วันเวลาปัจจุบัน 24 ก.ค. 2025, 08:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 94 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนบ้านเดียวกัน เขียน:

การที่วงปฏิจจฯมีในส่วนของอวิชาไว้ ก็เพื่อจะบอกให้รู้ว่า สิ่งที่จิตไปยึดมั่น
ถือมั่นในขบวนการของปฏิจจฯ มันทำให้เกิดเชื้อหรือเหตุปัจจัยส่งต่อไปสู่
ชาติหน้า ท่านว่าเราต้องปฏิบัติจนบรรลุถึงขั้นอรหันต์เพื่อจะได้มาตัดช่วง
รอยต่อภพชาติจะได้ไม่ต้องไปเกิดอีกเพราะสิ้นเชื้อแล้ว

ปัญญาพระพุทธเจ้า...เกินกว่าจะใช้คำใด ๆ

อย่าเอา...ปัญญาอันธรรมดาสามัญของเรา ๆ...ไปตัดสินธรรมะของท่านเลยครับ

คนบ้านเดียวกัน เขียน:
ที่ท่านเอาบัญญัติอวิชามาไว้ตรงรอยต่อระหว่างภพชาติกับสังขาร
ก็เพื่อให้เข้าใจว่า ถ้าเราปฏิบัติจนถึงขั้นอรหันต์นิพพานแล้ว
จะเป็นการตัดภพชาติไม่ให้เกิดสังขารต่อ อันเป็นเหตุให้เวียนว่ายตายเกิด



เห็นมาหลายคนแล้วครับ..ที่ชอบว่าปฏิจจฯเป็นวงกลม...น่าจะใช้ปัญญาให้มากกว่านี้นะ...

ถ้าเป็นวงกลม....ชาติ..ก็ต้องเป็นปัจจัยให้เกิด...อวิชชา..นะซิ

อวิชชา...ไม่ได้มี...ชาติเป็นปัจจัย..ให้เกิด...เด้อท่าน...ระวังกันหน่อย...ชอบกันจังนะ..ไอ้วงกลมนี้

ในปฏิจจฯ...ท่านก็บอกใว้ชัดเจนดีแล้ว...ว่ามาสุดที่...ชาติ
ชาติ..คือ...เกิดใช่มั้ย....เกิดมาแล้วมีอะไร??

นามรูป...

ขัดเจนว่า..วงกลมปฏิจจฯ...มันมาที่..นามรูป

หากไม่เข้าใจ...ก็อย่าไปเขียนให้เป็นวงซะจะดีกว่า...

ท่องกันตามแบบ..คือ..อนุโลม..ปฏิโลม...ตามแบบอย่างที่ท่านสอนมา...ดีอยู่แล้ว

อย่าหัวล้านเกินครู

บ่น ๆ นะครับ..ไม่ได้ว่าคุณ "คนบ้านเดียวกัน"...นะ s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 03:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนบ้านเดียวกัน เขียน:
.....
อันที่จริงคนที่รู้เรื่องปฏิจจฯ ย่อมต้องรู้ว่า วงปฏิจจฯมันไม่ได้มีอะไร
เพียงแต่ มันเป็นผังของอรหันต์การไปนิพพาน มันไม่ใช่เรื่องการปฏิบัติ
....
เรื่องการปฏิบัติมันอยู่ในการรู้อริยสัจสี่และปฏิบัติมรรคมีองค์แปด
เพื่อให้ได้วิชชามาตัดวงจรปฏิจจฯ
.....

สมุทัย..นี้...อยู่ในอริยะสัจ 4 มั้ย?? :b12: :b12:

สมุทัย อยู่ในอริยสัจจ์สี่
ในวงจรปฏิจจ์ฯ ที่ว่าด้วยอวิชา มันคือ ไม่รู้อริยสัจจ์สี่
สมุทัยนี่ก็เช่นกันก็คือ ไม่รู้เหตุแห่งทุกข์

สิ่งที่ต้องสังเกตุ คือคำว่า ไม่รู้จึงจะเป็นอวิชาในความหมายของปฏิจจ์

ส่วนการรู้อวิชาหรือรู้อริยสัจจ์สี่ ความหมายนี้ไม่ได้มีความหมายในวงปฏิจจ์ฯ

การรู้อริยสัจจสี่ก็ยังไม่ใช่ วิชชาที่สมบูรณ์ มันเป็นแค่เหตุให้เกิดวิชชาที่สมบูรณ์
และยังมีเหตุที่ทำให้เกิดวิชชาอีกก็คือ การรู้อดีต การรู้อนาคต การรู้อดีตและอนาคต
ท้ายสุดคือการรู้ปฏิจจสมุบาท ความรู้ต่างๆเหล่านี้ต้องจบลงด้วยการ
ปฏิบัติอริยมรรคมีองค์แปด

สรุปคือการรู้อวิชาแปด จึงไม่ใช่อวิชาในวงปฏิจจ์ เพราะมันตรงข้ามกัน
การรู้อวิชาแปด เพื่อเอามาตัดวงจรปฏิจจฯ พอสังเกตุง่ายๆ คือ
อวิชาเป็นตัวเชื่อมวงปฏิจจ์ แต่ความรู้อวิชาเป็นตัวตัดวงจรปฏิจจ์
อย่าลืมครับรู้แค่เรื่องอริยสัจจ์สี่ ยังไม่ใช่วิชชานะครับ วิชชาที่จะมาตัดวง
ปฏิจจ์ได้ต้องเกิดจากการปฏิบัติอริยมรรคมีองค์แปดจนเกิดปัญญาวิมุตติ
ตัวปัญญาวิมุตตินั้นแหล่ะครับ เป็น วิชชาที่สมบูร์แบบ
เป็นการรู้แจ้งแทงตลอดปฏิจจสมุบาท ตัดวงจรปฏิจจฯได้


อนึ่งบอกกล่าวครับ ความเห็นที่อ้างอิงมันเป็นความเห็นของ
ผมชื่อ....โฮฮับครับ เลยถือวิสาสะตอบแทนคุณ"คนบ้านเดียวกัน"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 04:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนบ้านเดียวกัน เขียน:
การที่วงปฏิจจฯมีในส่วนของอวิชาไว้ ก็เพื่อจะบอกให้รู้ว่า สิ่งที่จิตไปยึดมั่น
ถือมั่นในขบวนการของปฏิจจฯ มันทำให้เกิดเชื้อหรือเหตุปัจจัยส่งต่อไปสู่
ชาติหน้า ท่านว่าเราต้องปฏิบัติจนบรรลุถึงขั้นอรหันต์เพื่อจะได้มาตัดช่วง
รอยต่อภพชาติจะได้ไม่ต้องไปเกิดอีกเพราะสิ้นเชื้อแล้ว

ปัญญาพระพุทธเจ้า...เกินกว่าจะใช้คำใด ๆ
อย่าเอา...ปัญญาอันธรรมดาสามัญของเรา ๆ...ไปตัดสินธรรมะของท่านเลยครับ

ผมว่าเจ้าของความเห็น นั้นแหล่ะควรเอาคำพูดตัวเองไปพิจารณาว่า
สิ่งที่ตัวเองพูด เป็นเงาสะท้อนตัวตนของตัวหรือเปล่า

สิ่งที่เจ้าของความเห็นพูด มันมีคือลักษณะดังนี้ครับ
คือ เที่ยวชี้นิ้วด่าครูบาอาจารย์คนอื่น เป็นเดียร์ถีบ้าง เป็นอลัชชีบ้าง
เที่ยวใส่ความพระเป็นปาราชิกบ้างล่ะ แล้วก็อวยอาจารย์ตัวเองเป็นพระอรหันต์
ถามหน่อย ไอ้คนที่ทำแบบนี้มันเอาปัญญาของพระพุทธไปเสมอตัวมันหรือเปล่า


แล้วอยากทราบหน่อยครับ เจ้าของความเห็นรู้จัก พระธรรมกถึกหรืออรรถกถาจารย์มั้ย
ถ้าเอาแบบนี้คุณว่า ครูบาอาจารย์เหล่านั้น เข้าข่ายที่คุณบอกหรือเปล่า

พุดโธ่! มันก็ตัวเองทั้งนั้นอาการมันฟ้อง ตัวเองไม่รู้ก็บอกไม่ใช่ แต่ไม่รู้ว่าไม่ใช่อย่างไร
ฉะนั้นจะต้องรอให้ฉันรู้ก่อน ถ้าใครรู้ก่อนฉันแล้วเอามาพูด มันผู้นั้นเป็นผู้เอา
ปัญญาพระพุทธเจ้ามาเล่นตลกแกมสังเวชกับใจมนุษย์จริงๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 05:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนบ้านเดียวกัน เขียน:
ที่ท่านเอาบัญญัติอวิชามาไว้ตรงรอยต่อระหว่างภพชาติกับสังขาร
ก็เพื่อให้เข้าใจว่า ถ้าเราปฏิบัติจนถึงขั้นอรหันต์นิพพานแล้ว
จะเป็นการตัดภพชาติไม่ให้เกิดสังขารต่อ อันเป็นเหตุให้เวียนว่ายตายเกิด

เห็นมาหลายคนแล้วครับ..ที่ชอบว่าปฏิจจฯเป็นวงกลม...น่าจะใช้ปัญญาให้มากกว่านี้นะ...
ถ้าเป็นวงกลม....ชาติ..ก็ต้องเป็นปัจจัยให้เกิด...อวิชชา..นะซิ
อวิชชา...ไม่ได้มี...ชาติเป็นปัจจัย..ให้เกิด...เด้อท่าน...ระวังกันหน่อย...ชอบกันจังนะ..ไอ้วงกลมนี้
ในปฏิจจฯ...ท่านก็บอกใว้ชัดเจนดีแล้ว...ว่ามาสุดที่...ชาติ
ชาติ..คือ...เกิดใช่มั้ย....เกิดมาแล้วมีอะไร??

ก็เคยบอกล่วงหน้าไว้ว่า อย่าพึ่งไปสนใจกับเรื่องปฏิจจ์
ให้ไปศึกษาเรื่องอริยสัจจ์และปฏิบัติภาวนาให้ดีเสียก่อน
นี่ก็มาอีกคนแล้ว แสดงความเห็นทื่อๆสั้นๆ แบบนี้มันตรงข้ามกับชื่อตัวเอง

วงปฏิจจ์ทั้งวงมันรวมความถึงไตรสิกขาทั้งหมด โพธิปักขิยธรรมสรุปลงที่
อริยมรรคมีองค์แปดทั้งหมด แบบนี้มันน่าตลกมั้ยที่เจ้าของความเห็น
มาแสดงความทื่อๆด้วนๆ ลายละเอียดที่มาที่ไปสมมุติบัญญัติ ที่ว่าด้วยอวิชา
ผมก็อธิบายไว้ว่าทำไมต้องเรียกอวิชา ไม่รู้ได้ดูหรือเปล่าหรืออาจจะดูแต่ไม่รู้

แล้วทำไมต้องเป็นวงกลม เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ มันเป็นการเปรียบเทียบการ
เวียนว่ายตายเกิด เริ่มต้นอย่างไรก็กลับมาที่เก่า รู้จักการเวียนว่ายของ
สังสารวัฏหรือวัฏสงสารมั้ย มันก็เหมือนการเดินเป็นวงกลมซ้ำที่เดิม
อาการที่เดินกลับมาที่เดิมได้มันต้องเดินเป็นวงกลม ถ้าเดินตรง เดินเฉียง
มันจะกลับมาที่เดิมหรือ ฉะนั้นเขาจึงเอาไปเปรียบกับวงกลม เขาจึงเรียกว่า
สังสารวัฏหรือวัฏสงสาร คำว่าวัฏฏะแปลว่า วนเวียนหรือวงกลม

ส่วนวงปฏิจจ์มันเป็นวงเดียวในหลายๆวง ที่ท่านหยิบยกมาเพื่อ
สมมุติว่าเป็นชาติสุดท้าย และอธิบายความว่าจะต้องทำอย่างไร
มันสรุปลงที่ อวิชาตัวสุดท้าย คือไม่รู้ปฏิจจสมุบาท จะทำอย่างไร
ให้รู้แจ้งแทงตลอดในตัวปฏิจจสมุบาท

คำว่าชาติที่แปลว่าเกิด ความหมายก็คือ เกิดความยึดมั่นถือมั่น
ของกิเลสอันสืบเนื่องมาจาก รูปนาม..... ตัญหา อุปาทานฯ
เกิดผัสสะกี่ครั้งยึดกี่ครั้ง มันก็จะส่งต่อๆขึ้นที่ชาติและสะสมไว้เป็นเชื้อ
ยิ่งชรามากการเก็บกิเลสยิ่งมาก จนมรณะหรือนามแยกออกจากรูป
รูปเน่าเปลื่อยผุผังไป แต่นามยังอยู่ ส่งต่อไปเป็นสังขาร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 05:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
นามรูป...
ขัดเจนว่า..วงกลมปฏิจจฯ...มันมาที่..นามรูป
หากไม่เข้าใจ...ก็อย่าไปเขียนให้เป็นวงซะจะดีกว่า...
ท่องกันตามแบบ..คือ..อนุโลม..ปฏิโลม...ตามแบบอย่างที่ท่านสอนมา...ดีอยู่แล้ว
อย่าหัวล้านเกินครู
บ่น ๆ นะครับ..ไม่ได้ว่าคุณ "คนบ้านเดียวกัน"...นะ s004

คนไม่รู้แล้วรู้จักถาม รู้จักถ่อมตนยอมรับในความไม่รู้ คนพวกนี้เกิดปัญญาเร็วครับ
แต่ไอ้ประเภทไม่รู้ แล้วไม่ยอมรับ แถมมาบังคับคนอื่นให้เป็นแบบตน คนประเภทนี้
มันบัวใต้โคลนตมครับ

แล้วเอาเรื่องนามรูปมาผสมปนเปกับชาตะ
มันเป็นอาการ ถือมั่นตัวตน เลยเข้าใจว่า ชาตะทำให้เกิดนามรูป
เรื่องปฏิจจ์มันเป็นเรื่องนามใหม่นามเก่า ทำสังขารเก่าให้หมดไป
และอย่าให้เกิดสังขารใหม่


แล้วที่คุณบอกว่า ไม่ได้ว่าคุณคนบ้านเดียวกันใช่ครับ
เพราะความเห็นนั้นเป็นความเห็นของผมเอง

แนะนำครับถ้าจะคุยธรรมกัน ทำใจให้เป็นกุศล
แล้วเปิดตัวคุยกันให้เป็นกิจลักษณะดีกว่า อย่ามัวคอยตอดเล็กตอดน้อยคนอื่นเลย
มันไร้สาระ เป็นอกุศลด้วย ผมไม่ได้ว่าคุณตอดผมนะ
แต่ดูความเห็นทั่วๆไปที่คุณไปแสดงกับคนอื่น

อยากคุยธรรมกับผมได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องปฏิจจสมุบาท
เพราะดูที่ผ่านมา คุยไปคุณก็คงไม่รู้เรื่อง และความไม่รู้เรื่องของคุณ
จะมีรายการยียวนกวนๆตามสไตล์อันเป็นเอกลักษณะประจำตัวคุณแถมท้ายครับ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 09:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
วงปฏิจจ์ทั้งวงมันรวมความถึงไตรสิกขาทั้งหมด โพธิปักขิยธรรมสรุปลงที่
อริยมรรคมีองค์แปดทั้งหมด ......



ปฏิจจสมุปบาท...หรือเรียกอีกอย่างว่า..อิทัปปัจจยาการ...ภาวะที่เป็นปัจจัยแก่กัน

เขามีแค่..อนุโลม..ปฏิโลม...ย่้อนมาย้อนไป..ไม่ได้เป็นวง

ถามหน่อย..โฮ

ชาติ..เป็นปัจจัยให้เกิด...อวิชชา...รึ?...

ไม่ใช่...แล้วเขียนเป็นวง...ทำเกลือรึ?

ตอบแค่นี้ให้มันได้ก่อนนะ..โฮ...

ไม่ต้องอารัมภบท..ให้เสียเวลา..สั้น ๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ปฏิจจสมุปบาท...หรือเรียกอีกอย่างว่า..อิทัปปัจจยาการ...ภาวะที่เป็นปัจจัยแก่กัน
เขามีแค่..อนุโลม..ปฏิโลม...ย่้อนมาย้อนไป..ไม่ได้เป็นวง
ถามหน่อย..โฮ
ชาติ..เป็นปัจจัยให้เกิด...อวิชชา...รึ?...
ไม่ใช่...แล้วเขียนเป็นวง...ทำเกลือรึ?
ตอบแค่นี้ให้มันได้ก่อนนะ..โฮ...
ไม่ต้องอารัมภบท..ให้เสียเวลา..สั้น ๆ

ปฏิจจฯบ้านคุณหรือย้อนไปย้อนมามรณะย้อนมาชราได้หรือ
ชราย้อนไปภพชาติได้หรือ ก็เป็นเพราะไม่ได้รู้หลักอิทัปปัจฯ
แค่นจะโพสโชว์ดาวน์ซินโดรม มันหมุนทางเดียวเข้าใจมั้ย

แล้วผมบอกชาติเป็นปัจจัยให้เกิดอวิชาหรือ
ถึงตัวเองมีปัญญาเขียนอะไรได้แค่สั้นๆ แต่มันต้องหัดอ่านอะไรยาวด้วย
มันจะได้รู้เรื่องที่เขาสื่อ ก็บอกแล้วว่าอวิชา มันไม่มีอยู่

มันมีแค่ชาติชรามรณะ แต่เว้นชรามรณะไว้เพื่อคนที่ยังไม่แก่
อันที่จริงแล้วชาติเป็นเหตุปัจจัยของสังขาร

ก็เพราะคิดว่ามันย้อนไปย้อนมาได้มันก็ไม่ได้เรื่องแล้ว
บอกแล้วว่าถ้าไม่รู้เรื่องก็อย่ามาคุยเรื่องนี้

อีกเรื่องที่ไปสรรหาคำมา เรื่อง อนุโลมปฏิโลม ฟังแล้วน่าหัวร่อ
สงสัยมันประเภทเดียวกับ"เอาเหอะหยวนๆน่า"

เพราะไม่รู้จักปฏิจจ์สายเกิด ปฏิจจ์สายดับ เลยเอามามั่วผสมปนเปกัน
เลยคิดว่ามันย้อนไปย้อนมา สายเกิดมันเป็นวงอยู่แล้ว
แต่สายดับมันไม่เป็นวง เพราะมันเป็นการตัดวงปฏิจจ์ฯ
และการดับไม่ใช่การดับย้อน ดับมันต้องดับต้นทาง
หรือต้นเหตุ ดับปลายเหตุไม่ได้ เพราะต้นเหตุยังอยู่มันก็ต้องเกิดผลตามมาอีก
ตามหลักอิทัปปัจจยตา


เรียงลำดับทำความเข้าใจ ปฏิจจฯสายดับให้ดีก่อน แล้วก็มาเถียงน่ะ
ที่เขาไล่จากท้ายขึ้นมา เขาไม่ได้ดับตัวท้าย เขาไล่เรียงการดับจาก
หลังไปหน้า ถ้าเป็นสายดับเอ่ยก่อนคือดับหลังสุด เอ่ยหลังสุดคือดับก่อน
ไปอ่านดูดีๆไป


ผมว่าไปคุยเรื่องที่คุณกะลารู้ได้ไงว่า อาจารย์ตัวเองเป็นอรหันต์
แล้วก็เรื่องที่ไปว่าคนอื่นปาราชิก เดียร์ถีอะไรเทือกนี้ดีกว่า
เห็นมาตะโกนโหวกเวกหาว่าคนอื่นเอาปัญญาพระพุทธเจ้ามาตัดสินธรรม
บะเจ้า! เงาตัวเองแท้ๆคิดว่าเป็นคนอื่นไปได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 13:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



ลำดับแห่งปฏิจสมุปบาทฝ่ายดับ

ทุกข์ความทุกข์ จะดับไปได้เพราะดับ ชาติ

ชาติ จะดับไปได้เพราะดับ ภพ

ภพ จะดับไปได้เพราะดับ อุปาทาน

อุปาทาน จะดับไปได้เพราะดับ ตัณหา

ตัณหา จะดับไปได้เพราะดับ เวทนา เวทนา จะดับไปได้เพราะดับ ผัสสะ

ผัสสะ จะดับไปได้เพราะดับ อายตนะ อายตนะ จะดับไปได้เพราะดับ นามรูป

นามรูป จะดับไปได้เพราะดับ วิญญาณ

วิญญาณ จะดับไปได้เพราะดับ สังขาร (การนึกคิดหรือการปรุงแต่งของใจ)

สังขาร จะดับไปได้เพราะดับ อวิชชา

อธิบายการดับทุกข์ จะต้องไปดับที่ชาติ แต่ชาติมันยังไม่ดับ เพราะยังมีภพ
ดังนั้นจะดับชาติได้ ต้องดับที่ภพ แต่ภพยังไม่ดับ เพราะยังมีอุปาทาน
ดังนั้นจะดับภพได้ ต้องดับที่อุปาทาน แต่อุปาทานยังไม่ดับ เพราะยังมีตัญหา
ดังนั้นจะดับตัณหาได้ ต้องดับที่เวทนา แต่เวทนายังไม่ดับ เพราะยังมีผัสสะ
ดังนั้นจะดับเวทนาได้ ต้องดับที่ผัสสะ แต่ผัสสะยังไม่ดับ เพราะยังมีนามรูป
ดังนั้นจะดับผัสสะได้ ต้องดับที่นามรูป แต่นามรูปยังไม่ดับ เพราะยังมีวิญญาณ
ดังนั้นจะดับนามรูปได้ ต้องดับที่วิญญาณ แต่วิญาณยังไม่ดับ เพราะยังมีสังขาร
ดังนั้นจะดับวิญญาณได้ ต้องดับที่สังขาร แต่สังขารยังไม่ดับ เพราะยังมีอวิชา
ดังนั้นจะดับสังขารได้ ต้องดับที่อวิชา
เมื่ออวิชาดับสังขารก็ดับ สังขารดับวิญญาณก็ดับ ไล่ดับมาจนชาติทุกข์จบแค่ชาตินี้

สรุปก็คือ เราจะดับวงปฏิจจฯได้ ก็ต้องมาดับที่อวิชา
ไม่ใช่ไปดับที่ทุกข์หรือที่ชาติ และการดับอวิชาก็คือการปฏิบัติ
ให้ถึงปัญญาวิมุตติเป็นวิชชา มาดับทุกข์หรือชาติ เพื่อไม่ให้เป็นเชื้อส่งต่อไปเป็นสังขาร

คุณกะลามันย้อนไปย้อนมาตรงไหน การดับมันก็ต้องมาดับที่ต้นเหตุ
คืออวิชา มันก็แค่เขาไล่ย้อนเหตุที่มาให้ดูว่ามีกฎอิทัปปัจฯควบคุมอยู่
จะได้ดับได้ถูกที่ถูกทาง


แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะบ้างคน ยิ่งอ่านยิ่งมั่วครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 13:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วมันจะเป็นวงกลมตรงไหน??? :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 16:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แล้วมันจะเป็นวงกลมตรงไหน??? :b32: :b32: :b32:

ว่าแล้วทายไว้ไม่ผิด ตีลูกเซ่อตามสูตร :b13:

แนะนำวิธีทำสมาธิแบบง่ายๆครับ
บังคับตัวเองพยายามอ่านหนังสือให้เกินสามบรรทัด
ฝึกเขียนฝึกพิมพ์หนังสือให้เกินสามบรรทัด
ถ้าไม่รู้จะเขียนอะไรเพราะขาดปัญญา
ก็เขียน ก-ฮก็ได้หัดไว้ปัญญาจะได้เกิด

อย่ามัวนั่งทำตาปรื่อๆ แล้วตีขลุมว่ากำลังทำสมาธิ
แล้วก็อย่ามัวหยอกล้อสาวแก่แม่หม้าย มันเสียเวลาปฏิบัติ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 17:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มันเป็นวงกลมตรงไหน..โฮ :b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2011, 03:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
มันเป็นวงกลมตรงไหน..โฮ :b9: :b9: :b9:

เอาอ่านซะ กะลาเอ๋ย เขียนให้อ่านไม่อ่าน พยายามอ่านให้เกินสามบรรทัด
ค่อยสะกดอ่านไปที่ละตัว สนใจหน่อย สาวๆไม่หนีไปไหนหรอก :b13:
โฮฮับ เขียน:
ก็เคยบอกล่วงหน้าไว้ว่า อย่าพึ่งไปสนใจกับเรื่องปฏิจจ์
ให้ไปศึกษาเรื่องอริยสัจจ์และปฏิบัติภาวนาให้ดีเสียก่อน
นี่ก็มาอีกคนแล้ว แสดงความเห็นทื่อๆสั้นๆ แบบนี้มันตรงข้ามกับชื่อตัวเอง

วงปฏิจจ์ทั้งวงมันรวมความถึงไตรสิกขาทั้งหมด โพธิปักขิยธรรมสรุปลงที่
อริยมรรคมีองค์แปดทั้งหมด แบบนี้มันน่าตลกมั้ยที่เจ้าของความเห็น
มาแสดงความทื่อๆด้วนๆ ลายละเอียดที่มาที่ไปสมมุติบัญญัติ ที่ว่าด้วยอวิชา
ผมก็อธิบายไว้ว่าทำไมต้องเรียกอวิชา ไม่รู้ได้ดูหรือเปล่าหรืออาจจะดูแต่ไม่รู้

แล้วทำไมต้องเป็นวงกลม เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ มันเป็นการเปรียบเทียบการ
เวียนว่ายตายเกิด เริ่มต้นอย่างไรก็กลับมาที่เก่า รู้จักการเวียนว่ายของ
สังสารวัฏหรือวัฏสงสารมั้ย มันก็เหมือนการเดินเป็นวงกลมซ้ำที่เดิม
อาการที่เดินกลับมาที่เดิมได้มันต้องเดินเป็นวงกลม ถ้าเดินตรง เดินเฉียง
มันจะกลับมาที่เดิมหรือ ฉะนั้นเขาจึงเอาไปเปรียบกับวงกลม เขาจึงเรียกว่า
สังสารวัฏหรือวัฏสงสาร คำว่าวัฏฏะแปลว่า วนเวียนหรือวงกลม

ส่วนวงปฏิจจ์มันเป็นวงเดียวในหลายๆวง ที่ท่านหยิบยกมาเพื่อ
สมมุติว่าเป็นชาติสุดท้าย และอธิบายความว่าจะต้องทำอย่างไร
มันสรุปลงที่ อวิชาตัวสุดท้าย คือไม่รู้ปฏิจจสมุบาท จะทำอย่างไร
ให้รู้แจ้งแทงตลอดในตัวปฏิจจสมุบาท

คำว่าชาติที่แปลว่าเกิด ความหมายก็คือ เกิดความยึดมั่นถือมั่น
ของกิเลสอันสืบเนื่องมาจาก รูปนาม..... ตัญหา อุปาทานฯ
เกิดผัสสะกี่ครั้งยึดกี่ครั้ง มันก็จะส่งต่อๆขึ้นที่ชาติและสะสมไว้เป็นเชื้อ
ยิ่งชรามากการเก็บกิเลสยิ่งมาก จนมรณะหรือนามแยกออกจากรูป
รูปเน่าเปลื่อยผุผังไป แต่นามยังอยู่ ส่งต่อไปเป็นสังขาร

ถ้ายังไม่รู้อีก ก็ไปวานหมอผี ให้หมอผีเข้าทรงไปถามกาลิเลโอ
หรือโคลัมบัส ว่าการเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่ย้อนกลับ
เขาเรียกลักษณะนั้นว่าอะไร ระวังกาลิเลโอเอากล้องส่องทางไกลฟาดหัวน่ะ
โทษฐานไม่ฉลาด เรื่องตั้งหลายร้อยปีแล้วยังไม่รู้ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2011, 09:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่วงกลม...ตรงนี้ของ..โฮ...

โฮฮับ เขียน:

อธิบายการดับทุกข์ จะต้องไปดับที่ชาติ แต่ชาติมันยังไม่ดับ เพราะยังมีภพ
ดังนั้นจะดับชาติได้ ต้องดับที่ภพ แต่ภพยังไม่ดับ เพราะยังมีอุปาทาน
ดังนั้นจะดับภพได้ ต้องดับที่อุปาทาน แต่อุปาทานยังไม่ดับ เพราะยังมีตัญหา
ดังนั้นจะดับตัณหาได้ ต้องดับที่เวทนา แต่เวทนายังไม่ดับ เพราะยังมีผัสสะ
ดังนั้นจะดับเวทนาได้ ต้องดับที่ผัสสะ แต่ผัสสะยังไม่ดับ เพราะยังมีนามรูป
ดังนั้นจะดับผัสสะได้ ต้องดับที่นามรูป แต่นามรูปยังไม่ดับ เพราะยังมีวิญญาณ
ดังนั้นจะดับนามรูปได้ ต้องดับที่วิญญาณ แต่วิญาณยังไม่ดับ เพราะยังมีสังขาร
ดังนั้นจะดับวิญญาณได้ ต้องดับที่สังขาร แต่สังขารยังไม่ดับ เพราะยังมีอวิชา
ดังนั้นจะดับสังขารได้ ต้องดับที่อวิชา
เมื่ออวิชาดับสังขารก็ดับ สังขารดับวิญญาณก็ดับ ไล่ดับมาจนชาติทุกข์จบแค่ชาตินี้



น่าจะถูกกว่า...วงกลมของ..โฮ...ข่างต้นนะ
:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2011, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไม่วงกลม...ตรงนี้ของ..โฮ...
โฮฮับ เขียน:
อธิบายการดับทุกข์ จะต้องไปดับที่ชาติ แต่ชาติมันยังไม่ดับ เพราะยังมีภพ
ดังนั้นจะดับชาติได้ ต้องดับที่ภพ แต่ภพยังไม่ดับ เพราะยังมีอุปาทาน
ดังนั้นจะดับภพได้ ต้องดับที่อุปาทาน แต่อุปาทานยังไม่ดับ เพราะยังมีตัญหา
ดังนั้นจะดับตัณหาได้ ต้องดับที่เวทนา แต่เวทนายังไม่ดับ เพราะยังมีผัสสะ
ดังนั้นจะดับเวทนาได้ ต้องดับที่ผัสสะ แต่ผัสสะยังไม่ดับ เพราะยังมีนามรูป
ดังนั้นจะดับผัสสะได้ ต้องดับที่นามรูป แต่นามรูปยังไม่ดับ เพราะยังมีวิญญาณ
ดังนั้นจะดับนามรูปได้ ต้องดับที่วิญญาณ แต่วิญาณยังไม่ดับ เพราะยังมีสังขาร
ดังนั้นจะดับวิญญาณได้ ต้องดับที่สังขาร แต่สังขารยังไม่ดับ เพราะยังมีอวิชา
ดังนั้นจะดับสังขารได้ ต้องดับที่อวิชา
เมื่ออวิชาดับสังขารก็ดับ สังขารดับวิญญาณก็ดับ ไล่ดับมาจนชาติทุกข์จบแค่ชาตินี้

น่าจะถูกกว่า...วงกลมของ..โฮ...ข่างต้นนะ
:b9: :b9: :b9:

กะลาจะพูดจาอะไรให้มันยาวกว่านี้ไม่ได้หรือ ที่พูดมากะพูดเองฟังเองเลยรึ
เอาแบบ "ลูกอ๊อดในกะลา"ไม่ได้หรือ หางมันยาวหน่อย พูดจะได้ยาวตามหาง

นี่ไม่เห็นว่า เป็นรุ๋นเก๋าของเว็บธรรมจักร ไม่เสียเวลาอธิบายให้ฟังหรอกนะครับ
และอีกอย่างถึงจะยียวนกวนอายตนะภายใน ก็ไม่ถึงกับมึงมาพาโวย เอาน่ะลองสีซอ
อีกสักเพลง เอาทำนองธรรณีกรรแสง เนื้อปฏิจจสมุบาท :b13:

ที่กะลาเอามาอ้างนะ เราแค่จะบอกที่ กะลาเข้าใจว่า มันย้อนไปย้อนมา
กะลาเข้าใจผิด กะลาไม่ทิ้งนิสัยเด็ก คิดว่ามันเป็นไอติมดูดเข้าดูดออกได้

ที่ไล่ให้ดู เพื่อให้เห็นว่ามันดับไม่ได้ ต้องไปดับที่ต้นทาง
และไอ้ต้นทางมันอยู่ตรงช่วงอวิชา
ถ้าดับต้นทางมันก็ไม่เป็นวงแล้ว เพราะมันขาดจากกัน
ปฏิจจฯส่วนเกิดมันเป็นวง ปฏิจจฯส่วนดับไม่เป็นวง

ถ้ายังไม่เข้าใจ แกล้งตีลูกมึนอีก ไม่รู้ทำไงสายซอมันขาดหมดแล้ว :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2011, 13:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

ปฏิจจฯส่วนเกิดมันเป็นวง ปฏิจจฯส่วนดับไม่เป็นวง

:b13:


ปฏิจจฯสายเกิดมันเป็นวง...รึ?

ชาติ..เป็นปัจจัย...อวิชชาจึงมี...รึ..โฮ? :b9: :b9: :b9:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 94 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร