วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 00:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 35, 36, 37, 38, 39, 40, 41 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 20:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นคำถาม..ที่อโสกะไม่กล้าตอบ...

กบนอกกะลา เขียน:

อโสกะคิดว่า....โสดาบันยังมีคิดความปองร้าย...ความมุ่งร้ายหมายล้างผลาญ...ใครๆ อยู่อีกมั้ยละ?

ยินร้าย...โกรธ..พยาบาท...เป็นโทสะจากน้อยไปหามาก...เป็นพวกเดียวกันแต่ไม่ใช่ตัวเดียวกัน...

แค่นี้ยังไม่เข้าอีกหรือ..คับ

โสดาบัน..จะยินร้ายอยู่..ยังมีโกรธอยู่....แต่ไม่พยาบาท..คับผม


โพสต์ เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 20:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เป็นคำถาม..ที่อโสกะไม่กล้าตอบ...

กบนอกกะลา เขียน:

อโสกะคิดว่า....โสดาบันยังมีคิดความปองร้าย...ความมุ่งร้ายหมายล้างผลาญ...ใครๆ อยู่อีกมั้ยละ?

ยินร้าย...โกรธ..พยาบาท...เป็นโทสะจากน้อยไปหามาก...เป็นพวกเดียวกันแต่ไม่ใช่ตัวเดียวกัน...

แค่นี้ยังไม่เข้าอีกหรือ..คับ

โสดาบัน..จะยินร้ายอยู่..ยังมีโกรธอยู่....แต่ไม่พยาบาท..คับผม

grin
ก็ยังรวมอยู่ในกลุ่มของพยาบาทดังที่สมเด็จพระสังฆราชทรงแสดงไว้กบมองไม่เห็นหรือ โมหะนี่ลึกล้ำจริงๆ
:b7:
คำว่าพยาบาทนั้นในที่นี้มีความหมายถึง ทั้ง ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งใจ ความขัดใจ โกธะ ความโกรธ โทสะ ความประทุษร้ายใจ และพยาบาท คือความปองร้าย ความมุ่งร้ายหมายล้างผลาญ คือหมายรวมถึงกิเลสกองโทสะทั้งหมด
:b7:


โพสต์ เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 21:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อีกรอบ..

ที่ไม่ตอบ..ก็เพราะความจริงมันฟ้อง

มันฟ้องอยู่แล้วว่าโสดาบันไม่มีพยาบาท.ใคร

ต้นเรื่อง...คือ..อโสกะว่า...ยินร้าย...คือพยาบาท

ผมเถียงว่า..ไม่ใช่..มันคนละตัว...คนละความรุนแรง

และบทความของสมเด็จฯที่อโสกะยกมา..ก็ยืนยันชัดเจนแล้วว่า...มันมียินร้าย..มันมีโกรธ..มีโทสะ..มีพยาบาท...แต่ในนิวรณ์ข้อ 2 ว่าด้วยพยาบาท..นั้นหมายรวมทั้งยินร้าย...โกรธ..โทสะ..และพยาบาท

องค์สมเด็จฯ..ว่า..นิวรณ์ข้อ 2 หมายรวม โทสะทั้งหมด..ไม่ได้หมายความว่า..ยินร้าย..= พยาบาท

อ่านเข้าใจมั้ยครับท่าน..

รอบที่ 2

:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 05 ต.ค. 2015, 06:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




dd140_resize.jpg
dd140_resize.jpg [ 50.37 KiB | เปิดดู 1645 ครั้ง ]
กบนอกกะลา เขียน:
อีกรอบ..

ที่ไม่ตอบ..ก็เพราะความจริงมันฟ้อง

มันฟ้องอยู่แล้วว่าโสดาบันไม่มีพยาบาท.ใคร

ต้นเรื่อง...คือ..อโสกะว่า...ยินร้าย...คือพยาบาท

ผมเถียงว่า..ไม่ใช่..มันคนละตัว...คนละความรุนแรง

และบทความของสมเด็จฯที่อโสกะยกมา..ก็ยืนยันชัดเจนแล้วว่า...มันมียินร้าย..มันมีโกรธ..มีโทสะ..มีพยาบาท...แต่ในนิวรณ์ข้อ 2 ว่าด้วยพยาบาท..นั้นหมายรวมทั้งยินร้าย...โกรธ..โทสะ..และพยาบาท

องค์สมเด็จฯ..ว่า..นิวรณ์ข้อ 2 หมายรวม โทสะทั้งหมด..ไม่ได้หมายความว่า..ยินร้าย..= พยาบาท

อ่านเข้าใจมั้ยครับท่าน..

รอบที่ 2

:b32: :b32:

:b13: :b13: :b13:
เฉโกเพื่อให้ความเห็นของตนถูกต้องอีกแล้ว กบ

1.ยินร้ายขัดใจ ไม่พอใจก็ใช่พยาบาท. ผูกโกรธ อาฆาตแค้นมันก็ใช่พยาบาทนิวรณ์
แต่กบพยายามจะทำให้พยาบาทนิวรณ์มันเป็นอาฆาตแค้นซึ่งรุนแรงที่สุดอย่างเดียว มันจึงเป็นความเข้าใจผิดของกบเอง


ง่ายๆ กบลองบอกซิว่า ถ้ากบหรือใครก็ตามนั่งภาวนาไปนานๆเป็นครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วมีความเจ็บปวดเกิดขึ้นที่ก้น กบหรือใครคนนั้นจะเกิดความรู้สึกยินร้ายไม่พอใจกับความเจ็บปวดนั้น

ความยินร้ายไม่พอใจอันนั้นเป็นนิวรณ์ชนิดใดในนิวรณ์ธรรมทั้ง 5

2.ถามว่า ที่กบไปเข้าใจเอาเองว่าพระโสดาบันไม่มีพยาบาทแล้ว หมายถึงพยาบาทนิวรณ์ใช่ไหม? กบเอาเหตุผลและหลักฐานมาจากไหน

ข้อนี้อโศกะได้บอกแล้วว่า นิวรณ์ธรรมทั้ง 5. พระอนาคามีถึงจะตัดขาดได้เกือบหมด คงค้างอุทธัจจะนิวรณ์อยู่นิดเดียว เป็นหลักฐานสะท้อนกลับมาให้เห็นว่าพระโสดาบันและพระสกิทาคามีบุคคลยังมีพยาบาทนิวรณ์เหลืออยู่แต่ความเข้มข้นเหลือน้อยลงมาตามลำดับชั้น

แล้วกบคิดเอาเองหรือเปล่าว่าพระโสดาบันไม่มีความยินร้ายไม่พอใจอันเป็นพยาบาทนิวรณ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นพระโสดาบันก็ไม่จำเป็นต้องเจริญสติปัฏฐาน 4. ต่อไปแล้วเพื่อให้ถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะยินร้าย ยินดีเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเจริญสติปัฏฐาน 4

s004
:b7:
โพสต์ เมื่อ: 05 ต.ค. 2015, 07:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ซ้ำอีกรอบ...นะอโสกะ

viewtopic.php?f=1&t=51021&start=90

asoka เขียน:

แล้วกบคิดเอาเองหรือเปล่าว่าพระโสดาบันไม่มีความยินร้ายไม่พอใจอันเป็นพยาบาทนิวรณ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นพระโสดาบันก็ไม่จำเป็นต้องเจริญสติปัฏฐาน 4. ต่อไปแล้วเพื่อให้ถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะยินร้าย ยินดีเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเจริญสติปัฏฐาน 4

s004
:b7:


ผมไม่เคยพูดสักครั้งเดียวว่า..โสดาบันไม่มีความยินร้าย...นะ

แต่ที่เถียงอโสกะ..เพราะอโสกะว่า...สักกายทิฏฐิกูผู้พี่..ส่วนมานะทิฏฐิคือความเห็นผิด..กูผู้น้อง..ที่สามารถพัฒนาความยินร้ายไปเป็นพยาบาทได้..
แล้วก็บอกว่า..โสดาบันตัดกูผู้พี่ได้..เหลือกูผู้น้อง

asoka เขียน:
:
ส่วนความยึดผิดคือความยึดถือในกายและความยึดถือในจิต หรือมานะทิฏฐินั้นเปรียบเหมือนกูตัวน้องซึ่งมีนิสัยละเอียดอ่อนลึกซึ้งฉลาดเฉลียวมันจะใช้ทั้งอารมณ์และเหตุผลแต่เหตุผลนั้นเป็นเหตุผลเข้าข้างกูหรือเพื่อกูมิใช่เหตุผลตามธรรม จึงเมื่อกระทบสัมผัสกับทุกขเวทนาหรือสุขเวทนาอารมณ์ที่น่าชอบใจไม่ชอบใจอย่างไรก็ตามมันจะเกิดเป็นความขุ่นมัวขึ้นมาในจิตก่อนแล้วจึงค่อยๆขยายตัวลุกไหม้ใหญ่ขึ้นมาเป็นไฟโกรธในภายหลังพร้อมทั้งจะตามมาด้วยความผูกโกรธ ความเคียดแค้นฝังลึกที่เรียกว่า "พยาบาท"

กูตัวพี่นี้ฆ่าครั้งเดียวด้วยโสดาปัตติมรรคก็ตายขาด


นี้..ผมเถียงจุดนี้...เพราะอโสกะพูดเพลินไป

กบนอกกะลา เขียน:
ถ้าอโสกะว่า..ตัวกูผู้น้อง...ทำให้พยาบาทได้...ก็เท่ากับ..อโสกะว่า..โสดาบันมีความพยาบาทได้..นะคับ..

จึงไม่เห็นด้วย....


ต่อโสกะก็ยังพยายาม...นำเสนอว่า..ยินร้าย = พยาบาท อยู่นั้นแหละ...
ซึ่งผมก็คัดค้านตลอด..

asoka เขียน:

กบอย่ามีภาพลบกับคำว่า "พยาบาท" มากเกินไปสิ บาลีที่ว่าพยาบาทนี้มันก็แค่ความยินร้ายไม่พอใจในสัมผัสของทวารทั้ง6 เท่านั้นเอง มันจะเข้มข้นรุนแรงหรือไม่รุนแรงย่อมขึ้นอยู่กับดีกรีของอัตตาและมานะทิฏฐิที่อยู่ในตัวของคนแต่ละคน[/size]

กบไปได้จากตำราที่ไหนมาว่าพระโสดาบันไม่มีความยินร้ายหรือพยาบาทงัดมาแสดงหน่อยนะครับ


แล้วอโสกะก็ไปยกคำสมเด็จฯ มา...มาสนับสนุนความคิดนี้..แต่เพราะอโสกะอ่านไม่ดี..มีใจเอนเอียง...จึงไม่เห็นว่า..องค์สมเด็จฯท่านอธิบายใว้ชัดเจน...ว่า..ยินร้าย..โกรธ..พยาบาท...เป็นคนละตัวกัน..แต่นิวรณ์ข้อพยาบาทนั้นหมายรวมทั้ง 3 อันเป็นพวกเดียวกันคือ..โทสะ

นิวรณ์ทั้ง 5 มีตั้งแต่ปุถุชน..ยันโสดาบัน..นั้นแหละ
แต่โสดาบันไม่มีพยาบาท...นิวรณ์ข้อ 2 ของโสดาบัน...เบา ๆ แค่ปฏิฆะ...หงุดหงิ่ดหงุ่นหง้านรำคราญใจ....ไม่ถึงกับพยาบาทแน่นอนครับ...


โพสต์ เมื่อ: 05 ต.ค. 2015, 10:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


E-Tipitaka
เทียบเคียง
๑.
ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ก็อย่างไร ภิกษุจึงจะชื่อว่าเป็นผู้มีองค์ห้าอันละขาดแล้ว ฯ
ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีกามฉันทะอันละได้ขาดแล้ว
มีความพยาบาทอันละได้ขาดแล้ว มีถีนมิทธะอันละได้ขาดแล้ว มิอุทธัจจกุกกุจจะอันละได้
ขาดแล้ว มีวิจิกิจฉาอันละได้ขาดแล้ว ผู้มีอายุทั้งหลายอย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้มีองค์
ห้าอันละได้ขาดแล้ว ฯ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 05 ต.ค. 2015, 12:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ซ้ำอีกรอบ...นะอโสกะ

viewtopic.php?f=1&t=51021&start=90

asoka เขียน:

แล้วกบคิดเอาเองหรือเปล่าว่าพระโสดาบันไม่มีความยินร้ายไม่พอใจอันเป็นพยาบาทนิวรณ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นพระโสดาบันก็ไม่จำเป็นต้องเจริญสติปัฏฐาน 4. ต่อไปแล้วเพื่อให้ถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะยินร้าย ยินดีเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเจริญสติปัฏฐาน 4

s004
:b7:


ผมไม่เคยพูดสักครั้งเดียวว่า..โสดาบันไม่มีความยินร้าย...นะ

แต่ที่เถียงอโสกะ..เพราะอโสกะว่า...สักกายทิฏฐิกูผู้พี่..ส่วนมานะทิฏฐิคือความเห็นผิด..กูผู้น้อง..ที่สามารถพัฒนาความยินร้ายไปเป็นพยาบาทได้..
แล้วก็บอกว่า..โสดาบันตัดกูผู้พี่ได้..เหลือกูผู้น้อง

asoka เขียน:
:
ส่วนความยึดผิดคือความยึดถือในกายและความยึดถือในจิต หรือมานะทิฏฐินั้นเปรียบเหมือนกูตัวน้องซึ่งมีนิสัยละเอียดอ่อนลึกซึ้งฉลาดเฉลียวมันจะใช้ทั้งอารมณ์และเหตุผลแต่เหตุผลนั้นเป็นเหตุผลเข้าข้างกูหรือเพื่อกูมิใช่เหตุผลตามธรรม จึงเมื่อกระทบสัมผัสกับทุกขเวทนาหรือสุขเวทนาอารมณ์ที่น่าชอบใจไม่ชอบใจอย่างไรก็ตามมันจะเกิดเป็นความขุ่นมัวขึ้นมาในจิตก่อนแล้วจึงค่อยๆขยายตัวลุกไหม้ใหญ่ขึ้นมาเป็นไฟโกรธในภายหลังพร้อมทั้งจะตามมาด้วยความผูกโกรธ ความเคียดแค้นฝังลึกที่เรียกว่า "พยาบาท"

กูตัวพี่นี้ฆ่าครั้งเดียวด้วยโสดาปัตติมรรคก็ตายขาด


นี้..ผมเถียงจุดนี้...เพราะอโสกะพูดเพลินไป

กบนอกกะลา เขียน:
ถ้าอโสกะว่า..ตัวกูผู้น้อง...ทำให้พยาบาทได้...ก็เท่ากับ..อโสกะว่า..โสดาบันมีความพยาบาทได้..นะคับ..

จึงไม่เห็นด้วย....


ต่อโสกะก็ยังพยายาม...นำเสนอว่า..ยินร้าย = พยาบาท อยู่นั้นแหละ...
ซึ่งผมก็คัดค้านตลอด..

asoka เขียน:

กบอย่ามีภาพลบกับคำว่า "พยาบาท" มากเกินไปสิ บาลีที่ว่าพยาบาทนี้มันก็แค่ความยินร้ายไม่พอใจในสัมผัสของทวารทั้ง6 เท่านั้นเอง มันจะเข้มข้นรุนแรงหรือไม่รุนแรงย่อมขึ้นอยู่กับดีกรีของอัตตาและมานะทิฏฐิที่อยู่ในตัวของคนแต่ละคน[/size]

กบไปได้จากตำราที่ไหนมาว่าพระโสดาบันไม่มีความยินร้ายหรือพยาบาทงัดมาแสดงหน่อยนะครับ


แล้วอโสกะก็ไปยกคำสมเด็จฯ มา...มาสนับสนุนความคิดนี้..แต่เพราะอโสกะอ่านไม่ดี..มีใจเอนเอียง...จึงไม่เห็นว่า..องค์สมเด็จฯท่านอธิบายใว้ชัดเจน...ว่า..ยินร้าย..โกรธ..พยาบาท...เป็นคนละตัวกัน..แต่นิวรณ์ข้อพยาบาทนั้นหมายรวมทั้ง 3 อันเป็นพวกเดียวกันคือ..โทสะ

นิวรณ์ทั้ง 5 มีตั้งแต่ปุถุชน..ยันโสดาบัน..นั้นแหละ
แต่โสดาบันไม่มีพยาบาท...นิวรณ์ข้อ 2 ของโสดาบัน...เบา ๆ แค่ปฏิฆะ...หงุดหงิ่ดหงุ่นหง้านรำคราญใจ....ไม่ถึงกับพยาบาทแน่นอนครับ...

:b12: :b12: :b13:
ก็พยาบาทนิวรณ์อยู่ดีนั่นเอง
grin


โพสต์ เมื่อ: 06 ต.ค. 2015, 06:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b39:
ก็คงพอสมควรกับเรื่องพยาบาทนิวรณ์ ใครจะเห็นเป็นอย่างไรก็คงแล้วแต่เหตุผลที่ท่านได้เห็นได้อ่านมาและเหตุผลที่ท่านค้นพบเองใหม่ๆ ตลอดจนแง่มุมอื่นอันอาจมีแสดงไว้ในพระสูตรก็แล้วแต่วินิจฉัยของแต่ละท่านเองนะครับ

แต่การสรุปธรรมในแต่ละข้อก็ขอให้ยึดหลักสำคัญที่พระพุทธเจ้าทรงประทานไว้ว่า

หากพวกเธอสงสัยว่าธรรมนี้ใช่คำสอนของตถาคตหรือเปล่า ให้เอาอริยสัจ 4
ไปพิจารณา

ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อให้รู้ทุกข์ ละเหตุเกิดทุกข์ ทำให้แจ้งถึงความดับทุกข์โดยสมบูรณ์(นิโรธ นิพพาน) และเจริญเหตุเพื่อการดับเหตุทุกข์ ธรรมนั้นคือคำสอนของเราตถาคต (นอกนั้นไม่ใช่)

:b8:


โพสต์ เมื่อ: 06 ต.ค. 2015, 06:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องไม่ได้เกี่ยวกับนิวรณ์..เล้ย

ก็ยังเอามาเกี่ยว..เอง


โพสต์ เมื่อ: 06 ต.ค. 2015, 08:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ซ้ำอีกรอบ...นะอโสกะ

viewtopic.php?f=1&t=51021&start=90

asoka เขียน:

แล้วกบคิดเอาเองหรือเปล่าว่าพระโสดาบันไม่มีความยินร้ายไม่พอใจอันเป็นพยาบาทนิวรณ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นพระโสดาบันก็ไม่จำเป็นต้องเจริญสติปัฏฐาน 4. ต่อไปแล้วเพื่อให้ถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะยินร้าย ยินดีเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเจริญสติปัฏฐาน 4

s004
:b7:


ผมไม่เคยพูดสักครั้งเดียวว่า..โสดาบันไม่มีความยินร้าย...นะ

แต่ที่เถียงอโสกะ..เพราะอโสกะว่า...สักกายทิฏฐิกูผู้พี่..ส่วนมานะทิฏฐิคือความเห็นผิด..กูผู้น้อง..ที่สามารถพัฒนาความยินร้ายไปเป็นพยาบาทได้..
แล้วก็บอกว่า..โสดาบันตัดกูผู้พี่ได้..เหลือกูผู้น้อง

asoka เขียน:
:
ส่วนความยึดผิดคือความยึดถือในกายและความยึดถือในจิต หรือมานะทิฏฐินั้นเปรียบเหมือนกูตัวน้องซึ่งมีนิสัยละเอียดอ่อนลึกซึ้งฉลาดเฉลียวมันจะใช้ทั้งอารมณ์และเหตุผลแต่เหตุผลนั้นเป็นเหตุผลเข้าข้างกูหรือเพื่อกูมิใช่เหตุผลตามธรรม จึงเมื่อกระทบสัมผัสกับทุกขเวทนาหรือสุขเวทนาอารมณ์ที่น่าชอบใจไม่ชอบใจอย่างไรก็ตามมันจะเกิดเป็นความขุ่นมัวขึ้นมาในจิตก่อนแล้วจึงค่อยๆขยายตัวลุกไหม้ใหญ่ขึ้นมาเป็นไฟโกรธในภายหลังพร้อมทั้งจะตามมาด้วยความผูกโกรธ ความเคียดแค้นฝังลึกที่เรียกว่า "พยาบาท"

กูตัวพี่นี้ฆ่าครั้งเดียวด้วยโสดาปัตติมรรคก็ตายขาด


นี้..ผมเถียงจุดนี้...เพราะอโสกะพูดเพลินไป

กบนอกกะลา เขียน:
ถ้าอโสกะว่า..ตัวกูผู้น้อง...ทำให้พยาบาทได้...ก็เท่ากับ..อโสกะว่า..โสดาบันมีความพยาบาทได้..นะคับ..

จึงไม่เห็นด้วย....


ต่อโสกะก็ยังพยายาม...นำเสนอว่า..ยินร้าย = พยาบาท อยู่นั้นแหละ...
ซึ่งผมก็คัดค้านตลอด..

asoka เขียน:

กบอย่ามีภาพลบกับคำว่า "พยาบาท" มากเกินไปสิ บาลีที่ว่าพยาบาทนี้มันก็แค่ความยินร้ายไม่พอใจในสัมผัสของทวารทั้ง6 เท่านั้นเอง มันจะเข้มข้นรุนแรงหรือไม่รุนแรงย่อมขึ้นอยู่กับดีกรีของอัตตาและมานะทิฏฐิที่อยู่ในตัวของคนแต่ละคน[/size]

กบไปได้จากตำราที่ไหนมาว่าพระโสดาบันไม่มีความยินร้ายหรือพยาบาทงัดมาแสดงหน่อยนะครับ


แล้วอโสกะก็ไปยกคำสมเด็จฯ มา...มาสนับสนุนความคิดนี้..แต่เพราะอโสกะอ่านไม่ดี..มีใจเอนเอียง...จึงไม่เห็นว่า..องค์สมเด็จฯท่านอธิบายใว้ชัดเจน...ว่า..ยินร้าย..โกรธ..พยาบาท...เป็นคนละตัวกัน..แต่นิวรณ์ข้อพยาบาทนั้นหมายรวมทั้ง 3 อันเป็นพวกเดียวกันคือ..โทสะ

นิวรณ์ทั้ง 5 มีตั้งแต่ปุถุชน..ยันโสดาบัน..นั้นแหละ
แต่โสดาบันไม่มีพยาบาท...นิวรณ์ข้อ 2 ของโสดาบัน...เบา ๆ แค่ปฏิฆะ...หงุดหงิ่ดหงุ่นหง้านรำคราญใจ....ไม่ถึงกับพยาบาทแน่นอนครับ...

:b12: :b12: :b13:
ก็พยาบาทนิวรณ์อยู่ดีนั่นเอง
grin







asoka เขียน:
onion
คำว่าพยาบาทนั้นในที่นี้มีความหมายถึง ทั้ง ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งใจ ความขัดใจ โกธะ ความโกรธ โทสะ ความประทุษร้ายใจ และพยาบาท คือความปองร้าย ความมุ่งร้ายหมายล้างผลาญ คือหมายรวมถึงกิเลสกองโทสะทั้งหมด
cool
เราพูดกันเรื่องพยาบาทนิวรณ์ เมื่อพูดว่า พยาบาทย่อมหมายถึงพยาบาทนิวรณ์ แต่จะพยาบาทแรงมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับการอธิบายประกอบ

พระโสดาบันและพระสกิทาคามีบุคคล ยังมีพยาบาทนิวรณ์อยู่ ชัวร์ๆนะกบ

เอาแค่นี้คงพอเข้าใจละมั้ง
:b34:











การผูกใจเจ็บ ถึงขั้นพยาบาท

เวลาใกล้ตาย ขณะกำลังจะหมดลมหายใจ
จิตไปหวนระลึกถึง ความผูกใจเจ็บต่อการกระทำของอีกฝ่าย มีความพยาบาทต่ออีกฝ่าย

งั้นโสดาบัน ตายปั๊บ ก็ตกนรกทันทีน่ะสิ







หรือจะเก่งเกินพระพุทธเจ้า




แม้บุคคลผู้เจริญโสดาปัตติมรรค ย่อมเว้นขาดกามอันให้ไปสู่อบายโดยการตัดขาด

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 06 ต.ค. 2015, 22:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
s004
asoka เขียน:
onion
คำว่าพยาบาทนั้นในที่นี้มีความหมายถึง ทั้ง ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งใจ ความขัดใจ โกธะ ความโกรธ โทสะ ความประทุษร้ายใจ และพยาบาท คือความปองร้าย ความมุ่งร้ายหมายล้างผลาญ คือหมายรวมถึงกิเลสกองโทสะทั้งหมด
cool
เราพูดกันเรื่องพยาบาทนิวรณ์ เมื่อพูดว่า พยาบาทย่อมหมายถึงพยาบาทนิวรณ์ แต่จะพยาบาทแรงมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับการอธิบายประกอบ

พระโสดาบันและพระสกิทาคามีบุคคล ยังมีพยาบาทนิวรณ์อยู่ ชัวร์ๆนะกบ

เอาแค่นี้คงพอเข้าใจละมั้ง
:b34:











การผูกใจเจ็บ ถึงขั้นพยาบาท

เวลาใกล้ตาย ขณะกำลังจะหมดลมหายใจ
จิตไปหวนระลึกถึง ความผูกใจเจ็บต่อการกระทำของอีกฝ่าย มีความพยาบาทต่ออีกฝ่าย

งั้นโสดาบัน ตายปั๊บ ก็ตกนรกทันทีน่ะสิ








อ้างคำพูด:
. วลัยพร. หรือจะเก่งเกินพระพุทธเจ้า




แม้บุคคลผู้เจริญโสดาปัตติมรรค ย่อมเว้นขาดกามอันให้ไปสู่อบายโดยการตัดขาด

:b7:
วลัยพรพูดเอาเองตามระดับสติปัญญาและผลการปฏิบัติของวลัยพร

วลัยพรไม่รู้ดอกว่าพระโสดาบันตอนจิตสุดท้ายจะดับท่านจะไม่หลงทำกาลกิริยาตายไปอย่างที่วลัยพรคิดหรอก


มีอุปมาในพระสูตรสูตรหนึ่งว่า จิตของพระโสดาบันขึ้นไปจะคล้ายกับน้ำมันที่บรรทุกอยู่ในเรือจำนวนร้อยถังพันถัง. หากเรือเกิดล่มลงในแม่น้ำน้ำมันจะไม่ไปรวมกับน้ำเด็ดขาด มันจะแยกตัวออกจากกันโดยสัจจะและธรรม
onion
วลัยพรนั่นแหละกำลังจะทำตัวเก่งกว่าพระพุทธเจ้า
:b7:


โพสต์ เมื่อ: 07 ต.ค. 2015, 04:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เรื่องไม่ได้เกี่ยวกับนิวรณ์..เล้ย

ก็ยังเอามาเกี่ยว..เอง

grin
โธ่เอ๋ย กบ

นิวรณ์ธรรมทั้ง 5 นั้นมันสงเคราะห์เข้าได้ในกลุ่มของเหตุทุกข์หรือสมุทัยเลยทีเดียว ทำไมปัญญาระดับกบจึงมองไม่เห็นความเกี่ยวพันของธรรมในเรื่องนี้เลย

ความรู้ของกบทำท่าจะไปคล้ายกรุงเทพตอนเจอมรสุมเสียแล้ว
:b13: :b31:


โพสต์ เมื่อ: 07 ต.ค. 2015, 05:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนอะไรพูดไม่รู้เรื่อง... Onion_L
ไม่รู้ผิดไม่รู้ชอบ....

ไม่รับผิดชอบ...

ก็ตัวเองแท้ ๆ ที่พูดเรื่อง สักกายทิฏฐิกูผู้พี่..มานะทิฏฐิกูผู้น้อง
กูผู้น้อง..ยินร้าย..โกรธ...จนพยาบาท
โสดาบันตัดกูผู้พี่เหลือกูผู้น้อง

พอแย้งว่า..โสดาบันเหลือกูผู้น้อง..งั้นโสดาบันพยาบาทได้รึ..ยังมีพยาบาทรึ? (นี้คือต้นเรื่อง)

ต่อมาก็ร่ายว่า..ยินร้าย = พยาบาท
แล้วก็ลากนิวรณ์ มาเกี่ยว..เพราะคำว่าพยาบาทในนิวรณ์

ดันทุรัง...ให้เห็นว่าโสดาบันยังมีพยาบาทอยู่ด้วยการเชื่อมโยงกับนิวรณ์

แล้วก็ยกคำของสมเด็จฯมา...(แต่ไม่อ่านให้ดี)
ในคำสมเด็จฯก็บอกโทนโท่ว่า..พยาบาทนิวรณ์นั้นหมายรวมปฏิฆะทั้งหมด..มียินร้าย..โกรธ...พยาบาท

จากเม้นท์ทั้งหมด....ไม่มีใครสักคนว่าโสดาบันไม่มีพยาบาทนิวรณ์..และก็ไม่ใครสักคนว่าโสดาบันยังมีพยาบาท..เลย

มีแต่อโสกะนี้แหละ...ที่ว่ามีพยาบาทได้อยู่...พูดท่าเดียวว่า..พยาบาท..พยาบาท..

หลังๆมาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนมาใช้คำ..พยาบาทนิวรณ์..เนียนๆ

ปัดโถ้..อโสกะเอ๋ย...พูดวกมาเวียนไป..จนตัวเองลืมรากเหง้าที่ตัวเองพูด...เรื่องกูผู้น้อง..มานะทิฏฐิ...ที่จากยินร้ายก็กลายมาถึงความพยาบาท...เสียหมด..

ที่ตัวเองพูดนั้นนะ...คือความพยาบาท....ไม่ใช่พยาบาทนิวรณ์...
ที่พูดพยาบาทนิวรณ์นั้นนะ..ตัวเองเริ่มมาเฉ่ไฉภายหลัง..
ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมานะทิฏฐิที่พัฒนายินร้าย..จนโกรธ..จนพยาบาท..เล้ย

จะไม่เรียกว่าคนพูดไม่รู้เรื่องได้งัย...
grin

ไหนจะมาเรื่องที่คุณน้ำถามว่า...ผูกโกรธจนพยาบาท...ถ้าโสดาบันมีพยาบาทอยู่..ไม่ไปเกิดในนรกรึ?
โสดาบันละกามที่ทำให้นำไปเกิดในทุคติแล้วนะ...

คุณอโสกะ..ก็มาพูดยังกะอ่านไม่เข้าใจ..หาว่า...คุณน้ำเข้าใจผิด..โสดาบัน
อ้างคำพูด:
วลัยพรไม่รู้ดอกว่าพระโสดาบันตอนจิตสุดท้ายจะดับท่านจะไม่หลงทำกาลกิริยาตายไปอย่างที่วลัยพรคิดหรอก


Onion_L


โพสต์ เมื่อ: 07 ต.ค. 2015, 19:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b34:
พยาบาทก็เป็นหนึ่งในพยาบาทนิวรณ์ บอกหลายครั้งหลายหนแล้ว สมเด็จพระสังฆราชก็ทรงบอกแล้ว กบตีความหมายมาผิดแล้วยังยืนยันหัวชนฝาว่าตนถูกมันก็ไม่จบสิ

นี่ยังจะมาพูดซ้ำย่ำอยู่เรื่องเก่าไม่รู้จบอย่างที่ทำกับคุณศิริพงษ์เรื่องโสดาบันจิบเหล้าเพื่อเอาชนะให้ได้ไม่ใช่การสนทนาธรรมเพื่อแบ่งปันความรู้ ทั้งหมดที่กบแสดงออกมาทางความคิดความเห็นและตัวหนังสือนี่แหละคือพยาบาทของคนที่เต็มไปด้วยมานะทิฏฐิ

ผมทำนัยยะให้เห็นให้รู้ว่าเปลี่ยนเรื่องใหม่ได้แล้วจะได้เดินหน้าต่อแต่กบกลับกัดไม่ปล่อยอย่างว่าจะเอาชนะให้ได้ก็เลยจนใจต้องปล่อยให้สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมนะกบ

สำหรับสิ่งที่ตอบคุณน้ำหรือวลัยพรไปนั้นก็เหมาะสมแล้ว กบไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจก็อย่ามาขวางเลย ให้น้องน้ำเขาแสดงทัศนะของเขาเองเถอะครับ

5555555. แล้วก็ที่ตอบอย่างนี้ก็เพื่อคุ้ยเขี่ยพยาบาทนิวรณ์ที่จะแสดงออกมาทางตัวหนังสือให้ผู้คนได้เห็นได้ศึกษาสังเกตการณ์กันมากขึ้นนะครับ

เจริญสุขเจริญธรรม
onion


โพสต์ เมื่อ: 08 ต.ค. 2015, 05:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b36:
เป็นเมตตากรุณาของคุณเอก้อนได้ลิ้งค์ดีๆมา ตรงประเด็นดี เกี่ยวกับเรื่องที่เราถกเถียงกันอยู่นี้ด้วย เชิญทุกท่านอ่านนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกบกับวลัยพรขอให้อ่านด้วยความสังเกต พินิจพิเคราะห์ด้วย

อ้างคำพูด:
มถะ กดข่ม กลบบัง กามและนิวรณ์ทั้งปวง

วิปัสสนา. ตัดขาด ขุดถอน . กามและนิวรณ์ทั้งปวง
นั้น

ถึงไม่เป็นเรื่องที่มีแสดงในคัมภีร์ แต่กลับเป็นธรรมที่มีแสดงอยู่ในผลการปฏิบัติจริงๆ

ลองพิจารณาดูโดยธรรม


http://www.nkgen.com/374.htm


สาธุ ขอบคุณ

เจริญธรรม
:b38:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 35, 36, 37, 38, 39, 40, 41 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร