจผิด


คุณอย่ามากล่าวโทษมั่วสิครับ....เขาสร้างพุทธรูปมาก็เพื่อให้คนบูชาไม่ใช่ให้มาทะเละกัน...ไอ้ที่ทะเละกันอ่ะคนมันบ้าสร้างกระแสขึ้นมาโดยไร้เหตุ....ไม่มองสภาพของความเป็นจริง ที่บอกว่าชาวพุทธไม่รู้จักศึกษาไม่ไตรปิฏกถามหน่อยชาวพุทธไม่รู้จริงหรือไม่สนใจกันแน่.....ผมละเบื่อจริงๆพวกที่ชอบคิดไปเอง เอยเอง แล้วก็คิดว่าคนอื่นเป็นอย่างตัวเองคิด... :b7: :b7:


นั่นน่ะสิ่ พวกสร้างกระแสนี่งมงายเป็นบ้าเป็นหลังจริงๆ ว่างั้นมั้ย คุณแสงธรรม14
ชอบคิดเอง เออเอง แล้วก็คิดว่าคนอื่นจะคล้อยตามซะด้วยสิ่ น่าขายขี้หน้าเจงๆ

ฮามั่กนะข๊ะ ฮากลิ้งเลยข๊ะ กิ๊วๆรูปภาพ

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2011, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณปลง คุณแสงธรรม

จบหรือยังครับ ถ้าไม่มี คห.อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และประสงค์จะดวนสติปัญญากัน ก็ไปตั้งกระทู้ใหม่ให้
เป็นที่เป็นทางครับ

ขอความกรุณาอย่ามาทำกระทู้ผมเสียหายเลย

ขอความอนุเคราะห์จากท่านทั้ง ๒ คนครับ

ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 87 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ลุงหมาน และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร